“พี่ผม...” หร่านซวี่จือกำลังจะเอ่ยแล้วชะงัก “พี่ผมสบายใจ ผมก็พอใจแล้วครับ”
หวังเฉิงหรี่ตา
หร่านซวี่จือทิ้งหวังเฉิงไว้ จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินไปหาไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวสูบบุหรี่ได้ครึ่งมวน บนเสื้อนอนก็มีแต่เถ้าบุหรี่ เมื่อเห็นหร่านซวี่จือยื่นตั๋วหนังมาให้ก็เอ่ย “แกไปดูเถอะ ฉันไม่อยากไป”
หร่านซวี่จือยัดตั๋วหนังใส่มือเธอ “ไหนไหนก็ซื้อแล้วนี่นา”
อีกยี่สิบนาทีจะเข้าโรงหนัง ไป๋ซวงก็พาคู่ของเธอมาพร้อมกับเก้าอี้พลาสติกหลายตัว ตรงขาเก้าอี้มีสีดำเล็กน้อยเหมือนเคยถูกไฟเผามาก่อน
ณ ที่ตรงนั้นค่อนข้างเบียดเสียดกัน หร่านซวี่จือถูกเบียดไปมาจนจมูกกระแทกกับแขนของไป๋หลิงฮัว
ปลายจมูกมีกลิ่นกล้วยไม้ คงเป็เพราะกลิ่นสบู่เหลวอาบน้ำที่ไป๋หลิงฮัวใช้ หร่านซวี่จือขยี้จมูกแล้วอยากจาม
เนื่องจากคนเยอะเกินไป ไป๋หลิงฮัวจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย เธอดึงหร่านซวี่จือมาแล้วเอ่ย “เสี่ยวหลิง นั่งตรงนี้กันเถอะ”
ทั้งสองคนนั่งลง ผู้หญิงรอบข้างส่งสายตาไม่เป็มิตรมาทางนี้ หร่านซวี่จือหันศีรษะไปก็เพิ่งเห็นว่าด้านหลังตนเองคือหวังเฉิง
มือของหวังเฉิงค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อสบตากับใบหน้าของหร่านซวี่จือ ก็พลันเกิดความเก้ๆ กังๆ ขึ้นมา
ไป๋หลิงฮัวสวยเช่นนี้แล้วมานั่งอยู่ข้างหวังเฉิง หญิงสาวรอบตัวก็ย่อมเกิดความไม่พอใจ จากนั้นก็บ่นซุบซิบกัน แต่ไป๋หลิงฮัวก็แกล้งทำเป็ไม่ได้ยืน
“ยังมีบุหรี่หรือเปล่า? ”
เสียงของหวังเฉิงดังขึ้น
ไป๋หลิงฮัวล้วงบุหรี่ออกจากกล่องแล้วโยนให้เขา
หนังที่ฉายครั้งนี้คือหนังรักและจุดจบนั้นก็เศร้ามาก ผู้หญิงข้างหร่านซวี่จือนั้นร้องไห้ฮือๆ ทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก
หวังเฉิงมองแล้วขมวดคิ้ว “นี่ฉายหนังบ้าอะไร? ผู้ชายกลับร้องไห้โฮเหมือนผู้หญิงเสียอย่างนั้น”
หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ตอบ “พี่หวัง ก็คนเค้าเ็ปนะ”
“ก็แค่มีความรัก มีอะไรน่าร้องไห้” หวังเฉิงไม่อาจเข้าใจได้
ไป๋หลิงฮัวไม่ได้ตั้งใจดูนัก เธอก้มศีรษะดูเล็บของตนเอง จากนั้นก็วางมือบนฝ่ามือของหร่านซวี่จือ “เสี่ยวหลิง แกช่วยพี่ดูทางนี้หน่อย”
บนนิ้วของไป๋หลิงฮัวมีรอยเสี้ยนตำอยู่ ดึงอยู่นานก็ดึงไม่ออก
หร่านซวี่จือจึงคว้ามือของเธอเพื่อช่วยดึง
จากมุมและองศา ศีรษะของหร่านซวี่จือนั้นหันข้างพอดี หวังเฉิงสามารถมองเห็นขนตายาวเป็แพเหมือนพัดสองอันภายใต้กรอบแว่นตานั้นมันพัดขึ้นพัดลง ใบหูที่ทั้งเล็กและขาวซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ผมที่งอเล็กน้อยเหมือนกับหยก
หวังเฉิงชำเลืองมอง พลันก็เกิดอาการสะดุดตากับภาพนี้
หร่านซวี่จือนั่งอยู่ตรงหน้าหวังเฉิง ที่นั่งแถวที่หวังเฉิงนั่งอยู่เป็เก้าอี้ตัวสูงพอดี และหร่านซวี่จือก็นั่งตัวที่อยู่เตี้ยกว่า เมื่อมองจาก้าก็จะเห็นว่าศีรษะของหร่านซวี่จือจะอยู่ตรงตำแหน่งหว่างขาพอดี
หวังเฉิงส่ายหน้า เขารู้สึกเหมือนตนเองมีเหงื่อซึมที่หลัง
เมื่อหนังใกล้จบ มีคนเข้าๆ ออกๆ และในนั้นก็ค่อนข้างเบียดกัน หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วขยับสะโพกไปมาเพราะไม่สบายตัว ถ้าด้านหน้ามีคนจะผ่าน หร่านซวี่จือจึงต้องเอนตัวมาด้านหลังทำให้ศีรษะก็กดเข้าหาตรงเป้ากางเกงของหวังเฉิงพอดี
“เฮ้ย! ” หวังเฉิงอุทานออกมา อยากจะะโหนี แต่เพราะคนเยอะเกินไปจึงทำให้เบียดจนขยับไม่ได้
“ขอโทษครับ” หร่านซวี่จือลูบศีรษะของตนเอง
รู้สึกเหมือนเมื่อครู่ศีรษะไปโดนกับอะไรเข้า เหมือนมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่ง
กุญแจ?
เมื่อหร่านซวี่จือหันไปมอง หวังเฉิงก็หายไปแล้ว
เมื่อดูหนังจบ ฟ้าก็มืดพอสมควร หร่านซวี่จือไม่ได้เอาไฟฉายมาด้วย ขณะที่ออกมาคนแน่นมาก ไม่นานนักก็พลัดกับไป๋หลิงฮัว
หร่านซวี่จือเขย่งเท้ามองหาจนทั่ว เขายื่นจนคอเริ่มปวดและเมื่อย
คนมากมายขนาดนี้ ไป๋หลิงฮัวก็สวมเสื้อชิ้นบางอีก เดาว่าคงถูกคนหลายคนแต๊ะอั๋ง หร่านซวี่จือจึงรีบที่จะหาตัวเธอ
เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว ขาของเขาก็ดันพลิก หร่านซวี่จือไม่เห็นว่าด้านล่างเท้าตนเองมีหลุมอยู่ เขาจึงเหยียบลงไปเต็มแรง
เสี้ยววิถัดมา ก็มีมือสองข้างมาคว้าแขนของหร่านซวี่จือไว้ ทำให้เขายังยืนได้อย่างมั่นคง
“ฉันว่านายก็โตมากแล้วแค่เดินยังเดินไม่เป็อีกหรือไง? ” หวังเฉิงข่มเขาเสียงเยือกเย็น เขาพกโทรศัพท์มือถือมาด้วยจึงเปิดไฟฉาย
หร่านซวี่จือยกข้อเท้าขึ้นมาลูบ โชคดีที่ไม่ได้าเ็ “ขอบคุณพี่หวังครับ”
“นายยังไม่ไปหรือ? ” หวังเฉิงถาม
“ผมตามหาพี่สาว...” หร่านซวี่จือกำลังจะเอ่ย เขาก็เห็นเงาคนคนหนึ่งอยู่กลางกลุ่มคน
ไป๋หลิงฮัวมัดผมไว้ เดาว่าคงกลัวบังสายตา เมื่อเห็นหร่านซวี่จือก็โล่งอก “เมื่อกี้ไม่เห็นแก ฉันใมากเลย”
ถนนหนทางเปลี่ยว ไป๋หลิงฮัวผู้หญิงตัวคนเดียวค่อนข้างอันตราย เธอจึงได้แต่เดินตามหลังหร่านซวี่จืออย่างระมัดระวัง
ส่วนหวังเฉิงก็เดินจ้ำอ้าวเร็วมาก เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดรอเป็เวลานาน
“หวังหลงไม่ได้มาหรือครับ? ” หร่านซวี่จือไม่อยากให้หวังเฉิงหงุดหงิด จึงหาเื่คุยกับเขา
หวังเฉิงเอ่ยน้ำเสียงไม่ได้ดีนัก “ก็นายให้เขาเขียนการบ้านเยอะแยะไม่ใช่หรือไง? กำลังทำไปด้วยร้องไห้ไปด้วยอยู่ที่บ้าน”
หร่านซวี่จือ “….”
ยังมีคนอยู่ด้านหน้า เวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น
ด้านหน้านั้นมีบ่อน้ำซึ่งบ่อนั้นค่อนข้างลึก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทุกคนจะเลี่ยงการเดินไปทางนั้น
พอทุกคนมองไป หวังเฉิงเอะใจจึงเดินนำหน้าไปหลายก้าว เมื่อใช้แสงส่องเข้าไปในก้นบ่อ
ด้านล่างนั้นมีคนที่ดวงตาเบิกโพลงอยู่ แต่บนตัวกลับมีแมลงวันบินอยู่หลายตัวและส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
ขณะเดียวกันกับที่เห็น เสียงในสมองของหร่านซวี่จือก็ดังขึ้น ‘ติ๊ง’ ฉับพลันก็มีเสียงแจ้งเตือนเริ่มภารกิจของระบบดังขึ้น
[เป้าหมายโลกภารกิจเริ่มขึ้น ตามหาตัวฆาตกรที่แท้จริง สืบหาความจริง ความคืบหน้าเป็ศูนย์เปอร์เซ็นต์]
เซียวหงนั่นเอง เธอตายแล้ว
อีกทั้งจากการแจ้งเตือนของระบบ ไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่เธอถูกคนฆ่า
เป้าหมายภารกิจครั้งนี้ ทำไมจู่ๆ ก็ยากขึ้นมามากเช่นนี้?
หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว
ตอนที่เซียวหงอยู่ในหมู่บ้านนั้นมักมีแต่ข่าวเสียหาย หญิงหม้ายคนนี้มักจะไปหาหวังเฉิงและนี่ทำให้หลายคนไม่ชอบใจ ไม่แน่ว่าอาจจะมีหญิงสาวคนไหนหึงแรงก็เป็ได้
พอตอนนี้เกิดเื่ขึ้น ทุกคนต่างก็ล้อมวงกันชี้ศพแต่ไม่มีใครรู้สึกว่าน่าสงสารเลยสักคน
หร่านซวี่จือเกิดความไม่สบายใจขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด
ในหมู่บ้านไม่มีตำรวจ เซียวหงก็ไม่มีญาติ มีน้องสาวเพียงคนเดียวที่แต่งงานเข้าเมืองไปและก็ไม่ได้ติดต่อมาหลายปีแล้ว พอเกิดเื่แบบนี้ ทุกคนก็แค่ดูเพื่อความสนุกสนานและไม่มีใครใส่ใจมาก
“ฉันเดาว่าเธอคงดูหนังจบออกมาแล้วเหยียบโดนบ่อแล้วหล่นลงไปหรือเปล่า? ”
“นั่นสิ หน้าผากของเธอมีแต่เื เดาว่าตกลงไปในบ่อแล้วกระแทกโดน”
“เฮ้อ รีบแยกย้ายเถอะ ที่นี่มีคนตาย โชคลางไม่ดี”
“พรุ่งนี้ค่อยหาเวลาไปฝังข้างนอก”
ทุกคนพูดคุยกันแล้วจากนั้นก็แยกย้าย หร่านซวี่จือดึงไป๋หลิงฮัว ใครจะรู้ว่าไป๋หลิงฮัวนั้นยืนแน่นิ่งอยู่ตรงที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน
หวังเฉิงใช้ไฟฉายส่องด้านใน “ช่างเถอะ ดูเสร็จแล้วรีบไปดีกว่า”
หร่านซวี่จือหันศีรษะไปก็เห็นท่าทีของไป๋หลิงฮัว
ใบหน้าของไป๋หลิงฮัวนั้นซีดขาว เธอจดจ้องเซียวหงนิ่ง เหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
เธอเรี่ยวแรงเยอะและมือนั้นก็บีบหร่านซวี่จือไว้แน่น หญิงสาวกลอกตาและหันมาจับจ้องบนใบหน้าของหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือสังเกตแววตาของไป๋หลิงฮัวอย่างละเอียดแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นพับแขนเสื้อกับขากางเกงของตนเองและปีนจากบ่อลงไป พออยู่ใกล้ศพ ก็เอ่ยกับหวังเฉิงด้วยความใ “พี่หวัง ช่วยผมส่องไฟหน่อย ผมมองไม่เห็น”