ต้นไม้ที่ขาวปลอดราวกับหิมะ แผ่แสงบริสุทธิ์ทว่าเย็นเยียบออกมา ต้นเย็นวิญญาเป็ต้นไม้วิเศษ มีความนึกคิดมีขวัญิญญาของตนเอง
ทว่าต้นนี้ที่อยู่ในฝ่ามือไท้หยูเป็ต้นที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอันที่จริงแล้วต้นไม้วิเศษทั้งหลาย หากมิใช่อยู่ในอาณาจักรโยวมู่ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยพฤกษาเทพแล้ว แทบไม่มีโอกาสปลูกสำเร็จ ด้วยเหตุนี้ต้นเย็นวิญญาต้นนี้จึงไม่มีขวัญิญญา พลังของมันในตอนนี้เพียงหนึ่งในสิบของต้นสมบูรณ์
มิทราบว่าต้นเย็นวิญญาต้นนี้ไท้หยูคนเก่าใช้วิธีการใดจึงทำให้มันอยู่รอด ยิ่งไม่อาจทราบว่าเขาหาต้นไม้วิเศษนี้จากที่ใด ไท้หยูพอรับรู้ได้คร่าวๆ ว่าต้นไม้วิเศษนี้หาไม่ง่ายดังนั้นจึงกล่าวว่า
“ต้นไม้หายากเช่นนี้นำไปหลอมวงแหวนของเผ่ามารคงน่าเสียดายแย่”
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งควบคุมร่างของเขา พลิกฝ่ามือต้นเย็นวิญญาลอยอยู่ด้านหน้า
“พลังหยินรุนแรงในตำหนักเหมันต์เป็ส่วนหนึ่งที่ช่วยประคองให้มันยังมีชีวิตรอด การทำเช่นนี้ของเ้านับว่าไม่แย่ ทว่าไม่อาจทำให้โตได้มากกว่านี้” นอกจากถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังของพฤกษาเทพคงไม่มีวิธีอื่นที่จะปลูกต้นไม้วิเศษนี้ได้
ต้นเย็นวิญญามีคุณสมบัติคล้ายกับเส้นปฐี หากกล่าวว่าเส้นปฐีให้พลังิญญาในการฝึกตน ต้นเย็นวิญญาก็ให้พลังวิเศษในการบ่มเพาะิญญา ทั้งเจ็ดดินแดนมีต้นเย็นวิญญาที่สมบูรณ์อยู่เพียงสองต้น หนึ่งคืออาณาจักรโยวมู่ พันธมิตรที่ดีที่สุดของชางไห่
อีกหนึ่งคืออาณาจักรหานซวงทางเหนือสุดของแผ่นดินทั้งเจ็ด อาณาจักรของเหล่าผู้ฝึกเต๋าและหลวงจีน
ไท้หยูมองความพิสุทธิ์งดงามของต้นไม้ขาวราวหิมะพลางกล่าวว่า
“นอกจากได้พลังส่วนหนึ่งจากพฤกษาเทพของอาณาจักรโยวมู่ คงไม่มีวิธีอื่นอีก”
ฉงฉงพลันเอ่ยขึ้นมาอย่างทระนงว่า
“ข้าสามารถทำได้” หยุดวางท่าเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาของไท้หยูและตาเฒ่า เห็นทั้งสองไม่กล่าววาจาฉงฉงพลันกล่าวต่อว่า “พฤกษาเทพก็คือสิ่งมีชีวิตสายเืา ข้าคือต้นกำเนิดของสายเืทั้งหมด ดังนั้นเืของข้าสามารถหล่อเลี้ยงได้ ....แต่ ข้าไม่ทำ การเสียเืหนึ่งหยดเท่ากับสูญเสียพลังที่หล่อเลี้ยงมานับร้อยปี นำไปปลูกต้นไม้จะอย่างไรก็ไม่คุ้มค่า”
ไท้หยูใคร่อยากจะกระชากหนอนออกจากท้อง ทุบตีมันสักพันรอบ เ้าไม่ทำแล้วจะอวดไย
ไท้หยูพลันกล่าวเสียงเคร่งขรึม
“พวกเรามีเื่ต้องหารือกัน”
ชิ้นส่วนคำสาปชิ้นที่สองถูกปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งถอนและผนึกอย่างง่ายดาย กระดูกสีขาวเล็กกว่าชิ้นส่วนคำสาปอันแรกเล็กน้อย ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งกลับชื่นชมอยู่หลายคำว่าเป็อาวุธต้องสาปอันยอดเยี่ยม เหมาะเป็วัตถุดิบที่จะใช้บ่มเพาะร่างพิษให้จื่อหยวนยิ่งนัก
โดยไม่ถามว่าไท้หยูและจื่อหยวนยินยอมหรือไม่ ตาเฒ่าน่ารังเกียจผู้นี้ตั้งใจจะให้จื่อหยวนฝึกให้จงได้ ในด้านความหลงใหลการฝึกตนฝึกมรรคา ไท้หยูลงความเห็นว่าปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งคลั่งไคล้ที่สุด ชื่นชอบยิ่งกว่าเรือนร่างอิสตรี
สำหรับการถอนชิ้นส่วนคำสาป เมื่อมีปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งอยู่ด้วย สามารถถอนหลายชิ้นพร้อมกันโดยไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อร่างกายของเขา เทือกเขาหยกเป็ตาเฒ่าสร้างขึ้น มหาพยุหะก็เป็เขาวางเอง จะหยิบยืมพลังจากมหาพยุหะย่อมง่ายยิ่งกว่าฉงฉงหรือไท้หยูเรียกใช้
คาดว่าอีกไม่นานคงสามารถทำลายพยุหะคำสาปออกได้ทั้งหมด หลังจากนั้นจะได้พลังฝึกตนกลับคืนมา เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะได้คิดบัญชีแค้นแล้ว
บนอาสนะดอกบัวนั่งขัดสมาธิโดยบุรุษที่องอาจเข้มแข็ง ต้นเย็นวิญญาลอยอยู่เหนือศีรษะ กำลังชำระล้างมลทินในร่างของเขา แม้ว่าร่างกายหลังจากที่ฉงฉงฝังเข้ามาจะผลัดเปลี่ยนไปรอบหนึ่ง แต่คำสาปที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกยังไม่สลายไปทั้งหมด ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้รับพลังสายเืของฉงฉงเข้ามา กล้ามเนื้อหนาขึ้นหลายส่วน รู้สึกพละกำลังมหาศาลกำลังไหลเวียนอยู่ในร่าง
“ตาเฒ่า ถอนชิ้นส่วนที่เหลือของพยุหะคำสาปออกให้หมดเลยได้หรือไม่”
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งแค่นเสียงดังเฮอะกล่าวเย้ยหยันว่า
“เ้ามิใช่บอกว่าเ้าไม่สนใจเื่ประดานี้มิใช่หรือ”
ไท้หยูกลอกั์ตากล่าวเสียงเ็า
“อย่าได้เป็ตาเฒ่าเ้าคิดเ้าแค้นได้หรือไม่ ก็ได้ ข้ายอมรับข้อเสนอของเ้า ข้าจะฝึกวิถีตรีภาคา”
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งพลันยิ้มออกมา ฉงฉงยิ้ม ไท้หยูก็ยิ้มตาม
หลังจากฟังคำอธิบายจากปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งรอบหนึ่งทำให้รู้ว่า การจะฝึกวิถีตรีภาคานั้นก็มิใช่เื่ง่าย ระดับขั้นต้นของวิถีตรีภาคาอย่างน้อยต้องวางรากฐานให้ร่างกายแข็งแกร่งถึงขีดสุด จึงจะสามารถแยกซี่เป่าออกมาได้ ไม่เช่นนั้น ต่อให้แยกซี่เป่าได้ แต่ร่างที่แยกออกมายังเป็ร่างที่อ่อนแอไม่มีประสิทธิภาพ หากเป็เช่นนั้นต่อให้มีสิบร่างก็ไม่มีประโยชน์อันใด
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งและฉงฉงกล่าววาจาฉะฉานราวกับนัดแนะกันมาแล้วในใจ กลับเป็ไท้หยูที่ตะลึงอยู่ไม่น้อย จะฝึกขั้นสองแยกซี่เป่าต้องเป็ผู้ฝึกตนระดับเซียนนิรันดร์จึงจะถือว่ามีรากฐานที่มั่นคงสำหรับร่างที่แยกออกมา
การเป็ผู้ฝึกตนระดับเซียนนิรันดร์ยากเย็นปานใด? ไม่ต่างจากปีนป่ายขึ้น์
เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลนัก ทว่าไท้หยูยังยิ้มแย้มอย่างดีใจ กว่าจะถึงเวลานั้นข้าสามารถรับประทานเปล่าจากสองเฒ่านี่ได้เต็มที่
ฉงฉงเรียกตัวเองว่า าาา ในยุคที่ยังไม่มีมนุษย์ถือกำเนิด โลกโกลาหลวุ่นวาย แผ่นดินมีแต่สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ั์ทรงพลัง ฉงฉงเล่าว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถือกำเนิดมาก็ทรงพลังอย่างสุดแสน มีนิสัยโเี้ ชอบการต่อสู้ฆ่าฟัน แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเซียนนิรันดร์ ปรากฏที่ใดก็ทำลายที่นั่น ทำให้ในยุคนั้นไม่มีอนารยะธรรม
ภายหลังสัตว์ประหลาดทั้งหมดนั้นถูกมันฆ่าล้างจนหมดสิ้น ตัวตนระดับาจึงเหลือเพียงมันตนเดียว ต่อมาสายเืาก็เกิดขึ้นจากมัน ไม่นานก็แตกหน่อออกราวกับกิ่งก้านต้นไม้ มากมายจนสับสน
ไท้หยูถึงกับจินตนาการยุคที่บ้าคลั่งเช่นนั้นไม่ออก โชคดีที่ในเวลานั้นมนุษย์ยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมา ไม่เช่นนั้นมนุษย์ก็คงไม่ต่างจากมดให้สัตว์ประหลาดเ่าั้เหยียบเล่น
ฟังไปฟังมาเริ่มไม่แน่ใจว่าเ้าหนอนตัวนี้แต่งเติมเื่ราวเข้าไปบ้างหรือไม่ ทุกเื่ที่เล่ามาล้วนเป็มันยิ่งใหญ่อหังการ ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งฟังแล้วยิ่งเืลมสูบฉีด (แม้จะไม่มีร่างกายก็ตาม) ปากกล่าวว่าหากวันใดคืนชีพกลับมาแล้ว มาลองสู้กันสักครา
ภายในร่าง สามขวัญิญญาพูดคุยกันมากมาย ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งพูดมากสุด คล้ายว่าหลังจากหลับใหลไปนาน ไม่ได้พูดจาจึงอัดอั้นอย่างยิ่ง ฉงฉงและปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งมักด่าทอเถียงกัน เปลี่ยนหนึ่งเื่ทะเลาะหนึ่งครา ไท้หยูกลับรู้สึกว่าคล้ายไม่ใช่ตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดของแต่ละเผ่าพันธุ์ คล้ายเป็เด็กน้อยเสียมากกว่า
ผ่านไปหลายชั่วยาม หลังจากนั่งโคจรพลังปรับพื้นฐานร่างกายใหม่เสร็จสิ้น กำลังวังชาก็กลับคืนมามากขึ้น ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ไม่จำเป็ต้องนอนก็อยู่ได้ ดังนั้นเวลายามค่ำคืนจึงเป็การเก็บตัวฝึกตน
พยุหะคำสาปหลังจากชิ้นส่วนถูกผนึกไปสองชิ้น พลังคำสาปที่ปกคลุมและกดทับสำนักพันปีเอาไว้ก็อ่อนทรามลงอย่างมาก ทว่ายังมีเื่หนึ่งที่ขบคิดไม่ออก
“นอกจากราชวงศ์แล้วยังมีผู้ที่สามารถฝึกสายพยุหะด้วยหรือ” เื่นี้ติดอยู่ในใจของเขามานาน แม้นว่ามั่นใจว่านี่เป็ฝีมือของเผ่ามารแดนิอวี้ ทว่าการใช้พยุหะระดับสูงเช่นนี้ เผ่ามารแดนิอวี้คงไม่สามารถใช้ได้ ทว่าจะให้คิดว่านี่เป็ฝีมือของคนในราชวงศ์ เขาก็หาเหตุจูงใจไม่เจอ ยิ่งนึกไม่ออกว่าเหตุใดคนในราชวงศ์ถึงเป็ศัตรูตนเอง
อาณาจักรชางไห่ ราชวงศ์ ฮ่องเต้มีอำนาจสูงสุด แม้นว่าจะมีสำนักผู้ฝึกตนแข็งแกร่งอย่างสามสำนักใหญ่ ก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์ค้านอำนาจฮ่องเต้ หากฮ่องเต้้าสิ่งใด เพียงออกราชโองการฉบับหนึ่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขัดขืนโองการของโอรส์ได้
ฉงฉงนิ่งเงียบไม่ตอบ ในด้านนี้ผู้ที่สามารถตอบได้และมีความรู้กว้างขวางที่สุดไม่ใช่มันที่มีอายุขัยยาวนาน แต่เป็ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง
“่ที่ข้าท่องยุทธภพ สายพยุหะถือเป็มรรคาใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น สายพยุหะ ถือกำเนิดจากการเพ่งมองอิทธิฤทธิ์สัตว์มารชนิดหนึ่ง พลังสายเืของสัตว์มารชนิดนั้นคืออักขระแปลกประหลาด มีทั้งสามารถทำลายและลบล้าง ถือเป็สัตว์มารที่ทรงพลังทีเดียว
“ภายหลังความลับของอักขระถูกมนุษย์ผู้หนึ่งลอบจำ และบัญญัติขึ้นเป็สายพยุหะ ส่วนสาเหตุที่ผู้คนกล่าวว่า สายพยุหะถือกำเนิดมาจากราชวงศ์ชางไห่ เป็เพราะผู้ที่บัญญัติสายพยุหะผู้นั้นคืออาจารย์ของปฐมฮ่องเต้ มรรคาพยุหะไม่ได้เป็ขีดจำกัดของสายเื ทว่าการถ่ายทอดไม่เคยหลุดลอดสู่โลกภายนอก ดังนั้นผู้ที่ฝึกสายพยุหะส่วนใหญ่ในโลกยังคงเป็เชื้อพระวงศ์
“แต่กระนั้นก็ไม่สามารถฟันธงได้อย่างชัดเจนว่า ก่อนหน้าที่อาจารย์จะรับปฐมฮ่องเต้เป็ศิษย์ ได้ถ่ายทอดวิชาให้ผู้อื่นมาก่อนหรือไม่ ดังนั้นคำถามของเ้าจึงตอบได้อย่างคลุมเครือ”
่เวลาที่ปฐมฮ่องเต้ผุดเด่นขึ้นมา เป็่เวลาเดียวกับที่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง โลดแล่นในยุทธจักร หากกล่าวว่าในโลกมีผู้ใดรู้เื่ของปฐมฮ่องเต้มากที่สุด นอกจากราชวงศ์ที่สืบทอดสายเืของเขาก็คือ ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักพันปี
เพราะปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งและปฐมฮ่องเต้คือพี่น้องร่วมสาบาน เื่นี้ถูกเขียนไว้ในตำราประวัติศาสตร์ของสำนักพันปี (ที่ไม่ได้เขียนโดยเหยาซีหราน)
ไท้หยูเคยถามว่าไฉนจึงตั้งชื่อว่าสำนักพันปี ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตอบกลับมาว่าเป็ปฐมฮ่องเต้ตั้งให้ ความหมายเรียบง่าย อยู่ไปอีกพันปี เคียงคู่อาณาจักรชางไห่ เป็สำนักปกป้องแผ่นดินมนุษย์
ไท้หยูกลับแค่นหัวร่อ สำนักพันปีมีอายุยาวนานพันปีดั่งที่หวัง ทว่าเป็สำนักปกป้องแผ่นดิน.... เฮอะ ไม่ใกล้เคียงเลยแม้แต่นิดเดียว
ไท้หยูไม่ได้ถามความเห็นต่อว่า พวกเขามีความเห็นอย่างไรว่าผู้ใดวางแผนอยู่เื้ั และเขาเองก็คิดว่าตาเฒ่าสองคนนี้คงจะไม่สนใจ หากถามออกไปคงถูกหัวเราะเยาะใส่
โดยเฉพาะฉงฉงที่คงจะตอบว่า “เื่ง่ายดายปานนี้ยังคิดจะถามหรือ ผู้ใดเป็เื้ัมีอะไรสำคัญ รอมันปรากฏขึ้นค่อยสังหารมันทิ้งก็สิ้นเื่”
ไท้หยูปักธงตัวน่าสงสัยอันดับหนึ่งคือ “ศิษย์พี่ รุ่ยซวน” เหตุผลเรียบง่ายอย่างยิ่ง
อาจารย์ตายไท้หยูตาย ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์มีเพียงเขาคนเดียว ทว่าสาเหตุที่ยังอยู่ในตัวเลือกข้อสงสัยก็เพราะรุ่ยซวนคนเดียวไม่มีทางทำได้ถึงขนาดนี้ ผู้ที่ลงมือมีผู้ใช้พยุหะ ผู้ใช้มนต์ดำ และคล้ายจะระดับสูงอย่างยิ่ง
รุ่ยซวนเป็ผู้ฝึกยุทธจิตไร้ขอบขั้นต้นเท่านั้น ฉะนั้นเขาไม่มีทางจะชักชวนยอดฝีมือเหล่านี้ให้ลงมือได้