สายลมหวีดหวิวข้างหู เดิมทีเป็ม้าที่ดุร้ายแต่เมื่อเหนียนยวี่ใช้คมแหลมของปิ่นปักผมแทงที่ตัวม้าอย่างบ้าคลั่งจนม้าวิ่งห้อออกนอกประตูเมืองความเร็วนั้นแทบจะพาคนสองคนบนหลังม้าปลิวหล่นไป
ชายหนุ่มด้านหน้า ใช้เวลานานกว่าจะกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งมองดูท่อนแขนเรียวเล็กที่โอบรอบตัวเขาอยู่ เป็สตรีหรือ?
เมื่อนึกถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของนางเมื่อครู่ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจ “แม่นางฝีมือดียิ่งทว่าขอถามแม่นางได้หรือไม่ว่า ตอนนี้แม่นาง้าพาข้าไปที่ใด?”
เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเสียจนเหนียนยวี่แทบจะไม่ได้ตรึกตรองอะไรยิ่งไม่ได้มองดูว่าบุรุษที่ขี่ม้าท่ามกลางฝูงชนนั้นคือผู้ใด
ในเมืองชุ่นเทียนแห่งนี้ มีคุณชายจากตระกูลผู้รากมากดีมากมายฟังจากน้ำเสียงของเขายามนี้ เหนียนยวี่ก็ยิ่งยืนยันเื่ที่นางคาดเดาจากตัวเขาได้
เหนียนยวี่ไม่ตอบ ทว่าชายผู้นั้นก็ไม่ยอมแพ้"หรือว่าแม่นางเป็จักรพรรดินีแห่งชานจ้าย้าจับตัวเปิ่นกงไปเป็สามีงั้นหรือ?"
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ม้าที่ควบอยู่ยังคงบ้าคลั่งวิ่งเข้าไปในป่าด้วยความเร็ว
เหนียนยวี่คาดคะเนสถานการณ์ตรงหน้าหากให้ม้าวิ่งต่อไปเช่นนี้มิใช่วิธีแก้ปัญหาเมื่อเห็นต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก เหนียนยวี่หรี่ตาลง"เห็นต้นไม้ข้างหน้านั่นหรือไม่? ถ้าไม่อยากตาย สักพักเมื่อข้าบอกให้ะโก็ะโลงไปจำไว้ว่าอย่าลืมคว้าจับกิ่งไม้ด้านหน้าลำต้นด้วย เข้าใจหรือไม่?”
เหนียนยวี่กล่าวอย่างเ็าน้ำเสียงนั้นราวกับแม่ทัพกำลังออกคำสั่ง
บุรุษด้านหน้าเลิกคิ้ว นี่เขาต้องทิ้งม้างั้นหรือ?
เมื่อคิดถึงม้างามที่ตนเพิ่งได้มา ชายหนุ่มก็ไม่อาลัยอาวรณ์ทว่ากลับตั้งหน้าตั้งตารอชมว่าสตรีนางนี้จะทิ้งม้าไปอย่างไร?
อีกไม่นานก็จะถึงระยะของต้นไม้ทุกอณูในร่างกายของเหนียนยวี่ตึงเครียด รอจังหวะออกตัว
“ะโ!” ทันใดนั้น เสียงเหนียนยวี่ออกคำสั่งก็ดังขึ้น ะโลงไปทั้งร่างชายคนนั้นทำตามคำสั่งของเหนียนยวี่และะโลงไป ม้าที่ดุร้ายวิ่งห้อผ่านใต้ร่างเหนียนยวี่จับกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ไว้อย่างมั่นคงทว่าบุรุษผู้นั้นกลับกอดเอวของเหนียนยวี่ไว้ทั้งสองมือศีรษะพิงกับหน้าอกของเหนียนยวี่พอดี
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้าจมูก ชายหนุ่มสูดดมอย่างตะกละตะกลาม"ช่างหอมจริงๆ"
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเสียใจทีหลังเล็กน้อย บุรุษโง่เง่าไม่จริงจังผู้นี้โดยพื้นฐานแล้วนางไม่ควรสนใจความเป็ความตายของเขาเลย
"ปล่อย" น้ำเสียงของเหนียนยวี่เ็าขึ้นเล็กน้อยมือของบุรุษผู้นั้นกลับกอดรัดมากขึ้น ไม่มีความคิดที่จะปล่อยมือแม้สักนิด
ในชาติก่อน แม้ว่าเหนียนยวี่จะใช้ชีวิตในค่ายทหารมาแปดปีรอบกายห้อมล้อมไปด้วยบุรุษร่างใหญ่ตัวหนา ทว่าััของชายตรงหน้าในใจนางรู้สึกขัดขืนอย่างอธิบายไม่ถูก ไม่ทันคิดก็เตะไปที่ชายหนุ่มอย่างโหดร้ายลูกเตะนั้นไม่เอนเอียง เตะโดนที่ไหนสักจุดใต้เป้าของชายคนนั้นเข้าอย่างจัง
เพียงชั่วพริบตาความเ็ปแล่นเข้ามายามที่สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาปล่อยมือออก
"อ้า...โอ๊ยโหยว" เสียงร้องอย่างเ็ปตามติดกันมาสองคาายคนนั้นล้มลงกับพื้น แม้ว่ากิ่งไม้จะไม่สูง แต่ตกลงมากะทันหันโดยไม่มีการไม่ป้องกันเช่นนั้นคงเลี่ยงความเ็ปไม่ได้
เหนียนยวี่ได้ยินเสียงร้อง นางไกวตัวเบาๆร่างกายอรชรน่ารักก็ลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง ไม่สนใจชายข้างหลัง ปัดฝุ่นที่มือเบาๆและมุ่งหน้ากลับไปทางเมืองชุ่นเทียน
"นี่! เ้ารอก่อน"เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าเหนียนยวี่กำลังจะจากไปก็รีบพูดขึ้นทันทีทว่าเหนียนยวี่ดูราวกับไม่ได้ยิน ไม่หยุดแม้สักก้าวสีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนแปลงทันที สตรีนางนี้...
หายใจเข้าลึกๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินตามด้วยความยากลำบากในที่สุดตอนที่ออกจากป่าก็ยืนอยู่ด้านหน้าเหนียนยวี่
"เ้าทำร้ายข้าเช่นนี้ ทั้งยังปล่อยม้าของข้าไปเ้าคิดจะจากไปเช่นนี้หรือ?" ชายหนุ่มคนนั้นขวางทางของเหนียนยวี่และแสดงชัดเจนว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เหนียนยวี่ไป
ในใจเหนียนยวี่อัดแน่นด้วยความขุ่นข้อง ไม่อดทนต่อคุณชายจากตระกูลร่ำรวยผู้นี้อีกนางเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายและผงะไปเล็กน้อยภายในหัวว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
ที่แท้ก็เป็เขา!
บุรุษผู้นี้...ไม่ใช่คนแปลกหน้าของนางในชาติก่อน!
ท่าทีตอบสนองของเหนียนยวี่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายเนื่องจากตื่นตะลึงในรูปโฉมของตนจึงเลิกคิ้ว เชิดคางเสริมความเย่อหยิ่งสองสามส่วนในคำพูด "อะไรกัน? นึกเสียใจทีหลังหรือไม่ที่เมื่อครู่เ้าทำกับข้าเช่นนั้น?"
ที่กล้าเตะเขา...
ชายหนุ่มหรี่ตาลงสายตานั้นราวกับงูพิษที่ทำให้ใจเหนียนยวี่สั่นสะท้าน
"ใช่ ข้านึกเสียใจภายหลัง" เหนียนยวี่พึมพำในลำคอนางนึกเสียใจที่บอกให้เขาทิ้งม้าด้วยกันนางควรปล่อยให้ม้าที่ดุร้ายห้อตะบึงอย่างดุเดือดต่อไปไม่แน่ว่าคงทำให้บุคคลหายนะผู้นี้หล่นลงไปตายก่อนเวลาอันควรได้!
แววตาคมคายของชายหนุ่มราวกับแววตาของงู ประกายหายไปในฉับพลัน ใบหน้าหล่อเหลาแย้มบานอย่างลำพองใจท่าทีคล้ายบัณฑิตผู้สง่างามและมีความรู้ “ข้าเองก็มิใช่คนไร้เหตุผลนับว่าเ้าเองก็ช่วยชีวิตข้าไว้ เื่ม้าตัวนั้นก็เลิกแล้วต่อกันไปทว่าเื่ที่เ้าเตะข้า พวกเราคงต้องคิดบัญชีกันแล้ว”
"เ้าคิดจะทำอย่างไร?" เหนียนยวี่ส่งสายตากลับไป เปิดปากเอ่ยขึ้นเบาๆ
ทันใดนั้นความเ็าของนาง ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วทว่าเพียงครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงเป้าหมายของตน ชายคนนั้นก็กล่าวความคิดของเขาออกมา“ทักษะการขี่ม้าของเ้าไม่เลวเลยทีเดียว ทำให้ม้าเชื่อฟังได้หรือไม่? เช่นนั้นไม่สู้มาอยู่ข้างกายข้าคอยฝึกม้าข้าให้เชื่อฟังเป็อย่างไร?"
อยู่ข้างกายเขา เพื่อฝึกม้างั้นหรือ?
เหนียนยวี่ยกยิ้มมุมปาก หัวเราะเล็กน้อยไม่สนใจชายหนุ่มและเดินหน้าต่อไป
ชายหนุ่มใ รู้สึกมึนงงเล็กน้อย นี่คือ...นางไม่เห็นด้วยหรือ?
"เ้า้าอะไร เครื่องประดับเงินทอง ผ้าไหมแพรต่วนไม่ว่าสิ่งใดข้าก็สามารถทำให้เ้าพอใจได้" ชายหนุ่มยังคงไล่ตามเหนียนยวี่ใช้เงินทองมาหว่านล้อมชักจูง น้ำเสียงค่อนข้างใจกว้าง
เหนียนยวี่ยังคงไม่เอ่ยสิ่งใด ชายหนุ่มไล่ตามนางไปตลอดทางเริ่มไม่เข้าใจสตรีนางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ "หรือว่าเ้าปรารถนาสิ่งอื่นข้าจะช่วยให้ความปรารถนาเ้าเป็จริง"
เหนียนยวี่เลิกคิ้วขึ้น ด้วยฐานะของเขาการทำให้ความปรารถนาของสตรีตัวเล็กๆ นางหนึ่งเป็จริงนั้นง่ายดายอย่างยิ่งทว่าความปรารถนาของนาง ''เหนียนยวี่'' นั้น...
"ความปรารถนาของข้า เ้าทำให้เป็จริงไม่ได้หรอก"
เมื่อเดินไปถึงประตูเมือง เหนียนยวี่ก็หยุดฝีเท้าเอ่ยปากพูดออกมาในที่สุด สบตาชายคนนั้น ในแววตาเงียบสงบ ปรากฏรอยยิ้มจางๆ พาดผ่าน แต่กลับทำให้คนจับต้นตอสาเหตุของสายตานั้นไม่ได้ราวกับภาพมายามิอาจจับต้อง และยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเสน่ห์ที่ออกมานั้นประหนึ่งจะดึงดูดล่อลวงผู้คน
ชั่วขณะหนึ่งภายใต้แววตาเช่นนี้ ชายหนุ่มตกตะลึงไปเล็กน้อยเขาไม่สนใจผู้ใด เหนียนยวี่เดินอ้อมเขาและเข้าประตูเมืองไป
ชายหนุ่มกลับมาได้สติ หันหลังไปมอง ทว่าสตรีนางนั้นกลับเดินหายเข้าไปในฝูงชนแล้ว
เมื่อครู่นี้สายตาเช่นนั้นของนาง กลับยังคงสะท้อนอยู่ในหัวของเขามิอาจลืมเลือน...
ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ส่งเสียงร้องะโใส่ฝูงชนว่า "เ้าลองคิดดูอีกทีหากเปลี่ยนใจก็ไปหาข้าที่จวนหนานกงได้ทุกเมื่อ"
จวนหนานกง...
เหนียนยวี่ที่อยู่ในฝูงชนดวงตาสงบนิ่งอ่อนโยนของนางเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
คนมีฝีมือปรากฏตัวในจวนหนานกงขึ้นเรื่อยๆ
นายท่านจวนหนานกงเคยเป็อาจารย์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนและฝ่าาบุตรชายหลายคนต่างก็มีตำแหน่งในราชสำนัก
หนานกงเลี่ยซึ่งอยู่ในสายหลักได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เมื่อสิบปีก่อน บุตรชายสองคนของหนานกงเลี่ย คนโตคือหนานกงจื้อยามนี้รับหน้าที่เป็รองกรมพิธีการ ทว่าบุตรชายคนรองหนานกงฉี่กลับก้าวเข้าสู่สายค้าขายทรัพย์สินเงินทองของจวนหนานกงแทบจะสร้างขึ้นจากน้ำมือเขาทั้งหมดและชายหนุ่มคนเมื่อครู่นี้นั้น...