ตอนนี้ทางเลือกของลู่อวี้ฉิงมีเพียงสองทางเท่านั้น หนึ่งคือขายตน และเอาอกเอาใจชายผู้นี้เพื่อให้ได้รับโอกาสในการมีชีวิตอยู่ต่อไป สองคือยอมให้เขาฆ่า ลู่อวี้ฉิงกัดริมฝีปาก ก่อนที่สุดท้ายจะใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ แก้เชือกรัดเอวของตนออกอย่างระมัดระวังด้วยอาการสั่นเทา
ไม่นาน นางก็เปิดเผยสิ้นทุกสิ่งต่อหน้าลู่เหวินเจิ้น
ในขณะนั้นลู่เหวินเจิ้นก็คิดว่าการตัดสินใจนี้ของตนช่างถูกต้องเสียเหลือเกิน และเพียงไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องราวกับจะขาดใจของลู่อวี้ฉิงดังลอดออกมา
ทางด้านจวินเหยียนเมื่อเห็นเป็เช่นนั้นก็รีบพาตัวอวิ๋นซีไปหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของกำแพง เขามองนางด้วยสายตาเย้าแหย่แล้วจึงถามเสียงเบา “เ้าชอบดู? ”
อวิ๋นซีกลอกตา “แล้วท่านไม่ชอบ? ” เป็เขาที่พานางมาที่นี่ชัดๆ มิใช่หรือ? แต่ตอนนี้กลับมีหน้ามาถามคำถามเช่นนี้อีก
เขาหัวเราะเบาๆ เขยิบเข้าไปใกล้หูนาง “ข้าชอบทำกับเ้ามากกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อวิ๋นซีก็ราวกับเห็นผี ทำไมนางถึงคิดว่าจริงๆ แล้วตนกับจวินเหยียนควรจะสลับกันมากกว่า คนที่ย้อนเวลามาสมควรเป็เขา เพราะการกระทำและคำพูดของคนคนนี้หาความอ้อมค้อม หรือการรักษาท่าทีไม่เจอแม้เพียงนิด
“ทำน้องท่านสิ” นางกัดฟัน ในเมื่อเขาทำตัวหน้าไม่อายกับนางก่อน แล้วนางยังจะต้องอ้อมค้อมอะไรอีก “โอวหยางจวินเหยียน หากท่านยังทำเช่นนี้อีก อวิ๋นซียอมตายดีกว่าร่วมมือกับท่าน อีกทั้งวันหน้าขออย่าได้พบเจอกันอีก”
จวินเหยียนตื่นใเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของนาง เขารีบร้อนปล่อยนางทันที “ได้ ข้าผิดไปแล้ว ฮูหยินอย่าได้โกรธเคือง”
อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็า ก่อนจะโผนทะยานจากไป อย่างไรเสียในตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าเื่ราวระหว่างลู่เหวินเจิ้นและลู่อวี้ฉิงเรียบร้อยดีตามแผนการ หากง้างคันธนูแล้วย่อมไม่มีศรย้อนกลับ ด้วยหลักการนี้ลู่อวี้ฉิงคงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วแน่นอน เพราะหากอยากรักษาชีวิตตนก็ต้องจับหญ้าไว้ให้แน่น ซึ่งในกรณีนี้หญ้านั่นก็คือลู่เหวินเจิ้น
ทว่าเมื่อใดก็ตามที่ลู่เหวินเจิ้นเกิดเบื่อหน่ายนาง นั่นก็คือเวลาไปพบยมบาลของนางแล้ว ต่อให้ไม่ทำเพื่อความสุขสบาย ร่ำรวย แต่เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อ นางก็จำต้องเอาใจลู่เหวินเจิ้นต่อไป นอกจากนี้ขอแค่คนทั้งสองได้แนบชิดกันเช่นนี้นานวันเข้า หากร่างกายของลู่เหวินเจิ้นไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ลู่อวี้ฉิงจะต้องตั้งครรภ์ให้อีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
ขอแค่ลู่อวี้ฉิงตั้งครรภ์ได้ แผนการของตนก็นับว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มหญิงสาวที่ยามนี้ออกมาเดินไปตามถนนใหญ่ ระหว่างทางจวินเหยียนไม่คิดปริปากพูดแม้สักคำ ด้วยเกรงว่าจะไปทำให้สตรีข้างกายนางนี้ไม่พอใจเข้า เพราะนอกจากความสามารถติดตัวของนางแล้ว เขาก็รู้สึกชอบพอในตัวนางจริงๆ
สตรียอดเยี่ยมแห่งยุคเช่นนี้ หากสูญเสียไปคงต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
“อำเภอโจวสามารถพัฒนาให้กลายมาเป็อำเภอหลักสำหรับการผลิตงานไม้แกะสลักได้ ไม่ว่าจะเป็โต๊ะ เก้าอี้ เตียง สิ่งเหล่านี้ที่ปกติเป็ของที่พวกเราจำเป็ต้องใช้กัน ดังนั้นคงจะเป็การดีหากสามารถผลิตออกมาให้มีความหลากหลายและโดดเด่นได้ ขอเพียงแค่คิดค้นแบบออกมา เราก็จะสามารถผลิตสิ่งต่างๆ เ่าั้ให้ออกมาได้ในปริมาณที่มาก” นางมองไปยังเขาพลางคิดไปถึงข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านของยุคปัจจุบัน ก่อนจะพบว่าบริเวณรอบอำเภอโจวล้วนเป็ขุนเขาร้อยต่อที่ไม่จบสิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัสดุไม้ย่อมต้องมีปริมาณมาก ดังนั้นไม้ในป่าทึบทั้งหลายเ่าั้ล้วนแปรเปลี่ยนให้เป็เงินทองได้ทั้งสิ้น
เมื่อได้ยินนางพูดขัดความสงบเงียบขึ้นมาเช่นนี้ จวินเหยียนก็รู้ได้ในทันทีว่าสตรีผู้นี้ต้องไม่โกรธแล้วเป็แน่ อีกทั้งเื่ที่นางพูดเมื่อครู่ยังเป็เื่จริงจัง เขาจึงกล่าวต่อ “รอให้เรากลับไปถึงโรงเตี๊ยมก่อน แล้วค่อยคุยกันเื่นี้” เขาสังหรณ์ใจว่า แผนการที่อวิ๋นซีพูดออกมานั้น หากสามารถทำได้จริงๆ แล้วละก็เื่นี้จะต้องเป็เื่สำคัญต่อหานโจว และอำเภอโจวเป็อย่างมาก
คนทั้งสองเดินกลับไปถึงโรงเตี๊ยมด้วยกัน และเพราะในตอนนี้ที่พวกเขายังอยู่ระหว่างการปลอมตัวเป็สามีภรรยา ดังนั้นจวินเหยียนจึงให้คนเปิดห้องอย่างดีไว้เพียงห้องเดียว
หลังจากที่พวกเขากลับไปถึงห้องแล้ว เขาก็รีบพูด “ซีซี เล่าความคิดของเ้าออกมาให้หมดเถิด”
อวิ๋นซีมองเขา ในใจคิดว่าเขา้ากลับไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมากเพียงไรกันนะ? ทว่าในเมื่อเป็เช่นนี้ นางก็จะช่วยเขาสักครั้ง และถือโอกาสนี้เป็การช่วยตนเองด้วย “ไม้นั้นสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย ทั้งยังเป็สิ่งจำเป็ที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ท่านว่า หากพวกเราออกแบบเตียงที่มีชั้นบนอีกชั้นหนึ่งมาไว้ที่นี่ เวลาคนสองคนมาเข้าพักก็จะสามารถใช้ห้องพักเพียงห้องเดียวได้ หากเป็เช่นนี้ท่านไม่คิดว่าจะสะดวกขึ้นมาหน่อยหรือ? ”
“เตียงสองชั้น? ” เขาเลิกคิ้ว ขบคิดอีกสักครู่ก็กระจ่างแจ้ง “ความหมายของเ้าคือให้เตียงหนึ่งหลังแบ่งเป็ชั้นบนกับชั้นล่างโดยที่คนสามารถมานอนได้ทั้งสองชั้น? ”
อวิ๋นซีพยักหน้า “ถูกต้อง เป็เช่นนั้น หากทำเตียงสองชั้นเช่นนี้ออกมาได้ ไม่ว่าจะใช้ในบ้านหรือใช้ที่โรงเตี๊ยมก็ล้วนเหมาะสมทั้งสิ้น ข้ามั่นใจว่าตลาดการค้าไม้นี้จะต้องกว้างมากขึ้นอย่างแน่นอน”
จวินเหยียนตั้งใจฟังนางพูดต่อ “เตียงสองชั้นนี้มีหลายแบบหลายลักษณะ ทั้งยังสามารถทำแบบเป็ชุดก็ได้ ตัวอย่างเช่น ข้างเตียงนี้อาจมีตู้สำหรับเก็บภูษาอาภรณ์เพิ่ม อีกทั้ง นอกจากเตียงแล้ว วัสดุไม้นี้ยังสามารถประดิษฐ์เป็โต๊ะสำรับที่สามารถหมุนได้ได้อีกด้วย หรือจะเป็โต๊ะสำรับที่สามารถพับเก็บได้...”
นางยิ้มมองดูเขา “ท่านว่า หากเครื่องเรือนเหล่านี้ทำออกมาเป็รูปเป็ร่างแล้วจะสามารถเปลี่ยนกลายเป็เงินได้หรือไม่? ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือท่านจะทำของเหล่านี้ได้จำต้องใช้คนงานจำนวนมาก ถึงกระนั้นตอนนี้โรงไม้ของท่านก็ใหญ่โตยิ่งแล้ว ทว่าหากเชื้อเชิญชาวบ้านข้างเคียงให้มาทำงานที่โรงไม้ของท่านเพิ่ม เพียงจ่ายค่าแรงให้พวกเขาย่อมใช้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของอำเภอโจวนับวันยิ่งดีขึ้น ยิ่งกว่านั้น ชาวบ้านที่มีเวลาเหลือจากการหว่านเมล็ดในฤดูใบไม้ผลิ และเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีหนทางหารายได้เสริมอีกทางหนึ่ง เช่นนี้อำเภอโจวก็จะกลายเป็อำเภอแห่งงานไม้แกะสลักที่มีชื่อเสียงอย่างแท้จริง”
“ดี อำเภอแห่งงานไม้แกะสลัก ดียิ่ง” จวินเหยียนสามารถจินตนาการถึงภาพอำเภอโจวในอนาคตที่แตกต่างไม่เหมือนใครออกมาได้
ถึงกระนั้นอวิ๋นซีก็ยังคงไม่ลืมเตือนอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านั้น ท่านจำเป็จะต้องซื้อสิทธิ์ในการใชู้เาเหล่านี้เป็เวลาหลายสิบปี อีกทั้งในทุกๆ ครั้งที่ตัดต้นไม้ไปหนึ่งต้น จำเป็จะต้องปลูกต้นเล็กๆ ไว้ข้างๆ อีกหนึ่งต้น หากทำเช่นนี้ อีกสิบกว่าปีข้างหน้าต้นไม้เหล่านี้ก็จะเติบโตไปเป็ไม้ใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า”
ในยุคปัจจุบัน เป็เพราะคนมากมายขาดความตระหนักรู้ ทำให้เมื่อต้นไม้บนูเาเ่าั้ถูกโค่นไปแล้ว ูเาที่เคยเขียวชอุ่มก็จะกลายเป็เพียงูเาโล้นๆ ซ้ำร้ายบางครั้งเมื่อเกิดพายุฝนขนาดใหญ่บริเวณูเา พื้นที่และสรรพสิ่งโดยรอบก็ไม่แคล้วให้ต้องพังทลาย
ขณะที่พวกเขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ จวินเหยียนได้เลือกสรรห้องที่ดีที่สุดไว้ ดังนั้น ภายในห้องหับจึงมีตระเตรียมพู่กัน หมึก และกระดาษไว้พร้อมสรรพ และในตอนนั้นเองอวิ๋นซีเดินไปที่หน้าโต๊ะเขียนอักษร ก่อนจะวาดแบบเตียงสองชั้นบนล่างและโต๊ะที่สามารถหมุนได้ออกมา
ในยุคปัจจุบันโต๊ะอาหารที่หมุนได้จะนิยมใช้กระจกเทมเปอร์หรือกระจกนิรภัย ทว่าในสถานที่แห่งนี้ ในยุคโบราณเช่นนี้หาได้มีสิ่งเหล่าไม่ วัสดุที่นางเลือกใช้ครานี้จึงยังคงเป็ไม้ เวลาผ่านไปเพียงไม่นานแบบร่างสองสามแบบก็เป็อันเสร็จ จวินเหยียนที่อยู่ด้านข้างจดจ่ออยู่กับทุกๆ ขั้นตอนของการร่างแบบเหล่านี้มาั้แ่ต้นจนจบ ซึ่งชวนให้เขาอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “ซีซี สมองเ้ามีลักษณะเป็อย่างไรกันแน่? ”
อวิ๋นซีไม่ได้ตอบ แค่มอบภาพร่างแบบเ่าั้ให้เขา “โอวหยางจวินเหยียน พวกเรามีความสัมพันธ์กันแบบผู้ร่วมงานเท่านั้น หากวันหน้ามีคำใดที่ไม่สมควรพูด ข้าก็หวังว่าท่านจะปิดปากเสีย มิฉะนั้นหากข้าอารมณ์ไม่ดี ก็จะไม่อาจช่วยท่านวางแผนได้และจะคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น”
มือของชายหนุ่มที่รับภาพร่างแบบมาถึงกับชะงักค้าง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ก็ว่าอยู่ว่าซีซีหาใช่คนที่จะมีเมตตาถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็รอให้ข้าตกลงมาในกับดักเ้านี่เอง ได้ ข้าให้สัญญาว่า ในระหว่างที่เ้าและข้ายังเป็แค่ผู้ร่วมงานกัน ข้าจะระวังคำพูด” และรอจนกระทั่งเ้าได้กลายมาเป็ชายาข้า ทุกอย่างในวันนั้นก็จะต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้น วันนั้นของข้าก็ใกล้จะมาถึงแล้ว นี่คือสิ่งที่เขามิได้เอื้อนเอ่ย
เมื่อได้รับคำสัญญาที่ตน้า อวิ๋นซีถึงได้พยักหน้า “แล้วเราจะไปเก็บสมุนไพรที่เขาเสี่ยวหยางเมื่อใด? ” ในเมื่อเื่ของลู่อวี้ฉิงก็ได้บทสรุปแล้ว ตอนนี้นางจึงคิดเพียงว่าอยากจะเก็บสมุนไพรทำยาให้ได้เร็วๆ เพื่อจะได้รีบกลับบ้านเสียที
เขาขบคิด “ไปวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ข้ายังมีธุระนิดหน่อยให้ต้องไปทำ เ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถิด” เมื่อเขาเก็บภาพแบบร่างเรียบร้อยก็รีบออกไปแทบจะในทันที
อวิ๋นซีรู้ดี เขาคงตั้งใจจะนำภาพร่างเ่าั้ไปให้ช่างฝีมือประดิษฐ์ออกมาเป็ของจริง ทว่าเมื่อได้เห็นท่าทางเร่งร้อนนี้ของเขาแล้ว มุมปากนางก็โค้งขึ้นน้อยๆ ไม่ว่าอย่างไรคนตระกูลโอวหยางก็ล้วนมีความทะเยอทะยานจริงๆ กระทั่งจวินเหยียนก็หาใช่ข้อยกเว้นไม่