ที่ตระกูลเวิน
นี่เป็วันสุดท้ายของงานศพ ศพปลอมของโจวอวี่ชางถูกวางอยู่ที่โถงด้านหน้า ผู้คนที่มาไว้อาลัยแออัดอยู่เต็มห้องโถง ฮูหยินใหญ่เวินร้องไห้หนักราวกับเสียบุตรชายแท้ๆ ไป
เวินซีขมวดคิ้วและเดินตามคนรับใช้ สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่นาง
“เ้ามาก็ดีแล้ว รีบเผากระดาษเงินกระดาษทองให้พี่เ้าสิ ่นี้เขามักจะมาเข้าฝันข้าว่าคิดถึงเ้านัก”
มีแขกคนสำคัญมากมายอยู่ด้วย ฮูหยินใหญ่จึงเปลี่ยนท่าทีให้ดูมีเมตตา นางหันไปจะจับมือเวินซี
“ฮูหยินใหญ่ไม่พูด ข้าก็เผาเองได้เ้าค่ะ”
เวินซีมองนางอย่างดูถูกและเดินผ่านไป
นางไปนั่งยองอยู่ที่หน้าโลงศพ ในใจก็คิดถึงลู่สือ พลางหยิบกระดาษเงินกระดาษทองออกมาเผาลงในเตา
“ไม่นานนี้อวี่ชางได้นัดเล่นหมากกับข้า นี่มันกะทันหัน...เห้อ...คงต้องโทษได้เพียงโชคชะตาล่ะนะ เขามาถึงเมืองนี้ แต่ข้ากลับมิได้พาเขากลับไปที่เมืองหลวง”
ฮูหยินซ่งนั่งยองอยู่ข้างๆ เวินซี เผากระดาษเงินกระดาษทองด้วยความเศร้าโศก
หลังจากที่โจวอวี่ชางตายไป นางก็นอนหลับไม่สนิทเลย
แม้ว่านางจะไม่ชอบตระกูลเวิน แต่นางก็เอ็นดูโจวอวี่ชางมากจริงๆ เขาเป็คนอ่อนโยนสง่างาม ไม่แข็งกระด้างหรืออ่อนแอ มาจากสำนักทำเครื่องหอมไป๋เซียงฟางจากเมืองหลวง หน้าตาก็หล่อเหลา บุรุษเช่นนี้จะตายไปง่ายๆ ได้เช่นไรกัน?
“ฮูหยินซ่งอย่าได้เศร้าไปเลยเ้าค่ะ เกิดแก่เจ็บตายเป็เื่ธรรมชาติของมนุษย์”
เวินซีเอ่ยปากปลอบโยน เวลานี้นางยังไม่อยากเอ่ยเื่ที่โจวอวี่ชางยังมีชีวิตอยู่
หลังจากที่เผากระดาษเงินกระดาษทองหมดแล้ว คนรับใช้ก็เข้าไปกระทบไหล่เวินซี เป็สัญญาณให้นางเดินเข้าไปด้านใน
เขามีท่าทีลับๆ ล่อๆ น่าสงสัย เวินซีจึงหยิบเข็มเงินออกมาซ่อนในแขนเสื้อพลันเดินตามไป
นางเข้าไปในห้องเล็กของตระกูลเวิน
เวินอวิ๋นโปและเวินเยียนยืนอยู่ โดยมีหญิงชราที่มองเห็นสีหน้าไม่ถนัดนักนั่งคุกเข่าตรงหน้า
เมื่อเห็นเวินซีเดินเข้ามา หญิงชราก็ก้มศีรษะลงต่ำยิ่งกว่าเดิมด้วยความกลัว
เวินซีเดินเข้าไปก็พบว่าป้ายิญญาของเวินอี๋เหนียงแตกเป็สองเสี่ยงอยู่ที่ปลายเท้าของเวินอวิ๋นโป
นางหันขวับไปมองเขาด้วยความโกรธ “มิทราบว่ามีเื่อันใด?”
คำว่า “ท่านพ่อ” นั้นนางเรียกไม่ลง จึงไม่ใช้เอ่ยเรียก
“ข้าสงสัยมาตลอดว่าเ้ากับข้าไม่สนิทกันแม้เพียงสักนิดได้เช่นไร ที่แท้เ้าก็มิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า”
เวินอวิ๋นโปพ่นลมอย่างไม่พอใจ
เวินซีเคยชินกับการที่เขาชอบหาเื่จับผิดอยู่ตลอดเวลา นางมิได้ตอบโต้อันใด แต่เดินเข้าไปใกล้แล้วก้มลงหยิบป้ายิญญาของเวินอี๋เหนียง
ในเมื่อตระกูลเวินดูถูกเวินอี๋เหนียงถึงขนาดนี้ นางก็จะพามารดาของตนกลับไป
ด้วยท่าทางเมินเฉยของเวินซีทำให้เวินอวิ๋นโปโกรธมาก
“เ้ามันคนนอกคอก ตอนนั้นน่าจะทุบตีเ้าให้ตายไปกับเวินอี๋เหนียงเสีย!”
“สวี่เหนียงเล่าเื่ในตอนนั้นให้นางฟัง ให้นางได้รู้ว่านางนั่นทำเื่อันใด”
เมื่อโดนเรียกชื่อ สวี่เหนียงที่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่พื้นตลอดก็เอ่ยปากอย่างร้อนรน
“ตอนนั้น มีสตรีคนหนึ่งอาศัยอยู่ในตระกูลเวิน นางตั้งครรภ์ใน่เวลาเดียวกับเวินอี๋เหนียง นางกับเวินอี๋เหนียงสนิทกันมากเ้าค่ะ”
“ต่อมาตอนที่เวินอี๋เหนียงให้กำเนิดทารก เป็เพราะว่านางมีร่างกายอ่อนแอจึงทำให้ทารกตาย เวินอี๋เหนียงทรมานจนอยากจะตายตาม แต่สตรีผู้นั้น...นางใช้เครื่องหอมเร่งคลอด ให้ข้าเปลี่ยนตัวทารกกับเวินอี๋เหนียงเ้าค่ะ”
“นายท่านเวิน เื่นี้จะโทษข้ามิได้นะเ้าคะ ข้าก็โดนนางบีบบังคับมาเช่นกัน สตรีนางนั้นชำนาญเื่การใช้พิษ นาง...วางพิษใส่ข้า ข้าจำเป็ต้องทำตามที่นางบอก นายท่านเวินให้อภัยข้าด้วยเถิดเ้าค่ะ”
สวี่เหนียงโขกหัวลงกับพื้นไม่หยุด เวินเยียนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ก็ได้ใจมาก
หลังจากที่ตรวจสอบเื่ราวจากคำพูดของคุณชายซู ทำให้นางได้รู้เื่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ
นางแค่พาคนไปหาหมอตำแยสวี่เหนียงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดออกมาทั้งหมด ทั้งๆ ที่นางยังมิได้ถามอันใดเลย
นางอยากรู้ว่าครานี้เวินซีจะรอดตัวไปได้เช่นไร
เมื่อฟังคำพูดของสวี่เหนียง ดวงตาของเวินซีก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
นางมิใช่บุตรสาวของเวินอี๋เหนียงหรือ?
สตรีผู้นั้นที่ชำนาญการใช้พิษเป็ผู้ใดกัน? หากเป็มารดาผู้ให้กำเนิดนางจริงๆ เหตุใดจะต้องทิ้งนางไว้ในเมืองนี้ด้วย?
“ในเมื่อเ้ามิได้เป็ลูกหลานของตระกูลเวิน ก็ต้องคืนร้านเครื่องหอมมาให้ข้า!”
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเวินอวิ๋นโปได้เผยออกมาแล้ว
“เวินอี๋เหนียงเลี้ยงดูข้ามาั้แ่เด็ก ไม่ว่านางจะเป็มารดาแท้ๆ ของข้าหรือไม่ ข้าย่อมนับว่านางเป็มารดาของข้าเสมอ ร้านเครื่องหอมนั่นเป็สินเดิมที่ยกให้ข้าอยู่แล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลเวิน”
แม้ว่านางจะมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของเวินอี๋เหนียง แต่ร้านเครื่องหอมนั้นก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเวิน
“เ้า!”
เวินอวิ๋นโปนึกว่าการเปิดโปงเื่ราวในครั้งนี้จะกระทบกระเทือนจิตใจของเวินซีอย่างหนัก แต่นางกลับทำตัวเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ทำให้คำพูดทั้งหมดของเขาติดอยู่ภายในคอ
“ในเมื่อข้ามิใช่คนตระกูลเวิน เช่นนั้นต่อไปนี้ตระกูลเวินก็อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้าอีก”
“นายท่านเวิน วันนี้เรียกข้ามายังมีเื่ใดอีกหรือไม่เ้าคะ? หากไม่มีแล้ว ก็ถึงคราที่ข้าจะพูดบ้าง”
เวินซีรีบสงบสติอารมณ์ จากนั้นพูดต่อ
การที่นางมิใช่บุตรสาวของตระกูลเวินนั้นมีแต่ผลดี มิได้เป็เื่แย่อันใด นางมิได้รู้สึกว่ามีเื่ใดให้เศร้าเสียใจ
“เ้า...”
“ท่านพ่อ อย่าได้โกรธคนนอกจนเสียสุขภาพเลยเ้าค่ะ”
เวินเยียนเห็นเวินอวิ๋นโปอารมณ์เดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบเอ่ยปากพูด
นางเองก็อารมณ์เสียมากเช่นกัน
นึกว่าเื่นี้จะทำร้ายเวินซีให้ช้ำใจอย่างหนักได้ ไม่คิดเลยว่านางจะไม่สนใจสักนิด เวินซีคิดว่ายามนี้พวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเืให้ต้องหนักใจ หลังจากนี้นางจะไร้ความปรานีกับตระกูลเวินยิ่งกว่าเมื่อก่อนแน่
ตอนที่คิดได้เช่นนั้น เวินเยียนก็กำมือแน่นอยู่ภายในแขนเสื้อ
นางต้องหาทางฆ่าเวินซีให้ได้
“ข้าเห็นว่าทั้งสองท่านไม่มีอันใดจะพูด เช่นนั้นข้าขอพูดบ้าง ยียีอยู่ที่ใด?”
เวินซีประสานมือนั่งลงบนเก้าอี้
“ยียี? ยียีเอ้อเอ้อร์อันใด เ้าพูดเื่ใด?” เวินเยียนมองนางอย่างสับสน
“ยียีอยู่ที่ใด? หากเขาอยู่กับพวกท่าน ก็รีบพาเขาออกมาเสียดีกว่า มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
“กล้านักนะ เวินซี เ้าดูให้ชัดนะว่ายามนี้เ้าอยู่ที่ใดกัน!”
เวินอวิ๋นโปตบโต๊ะอย่างแรง
ตอนนี้เวินซีเหลือตัวคนเดียว เขามิกลัวนางหรอก
เขายกมือขึ้น ขณะนั้นคนรับใช้ในห้องก็ขยับเข้าไปใกล้เวินซีทันที เพื่อเตรียมตัวจะจับนาง
เวินซีระวังตัวอยู่นานแล้ว ก่อนจะใช้เข็มเงินทำให้คนทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าล้มลง จากนั้นก็เข้าไปโจมตีเวินเยียน
เวินเยียนหน้าเปลี่ยนสี นางอยากจะหลบแต่เคลื่อนไหวไม่ทัน จึงถูกเข็มเงินปักลงที่ร่างกายในจุดอันตราย
“บอกข้ามา ยียีอยู่ที่ใด? หากไม่พูดวันนี้ ข้าจะล้มล้างทั้งตระกูลเวินเสีย”
“พวกเราไม่รู้ พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อยียี”
เวินซีมองดูสีหน้าของเวินเยียน ดูไม่เหมือนว่านางกำลังโกหก
“เมื่อวานเ้าอยู่ที่ใด?”
“เมื่อวานมีคนมาร่วมไว้อาลัยมากมาย ข้ามิได้ออกจากตระกูลเวิน”
เวินซีครุ่นคิดอยู่ขณะหนึ่ง เหลือบมองทุกคนในห้อง นางสังเกตสวี่เหนียงที่อยู่บนพื้นเป็พิเศษ ก่อนจะผลักเวินเยียนออกไป
เวินเยียนชนคนรับใช้จนพากันถอยห่าง เวินซีจึงใช้โอกาสนี้หลบหนีออกไป
ตอนนี้นางจะเสียเวลากับตระกูลเวินมิได้
ยียียังรอให้นางไปช่วยอยู่
“จับนางมาให้ข้า ไอ้พวกไร้ประโยชน์ จับนางมาเดี๋ยวนี้!” เวินเยียนตวาดเสียงแหลม
เวินซียิ้มเล็กน้อยพลันวิ่งไปที่โถงหน้าที่มีผู้คนมากมาย
ตอนที่นางก้าวเข้าไปในโถง คนรับใช้ตระกูลเวินที่ไล่ตามนางก็หยุดลง พวกเขาเดินไปรอบๆ ห้อง สายตาพากันจับจ้องไปที่นาง
จะปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปมิได้ วันนี้ผู้คนที่มาไว้อาลัยมีเยอะมาก นางจะออกไปเช่นนี้มิได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เวินซีก็มองไปที่กลุ่มคน และเดินไปข้างๆ ฮูหยินซ่ง
“ฮูหยินซ่งเ้าคะ”
“เวินซี!” ฮูหยินซ่งมีจิตใจผ่อนคลายลงมิน้อย
“ฮูหยินซ่ง ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่เ้าคะ ออกจากจวนไปกับข้าหน่อยเถิดเ้าคะ” เวินซีลดเสียงลง สายตาของนางจ้องมองไปยังคนรับใช้ที่เดินไปมา
ฮูหยินซ่งเข้าใจอย่างรวดเร็ว จึงพยักหน้าแล้วยืนขึ้น กลับมามีท่าทีที่สงบนิ่งเหมือนเดิม
“ไปกันเถิด”
นางตอบรับแล้วคว้าแขนของเวินซีไว้
เมื่อมีฮูหยินซ่งอยู่ พวกคนรับใช้ก็มิกล้าลงมือจนกระทั่งนางออกจากจวนไป
รถม้าของร้านเครื่องหอมจอดรออยู่ด้านนอกตลอด ในตอนที่เวินซีรีบขึ้นไป จ่างกุ้ยที่อยู่หลังรถก็เดินออกมา เขามีสีหน้าร้อนรนและเป็กังวล
“คุณหนูเวินซี เราเจอยียีแล้วขอรับ เพียงแต่ว่า...”