เซวียเสี่ยวหรั่นโกรธง่ายหายเร็ว
เพียงไม่นานก็ยกถ้วยน้ำเข้ามาแล้ว
"เอ้า ดื่มสิ วันนี้ท่านยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยัดถ้วยใส่มือของเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง "ร้อนอยู่ ระวังด้วยล่ะ"
พูดจบก็ะโเรียกอาเหลยบนต้นชุน "อาเหลย ลงมาดื่มน้ำ"
อาเหลยปีนลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว เดินเตาะแตะตามเข้าห้องครัวอย่างเชื่อฟัง
เหลียนเซวียนถือถ้วยน้ำควันโขมง ขณะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่ััได้ด้วยใจ
นางมักเป็เช่นนี้เสมอ แม้จะขุ่นเคืองใจอย่างไร ก็ไม่เคยลืมยกน้ำร้อนมาให้เขา
เซวียเสี่ยวหรั่นยกถ้วยน้ำมาให้ซีมู่เซียงในห้องโถง ก่อนหันไปมองท้องฟ้า แล้วรั้งให้นางอยู่กินมื้อเที่ยงด้วยกัน
ซีมู่เซียงปฏิเสธ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นอ้างว่าให้นางอยู่เป็เพื่อนอูหลันฮวา ซีมู่เซียงคิดแล้วก็ตอบตกลง
เซวียเสี่ยวหรั่นเตรียมก่อไฟทำอาหาร
เนื้อที่ซื้อมาเมื่อวานเหลือแต่เนื้อติดมันน้อย เซวียเสี่ยวหรั่นหั่นออกมาชิ้นใหญ่ ก่อนแล่ทั้งหมดเป็แผ่นบางๆ
วางแผนว่าจะทำหมูผัดพริก หมูผัดถั่วฝักยาว หมูผัดมะเขือยาว แล้วก็น้ำแกงผักชิงไช่ใส่หมูและเห็ด
อากาศเริ่มร้อนขึ้น เนื้ออยู่ได้ไม่นาน มื้อเที่ยงกับมื้อเย็นสองมื้อนี้ เธอต้องพยายามใช้เนื้อที่ซื้อมาให้หมด
"ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวายกถ้วยชามและตะเกียบที่ล้างสะอาดแล้วกลับมา
"หลันฮวา ลำบากแล้ว น้ำต้มของเ้าเย็นหมดแล้ว ดื่มก่อนสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ถ้วยน้ำ "เ้าหยิบเองแล้วกัน ข้าหั่นเนื้อ มือมัน"
"อื้อ" อูหลันฮวาวางกะละมังลง พลางตอบรับคำหนึ่ง น้ำตาไหลพรากออกมา
เซวียเสี่ยวหรั่นใรีบวางมีดลงทันควัน เข้ามาปลอบประโลมไม่หยุด "เป็อะไร มีอะไรรึเปล่า อยู่ดีๆ ร้องไห้ทำไม"
"ข้า... ซาบซึ้งใจมาก ไม่เคยมีใครต้มน้ำให้ข้ากินมาหลายปีแล้ว"
ั้แ่บิดามารดาจากโลกนี้ไป ก็ไม่มีใครสนใจว่านางจะกระหายน้ำหรือไม่ หิวข้าวหรือไม่ นึกถึงเื่เหล่านี้ อูหลันฮวาก็สะอึกสะอื้น
เซวียเสี่ยวหรั่นขอบตาแดงตาม รั้งอูหลันฮวาเข้ามาโอบกอดในอ้อมแขน "อย่าเสียใจไปเลย ต่อไปข้าจะต้มน้ำอุ่นให้เ้าดื่มทุกวัน"
เธอเข้าใจความรู้สึกของอูหลันฮวา แม้พ่อแม่ของเธอยังอยู่ แต่เธอไม่เคยได้รับความรักจากพวกเขา โชคดีที่ยังมีปู่กับย่าเป็ที่พึ่งพิง และช่วยเติมเต็มความรักที่ขาดหายไป
อูหลันฮวาฟังแล้วกลับรู้สึกผิด ค่อยๆ ดันตัวเธอออก "ต้าเหนียงจื่อ ควรเป็หลันฮวาต้มน้ำให้ท่านดื่มทุกวันมากกว่า"
ต้าเหนียงจื่อออกเงินซื้อนางมา เท่ากับช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากภัยพิบัติ ต่อไปนางจะต้องปรนนิบัติต้าเหนียงจื่ออย่างสุดความสามารถ
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
การตัดสินใจซื้ออูหลันฮวามาตอนแรก หาใช่เพื่อให้นางมาเป็บ่าวรับใช้ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะบิดเบือนไปจากเจตนาแรกเริ่ม
เมื่อไม่อาจทำตามใจปรารถนา เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกคับข้องใจมาก แต่ก็จนใจและจนปัญญา
"ต้าเหนียงจื่อ ให้ข้าหั่นเนื้อเถอะ" อูหลันฮวากลับดีใจมาก ขันอาสาอย่างขมีขมัน
"ไม่ต้องแล้วล่ะ ข้าหั่นเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มก่อนจะหั่นเนื้อต่อไป "หลันฮวาทำกับข้าวเป็ไหม"
อูหลันฮวายิ้มอย่างเขินอาย "ข้าทำกับข้าวเป็ แต่ไม่ค่อยอร่อยนัก เทียบฝีมือกับต้าเหนียงจื่อไม่ได้หรอกเ้าค่ะ"
"แค่ทำเป็ก็พอ การทำอาหารเป็ศิลปะ ต้องฝึกฝนจนชำนาญ ทำหลายครั้งเข้าก็จะอร่อยไปเอง" เซวียเสี่ยวหรั่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านนั้น หญิงใจร้ายผู้นั้นกลัวว่าข้าจะขโมยกิน จึงไม่ให้ข้าเข้าครัว" อูหลันฮวาเอ่ยด้วยความรู้สึกเกลียดชัง หลังออกมาจากที่นั่นได้ นางก็ไม่อยากจดจำใครในครอบครัวของลุงใหญ่อีก
"ไม่เป็ไร ต่อไปข้าจะสอนเ้าทำอาหารเอง เรียนแล้วจะดีต่อตัวเ้าเองและครอบครัวในภายหน้าของเ้า" เซวียเสี่ยวหรั่นชอบทำอาหาร และยินดีที่จะสอนนาง
อูหลันฮวาพยักหน้าหนักแน่น "อื้อ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างดี"
ท่าทางจริงจังของนางเช่นนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นชอบมาก
ในครัวยังไม่ใช่สถานที่ที่อูหลันฮวาจะแสดงฝีไม้ลายมือชั่วคราว นางจึงเริ่มหางานให้ตัวเองทำ เมื่อเห็นน้ำในโอ่งเกือบหมดแล้ว ดวงตาพลันสว่างวาบขึ้นมา ก่อนหิ้วถังน้ำวิ่งออกไปข้างนอก
หลังจากเติมน้ำในโอ่งเต็มแล้ว เห็นเสื้อผ้าเต็มกะละมังยังไม่ได้ซัก ครั้นแล้วอูหลันฮวาก็ยกกะละมังซักผ้าไปซักที่หลังเขาทันที โดยที่เซวียเสี่ยวหรั่นก็ห้ามไม่อยู่
แม่จ๋าแย่แล้ว เสื้อยืดคอกลมสีขาวสกปรกจนไม่เหลือสภาพของเธอก็อยู่ในนั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
แม้ว่าเสื้อยืดคอกลมจะเปรอะเปื้อนจนเปลี่ยนสีั้แ่อยู่ในป่า แต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อกเสื้อหากสังเกตให้ดีก็ยังเห็นอยู่
รู้อย่างนี้น่าจะฉีกทิ้งไปเสียให้สิ้นเื่
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงกระเป๋าเป้สีดำที่ซ่อนอยู่ในห้อง ยังมีของจุกจิกเล็กน้อยก็เกิดวิตกกังวลขึ้นมา
พวกมันไม่ใช่สิ่งของในยุคสมัยนี้ ต้องกำจัดทิ้งอย่างระมัดระวัง
เมื่อก่อน เธอเห็นว่าเหลียนเซวียนตามองไม่เห็นจึงเก็บของเ่าั้ไว้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน อูหลันฮวามาอยู่ด้วย ไม่ว่าอย่างไรป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า
แต่เธอเชื่อว่าต่อให้เห็น อูหลันฮวาก็จะไม่แพร่งพรายออกไปแน่นอน
แต่เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าของเ่าั้อาจนำภัยมาให้ภายหลัง ไยต้องเก็บไว้ให้เป็ปัญหาต่อตนเองภายภาคหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นผัดกับข้าวทั้งที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จนกระทั่งอาหารสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างทำเสร็จเรียบร้อย อูหลันฮวาก็กลับมา
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งไปรับกะละมังซักผ้ามาจากนาง
"หลันฮวา กับข้าวทำเสร็จแล้ว เ้ายกไปห้องโถงกินกับน้องมู่เซียงไปก่อน เดี๋ยวข้าตากผ้าเอง"
"อ้อ ได้เ้าค่ะ" อูหลันฮวาฉีกยิ้มวิ่งเข้าไปในห้องครัว
เห็นนางไม่มีท่าทีผิดปรกติ เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยโล่งอก
พอหยิบเสื้อคอกลมสีขาวมากางดู เห็นคราบสกปรกเป็ลายพร้อยซักไม่ออกที่อกเสื้อ ตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ตรงนั้นพอดีจึงไม่สะดุดตานัก
"จิ๊ เสื้ออัปลักษณ์ขนาดนี้ หลันฮวาคงตะลึงพรึงเพริดไปเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นยังเดาะลิ้นอย่างขยะแขยง
ขณะอูหลันฮวาเห็นมันก็ตกตะลึงจริงๆ แต่เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เพราะเสื้อผ้าของนางเองทั้งเก่าทั้งขาด ปะแล้วปะอีก ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลย นางแค่แปลกใจว่าเหตุใดแขนเสื้อจึงสั้นนัก ส่วนอื่นกลับมิได้สังเกตเท่าไร
เซวียเสี่ยวหรั่นตากอาภรณ์ตัวอื่นเรียบร้อย ก็หยิบเสื้อคอกลมม้วนเป็ก้อน เดินเข้าไปในครัว
"ต้าเหนียงจื่อ กับข้าวยกไปหมดแล้ว มีสิ่งใดที่ต้องยกไปอีกหรือไม่" อูหลันฮวาวิ่งเข้ามาปานลมพัด
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบโยนเสื้อคอกลมเข้าไปในกองไฟ
"แฮ่ม ไม่มีแล้วล่ะ เ้าไปเรียกอาเหลยมากินข้าวเถอะ"
เตาไฟเริ่มมีควันโขมง เซวียเสี่ยวหรั่นรีบผลักอูหลันฮวาออกไป
"เ้าค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้" อูหลันฮวาชอบหน้าที่นี้
พอเห็นนางวิ่งออกไปแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็รีบเติมถ่านเข้าไปอีกท่อนให้เสื้อเผาไหม้เร็วขึ้นอีกนิด
เสื้อยังชื้นอยู่ เมื่อเผาไฟจึงมีควันออกมาเยอะ
เซวียเสี่ยวหรั่นจำต้องวิ่งออกมาจากครัว
"เผาอะไร เหตุใดจึงมีกลิ่นแปลกๆ" เหลียนเซวียนย่นหัวคิ้ว
"แฮ่ม เผาเสื้อน่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ปิดบังเขา อย่างไรเสียเขาก็มองไม่เห็น
"เผาเสื้อ?" เหลียนเซวียนหันไปมองนาง
"เสื้อตัวเก่าที่สวมยามอยู่ในป่า มันเลอะจนดูไม่ได้แล้ว เมื่อครู่หลันฮวาเอาไปซักรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก ก็เลยรีบเอามาเผา" เซวียเสี่ยวหรั่นมีเหตุผล จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำ
