ปีใหม่ที่ว่าสมควรเป็งานรื่นเริงครึกครื้น มีปลามีเนื้อพร้อมสรรพ
แต่พวกเขาสองคนลิงหนึ่งตัว คนหนึ่งพูดไม่ได้ อีกตัวร้องได้แค่เจี๊ยกๆ เหลือเธอคนเดียวต่อให้พูดไม่หยุดั้แ่ต้นจนจบ ก็ครึกครื้นได้ไม่ถึงไหน
ปลากับเนื้อมากมายย่อมมีอยู่ แต่กินเนื้อทุกวันไม่ต้มก็ย่าง หากไม่ทอดก็จะไม่มีอาหารคู่จานหลัก พวกเขาสองคนเบื่อจะแย่อยู่แล้ว มีแต่อาเหลยที่ยังกินอย่างเอร็ดอร่อย
"โอ๊ย... อยากกินข้าวสวย ข้าวต้ม บะหมี่ ไม่ก็ซาลาเปา หม่านโถวก็ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก พลางหั่นเนื้อเป็ชิ้นขึ้นย่างบนแผ่นหิน
ลูกกระเดือกของเหลียนเซวียนขยับตามโดยไม่รู้ตัว
"ป๊อก" อาเหลยหยิบเหอเถามาแกะกินอยู่อีกด้าน
มันสามารถทุบเปลือกให้แตก เลาะเปลือกออก แล้วแงะเนื้อออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว ผลเหอเถากับเกาลัดในถ้ำส่วนใหญ่ล้วนถูกมันกินจนหมด
ปากของอาเหลยดูเหมือนจะไม่เคยว่าง แม้จะอิ่มท้องอยู่ แต่หากไม่มีอะไรทำก็จะหยิบเหอเถากับเกาลัดออกมากินเม็ดสองเม็ดเสมอ
ตอนแรกเซวียเสี่ยวหรั่นยังกังวลว่าถ้ามันกินเยอะเกินไปอาจไม่ย่อย แต่พอเห็นมันยังะโโลดเต้นซุกซนได้ ก็คร้านจะสนใจ
แต่นางเริ่มลดปริมาณประเภทเนื้อของมันลง ไม่อาจให้กินเนื้อสัตว์จนอิ่ม แล้วแล่นมากินผลไม้เปลือกแข็งต่ออีกได้
เนื่องจากเป็วันปีใหม่ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงเอาปลากับเนื้อมาทอด ย่าง และตุ๋นอย่างละชุด
จาน ชาม หม้อล้วนมีเนื้อเต็มไปทุกใบ กลิ่นหอมตลบอบอวลภายในถ้ำ
"ปีใหม่ แน่นอนว่าจะต้องกินดื่มอย่างเต็มที่ อาเหลย วันนี้เ้าไม่ถูกจำกัดเนื้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มร่าพลางคีบเนื้อให้อาเหลย แต่แม้จะบอกว่าไม่จำกัด แต่ก็นับชิ้นที่คีบให้มันอยู่ อาเหลยยังเล็กไม่รู้จักขอบเขต
"เหลียนเซวียน ท่านจะกินอย่างไหน ต้ม ทอด หรือว่าย่างดีล่ะ"
เหลียนเซวียนสั่นศีรษะบอกให้รู้ว่าอย่างไรก็ได้ อย่างไรเสียก็เป็เนื้อ ไม่ว่าแบบไหนก็เหมือนกัน
"เช่นนั้นก็กินทุกอย่างเลยแล้วกัน ท่านผอมเกินไปแล้ว ต้องกินให้มากหน่อย กินให้มากหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นใส่เนื้อให้เขาเต็มถ้วย
ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีอาหารจานหลักใช่หรือไม่ แม้จะกินเนื้อเพียงพอทุกวัน เหลียนเซวียนก็ดูไม่อ้วนขึ้นเลย
ยังคงเป็ขี้ก้างอยู่เหมือนเดิม รูปร่างผ่ายผอม ดีกว่ายามหนังหุ้มกระดูกเพียงหน่อยเดียว
เหลียนเซวียนไม่บ่ายเบี่ยง เขาถูกขังคุกมาครึ่งปี ร่างกายทรุดโทรมลงไปมาก หากไม่ใช่ว่ายังรักษากำลังภายในเพียงเสี้ยวเล็กๆ ไว้ได้ ก็คงกลายเป็ผีก้นแม่น้ำไปแล้ว
วันเวลาที่ผ่านมา แม่นางผู้นี้พยายามบำรุงเขาให้อ้วนขึ้นมาโดยตลอด ทุกครั้งที่กินข้าว ปริมาณในชามของเขาก็จะเยอะที่สุดเสมอ
"ว่าแต่ถ้าพวกเราออกเดินทางแล้ว อาเหลยจะทำอย่างไรล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นมันกินอย่างมีความสุข ก็รู้สึกหวั่นใจอยู่
จะพามันไปด้วยหรือไม่ เป็ปัญหาใหญ่จริงๆ
จะทำอย่างไรได้ มันต้องตามไปอยู่แล้ว หนังตาของเหลียนเซวียนไม่ขยับสักนิด
หลายวันมานี้ เ้าลิงน้อยมักจะเดินตามหลังนางตลอดเวลา มั่นใจได้ว่ามันจดจำแม่นางผู้นี้ไว้แล้ว ไม่ว่านางจะไปไหนมันก็ไปที่นั่น
"พามันออกจากเขาก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด ถ้าเกิดไปเจอคนต่ำช้าคิดทำร้ายอาเหลยจะทำอย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นวิตกกังวล เธอเองไม่คุ้นเคยกับที่นี่ จะสามารถคุ้มครองมันได้หรือ?
อาเหลยไม่ใช่หมาหรือแมว ที่สามารถเลี้ยงได้โดยไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น แต่อาเหลยเป็ลิง เดินไปไหนย่อมเป็ที่สะดุดตา ไม่เพียงแต่ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ยังอาจตกเป็เป้าสายตาของผู้ประสงค์ร้าย
หากไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของมัน มิสู้ให้มันอยู่ในป่าต่อไปดีกว่า อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่มีคนที่มีจิตใจซับซ้อนมากด้วยเล่ห์กล
เหลียนเซวียนส่ายหน้า เลี้ยงลิงแค่ตัวเดียว จะต้องวิตกอะไรมากมาย
เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือบมองเขา เขาต้องรู้สึกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คนเป็ยอดฝีมือมีแต่เขาที่จะรังแกผู้อื่น ไหนเลยจะเคยลิ้มรสการถูกคนรังแก
ถ้าอาเหลยติดตามเขา ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ที่เขาเป็อย่างตอนนี้ก็เพราะถูกศัตรูคู่แค้นวางแผนเล่นงานไม่ใช่หรือไง
ท่องยุทธภพเต็มไปด้วยอันตราย อาเหลยไม่อาจตามไปกับเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นคีบเนื้อให้อาเหลย ในใจยังคงกลัดกลุ้ม
ผ่านไปสามวัน ท้องฟ้าสดใสไม่มีหิมะตก อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นทีละน้อย หิมะที่ปกคลุมบนพื้นละลายไปไม่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้เวลา่สามวันนี้ทำรองเท้าฟางสำรองให้เหลียนเซวียนเพิ่มอีกคู่ และตัดเถาวัลย์มาสานเป็กระบุงสะพายหลังใบใหญ่สองใบ
ของที่ต้องนำไประหว่างเดินทางมีค่อนข้างเยอะ กระบุงเพียงใบเดียวใส่ไม่หมด เซวียเสี่ยวหรั่นจึงสานเพิ่มอีกใบ เตรียมให้เหลียนเซวียนแบกขึ้นหลัง ในนั้นใส่แต่ของน้ำหนักเบา ส่วนของหนักเธอเป็คนแบกเอง
ทุกสิ่งเตรียมพร้อมสรรพขาดแต่ลมบูรพา มองดูหิมะละลายในแต่ละวัน วันออกเดินทางใกล้จะมาถึงแล้ว
"เหลียนเซวียน ข้ากับอาเหลยจะไปเด็ดผลผิวเกลือเตรียมไว้ระหว่างทาง"
หลังจากบอกกล่าวเหลียนเซวียนแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็สะพายกระบุงใหม่ขึ้นหลังแล้วออกไปอย่างเริงร่า
เส้นทางนี้เดินมาหลายหน เซวียเสี่ยวหรั่นจำทิศทางได้แล้ว ต่อให้ไม่มีอาเหลย เธอก็ไปถูก แต่ตอนนี้อาเหลยติดเธอมาก ไปไหนไปด้วยตลอด เธอออกมามันย่อมตามมา
ประกอบกับขาที่าเ็ดีขึ้นมากแล้ว การเดินย่อมคล่องแคล่วขึ้น จะขึ้นเนินหรือปีนต้นไม้ก็สบายมาก
ระหว่างรอเซวียเสี่ยวหรั่นเก็บผลผิวเกลือ อาเหลยก็จะไปเตร็ดเตร่อยู่ละแวกใกล้ๆ
ผลของต้นผิวเกลือถูกเธอเด็ดไปหลายครั้ง ดอกผลไม่ได้อุดมสมบูรณ์ดังเดิม ส่วนที่ห้อยลงมาถูกเด็ดไปเยอะแล้ว เหลือแต่ส่วนยอด
เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงไว้ใต้ต้นไม้ ก่อนแหงนหน้าขึ้นไปบนยอดไม้ หาสถานที่เหมาะสมยืมแรงแล้วเริ่มป่ายปีนขึ้นไป
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยกำลังห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ต้นอื่น นั่งลงบนกิ่งไม้มองดูนาง พลางร้องเจี๊ยกๆ อยู่เป็ระยะ เหมือนกำลังให้กำลังใจเธออยู่
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้แรงไม่น้อย กว่าจะไปขึ้นไปได้ไม่ง่ายนัก
"ไอ้หยา ทักษะของพวกเ้าเลียนแบบไม่ง่ายเลย"
เธอเกาะกิ่งไม้อย่างระมัดระวัง หันไปยิ้มขื่นกับอาเหลย ผลยังอยู่อีกไกล เธอจำเป็ต้องปีนขึ้นไปต่อ
ก้าวเท้าเหยียบไปบนกิ่งไม้ เอามือกอดลำต้น แล้วเริ่มตัดกิ่งที่ติดผล จากนั้นค่อยโยนลงกระบุงอย่างระมัดระวัง
ก้นกระบุงมีใบเผือกป่ารองอยู่ กลับไปค่อยๆ คัดเอาเกล็ดเกลือออกมา
กระบวนการเด็ดนับว่าราบรื่น หักกิ่งออกมาเพียงบางส่วนไม่ช้าก็อัดแน่นเต็มกระบุง
เซวียเสี่ยวหรั่นคะเนปริมาณ หากใช้ประหยัดหน่อย ก็พอใช้ได้อีกนาน
เธอค่อยๆ ปีนลงไป แม้มือเท้าค่อนข้างจะแข็งอยู่บ้าง แต่พอเห็นผลงานในกระบุงใหญ่ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยิ้มหน้าบาน
นางหยิบผลที่ตกอยู่ข้างนอกใส่เข้าไปในกระบุงก่อนออกแรงยกขึ้นแต่ก็ยังหนักมาก ขณะกำลังสะพายขึ้นหลัง อาเหลยซึ่งกำลังปีนป่ายไปต้นไม้อีกต้นก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นพลันตื่นตระหนก มองไปที่อาเหลย
อาเหลยอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกลนัก มันขย่มกิ่งไม้อย่างแรงดูเหมือนว่ากำลังพยายามเตือนบางอย่าง
เซวียเสี่ยวหรั่นหดเกร็ง ดวงตาเผยแววตึงเครียดจดจ้องไปรอบด้านอย่างละเอียด
นะ... นะ... นั่นอะไร?
สะ... สะ... เสือ?
เซวียเสี่ยวหรั่นใจนิญญาแทบออกจากร่าง ฟันบนกระทบฟันล่าง
ในป่ารกชัฏข้างเนินเขา เสือลายพาดกลอนตัวใหญ่เชิดหน้าเดินออกมา ลวดลายสีดำสลับเหลืองสะดุดตาในป่าใหญ่ รูปร่างของมันกำยำสูงใหญ่ เยื้องย่างสง่างามดูน่าเกรงขามแม้จะมองอยู่ไกลๆ
ถ้าเห็นเสือท่าทางผยองเช่นนี้ในสวนสัตว์ เซวียเสี่ยวหรั่นคงจะอุทานชื่นชม ไม่เสียแรงที่เป็ราชันแห่งผองสัตว์ทั้งปวง ความอหังการเช่นนี้คล้ายจะบอกว่านอกจากตัวข้าแล้วยังจะมีใครอื่น
ตอนนี้เซวียเสี่ยวหรั่นฟันกระทบกันไม่หยุด คิดแต่อยากร้องะโว่า แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย!