“ท่านพี่ ข้าก่อเื่อีกแล้ว”
“อ้อ...” นางเงยหน้าขึ้นจากกองงาน แล้วรับคำแบบเรียบๆก่อนจะมองมาด้วยตาคู่สวยแล้วถามขึ้น “พูดมาสิว่าครั้งนี้ก่อเื่ใหญ่ขนาดไหน?”
“พวกสามปราชญ์ของสำนักจวี๋ฉีโดนข้าซัดจนเกือบตาย...”
“...”
นางอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะเม้มปากเล็กๆ แล้วพูดขึ้น “อ้อ แบบนี้สินะ ถ้าอย่างนั้นคงจะมีปัญญาจริงๆแล้วล่ะ...อย่าเพิ่งคิดถึงเื่ตระกูลหวินกับตระกูลจวงเลยเพราะแค่เื่ของเฉิ่นลั้งก็หนักเอาการแล้วเพราะพ่อของเฉิ่นลั้งอย่างเฉิ่นหยางเป็ถึงผู้ควบคุมทหารในเมืองหลินเสี่ยเฉิงกว่าหมื่นนายและเฉิ่นหยางยังแข็งแกร่งเอาการอยู่เหมือนกันดังนั้นนับจากวันนี้ไปเ้าจะต้องอยู่ข้างข้าตลอดและห้ามห่างไปไหน เข้าใจไหม?”
“อืม...”
ข้ารับคำก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวนาง “แล้วต่อจากนั้นล่ะ?”
“ต่อจากนั้นเหรอ?”
นางยิ้มขึ้นบางก่อนจะพูดต่อ “รอให้พวกนั้นมาหายังไงล่ะเื่แบบนี้ข้าพอจะนึกออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...สวี่ลู่ เข้ามานี่หน่อย”
สวี่ลู่ผลักประตูเข้ามาก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “รองเ้าสำนักมีอะไรให้รับใช้คะชาหรือกาแฟ?”
“ไม่เอาสักอย่างอีกเดี๋ยวจะมีคนมาก่อเื่เ้าไปบอกให้ฝ่ายองครักษ์เตรียมพลทั้งหมดไปดูแลหน้าประตูและห้ามไม่ให้หน่วยทหารกองไหนเข้ามาโดยเด็ดขาด”
“ค่ะ!”
สวี่ลู่เดินไปไม่ถึงสามก้าวก็หันกลับมาถามอีก “แล้วถ้าพวกนั้นยืนยันที่จะลงมือล่ะ?”
ปู้เสวียนยินยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “สำนักหมื่นิญญามีปรมาจารย์ิญญาสิบเจ็ดคนและยังมีพวกอาจารย์ที่อยู่ในอันดับัพยัคฆ์ถึงยี่สิบกว่าคนจะไม่มีประโยชน์เลยหรือไง? อีกอย่างสำนักของเราเป็องค์กรพิเศษของสหพันธ์ถ้าพวกนั้นบุกเข้ามาก็ใช้กำลังต่อต้านกลับไป!”
“ค่ะ!”
ยิ่งได้ยินแบบนี้ข้าก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ “นี่ข้าทำเื่เล็กให้กลายเป็เื่ใหญ่แล้วสินะ”
นางยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้น “ใช่...แต่ว่าคนตระกูลปู้ไม่เคยกลัวปัญหาก่อนอื่นเ้าต้องบอกข้าก่อนว่าทำไมถึงไปทำร้ายพวกสามปราชญ์แห่งจวี๋ฉีได้?”
“พวกนั้นทำร้ายซ้งเชียนก่อน”
นางได้ยินแล้วพยักหน้ารับรู้ “อ๋อ...เป็เพราะเื่ของซ้งเชียนสินะถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลก เ้าทำได้ดีเพราะพวกสามคนนั้นควรจะได้รับการสั่งสอนซะบ้าง”
“แล้วข้ายังถือโอกาสทำร้ายเชวียนหยวนจิ้นไปด้วย...”
ปู้เสวียนยินถึงกับชะงักเล็กน้อยออกมา “จริงเหรอ?”
“อืม”
“เ้าสั่งสอนคนแบบนั้นไปด้วยก็ดีเหมือนกัน...”
“คนแบบนั้นที่ท่านว่าคือ?...”
“เขาเก่งเกินไปเก่งจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา คนเก่งๆแบบนั้นก็ควรจะสั่งสอนให้รู้จักถ่อมตัวลงซะบ้าง”
ข้าได้แต่นั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป
...
ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นสวี่ลู่ก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่สู้ดีสักเท่าไร “ท่านรองเ้าสำนักเฉิ่นหยางพาทหารมายืนดักอยู่ที่ประตูทางทิศเหนือไม่ยอมไปไหนเลยค่ะ”
“หืม? พาทหารมาเท่าไร”
“น่าจะประมาณพันกว่านายล้วนแต่เป็ทหารของเมืองหลินเสี่ยทางเหนือที่มีอาวุธปืนครบมือ”
“ฮึ!”
ปู้เสวียนยินตบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้น “อุตส่าห์ไว้หน้าแล้วไม่ชอบสินะ!คนอย่างเฉิ่นหยางนับวันก็ยิ่งแย่เขาคิดว่าสำนักหมื่นิญญาเป็สถานที่ที่เขาคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ? ไปกัน ข้าขอออกไปดูสักหน่อย!”
ได้ยินนางพูดแบบนั้นจึงต้องลุกตามไป
“เสี่ยวเชวียน เ้าไม่ต้องไปเพราะจะต้องวุ่นวายอีกแน่ๆ” นางพูดห้าม
ข้าส่ายหน้าคัดค้าน “กล้าทำก็ต้องกล้ารับถึงเวลาที่ต้องรับผิดชอบ ข้าก็ไม่คิดหนี ดังนั้นข้าจะต้องไป!”
“ก็ได้เพราะมีข้าอยู่พวกนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว”
“อืม!”
ทั้งสองเดินออกจากห้องทำงานแล้วตรงไปยังประตูทางทิศเหนือ
และเป็ไปตามคาดเมื่อด้านในของประตูทางเหนือมีศิษย์และอาจารย์จำนวนไม่น้อยรออยู่ ด้านหน้าของกลุ่มศิษย์คือปรมาจารย์ิญญายืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่นี่เกือบหมดสีหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงอารมณ์อันเกรี้ยวกราด ซึ่งถ้าคุยไม่ถูกหูคงจะลงมือทันที
“ท่านรองเ้าสำนักมาแล้ว!”
ปรมาจารย์ิญญาท่านหนึ่งพูดขึ้นก่อนคนที่เหลือจะมองมาด้วยความเคารพเกรงขาม
ปู้เสวียนยินที่อยู่ในชุดเทพศาสตราวุธและข้าเดินตรงไปยังหน้าประตูใหญ่อย่างรวดเร็วพลางกวาดตามองไปรอบๆก็เห็นว่าปากทางเข้ารวมไปถึงด้านนอกมีทหารจำนวนไม่น้อยยืนดักอยู่จนศิษย์แต่ละคนออกไปไหนไม่ได้ แถมนายทหารแต่ละนายยังตั้งท่ารบทั้งยังเตรียมพร้อมปืนกลและปืนใหญ่ที่เล็งมาทางสำนักเป็ที่เรียบร้อย
ด้านหน้าของทหารนับพันนายมีคนที่สวมชุดเกราะของผู้คุมทหารฝ่ายเหนืออย่างเต็มยศโดยที่เอวมีกระบี่ยาวเหน็บไว้อยู่พอเห็นพี่เสวียนยินเดินเข้าไปใกล้รีบเข้ามาทำความเคารพ “ท่านรองเ้าสำนัก!”
“เฉิ่นหยาง?”
นางยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ทหารองครักษ์ของเ้าฝึกมาเพื่อจู่โจมสำนักหมื่นิญญาอย่างนั้นเหรอ?”
เฉิ่นหยางขมวดคิ้วเข้มก่อนจะชี้ไปด้านหลังแล้วพูดขึ้น “เชิญท่านรองเ้าสำนักดูนี่เสียก่อนทั้งที่เฉิ่นลั้งลูกชายของข้าเรียนอยู่ในสำนักแต่กลับถูกทำร้ายจนได้รับาเ็สาหัส กระดูกขาแตกละเอียดแม้จะใช้ยาที่ดีที่สุดก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนถึงจะกลับมาดีขึ้นความแค้นครั้งนี้สิ่งที่คนเป็พ่ออย่างข้าควรจะทำคือการมาคิดบัญชีกับคนที่ก่อเื่ไม่ใช่หรือไง?”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ปู้เสวียนยินว่าพลางยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นในฐานะที่ท่านเป็นายพลตรีทางเหนือของเมืองหลินเสี่ยเฉิงการที่บอกให้ลูกน้องจ่อปืนมาทางสำนักหมื่นิญญาก็เป็เื่ที่ท่านควรจะทำด้วยใช่ไหม?”
เฉิ่นลั้งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง “ลดปืนลง!”
พอเขาสั่งเหล่าทหารต่างก็ลดปืนลงตามคำสั่งทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนเฉิ่นหยางจะพูดต่อ “แล้วตอนนี้ท่านพร้อมจะคุยรายละเอียดของเื่แย่ๆที่เกิดขึ้นกับข้าน้อยได้หรือยังขอรับ?”
ปู้เสวียนยินไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูดแต่กลับเงยหน้าขึ้นมองตึกที่ไกลออกไปกว่าร้อยเมตรรวมถึงปลายกระบอกปืนสีดำสนิทที่กำลังเล็งมาทางตัวเอง “เฉิ่นหยางนี่ท่านกำลังสั่งให้คนเล็งปืนมาทางข้าอยู่อย่างนั้นเหรอ? หรือว่าพลปืนที่พวกท่านฝึกมีไว้เพื่อยิงเทพศาสตราวุธโดยเฉพาะ?”
เฉิ่นหยางกัดฟันแน่น “นี่มันเป็เื่ละเอียดอ่อนข้าเองก็ต้องกันตัวเอาไว้ก่อน ขอให้ท่านเทพศาสตราช่วยเห็นใจด้วยขอรับ”
“แต่ข้าไม่ชินกับการถูกปืนเล็งอยู่แบบนี้”
“ปู้เสวียนยิน!” เฉิ่นหยางเริ่มมีน้ำโหจึงเรียกชื่อนางออกมาตรงๆ ก่อนจะพูดต่อ “น้องของเ้าทำร้ายลูกชายของข้าจนได้รับาเ็สาหัส แต่เ้าไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ? หรือเ้ากำลังพยายามพูดนอกเื่เพื่อให้เื่มันดูเบาลง ไม่มีทาง!”
“ข้าจะบอกอีกครั้งว่าข้าไม่ชอบการถูกปืนเล็งใส่”
“เ้า!”
ปู้เสวียนยินไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กลับยกมือขวาขึ้นแล้วใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางชี้ไปยังยอดตึกที่อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยเมตรชั่วพริบตาเดียวก็มีลำแสงพุ่งออกมา
ปิ้ว!
แสงสีแดงพุ่งออกมาด้วยพลังอันแข็งแกร่งจนยอดตึกแตกะเิพลปืนที่อยู่บนนั้นตายไปอย่างช่วยไม่ได้...
“เ้า...” เฉิ่นหยางอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
ปู้เสวียนยินทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางยืนกอดอกก่อนจะพูดขึ้น “หลังจากที่สหพันธ์หลงหลิงได้ก่อตั้งขึ้นมาก็มีการกำหนดกฎเกณฑ์ไว้หลายอย่างทางด้านวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ออกคำสั่งให้เทพศาสตราวุธมีอำนาจเหนือฝ่ายทางการทหารแต่วันนี้กลับมีพลทหารคนหนึ่งใช้ปืนเล็งมาทางเทพศาสตราวุธอย่างข้า แล้วแบบนี้เป็เพราะนายทหารผู้นั้นไม่รู้กฎหรือเป็เพราะท่านที่ไม่เคารพกฎกันแน่?”
เฉิ่นหยางขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้น “ท่านปู้เสวียนยินถึงอย่างไรท่านก็ต้องจัดการเื่นี้ให้แก่ข้า ท่านจะเอาตำแหน่งเทพศาสตราวุธมาปกป้องน้องชายตัวเองด้วยการทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่ามันไม่ถูกต้อง!”
“รังแกคนที่อ่อนแอกว่า?”
ปู้เสวียนยินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ “เฉิ่นลั้งลูกชายของท่านใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำร้ายศิษย์ในสำนักหมื่นิญญาไปแล้วกี่คนท่านเคยรู้หรือเปล่า?...ซ้งเชียน เ้าออกมานี่สิ”
ซ้งเชียนที่ได้ยินก้าวออกมาจากกลุ่มคน
เมื่อปู้เสวียนยินเห็นซ้งเชียนเดินออกมาจึงพูดต่อ“าแบนหน้าของเขาล้วนเกิดจากฝีมือของลูกชายท่านทั้งสิ้นแล้วเื่นี้ท่านจะว่าอย่างไร?”
เฉิ่นหยางเห็นแล้วพูดขึ้น “เื่นั้นก็ส่วนเื่นั้นไปเขาาเ็เพียงเล็กน้อยจะเอามาเทียบกับลูกชายของข้าที่กระดูกแตกได้อย่างไร? แล้วอีกอย่างน้องชายของเ้าก็อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ของเ้ามาทำร้ายลูกชายของข้าเหมือนกัน!”
“ไม่ใช่”
ปู้เสวียนยินส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะพูดต่อ “ั้แ่เล็กจนโตเสี่ยวเชวียนของข้าไม่เคยรังคนอื่นก่อนนอกเสียจากจะมีคนมาหาเื่ ตั้นไถเหยา เ้าออกมาเป็พยานหน่อยได้ไหม?”
ตั้นไถเหยาเดินออกมาจากกลุ่มคนพลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ข้าสามารถเป็พยานให้ได้แน่นอนท่านรองเ้าสำนัก เมื่อสิบวันก่อนเฉิ่นลั้งเคยมายั่วยุปู้อี้เชวียนจริงซึ่งเื่นี้นอกจากข้าแล้วยังมีศิษย์คนอื่นๆ ที่สามารถเป็พยานได้”
“ได้ยินแล้วใช่ไหม? ท่านเฉิ่นหยาง” พี่เสวียนยินว่าพลางยิ้ม
เฉิ่นหยางโกรธจนหน้ากระตุกก่อนจะพูดขึ้น “พวกเ้าต่างก็เป็คนของสำนักหมื่นิญญาก็พูดได้สิใครจะรู้ว่าพวกเ้ารวมหัวกันมาหรือเปล่า ฮึ! ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมง่ายๆ แน่เ้าจะต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่าเื่นี้มันไม่ใช่เื่เล็กๆ!”
ปู้เสวียนยินหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “หืม? ที่ท่านพูดแบบนี้แสดงว่าท่านก็อาศัยที่ตัวเองมีปืนใหญ่และลูกะุพอพูดอะไรจึงกลายเป็เื่ถูกต้องตามหลักเหตุผลอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้วท่านหมายความว่าอย่างไรล่ะ?” พี่เสวียนยินว่าแล้วแสดงสีหน้าจริงจังกว่าเดิมก่อนจะกัดฟันพูดต่อ “ท่านถึงได้พาทหารนับพันนายมาหาเื่ข้าถึงสำนักหมื่นิญญาแล้วถ้าข้าอาศัยเื่นี้จัดการพวกท่านให้ราบเป็หน้ากลองท่านว่าซูซีเฉิงกับถังอานหลีจะลงโทษข้าหรือเปล่า?”
เฉิ่นหยางได้ยินถึงกับหน้าซีดลง “เ้า...เ้ากล้าเหรอ?”
“ข้าไม่กล้าอย่างนั้นเหรอ?”
นางกางนิ้วทั้งห้าออกก่อนจะเกิดเป็เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาจากพื้นดินพร้อมกับใบหน้าที่ยังยิ้มระรื่นของนางมือเรียววาดมาทางเฉิ่นหยางจนเปลวเพลิงนั้นเลื่อนไหลตามมาแล้วตัดเขาและทหารนับพันนายที่อยู่ข้างหลังขาดออกจากกันเปลวไฟลุกโชนจนทหารหลายนายต้องถอยกรูทั้งยังร้องออกมาเสียงดัง แม้จะไม่มีใครตายแต่ก็ได้รับาเ็ไม่น้อย
“เ้า...เ้าบ้าไปแล้วหรือไง!?” เฉิ่นหยางพูดเสียงสั่น
ปู้เสวียนยินยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้น “คนพวกนี้ล้วนเป็ทหารแต่กลับใช้ปืนจ่อเล็งมายังศิษย์ซึ่งเป็อนาคตในวันข้างหน้าของสหพันธ์ ทำแบบนี้พวกเขาจะต่างจากเครื่องจักรในาตรงไหนกัน? การที่ข้าไม่ฆ่าพวกเขาเพราะไม่อยากให้กลายเป็เื่ใหญ่!”
และในตอนนี้เฉิ่นปู้หยุนที่อยู่ในแถวของปรมาจารย์ิญญาพลางกอดอกแล้วพูดขึ้น“ท่านรองเ้าสำนักข้าว่าเราเริ่มลงมือกันเลยไม่ดีกว่าหรือไง? แถมจัดการคนพวกนี้ก็ทำได้ง่ายๆจะได้ทำให้สวะอย่างพวกที่กล้ามาเบ่งอำนาจอวดดีที่สำนักได้รู้ว่าความแตกต่างของพลังมันเป็อย่างไร!”
หลันเท้อพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดเสริม “จริงด้วยเพราะถ้านายพลทุกคนล้วนเป็เหมือนเฉิ่นหยาง ข้าว่าอีกไม่นานสหพันธ์ก็คงจะวุ่นวาย นึกไม่ถึงว่าแค่ลูกชายกระจอกๆของตัวเองเกิดเื่แล้วจะกล้านำทหารมาหาเื่หนึ่งในสี่สำนักใหญ่อย่างสำนักของพวกเราหรือเพราะมีใครอยู่เื้ัเลยจึงกล้าเหิมเกริมได้ถึงเพียงนี้? ถังเชวียหราน เฉิ่นหยางเป็นายทหารของตระกูลเ้าไม่ใช่หรือไงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
ถังเชวียหรานที่ได้ยินเดินออกมาจากกลุ่มคนพร้อมกับกระโปรงตัวสั้นที่ปลิวตามแรงลมและเดินตรงไปด้านหน้าของเฉิ่นหยาง
“คุณหนูใหญ่...” สีหน้าของเขายิ่งดูซีดลงราวกับไม่มีเืในร่างกาย
นางขมวดคิ้วเล็กๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก! หรือเ้าอยากจะขึ้นศาลทหาร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้