ทุกคนตะลึงจนต้องหันหลังกลับมามอง แล้วก็ได้พบว่าเ้าของลมปราณนั้นเป็ชายที่ท่าทางไม่ธรรมดาเลย
เขาไว้ผมสั้นสีทอง คิ้วหนา จมูกโด่ง ผิวสีน้ำตาล รูปร่างกำยำ ส่วนสูงประมาณหนึ่งเมตรเก้าสิบ สวมเสื้อกล้ามสีดำที่ทำให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง แขนไม่ได้ล่ำมาก แต่รอยกล้ามเนื้อชัดเจนและสวยงาม
เห็นแค่นี้ก็รู้สึกถึงความเป็ชายฉกรรจ์มาก แต่ท่าทางของเขาไม่ได้ดูหยาบกร้านเลย กลับกัน แค่ยืนด้วยท่าทางที่ห้าวหาญก็ทำให้คนรู้สึกว่าเขานั้นดูโดดเด่นอย่างมาก
และในเวลานี้ บนตัวของเขาก็แผ่ลมปราณขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งออกมาจากร่างกาย ดวงจิตเทวะที่หน้าอกกำลังเต้นอยู่ ดูราวกับเทพเ้าาที่ไร้พ่ายจนทำให้คนรู้สึกยำเกรง
“เขา ... ”
ก่อนหน้านี้ก็มีคนสังเกตเห็นเขาบ้างแล้ว เพียงแต่ทุกคนแค่รู้สึกว่าภายนอกที่ดูน่ากลัว แต่ภายในอาจจะไม่เอาไหนเลยก็ได้ แต่ในความเป็จริง ทั้งความสามารถที่มีและรูปลักษณ์ภายนอกของเขานั้นโดดเด่นเหมือนกันเลยทีเดียว
ชายคนนี้มีนามว่าเซินถูเจ๋อ เป็องค์ชายของเผ่าอูจิน มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า และมีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวั้แ่อายุสิบเจ็ด หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี เขาก็ทะลวงระดับจนมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง!
เผ่าอูจินคือก็คือเผ่าที่พัฒนามาจากเผ่าหมานเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน คนที่มีสายเืของเผ่าอูจินจะมีพลังมหาศาล แต่เพราะขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนมีขีดจำกัดสูงสุดคือพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัว พลังของเขาก็เลยไม่ได้มากไปกว่านั้น
แต่เมื่อไปถึงขอบเขตอมฤตได้ ขีดจำกัดของพลังก็ถูกตีแตก สายเืของเผ่าอูจินจึงจะสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขาออกมาได้
เซินถูเจ๋อเป็ลูกหลานสายตรงของเผ่าอูจินจึงได้สืบทอดพลังอันแข็งแกร่งของเผ่ามา และเพราะเขามีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้วจึงไม่ได้มีข้อจำกัดด้านพลังอีก ดังนั้น เมื่อสายเืของเผ่าอูจินที่แฝงอยู่ถูกกระตุ้นออกมา ก็จะสามารถะเิพลังได้เทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นห้าพันตัว!
พลังที่น่ากลัวนั้นเมื่อรวมกับพลังแห่งสายเืที่หนักแน่น ก็เรียกได้ว่าแทบจะไร้พ่ายเลยทีเดียว!
พูดได้เลยว่า ในด้านพลังงานนั้น เซินถูเจ๋อถือว่าเป็คนที่มีพลังงานที่ผิดมนุษย์มาก!
ทุกคนกำลังมองสำรวจมาที่เซินถูเจ๋อ ิอวี่ก็เช่นกัน ถึงแม้เขาจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเซินถูเจ๋อกับเิหยูเยียนนั้นใครแข็งแกร่งมากกว่ากัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจนั่นก็คือ ไม่ว่าจะเป็เิหยูเยียนหรือว่าเซินถูเจ๋อ ก็ล้วนแต่มีความสามารถในการสังหารเขาได้
เิหยูเยียนมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว และยังมีวิชาเวทที่ประหลาดเกินคาดเดาคอยเสริมอีก ิอวี่คิดว่าตนเองไม่มีความมั่นใจเลยหากคิดจะเอาชนะนาง เมื่อหันไปมองเซินถูเจ๋อ ถึงแม้ิอวี่ไม่คิดว่าเซินถูเจ๋อจะมีพลังมากกว่าเขา แต่ว่าระดับความแข็งแกร่งของร่างกายเซินถูเจ๋อก็เหนือกว่า! และด้วยระดับลมปราณที่หนาแน่น เขาก็ไม่มีทางสู้เซินถูเจ๋อได้เลย
“ดูๆ ไปแล้วสำนักเทพอัคคีแห่งนี้คือสถานที่ของเหล่าผู้มีความสามารถจริงๆ หากข้าผ่านการทดสอบจะต้องเร่งชิงทรัพยากรในการฝึกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น ในเวลาหนึ่งปีข้าคงไม่อาจพัฒนาไปได้มากกว่านี้” ิอวี่แอบคิด
และในเวลานี้เอง ก็มีลมปราณที่หนาแน่นจากอีกทางหนึ่งแผ่กระจายออกมาทั่วบริเวณอย่างบ้าคลั่ง!
“อะไรกัน!”
ิอวี่หันมองตามไปทางลมปราณด้านซ้าย ก็เห็นมีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ ชายหนุ่มคนนี้มีผิวขาว หน้ารูปไข่ ริมฝีปากเบาบาง สายตาเ็า ทำให้คนรู้สึกว่าเข้าหาได้ยาก
เขามีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งจริง ดูออกเลยว่าระดับลมปราณของเขานั้นสู้เิหยูเยียนกับเซินถูเจ๋อไม่ได้ แต่ว่า เขากลับให้ความรู้สึกว่าอันตรายมากกว่า!
ถึงแม้ชายคนนี้จะหน้าตาหล่อเหลาอย่างมาก แต่หากจ้องมองไปที่เขาก็จะรู้สึกว่าถูกอสรพิษร้ายนั้นจ้องกลับมา!
“ข้ารู้ว่าเขาเป็ใคร!”
ทันใดนั้นเอง ถังซื่อหรงที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะคิดอะไรได้ ก็เลยขยับมากระซิบที่ข้างหูของิอวี่ว่า “ข้าให้เ้าได้รู้อะไรอีกหน่อย เขามาจากตระกูลถัง เป็ชายหนุ่มอันดับหนึ่งในตระกูล ถังเฉิน ถึงแม้ข้ากับเขาจะแซ่ถังเหมือนกัน แต่ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลถังเลย”
ในคำพูดตอนสุดท้าย ถังซื่อหรงดูเศร้าๆ
“ที่จริงเ้าไม่ต้องพูดก็ได้นะ”
ิอวี่เบะปาก ต่อให้ถังซื่อหรงไม่บอกเื่นี้กับเขา ต่อไปในอนาคตเขาก็ต้องรู้ประวัติของชายหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็ต้องมาบอกเลย
“ข้าบอกอะไรเ้าอีกหน่อยดีกว่า ตระกูลถังเป็ตระกูลผลิตอาวุธลับ พวกเขารู้เคล็ดลับในการควบคุมอาวุธลับเป็อย่างดี ต่อให้มีความสามารถต่ำกว่าศัตรูก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างไม่รู้ตัว!”
ถังซื่อหรงพูดอย่างเมามัน “คนของตระกูลถังมีเคล็ดลับในการรักษามือทั้งสองข้างของตัวเองเพื่อให้มีความนุ่มอยู่ตลอด เพราะการใช้อาวุธลับเป็เวลานานอาจเกิดรอยแผลบนมือได้ หากไม่ใช้เคล็ดลับในการดูแลรักษามือ การััและควบคุมอาวุธลับก็จะคลาดเคลื่อนได้ ต้องมีความแม่นยำอย่างสูงสุดเท่านั้นถึงจะสามารถสังหารผู้คนได้อย่างไม่รู้ตัว!”
“เ้าดูมือของถังเฉินสิ มือคู่นั้นของเขาเนียนมาก เ้าก็คงจะคิดว่าเขาไม่มีทางเป็ยอดฝีมือด้านอาวุธลับได้เลย แต่กลับกัน เขาคือสุดยอดฝีมือในด้านนั้น ข้าเองก็แซ่ถัง หากตระกูลถังรับข้าเป็ศิษย์ ข้าเองก็สามารถเป็ยอดฝีมืออาวุธลับที่เืเย็นได้!”
พูดจนถึงสุดท้ายถังซื่อหรงก็เงยหน้าอย่างภาคภูมิใจ เขามั่นใจในพร์และความสามารถของตนเองอย่างมาก
“อือ”
ิอวี่ตอบกลับไปแบบขอไปที ตอนนี้ในใจของเขาไม่ได้สนใจอะไรถังซื่อหรงเลย แต่กลับรู้สึกสนใจในตัวของถังเฉินขึ้นมา
ตอนนี้ิอวี่พบว่าในสำนักเทพอัคคี ไม่ว่าจะมาจากสำนักเล็ก ตระกูลใหญ่ หรือว่าเชื้อพระวงศ์ ขอแค่มีความสามารถก็สามารถเข้าสู้สำนักเทพอัคคีได้ และกลายเป็ศิษย์ที่โดดเด่นได้!
และิอวี่ยังมีคำถามขึ้นมาอีกว่า ในสำนักเทพอัคคีมีผู้มีความสามารถมากมายขนาดนี้ คงไม่มีทางกระจายทรัพยากรในการฝึกได้อย่างเท่าเทียมยุติธรรมแน่นอน นั่นก็หมายความว่า คนเหนือกว่าก็ได้ไป ผู้กล้าเท่านั้นที่จะได้รับทรัพยากรที่มากขึ้น
และศิษย์ที่เหมือนอย่างคนของตระกูลถังคนนั้น เิหยูเยียน และเซินถูเจ๋อ พวกเขาจะต้องได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน!
แต่ิอวี่ก็รู้ เขาเองก็้าได้รับการปฏิบัติแบบนั้นเช่นกัน ถึงจะสามารถเพิ่มขีดจำกัดความสามารถขึ้นได้ภายในหนึ่งปี
จากการประเมินของิอวี่ หลังจากนี้หนึ่งปีเขาก็น่าจะสามารถไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่สามได้ และเมื่อกลับไปถึงราชวงศ์ต้าิจะได้ไม่พลาดท่าและจะได้รับชัยชนะในที่สุด
แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงพ่อของเขา ิเฉินเหยียนเองก็อยู่ที่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งมากว่าสิบปียังไม่สามารถทะลวงระดับได้เลย แต่เขากลับคิดจะลองทะลวงไปอีกสามระดับในระยะเวลาหนึ่งปี!
ข้ามไปอีกสามระดับเลยนะ!
ต่อให้เขามีพร์ที่เหนือกว่าคนปกติ แต่หากไม่มีทรัพยากรในการฝึกคอยสนับสนุนก็ยากที่จะก้าวหน้าไปอีก และการได้รับทรัพยากรจำนวนมากคือเงื่อนไขแรกที่เขาต้องได้ คือการเป็ศิษย์ของผู้าุโคนใดคนหนึ่ง มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด!
ดังนั้น พวกเิหยูเยียนก็คือศัตรูตัวฉกาจของิอวี่!
ในเวลานี้ ิอวี่รู้สึกว่าเขาจำเป็ต้องคาดการณ์การต่อสู้ล่วงหน้า ถูกต้อง เขาต้อง “ชิงความโปรดปราน” จะต้องได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้าุโ อย่างน้อยเขาก็จะต้องแสดงความสามารถของตัวเองออกไปให้ดีที่สุด!
“เอาล่ะ พวกเ้าเก็บลมปราณของตัวเองกลับไปได้แล้ว”
ระหว่างที่ิอวี่กำลังคิด ลู่เฟิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกคนทำตามที่เขาบอกโดยเก็บลมปราณทั้งหมดกลับมา ทั่วบริเวณกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
“ดีมาก” ลู่เฟิงยิ้ม “ตอนนี้ข้าจะมาประกาศผลการตรวจสอบล่ะนะ”
ชายหนุ่มหญิงสาวแต่ละคนล้วนแต่ยืดอกด้วยความมั่นใจและมองตรงไปที่ลู่เฟิง หลังจากปล่อยพลังที่มีออกไปจนหมดแล้ว แต่ละคนรู้สึกว่าบรรยากาศแบบนั้นมันทำให้พวกเขาปวดหัว ต่อให้ลู่เฟิงจะมีความสามารถแข็งแกร่งแค่ไหน แต่หลังจากััแรงกดดันของคนกว่าสองพันคน ถึงแม้ดูผิวเผินเหมือนจะไม่เป็ไร แต่คิดว่าคงถูกพลังของพวกเขากระทบอยู่บ้างเป็แน่
“เ้า เ้า แล้วก็เ้า ... ออกมา ไม่ผ่านเกณฑ์”
ลู่เฟิงพูดไปด้วยและชี้ไปด้วย แค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็เรียกผู้กล้าออกมาถึงสามสิบคนแล้ว ทั้งสามสิบคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก รู้สึกเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“นี่ เ้าดูผิดหรือเปล่า ข้ามีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวอยู่แล้วนะ เ้ามีสิทธิอะไรเรียกข้าออก?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเงยหน้าตะคอกใส่ลู่เฟิง “หากเ้าไม่เชื่อ พวกเขาเป็พยานให้ข้าได้”
ระหว่างที่พูดเขาก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกสองคน พวกเขาเหมือนจะมาจากที่เดียวกัน เขาพูดอย่างหนักแน่นว่า “เขาเคยสู้กับเรามาก่อน เขามีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวแน่นอน”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็ามากว่า “เ้าได้ยินแล้วหรือยัง เ้าเป็ผู้ดูแลได้อย่างไรกันเนี่ย”
“ใช่ ใช่! เราเองก็มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัว เ้ามีสิทธิอะไรมาพูดกับเราแบบนี้?” ชายหนุ่มหญิงสาวคนอื่นเริ่มพูดแย้ง
เมื่อถูกหลายคนสงสัย ลู่เฟิงก็มองไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มของเขาหายไป ท่าทางของเขาตอนนี้จริงจังมาก “เ้าทดสอบมาแล้วใช่ไหม ว่าเ้ามีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัว?”
สายตาของชายหนุ่มคนนั้นดูล่องลอยมาก แต่หลังจากนั้นก็พูดอย่างมั่นใจว่า “ใช่ ข้าเคยทดสอบมาแล้ว”
“เ้าโกหก”
ลู่เฟิงพูดด้วยสีหน้าสบายๆ ว่า “เ้ามีพลังเทียบเท่าราชสีห์เก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดตัวเท่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์”
“เ้า ... ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดอะไรไม่ออกเลย
“ตอบคำถามของข้า” เสียงของลู่เฟิงที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้า ... ใช่ อีกนิดเดียวก็จะถึงหนึ่งหมื่นตัวแล้ว ขาดแค่สิบเก้าตัวเอง มันก็ไม่ได้ห่างกันเท่าไรเลยนี่นา ทำไมข้าถึงไม่มีสิทธิเข้าสำนักเทพอัคคีล่ะ?”
ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เฟิงจะมีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ เขาอยู่ด้านหลังของกลุ่มคนและปล่อยพลังออกมาทั้งหมด ั้แ่ต้นจนจบลู่เฟิงไม่มองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้กลับสามารถบอกตัวเลขขีดจำกัดพลังของเขาออกมาได้อย่างแม่นยำขนาดนี้เลย?
มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ลู่เฟิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “กฎก็คือกฎ เ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ไป ตอนนี้”
ชายหนุ่มคนนั้นหน้าแดงอย่างมาก เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์ของตนเอง ตอนนี้กลับถูกลู่เฟิงตำหนิต่อหน้าคนจำนวนมากจึงรู้สึกขายหน้าอย่างมาก เขาเลยตะคอกไปว่า “ไม่ เ้าไม่มีสิทธิมาสั่งให้ข้าไป! ข้ามีความสามารถมากพอที่จะอยู่ที่นี่ เ้าดูการแสดงความสามารถของข้าก่อนได้!”
“ไป”
ทันใดนั้นเอง ลู่เฟิงก็เดินลมปราณทั่วร่างกายของเขาและปล่อยมันออกมาราวกับูเาลูกใหญ่และซัดใส่ชายหนุ่มคนนั้น
ชายหนุ่มคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป เขาส่งเสียงออกมาจากลำคอก่อนจะถอยหลังออกไปสิบกว่าก้าวและล้มลง จากนั้นก็กระอักเืออกมา ดวงตาตกตะลึงและเต็มไปด้วยสีแดงเื จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ซีดขาว ร่างชักกระตุกไปทั้งตัว!
เพราะรับพลังกดทับและกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป ชายหนุ่มคนนี้ถึงกับดวงจิตแตกซ่าน เสียสติ หากไม่ถึงหนึ่งปีไม่มีทางฟื้นกลับมาได้อย่างแน่นอน
ลู่เฟิงยืนอยู่ที่เดิม แค่สายตาก็ทำให้ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าหนึ่งคนกระอักเืและล้มลง และสูญเสียจิตในการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง!
ิอวี่เปิดััแห่งิญญาขึ้นมาและจ้องไปที่ลู่เฟิง ในเวลานี้ เขาพบว่าบนตัวของลู่เฟิงนั้นมีแสงเจ็ดสายปรากฏอยู่ทั่วตัว!
แสงทั้งเจ็ดสายนั้นอยู่ที่ตำแหน่งของหัวใจ ตับ ม้าม และปอดทั้งสองข้างรวมไปถึงไตด้วย มันคือดวงจิตเทวะ ตับเทวะ ม้ามเทวะ ปอดเทวะ และไตเทวะ!
เทวะทั้งสองข้างของปอดรวมเป็หนึ่งถึงจะเรียกได้ว่าเป็ปอดเทวะที่สมบูรณ์ ไตเองก็เช่นกัน
นั่นก็หมายความว่า ลู่เฟิงสามารถสร้างลมปราณเทวะขึ้นมาได้ทั้งหมดห้าดวง เขามีขอบเขตอมฤตขั้นที่ห้าแล้ว!
ในร่างกายของลู่เฟิง อวัยวะทั้งห้าส่งเสียงดังก้องกังวาน มันเกิดพลังอานุภาพขึ้นมาจนทำให้ดวงิญญาของิอวี่นั้นสั่น เขารู้สึกได้ว่าิญญาของเขากำลังถูกกดทับจนเกือบที่จะแตกออก!
เมื่อลู่เฟิงกระจายลมปราณนั้นอีกครั้งิอวี่ถึงได้คลายความกดดัน และรู้สึกโชคดีอย่างมากว่าเขาเดินออกจากเส้นแห่งความตายมาได้แล้ว เขารู้สึกโล่งใจอย่างมาก ...
นี่เป็ครั้งแรกที่ิอวี่รู้สึกว่าตนเองเป็แค่คนตัวเล็กๆ !
เขารู้ ลู่เฟิงใช้แค่นิ้วข้างเดียวก็สามารถบี้เขาให้ตายได้แล้ว!
และนี่ก็คือพลังอำนาจและการปกครองของผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่ห้า หัวหน้าผู้ดูแลของสายเลี่ยนเหยียน!
ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก เมื่อครู่ลู่เฟิงยังดูเป็มิตรอย่างมากอยู่เลย เขาปกปิดลมปราณในตัวของเขาได้อย่างมิดชิด ทุกคนจึงไม่รู้เลยว่าลู่เฟิงน่ากลัวแค่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าลู่เฟิงแข็งแกร่งมากแค่ไหน
“สำนักเทพอัคคี ไม่เคยผ่อนปรน กฎก็คือกฎ”
ลู่เฟิงเก็บลมปราณของเขากลับมาอีกครั้ง แล้วมองไปยังชายหนุ่มที่กระอักเืจนหน้าซีดที่พื้น จากนั้นหันไปมองทางสามสิบคนที่อยู่อีกด้านแล้วพูดว่า “พวกเ้า ยังมีใครอยากรู้เหตุผลที่ไม่ผ่านเกณฑ์อีกไหม”
“ไม่มี ... ไม่มี ... ”
ชายหนุ่มหญิงสาวที่อวดดีก่อนหน้านี้ตอนนี้เงียบเป็เป่าสาก แต่ละคนเดินตัวสั่นแล้วจากไป ถึงแม้ลู่เฟิงจะเก็บลมปราณของเขาไปแล้ว แต่การที่ลู่เฟิงะเิอารมณ์ที่น่ากลัวขนาดนั้นออกมาทำให้พวกเขาไม่กล้ามีความรู้สึกอะไรเลย
ถึงแม้ในใจจะไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ว่า สำนักเทพอัคคีต้องใช้ความสามารถที่แท้จริง ไม่มีเื่โชคดีหรือผ่อนปรน
หลังจากคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จากไปหมดแล้ว ลู่เฟิงก็กลับมามีใบหน้าที่มีรอยยิ้มอีกครั้ง ในเวลานี้ ทุกคนเริ่มมีความยำเกรงต่อลู่เฟิงขึ้นมาแล้ว!
“เอาล่ะ ทุกท่าน ตอนนี้เหลือทั้งหมดหนึ่งพันเจ็ดร้อยหกสิบสองคน พวกเ้าทั้งหมดผ่านเกณฑ์ ข้าก็จะไม่พูดมากอีก การทดสอบของสายเลี่ยนเหยียนจะเริ่มในตอนนี้”
พูดจบลู่เฟิงก็หันไปด้านข้าง เขายื่นมือออกไปแล้วก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ประตูที่บริเวณเขาลูกหนึ่งกำลังเปิดออก
ในถ้ำนั้นมืดสนิท
