วันถัดมาเมื่อหลินเยว่รับประทานอาหารเช้าที่บ้านของฉินจงฮั่นแล้ว เขาจึงขอตัวออกมา เดิมทีฉินจงฮั่นคิดอยากให้เงินหลินเยว่ก้อนหนึ่งเพราะหลินเยว่เป็คนพบหยกก้อนนั้น เมื่อมีผลประโยชน์เกิดขึ้นก็ควรจะแบ่งปันกันดังนั้น เขาจึงคิดจะมอบเงินส่วนหนึ่งให้กับหลินเยว่แต่ทว่าหลินเยว่กลับปฏิเสธอย่างหนักแน่นเด็ดขาด เมื่อเห็นสีหน้าเด็ดขาดของหลินเยว่ฉินจงฮั่นจึงได้แต่เก็บอั่งเปากลับไปและเขาก็เกือบจะพาตัวหลินเยว่กลับเข้ามาในบ้านแล้วก็มาร่วมดื่มกันต่ออีกสักรอบ
หลินเยว่แยกตัวจากฉินจงฮั่นตรงถนนหินหยกหลังจากนั้นเขาจึงโทรหาเฮ่อโย่วจ้างเพื่อสอบถามว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงไหนแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปหาอีกฝ่ายทันที
เมื่อเจอเฮ่อโย่วจ้างแล้ว หลินเยว่จึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา“วันนี้ผมอยากจะกลับก่อนแล้วล่ะ”
เมื่อเฮ่อโย่วจ้างได้ยินประโยคนี้เขาก็มองหลินเยว่ด้วยสายตาประหลาดใจ หลังจากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ผมไปส่งคุณ?”
“เหอๆ ไม่ต้อง ผมหารถแท็กซี่สักคันก็พอแล้วที่มาที่นี่ก็เพื่อมาบอกคุณก่อนเท่านั้น” หลินเยว่พูดพร้อมรอยยิ้ม
เฮ่อโย่วจ้างพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบและพูดต่อ “ผมยังจะอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน”
หลินเยว่พยักหน้ารับทราบเมื่อร่ำลากับเฮ่อโย่วจ้างแล้วเขาจึงกลับโรงแรมทันทีเขาเรียกคนขับรถแท็กซี่ให้ช่วยยกหินหยกที่อยู่ในตู้เซฟนิรภัยของโรงแรมขึ้นรถและแน่นอนอยู่แล้ว หลินเยว่ยังไม่ลืมบัตรการยอมรับของเขาใบนั้น
รถแท็กซี่ไม่มีทางเทียบกับรถของเฮ่อโย่วจ้างได้เลยจากเถิงชงไปคุนิกลับต้องใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมง เมื่อหลินเยว่มาถึงคุนิก็เป็เวลาบ่ายสามกว่าๆแล้ว เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับบ้าน แต่กลับขนหินหยกไปยังโรงงานของหรงเล่อเซวียน
ท่านเฮ่อก็กำลังสำรวจหินหยกอยู่ที่โรงงานพอดีเมื่อท่านเห็นหลินเยว่กลับมาจึงอึ้งไปชั่วครู่ แล้วถามขึ้น“ทำไมคุณถึงกลับมาเร็วนักล่ะ? ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ต่ออีกหลายวันถึงจะกลับมาหรอกหรือ?”
ขณะที่พูดท่านก็มองหินหยกที่หลินเยว่ยกเข้ามาครั้งแรกที่มองท่านก็รู้สึกว่าลักษณะภายนอกของมันไม่เลวเลยแต่ทว่าท่านก็เห็นรอยแตกบนเปลือกผิวหินหยกอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นจึงขมวดคิ้วเป็รอยลึกทันที
“ผมมีธุระก็เลยกลับมาก่อนครับโย่วจ้างยังอยู่ที่นั่นต่อ” ขณะที่พูดหลินเยว่และคนขับรถแท็กซี่จึงยกหินหยกไปวางไว้ตรงมุมหนึ่งของโรงงานหลังจากนั้นเขาจึงจ่ายเงินให้กับคนขับรถ แล้วก็ให้คนขับรถกลับไปก่อน
“หินหยกก้อนนี้เป็ก้อนที่คุณใช้เงิน 1.2 ล้านหยวนพนันมาจากเถิงชงใช่ไหม มันเป็ก้อนที่มีรอยแตกก้อนนั้นหรือ?”ท่านเฮ่อฉางเหอขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงอึ้งไปชั่วครู่หลังจากนั้นเขาจึงยิ้มเจื่อนๆ “อาจารย์คงไม่ได้สั่งคนให้แอบติดตามผมหรอกนะ”
“อาจารย์ไม่ได้ว่างขนาดนั้นถึงต้องหาเื่โดยการให้คนไปคอยติดตามคุณหรอกนะ!” ท่านเฮ่อฉางเหอพูดอย่างโมโห“เหตุการณ์ในเถิงชงที่คุณทำขึ้นไม่กี่วันนี้ได้ถูกลือสะพัดไปทั่วทั้งวงการการพนันหินหยกแล้วล่ะเวลานี้ขอแค่เป็คนที่พนันหินหยกก็ย่อมเคยได้ยินเื่ราวของคุณ... 500 หยวนพนันได้ 4 แสนหยวน บัตรการยอมรับตัดหินหยกต่อหน้าสายตาทุกคนได้ 2.5 ล้านหยวนใช้เงิน 1.2ล้านหยวนพนันหินหยกที่มีรอยแตกก้อนหนึ่ง แต่ละเหตุการณ์ภายในนี้ ปกติถึงเกิดขึ้นเพียงเหตุการณ์เดียวก็สามารถะเืไปทั้งวงการแล้วแต่คาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดกลับถูกเด็กหนุ่มอย่างคุณทำขึ้นเพียงคนเดียวอาจารย์ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเรียนเครื่องเคลือบจากอาจารย์หรือว่าเรียนการพนันหินหยกกันแน่ แม้กระทั่งท่านผู้เฒ่าเหลยนายกสมาคมหยกแห่งเถิงชงก็ยังชมคุณบอกว่าอาจารย์มีลูกศิษย์ที่ดีมากคนหนึ่ง”
เมื่อพูดถึงตอนท้ายๆน้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอก็แฝงไปด้วยความภาคภูมิใจและความพึงพอใจ
“เรียนทั้งสองอย่าง เรียนทั้งสองอย่างครับ แหะๆ”หลินเยว่หัวเราะ “แหะๆ”
ท่านเฮ่อฉางเหอกลอกตาขาวใส่หินเยว่แล้วพูดขึ้น“อย่าลืมล่ะว่าคุณเรียนการพิสูจน์เครื่องเคลือบจากอาจารย์ส่วนเื่การพนันหินหยกนั้นคุณก็ค่อยๆ ฝึกฝนเองละกันเพราะความรู้ที่แท้จริงมันสอนกันไม่ได้ อ้อ ใช่แล้ว ยังมีอีกเื่หนึ่งตอนแรกอาจารย์คิดว่าจะรออีกสักสองสามวัน ให้คุณกลับมาก่อนแล้วค่อยบอกอีกทีแต่ในเมื่อคุณกลับมาล่วงหน้าแล้ว อาจารย์ก็บอกคุณเลยละกันอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าคุณต้องตามอาจารย์ไปที่จิ่งเต๋อเจิ้นด้วยล่ะ”
“จิ่งเต๋อเจิ้น?”
เมื่อได้ยินคำคำนี้หลินเยว่ก็เกิดอาการใจเต้นอย่างรุนแรงเพราะสำหรับคนที่ศึกษาด้านการพิสูจน์เครื่องเคลือบแล้วสถานที่แห่งนี้ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เสมือนกับเยรูซาเลมเลยทีเดียว
“ไปจิ่งเต๋อเจิ้นทำอะไรหรือครับ?”หลินเยว่ถามอย่างข้องใจ
“แล้วจะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็ไปเข้าชมในขณะเดียวกันก็ไปอวดลูกศิษย์กันไงล่ะ การไปครั้งนี้จะมีการทดสอบการพิสูจน์เครื่องเคลือบของกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพวกคุณด้วยอันที่จริงพวกเราได้กำหนดเื่การทดสอบนี้ไว้ั้แ่ 10 ปีก่อน แต่เป็เพราะอาจารย์ไม่มีลูกศิษย์สักที ก็เลยยังไม่ได้มีการจัดขึ้นมาเลยแต่เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเขาได้ยินว่าอาจารย์หาลูกศิษย์ได้แล้วจึงเรียกร้องให้มีการทดสอบสักครั้ง พวกตาแก่พวกนี้คิดจะรังแกลูกศิษย์ของอาจารย์เพราะเห็นว่าอาจารย์เพิ่งสอนเป็ระยะเวลาสั้นๆ ตอนที่รับโทรศัพท์ตอนนั้นอาจารย์ก็โกรธแทบแย่แต่ว่าพวกเราก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว ในเมื่อคนพวกนั้นกล้าท้าทายพวกเราก็ต้องไปร่วมทดสอบกับพวกเขาด้วยสิหนึ่งเดือนนี้อาจารย์จะสอนคุณแบบเร่งรัดเข้มข้น ประหนึ่งเมื่อใกล้ถึงเวลาออกรบแล้วพวกเราเพิ่งเริ่มลับมีดขัดปืนถึงอาจจะไม่ได้มีความแหลมคม แต่อย่างน้อยก็ต้องขัดจนมันวาวได้เหมือนกัน ถึงคุณจะมีความรู้น้อยกว่าคนอื่นแต่ก็ห้ามแพ้จนทำให้อาจารย์เสียหน้าล่ะ!”ขณะที่พูด ท่านเฮ่อฉางเหอก็เดินเข้าไปหาหลินเยว่แล้วตบบ่าเพื่อให้กำลังใจสายตาของท่านมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อหลินเยว่เห็นสายตานี้เขาก็เกิดอาการตื่นเต้นความมั่นใจในตัวเองสูงขึ้นพรวดๆ แล้วจึงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้สีหน้าของท่านเฮ่อฉางเหอจึงเต็มไปด้วยความพอใจหลังจากนั้นท่านจึงเดินไปดูหินหยกก้อนที่หลินเยว่นำมาก้อนนั้น
เมื่อจิตใจของหลินเยว่เริ่มสงบเยือกเย็นขึ้นมาเขาพลันคิดถึงปัญหาหนึ่งทันที จึงหันหน้าไปถามทางเื้ัของท่านเฮ่อฉางเหอ“อาจารย์ครับ คนที่จะทดสอบร่วมกับผมเรียนกันมากี่ปีแล้วครับ”
เขาแอบคิดว่า หากเรียนมาสัก 3 ปี 5 ปีไม่แน่เขาก็อาจจะสามารถลองฮึดสู้ด้วยได้ อย่างน้อยก็คงไม่ถึงกับได้ผลเป็ลำดับสุดท้ายไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความมั่นใจแต่ทว่าสำหรับวงการนี้แล้วถึงจะฉลาดขนาดไหนมันก็เป็แค่ความว่างเปล่าเพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากการค่อยๆ ฝึกฝนทีละนิดไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
“ยี่สิบสามสิบปีน่าจะได้”ท่านเฮ่อฉางเหอพูดตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินเยว่จึงใจนแทบทรุด
ยี่สิบสามสิบปี?
เขาเพิ่งหันมาเรียนทางด้านนี้แค่เดือนกว่าๆเท่านั้น แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนั้นได้ล่ะ?
เปรียบเทียบด้านประสบการณ์? ถึงจะบวกเวลา 2ปีที่เขาทำงานอยู่ในอำเภอชางก็ยังสู้ไม่ได้เลย
เปรียบเทียบด้านความรู้?แต่เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถใช้เวลาหนึ่งเดือนแล้วจะมีความรู้มากกว่าคนที่เรียนอย่างหนักมายี่สิบสามสิบปี
ท่านอาจารย์ครับท่านอย่ามั่นใจและมีความหวังกับผมมากเกินไปเลยนะครับ ยิ่งมีความหวังมากเท่าไรความผิดหวังก็ยิ่งมากเท่านั้นนะครับ
หลินเยว่คิดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนักและเวลานี้เขาจึงพบว่าอาจารย์ของตนเองกำลังนั่งยองๆ ลงไปสำรวจหินหยกก้อนนั้นแล้วเขาใจนหัวใจกระตุก แอบคิดว่าแย่แล้ว! หากดูรอยแตกนั้นแล้วไม่ว่าจะดูอย่างไร รอยแตกนั้นก็ต้องส่งผลต่อหยกด้านในอย่างแน่นอนถึงแม้ว่าจะเป็ปรมาจารย์แห่งหยกก็เกรงว่าจะมองไม่ออกถึงความมหัศจรรย์อันแสนลึกลับตรงจุดนี้
เขาต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดมิฉะนั้นแล้วเขาคงไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย!
หลินเยว่ต้องกลับไปสวดมนต์ขอพรก่อน ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปทางประตูใหญ่ของโรงงานทันที ระหว่างที่วิ่งเขาก็ะโพูดกับท่านเฮ่อ“อาจารย์ครับ ผมยังมีธุระด่วนอีก ขอตัวก่อนครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาตัดหินหยก”
ขณะที่พูดตัวหลินเยว่ก็ได้วิ่งออกไปจากโรงงานเสียแล้ว
หลังจากนั้นท่านเฮ่อฉางเหอจึงแผดเสียงตามมาทางด้านหลัง
“หลินเยว่......”
“โอ้ว อันตรายมาก อันตรายจริงๆ”หลินเยว่ที่วิ่งออกมาจากโรงงานเป็ระยะทางไกลมากโดยไม่มีการหยุดพักหายใจระหว่างทางจึงได้แต่ตบหน้าอกของตัวเองและอุทานอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นเขาจึงเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปทางใจกลางเมืองเขาซื้ออาหารที่ทำเสร็จร้อนๆ อร่อยๆ กลับบ้าน การเดินทางไปเถิงชงครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จเป็อย่างสูงดังนั้น พวกเขาจึงต้องฉลองกันสักหน่อยสิ
ณ ใจกลางเมือง หลินเยว่เดินผ่านโซนที่ขายแอลกอฮอล์อย่างไม่ตั้งใจเขาแอบสนใจอยู่บ้าง ดังนั้น จึงซื้อไวน์แดงที่มีอายุค่อนข้างเยอะมาขวดหนึ่งหลังจากนั้นจึงคิดเงินแล้วถือของที่ตนเองซื้อไว้แล้วออกมาจากร้านนั้น
เมื่อหลินเยว่กลับถึงบ้านก็เป็เวลาหนึ่งทุ่มแล้วเขาไม่ได้บอกฉินเหยาเหยาว่าตนเองจะมาถึงเมื่อไร เพราะเขาคิดจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับอีกฝ่าย
เขาไม่ได้ล้วงกุญแจออกมาไขประตูแล้วเดินเข้าไปแต่กลับแกล้งทำเป็มีมารยาทโดยการเคาะประตูขึ้น
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดเซียวของฉินเหยาเหยาจึงปรากฏสู่สายของตาหลินเยว่ทันทีเขาจึงรู้สึกเ็ปลึกๆ ในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้