ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังกังวลกับราคาของบ้านอยู่นั้นเสี่ยจากตระกูลร่ำรวยอย่างเสี่ยซุยเอง ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นกันหวังเมี่ยวเอ๋อเห็นเขานอนพลิกตัวไปมาหลับไม่ลงเสียทีจนทั้งสองต้องทะเลาะกันเพราะเื่นี้อยู่หลายครั้ง
เสี่ยซุยไม่อยากให้หวังเมี่ยวเอ๋อรู้เื่ที่ทำให้เขากังวลเื่นี้จะให้เขาบอกภรรยาของตัวเองได้อย่างไร ว่ามีผู้เชี่ยวชาญทักษะการป้องกันตัวมางอแผ่นเหล็กให้ดูต่อหน้า้าให้เขามอบหยกที่มีพลังอะไรสักอย่างไปให้
เื่ที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ ไอ้พลังอะไรนี่ไม่ใช่ว่ามีแต่ในนิยายหรือไง เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะหามาได้จากที่ไหน? เสี่ยซุยกังวลเป็อย่างมากอย่างไรเขาก็เป็แค่คนอ้วนคนหนึ่งแต่เพียงกังวลว่าอันธพาลพวกนั้นจะมาหาเื่หวังเมี่ยวเอ๋อเท่านั้นเองเพราะเหตุนี้ครึ่งเดือนที่ผ่านมาน้ำหนักของเขาหายไปกว่าห้ากิโลกรัมจนหวังเมี่ยวเอ๋ออดอิจฉาไม่ได้
ส่วนหลินลั่วหราน เมื่อคิดไปคิดมาแล้วก็ตัดสินใจจัดการผ่าก้อนแร่ที่อยู่ที่บ้านของเป่าเจียไปเสียก่อนถ้ายังได้เงินมาไม่พอ ก็ค่อยคิดหาวิธีการอื่นทีหลัง
ที่บ้านของเธอไม่มีอุปกรณ์ตัดผ่าก้อนแร่ใดๆแต่หลินลั่วหรานก็ไม่ใช่คนโง่
เธอจัดการเอาเ้าก้อนหยกไปที่โรงงานตัดแร่ของบริษัทหลิ่วชื่อแล้วจัดการตัดผิวเปลือกนอกของก้อนแร่ออก จนมีขนาดราวๆ กับชามใหญ่ใบหนึ่งเนื้อหยกที่ซ่อนอยู่ด้านในไม่ได้โผล่ออกมาให้เห็นเธอทำแบบนี้เพียงเพื่อไม่ให้มีคนมองออกว่ามันคือก้อนหินราคาห้าร้อยที่ซื้อมาในวันนั้น
หลังจากที่ได้เรียนรู้การกำหนดลมหายใจมาจากอาจารย์เจี่ยร่องรอยของนักฝึกศาสตร์ย้ำเตือนในหลินลั่วหรานรู้ว่าเธอไม่ควรจะดูดพลังมาจากก้อนหยกอีกแล้ว เพราะใครจะรู้ว่าจะมีคนมองออกหรือไม่หากตอนนั้นเกิดมีใครรู้เื่ไข่มุกลึกลับของเธอขึ้นมาหลินลั่วหรานอาจจะยังไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะเรียนรู้การป้องกันตัวจากนักฝึกศาสตร์ด้านนี้เธอรู้และเข้าใจเื่ที่อาจจะต้องได้รับปัญหาจากความสามารถที่เธอมีได้จึงต้องทำตัวให้ดูไม่เด่นจนเกินไป
ก้อนแร่ถูกตัดออกเกือบเรียบร้อยเธอก็โทรศัพท์ไปหาเสี่ยซุย
เื่ที่หลินลั่วหรานเตรียมจะซื้อบ้านจากคุณเจี่ยหวังเมี่ยวเอ๋อเคยพูดเอาไว้แล้วในตอนนี้นั้นเขายังเสนอให้น้องสาวของหวังเมี่ยวเอ๋อคนนี้ยืมเงินเสียหน่อยความประทับใจที่เขามีต่อหลินลั่วหรานนั้นค่อนข้างดี
แน่นอนไม่คาดคิดว่าจะถูกหวังเมี่ยวเอ๋อทำหน้างอใส่ “คุณคิดว่าน้องสาวของฉันเป็ขอทานหรือไง? ใครจะอยากได้ทานจากคุณกัน!”
เสี่ยซุยได้แต่เศร้าซึมใช้มือลูบปลายจมูกไปมาก่อนจะเงียบไป
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าหลินลั่วหรานอยากจะขายแร่หยก่นี้เสี่ยซุยเองก็โดนขู่บังคับเอาหยกก้อนใหม่อยู่ตลอด และก็อยากจะหาโอกาสช่วยเหลือหลินลั่วหรานด้วย คนที่รับอารมณ์ของภรรยาของเขาได้และดีกับหวังเมี่ยวเอ๋อมีอยู่ไม่มากนัก
เมื่อหลินลั่วหรานรับรู้ถึงความตื่นเต้นของเสี่ยซุยผ่านมาทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักหลังจากได้ติดต่อกันไปหลายครั้ง แม้ว่าจะสวมใส่สร้อยทองรสนิยมต่ำเส้นใหญ่จนดูเหมือนเศรษฐีหน้าใหม่แบบนั้นแต่ความจริงแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ชอบใช้อำนาจบังคับอะไรใครนักแต่กลับเอาแต่หัวเราะอยู่ตลอดทั้งวัน เป็คนที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียว
บ้านของเสี่ยซุยอยู่ในบริเวณหมู่บ้านเก่าแห่งหนึ่งในเมือง R ด้านในต่างก็เป็เศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองทั้งนั้น เป็พื้นที่สำหรับคนรวยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
เพราะเป็หมู่บ้านระดับสูงแม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่การดูแลรักษาเป็ไปด้วยดีและยังมักจะคอยปรับปรุงซ่อมแซมอยู่เสมอทั่วทั้งหมู่บ้านจึงไม่ได้ดูเก่าเลยแม้แต่น้อย และเพราะว่าเวลาผ่านพ้นเลยไปแล้วสีเขียวเล็กๆ ต่างพากันเติบโตหยั่งรากลึก ต้นไม้สูงใหญ่ใบของต้นหวูถงฝรั่งเศสตกลงมาปกคลุมไปทั่วถนนสายเล็กมองดูแล้วให้ความรู้สึกในสไตล์แบบยุโรป
บริษัทของหวังเมี่ยวเอ๋อมีงานเข้าในบ้านจึงเหลืออยู่เพียงเสี่ยซุยและแม่บ้านอีกสองคนเท่านั้น
“พี่ซุยทำไมถึงอยู่บ้านคนเดียวล่ะ เด็กๆ ไปเรียนเหรอคะ?” หลินลั่วหรานยืนอยู่ที่ห้องใต้ดินเธอมองเสี่ยซุยขัดก้อนแร่ไปพลาง ถามออกไปตามเื่ตามราวไปพลาง
เสี่ยซุยเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งถอนหายใจออกมา “พี่สาวของเธอยังไม่ได้บอกเื่นี้สินะดูเธอคงยังใส่ใจมาก...เพราะปัญหาด้านสุขภาพ พวกเราเลยไม่มีลูกน่ะ”
หลินลั่วหรานนิ่งไปเสี่ยซุยกับหวังเมี่ยวเอ๋อต่างก็อายุสี่สิบกว่ากันแล้ว แต่กลับยังไม่มีลูกก็ว่าทำไมหวังเมี่ยวเอ๋อถึงได้ดูต่างจากผู้หญิงคนอื่นทั่วไปที่พูดอะไรก็เป็เื่ลูกทั้งนั้น ที่แท้ก็เพราะว่าไม่มีนี่เองเรานี่มันไม่ได้เื่เลยยังถือว่าโชคดีที่ไม่ได้ถามออกไปต่อหน้าพี่หวัง...ในระหว่างที่หลินลั่วหรานยังคงรู้สึกผิดเสี่ยซุยกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“ไม่มีลูกก็ไม่ได้เป็อะไรนี่ถ้าตามที่ฉันคิดนะ รับเด็กสักคนมาเลี้ยงเพื่อสืบทอดกิจการก็พอแล้วแต่พี่หวังของเธอกลับรีบร้อน ไม่รู้ว่ากินยาเข้าไปเพื่อเื่นี้เท่าไรจนทำให้สุขภาพเหมือนจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถ้ามีโอกาสก็ช่วยแนะนำหน่อยแล้วกันฉันว่ารับเด็กสักคนมาเลี้ยงมันก็ไม่ได้แย่นะ”
หากพูดแบบนี้รูปร่างและผิวพรรณของพี่หวังในตอนนี้ เป็เพราะกินยาเข้าไปมากอย่างนั้นเหรอ? หลินลั่วหรานได้แต่ครุ่นคิดแบบนั้นแสดงว่าของที่เธอมอบให้พี่หวังไปก็มีผลดีอยู่สินะผู้หญิงทุกคนต่างรักสวยรักงามกันทั้งนั้นแต่หากเปรียบเทียบกันแล้วความเป็แม่ก็ยังยิ่งใหญ่กว่าจนแม้แต่รูปร่างภายนอกหวังเมี่ยวเอ๋อก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีกหลินลั่วหรานจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา
เสี่ยซุยถือก้อนแร่ไร้เปลือกนอกที่หลินลั่วหรานนำมาไว้ในมือและเพราะว่าก้อนแร่ชิ้นเล็กมาก ตัดก็คงจะตัดไม่ได้แล้ว จึงทำได้เพียงแค่ขัดเบาๆต่อไปเรื่อยๆ แน่นอน ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะหลินลั่วหรานยืนยันว่าจะมีหยกอยู่ด้านในจริงก้อนแร่ที่เล็กขนาดนี้ ให้ตายอย่างไรเสี่ยซุยก็ไม่เชื่อว่าจะมีหยกได้อย่างแน่นอน
ในระหว่างที่ขัดมาได้กว่าครึ่งทางจนเกือบจะได้เห็นหยกที่ซ่อนอยู่ด้านใน แม่บ้านก็ะโเข้ามาว่า มีโทรศัพท์เข้ามาถึงเสี่ยซุย
เสี่ยซุยเป่าลมไล่ฝุ่นควันสีเทาออกไปก่อนจะเดินออกไปรับสายโทรศัพท์พร้อมกับพร่ำบ่นหลินลั่วหรานจึงถูกทิ้งเอาไว้ในห้องเพียงคนเดียว เวลาผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้วแต่เสี่ยซุยก็ยังคงไม่กลับมา แม่บ้านำชาเข้ามาเสิร์ฟให้ ทำให้หลินลั่วหรานรู้ได้ทันทีว่าคงยังต้องรอต่อไปอีกสักพักเธอจึงเริ่มมองไปยังรอบห้องใต้ดินด้วยความพิจารณา
นี่เป็ห้องบริเวณใต้ชั้นหนึ่งของบ้านห้องใต้ดินทั้งสองถูกปรับให้กลายเป็ห้องทำงานใช้สำหรับการเก็บและเจียระไนหยกขั้นสูงโดยแบ่งเป็ของเสี่ยซุยและหวังเมี่ยวเอ๋อคนละหนึ่งห้อง
ดูเหมือนว่าเสี่ยซุยจะเชื่อใจตนเองมากหยกถูกวางเรียงรายอยู่ไปทั่ว หากเธออยากจะหยิบจับขโมยไปสักชิ้น เขาก็คงไม่รู้แต่เสี่ยซุยก็ยังปล่อยทิ้งให้เธออยู่ในห้องคนเดียว ถึงจะมีกล้องตรวจจับดูแลแต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความโอนอ่อนของเสี่ยซุย
บนโต๊ะทำงานมีก้อนหยกขนาดราวๆชามใบใหญ่ถูกวางเอาไว้ เป็หยกดำที่พบเห็นได้ยาก และก็ยังมีสีขาวและสีเขียวผสมปะปนกันไป อุปกรณ์แกะสลักถูกวางไว้ด้านข้างบนก้อนแร่ยังคงมีฝุ่นสีเทาปกคลุมอยู่คาดว่าอาจจะเป็เพราะเสี่ยซุยยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี
่นี้ความเข้าใจในเื่หยกของหลินลั่วหรานลึกลงเรื่อยๆความชอบและหลงใหลเองก็มากขึ้นในทุกวันเมื่อเห็นก้อนแร่ก็รู้สึกตะขิดตะขวงขึ้นมาในใจในระหว่างที่อยากจะหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เสี่ยซุยก็กลับมาจากการรับโทรศัพท์พอดี
“ชอบหยกก้อนนี้เหรอ? ฉันซื้อมาไว้ตั้งนานแล้ว แต่กลับลงมือได้ยาก ถ้าอยากได้จะขายให้สักแปดแสนก็แล้วกันนะ ว่าไง?”
หลินลั่วหรานเผยยิ้มออกมา “พี่ซุยพี่อย่ามาทำตัวเป็พ่อค้าหน้าเืต่อหน้าฉันสิ ถ้าขายให้ฉันจริงพี่จะต้องเสียใจแน่! พี่ตั้งใจจะแกะสลักหยกก้อนนี้เป็อะไรเหรอคะ?”
เสี่ยซุยฝืนยิ้มออกมา “ในวงการหยกมันก็วนเวียนอยู่แค่นี้แหละหยกชิ้นนี้สีสันปะปนกันเกินไป น่าเสียดายเนื้อแร่จริงๆ ฉันคุยกับอีกหลายคนแล้วคงจะแกะเป็เจ็ดปราชญ์กอไผ่แต่น่าเสียดายที่คงจะทำให้นักปราชญ์ทั้งเจ็ดสวมชุดสีขาวไม่ได้”
หยกชั้นสูงไม่ได้เหมือนกับที่ขายกันทั่วไปใช้อะไรหยกที่ขาวเหมือนผักกาดหอมถึงจะสวยงามหลินลั่วหรานคิดอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมา “ที่จริงฉันมีความคิดอยู่นะไม่รู้ว่าจะพอช่วยได้ไหม แต่ว่าถ้าพูดอะไรผิดไปก็อย่าขำฉันก็พอนะคะ”
เสียซุยพยักหน้ารับ “เป็เื่ปกติน่า”
หลินลั่วหรานหัวเราะออกมา “พี่ซุยลองคิดดูสิคะว่าเมือง R เป็เมืองแบบไหน สีขาวดำพอดีแบบนี้จะไปขาดทุนได้ยังไง!” เมือง R เป็เมืองอะไร? เสี่ยซุยไม่ใช่คนท้องที่ แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้วเพราะอย่างนั้นจึงรู้เื่ของเมือง R ดีเดิมทีก็มีชื่อเสียงเื่เป็พื้นที่แห่งความร่ำรวยหลายปีที่ผ่านมาก็เป็ที่แห่งการพักผ่อนทั่วทุกบริเวณต่างเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยและดอกพุดตานเป็สถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามชวนให้ผู้คนรู้สึกสบาย...ยิ่งเสี่ยซุยคิดเท่าไรความคิดก็ยิ่งไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวก่อนนะ นอกจากชาแปะก๊วยและดอกพุดตานแล้ว สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุด
เสี่ยซุ่ยตบลงที่ขาตัวเองอย่าแรง “ไอ้หยาฉันนี่มันสมองหมูเกินไปแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยซุยเสียใจกับคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันหลินลั่วหรานก็รีบพูดปลอบ “พี่ซุยพี่เป็คนลงมือนะ ฉันก็แค่พูดไปเท่านั้น จะได้เื่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
เสี่ยซุยไม่รู้สึกกังวลแล้ว ทั้งยังหัวเราะออกมา “จะไม่ดีได้ยังไง? เดี๋ยวฉันจะไปหาคนมาแกะสลักมันให้กลายเป็แพนด้ากินใบไผ่จากนั้นก็ขายให้กับกองการทรัพย์สินท้องที่ ถ้าไม่ได้ขายออกไปในราคาสองเท่าก็คงไม่ใช่เสี่ยซุยแล้ว!”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกหน่อยก่อนที่เสี่ยซุยจะลงมือขัดก้อนแร่ต่อ ก่อนที่จะตบหัวของตัวเองเบาๆ “ความจำฉันนี่นะเกือบจะลืมเื่สำคัญไปเลย น้องหลิน ได้ยินมาจากพี่หวังของเธอว่าตอนนี้ไปดูบ้านของตาแก่เจี่ยมา รอจะใช้เงินอยู่ใช่ไหม?”
ไม่ใช่เื่ที่จะต้องปกปิดอะไรหลินลั่วหรานจึงไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังยืดปากออกพูด “ตาแก่เจี่ยอะไรกันนั่นเป็อาจารย์ของฉันนะ!”
เสี่ยซุยหัวเราะออกมา “น้องสาวเมื่อกี้ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์มา ว่า่นี้ชายแดนพม่ามีของดีมาด้วย สนใจไหม?”
่นี้หลินลั่วหรานถลำลึกเข้ามาในวงการหยกเข้าเรื่อยๆไม่ได้เป็เด็กน้อยที่ไม่รู้อะไรอีกแล้วหยกจากใต้ดินต้องใช้เงินกว่าห้าร้อยล้านถึงจะทำได้ ทั่วทั้งโลกมีน้อยจนนับได้ยิ่ง่หลายปีมานี้ทางรัฐบาลพม่าก็เริ่มเข้ามาควบคุมและเป็ผู้ขายก้อนแร่ทั้งหมดเอง เพื่อที่จะรักษาระดับราคาของหยกเอาไว้
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเปิดเหมืองนี่คะฝั่งชายแดนพวกนั้น...” หลินลั่วหรานสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเสี่ยซุยจะเดินทางสายมืดนี้จึงถามขึ้นมาเบาๆ
เสี่ยซุยส่งเสียงหัวเราะ “เหอๆ” ออกมา “แน่นอนว่าไม่ใช่ทางสว่าง คนตายเมื่อขาดเงินเหมือนที่นกตายเมื่อขาดอาหารหากมีคนจ่ายก็สามารถนำก้อนแร่ส่งออกมาขายได้ ว่าไงล่ะน้องหลินเราจะลองมาซวยไปด้วยกันสักครั้งไหม?”
“ยังไงก็จัดการแร่ก้อนนี่ให้เรียบร้อยแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกันค่ะคงต้องขอคิดดูสักหน่อย” เมื่อพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงร้องะโของเสี่ยซุยดังขึ้นมา
“นี่ นี่ นี่...น้องหลินไปพม่ารอบนี้ เหมือนว่าเธอจะต้องไปแล้วล่ะ!”