หลินกู๋หยู่วางโต้ซาไว้ตรงกลางแล้วขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวัง นางหันไปด้านข้าง ขยับร่างกายแนบเข้ากับผนัง
โต้ซาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พลิกตัวหันกลับมาโดยหันหน้าไปทางหลินกู๋หยู่
ฉือหางชำเลืองมองที่กล่องไม้ปราดหนึ่ง จากนั้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าส่วนหนึ่งออกจากกล่องไม้ที่ไม่มีฝาวางบนกล่องไม้อีกใบ ก่อนจะปูที่นอนในกล่องไม้โดยตรง
เขาเดินไปที่เตียง อุ้มโต้ซาขึ้นมาวางไว้ในกล่องไม้ที่ปูที่นอนเรียบร้อยแล้ว
"เขานอนในนั้นไม่ได้" หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นและลงจากเตียง ทันทีที่เดินไปที่ด้านข้างกล่องไม้ ก็เห็นฉือหางวางโต้ซาลงในกล่องแล้ว ส่วนสูงของกล่องทั้งสองด้าน เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้โต้ซากลิ้งลงไป "ขนาดกล่องค่อนข้างพอดี ไม่ต้องกังวลว่าโต้ซาจะร่วงลงมาแล้ว"
"อืม" ฉือหางคลุมโต้ซาด้วยผ้านวมอย่างระมัดระวัง
ทั้งสองคนเป่าเทียนเข้านอนเช่นวันปกติทั่วไป
เมื่อตอนที่โต้ซานอนอยู่บนเตียง หลินกู๋หยู่ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจใดๆ แต่ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่บนเตียง
ในความมืดมิด นางได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของคนข้างกายอย่างชัดเจน
เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น หลินกู๋หยู่ก็เห็นว่าฉือหางเริ่มเตรียมทำอาหารแล้ว
"ทำไมถึงเตรียมอาหารเร็วถึงเพียงนี้ละ?" หลินกู๋หยู่รีบสวมเสื้อผ้า นางเดินตรงไปหาฉือหางก่อนที่จะสวมเสื้อคลุมเสร็จเรียบร้อย
"ให้ข้าทำเถอะ" นางไม่้ากินอาหารที่ฉือหางทำ มันไม่อร่อยเลย
“เ้าไปอาบน้ำเถอะ” ฉือหางคนบะหมี่ในหม้อด้วยช้อนโดยไม่ได้หันมามองหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก นางไม่รู้ว่าทำไมฉือหางถึงได้ตื่นเช้าถึงขนาดนี้
หลินกู๋หยู่เดินไปที่ด้านข้างกล่องไม้ นางถึงได้พบว่า โต้ซาไม่อยู่ในกล่องแล้ว
"ท่านแม่!" ในขณะที่นางกำลังคิด โต้ซาก็วิ่งไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยขาสั้นๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อวิ่งไปถึง เขาก็ทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังของหลินกู๋หยู่ด้วยท่าทีสนิทสนม
ในขณะที่กำลังนั่งยองๆ บนพื้นเพื่อล้างหน้า หลินกู๋หยู่เกือบจะเซลงไปในอ่างไม้ ไม่ใช่เื่ง่ายเลยกว่าที่นางจะทรงตัวได้อย่างมั่นคงอีกหน ดวงตาของนางยังไม่เปิด "รอให้แม่ล้างหน้าเสร็จก่อน"
นางไม่ควรให้โต้ซาเรียกนางเช่นนี้
นางและฉือหางจะแยกจากกันในวันนี้
หลังจากนางเช็ดใบหน้าด้วยผ้าขนหนู หลินกู๋หยู่ก็หันกลับมาและอุ้มโต้ซาขึ้น
“พี่รอง!”
ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็แว่วดังมาจากด้านหลัง หลินกู๋หยู่หยุดชะงักชั่วคราว เมื่อหันกลับมา นางก็เห็นหลินเสี่ยวหานยืนอยู่ด้านนอกบ้าน
ร่างกายของหลินกู๋หยู่แข็งทื่อเล็กน้อย บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ไม่เป็ธรรมชาติ นางเดินไปที่ประตูโดยอุ้มโต้ซาอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?"
ทันทีที่พูดจบ หลินกู๋หยู่ก็เห็นจ้าวซื่อเดินมาพร้ะกร้าในมือจากระยะไกล
วันนี้เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจ้าวซื่อถึงมาที่นี่?
จ้าวซื่อเดินไปหาหลินกู๋หยู่พร้ะกร้าในมือด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส "ในที่สุดข้าก็หาบ้านของเ้าเจอเสียที ข้ากับน้องชายของเ้าได้ยินมาว่าไข้ทรพิษในหมู่บ้านของพวกเ้ารักษาหายดีแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว!"
"ใช่แล้ว" หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างเก้อเขิน วางโต้ซาลงบนพื้น แล้วมองไปที่จ้าวซื่อด้วยรอยยิ้ม "ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรหรือ?"
"ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าเ้าสบายดีหรือไม่" จ้าวซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างวิตกกังวล หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เอ่ยพูดว่า "ดูสิดู เ้าผอมลงไปมาก"
“เป็เพราะว่าก่อนหน้านี้ข้ายุ่งมาก” หลินกู๋หยู่ปัดเศษผมออกจากหน้าผากไปยังด้านหลังใบหู “เพิ่งจะมีเวลาว่างเมื่อไม่นานมานี้เอง”
จ้าวซื่อมองไปที่โต้ซาที่ยืนอยู่ข้างๆ ลูกสาวของตน เอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเด็กน้อย จากนั้นหยิบเอาลูกกวาดในตะกร้าหนึ่งชิ้นยื่นให้เขา
โต้ซายังคงยืนอยู่ข้างหลินกู๋หยู่อย่างขลาดอาย ดวงตาดำคู่หนึ่งมองหลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาที่เปียกชุ่ม
หลินกู๋หยู่มองโต้ซา ยิ้มและหยิบขนมจากมือของจ้าวซื่อ จากนั้นยื่นให้เขา "อย่ากลืนมัน อมไว้ในปากก็พอ"
โต้ซาพยักหน้าอย่างเต็มแรง จ้องมองตรงไปที่ลูกกวาดในมือของหลินกู๋หยู่ รอให้นางเอาลูกกวาดเข้าปากของเขา จากนั้นก็กลอกดวงตาทั้งสองข้างด้วยความพึงพอใจ
"เด็กคนนี้เชื่อฟังจริงๆ" จ้าวซื่อมองดูปราดหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยสีหน้าอ่อนโยน "พวกเ้าสองคนจะมีลูกกันเมื่อไรหรือ?"
โต้ซาที่กำลังอมลูกกวาดนั้นหยุดชะงักชั่วขณะ สายตาของเด็กน้อยมองไปที่จ้าวซื่ออย่างขลาดอาย หัวใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง มือเล็กๆ คว้ากางเกงแล้วเอนศีรษะลงบนต้นขาของหลินกู๋หยู่
"ท่านแม่" หลินกู๋หยู่มองไปที่จ้าวซื่ออย่างจนปัญญา นางได้คิดไว้แล้วว่าจะย้ายออกจากบ้านสกุลฉือในวันนี้ "ข้ากับเขาไม่..."
"ท่านแม่ยายมาถึงแล้วหรือ?" ฉือหางที่เดิมทีทำอาหารเสร็จแล้วกำลังจะเรียกหลินกู๋หยู่ทานข้าว เมื่อเขาออกมาจากบ้าน เขาก็เห็นจ้าวซื่อ และได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าจ้าวซื่อคือใคร
ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่พริบตาเดียว จากนั้นยิ้มและเชิญจ้าวซื่อเข้าไปในบ้าน "อาหารเพิ่งทำเสร็จเมื่อครู่ ท่านอยู่ทานข้าวด้วยกันเถอะ!"
จ้าวซื่อชำเลืองมองที่ฉือหาง จากนั้นสายตาก็ตกทอดไปที่หลินกู๋หยู่ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย "เ้าไม่ได้ทำอาหารให้หรือ?"
"ท่านแม่ คือ..."
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะพูดจบ จ้าวซื่อก็อดไม่ได้ที่จะพูดพล่าม "สตรีแต่งงานกับบุรุษแล้ว เดิมทีงานเ่าั้ก็เป็สิ่งที่ผู้หญิงควรทำอยู่แล้ว เ้าจะเกียจคร้านเช่นนี้ได้อย่างไร?"
"ไม่ใช่เช่นนั้น" มุมปากของฉือหางโค้งขึ้นอย่างอ่อนโยน สายตาของเขาเหลือบมองร่างของหลินกู๋หยู่อย่างอาลัยอาวรณ์ปราดหนึ่ง "ข้าไม่ยอมให้กู๋หยู่ทำอาหารเพราะวันนี้ข้าอยากทำอาหารด้วยตัวเอง"
ฉือหางยืนอยู่ตรงนั้นมือไม้อ่อนไปหมด เขาทำอะไรไม่ถูก ผ่านไปหลายอึดใจก็ดูเหมือนว่าเขาจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ "ในเมื่อท่านแม่มาที่นี่ ข้าจะออกไปซื้อเนื้อ"
โดยไม่รอให้หลินกู๋หยู่กล่าวปฏิเสธ ฉือหางก็เดินตรงเข้าไปหยิบเงินออกมาจากในบ้าน หลังจากนั้นก็เดินออกไป
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของฉือหางที่จากไป จ้าวซื่อก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ในตอนแรกข้ายังวิตกกังวลอยู่ว่าสามีของเ้าจะไม่รอดเสียแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้เขาจะสบายดีและไม่มีอะไรผิดปกติ"
“ท่านแม่” หลินกู๋หยู่เรียกเสียงเบา “ข้าไม่อยากแต่งงานกับเขา”
"เ้าพูดพล่ามอะไร?" จ้าวซื่อขมวดคิ้วด้วยใบหน้าเ็า "เ้าแต่งงานเข้ามาแล้ว ในชีวิตนี้สตรีแต่งงานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น คนที่แต่งงานสองครั้งเ่าั้ก็ล้วนเป็สตรีที่ไร้ยางอายทั้งนั้น"
“พี่รอง” หลินเสี่ยวหานมองหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าพี่เขยเป็คนดี เมื่อก่อนเขาก็มักจะเอาของกินมาให้พวกเราเสมอ”
"ข้าคิดว่าการอยู่คนเดียวจะดีกว่า" หลินกู๋หยู่พูดเสียงเบา แม้ว่านางจะเข้าใจอารมณ์ของจ้าวซื่อ แต่หลินกู๋หยู่ไม่้าใช้ชีวิตเช่นนี้
จ้าวซื่อวางตะกร้าในมือของนางลงบนพื้น มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าจริงจังขณะพูดอย่างโกรธๆ ว่า "ข้าบอกเ้าไว้ก่อน เ้าอย่าไปคิดถึงเื่ยุ่งๆ เ่าั้ เ้าอยู่กับฉือหางให้ดีก็เพียงพอแล้ว เขาเป็คนดี และยังทำอาหารให้เ้า เ้าจะหาบุรุษดีๆ เช่นนี้ได้จากที่ใดอีกหรือ?"
พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน เหมาะสมหรือ?
หากพูดในแง่สมัยใหม่ นางนับว่าเป็ปัญญาชน ในขณะที่เขาเป็คนไม่รู้หนังสือ
ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาสองคนจะมีประเด็นที่สามารถสนทนากันได้ สิ่งเหล่านี้แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาสองคนมีความคิดที่ต่างกันไปเสียทุกเื่
“พวกเราสองคนไม่เหมาะสมกัน” หลินกู๋หยู่ถอนหายใจเบาๆ
หากพูดให้ถูก ก็ประมาณว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะคิดแบบเดียวกันกับนางได้
"เ้าอยู่ให้ดีๆ" จ้าวซื่อเข้มงวดเป็พิเศษ น้ำเสียงของนางจริงจังมากขึ้น "พี่สาวของเ้าเป็เช่นนั้น นางหนีไปเช่นนั้น ถ้านางกลับมา เ้าคิดว่านางยังจะสามารถแต่งงานกับบุรุษที่ดีได้อีกหรือไม่?"
“มีหลายคนในหมู่บ้านซุบซิบนินทาเื่พี่สาวของเ้า” ดวงตาของจ้าวซื่อหรี่ลงเล็กน้อย “สกุลหลินของเราจะมีคนที่ทำตัวเช่นพี่สาวของเ้าอีกไม่ได้แล้ว เ้าอยู่ใช้ชีวิตดีๆ ที่นี่ไม่ดีหรือ?”
“ท่านแม่” มือเล็กๆ ของโต้ซาดึงเสื้อผ้าของหลินกู๋หยู่ ดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งมองหลินกู๋หยู่ด้วยความสับสนงุนงง ราวกับสุนัขขนสีทองที่น่ารัก
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว นางไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรถึงจะดี
ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใด จู่ๆ สิ่งที่ฉือหางพูดเมื่อคืนนี้ก็ดังขึ้นในใบหูของนาง
“ข้าจะปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี ข้าจะรับฟังทุกสิ่งที่เ้าพูด”
หลินกู๋หยู่พลันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ฉือหางเข้ามาพร้อมเนื้อหนึ่งชิ้น เขามองไปที่จ้าวซื่อและหลินกู๋หยู่อย่างสงสัย "กู๋หยู่ ทำไมไม่ให้ท่านแม่ยายเข้าไปนั่งด้านในบ้านละ?"
"ท่านแม่ ท่านเข้าไปนั่งพักด้านในก่อนเถอะ" หลินกู๋หยู่พูดกับจ้าวซื่อที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็เดินไปหาฉือหาง และเอาเนื้อไป "ให้ข้าทำอาหารเถอะ"
“อืม” ฉือหางตอบรับอย่างง่ายดาย
หลินกู๋หยู่หั่นเนื้อเป็เส้น ก่อนจะหันไปมองเห็นบะหมี่ในหม้ออีกใบที่กลายเป็น้ำแป้งหนืด
หลินกู๋หยู่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา นางดึงฉือหางไปข้างๆ "ไปที่บ้านของพวกเขา ถามพวกเขาว่ามีเจียนปิ่ง[1]ขายหรือไม่ ท่านแม่ของข้าไม่ชอบทานบะหมี่"
ฉือหางตอบอย่างง่ายดาย จากนั้นหันหลังเดินออกไป
หลินกู๋หยู่รีบปิดหม้อบะหมี่โดยไม่ลังเล จ้าวซื่อมองกับข้าวสีเข้มในจานซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินไปหาหลินกู๋หยู่
"ดูสามีของเ้าสิ เชื่อฟังที่เ้าพูดทุกอย่าง" จ้าวซื่อยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า "เป็สตรี มีใครบ้างที่ไม่้าหาผู้ชายนิสัยดีเช่นนี้ แต่เ้ายังไม่พอใจอีก"
เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวซื่อพูด หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ล้างเนื้อ นางพูดอย่างสบายๆ ว่า "ข้าเข้าใจแล้ว ข้ากำลังคิดเื่นี้อยู่"
"เ้ายังจะคิดอะไรอีก?" จ้าวซื่อเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่อย่างใจจดใจจ่อ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ "เ้ามีผู้ชายที่ดีเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเ้าต้องสั่งสมความดีมากี่ภพชาติ คนเราจะต้องพอใจในสิ่งที่มี!"
ทันทีที่จ้าวซื่อพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอก
โจวซื่อเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยใบหน้าเ็า สายตาจับจ้องไปที่จ้าวซื่อแล้วพูดอย่างเ็าว่า "ชินเจีย[2] เ้ามาที่นี่ก็ไม่รู้จักไปเยี่ยมที่บ้านข้าบ้างเลย"
"ชินเจีย" จ้าวซื่อพูด หรี่ตายิ้ม "ข้าไปที่บ้านเ้ามาแล้ว ได้ยินว่าเ้าไปที่ไร่นา ข้าจึงกลับมา"
หลังจากพูดจบ จ้าวซื่อก็หยิบตะกร้าที่ด้านข้างยื่นให้โจวซื่อด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็แค่ของกินบางส่วนเท่านั้น ข้าหวังว่าชินเจียจะไม่ถือสาอะไร”
โจวซื่อกุมใบหน้า รับตะกร้าจากมือของจ้าวซื่อคล้ายไม่เต็มใจ
เมื่อได้ยินเสียงน้ำมันร้อน ใบหน้าของโจวซื่อก็พรวดหันกลับไปมองที่กระทะที่หลินกู๋หยู่กำลังผัดอาหาร สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในพริบตา
นางช่างเป็ผู้หญิงที่ไม่รู้จักใช้ชีวิตเลยจริงๆ นางใช้น้ำมันและเนื้อมากถึงเพียงนั้น ถ้ากินเช่นนี้ต่อไป อาหารในครอบครัวนี้จะต้องถูกกินจนหมดเกลี้ยงอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือ?
ลูกสะใภ้คนนี้ ไม่ควรให้แต่งงานเข้าเรือนเสียั้แ่แรก
……………………………………………………
[1] เจียนปิ่ง แพนเค้กจีน(เค็ม) เป็อาหารจีนริมทางแบบดั้งเดิมที่คล้ายกับเครป
[2] ชินเจีย หมายถึง ใช้เรียกญาติที่ผูกพันด้วยการสมรสของลูก โดยส่วนใหญ่ ผู้เป็บิดามารดาของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะใช้คำว่า “ชินเจีย” เรียกผู้เป็บิดามารดาของอีกฝ่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้