เมื่อหลงชามองไปยังภาพหลัวเลี่ยซึ่งกำลังเผชิญกับความยากลำบากที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้ว เขาก็ยิ้มออกมา “นี่คือสิ่งที่ข้าอยากเห็นมากที่สุด”
“อะไรนะ?” หลงโต้วไห่มองเขาอย่างมึนงง
หลงชากล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า “เยาวชนทั้งหลายใต้หล้านี้จะมีใครที่สามารถต่อกรกับหลัวเลี่ยได้ และแน่นอนว่าในหมู่เยาวชนเ่าั้ก็รวมถึงคนจากเผ่าัของพวกเราด้วย หากกลองจู่หลงดังขึ้นแล้วก็หมายความว่าเยาวชนจากเผ่าัของเราจะท้าประลองกับหลัวเลี่ยไม่ได้ นอกจากนี้หากหลัวเลี่ยสามารถหาลูกแก้วูเา แม่น้ำ สายลม และสายฝนได้ เช่นนั้นก็ไม่มีเยาวชนคนไหนที่สามารถเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้แล้ว นี่เป็สิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับเผ่าัของข้า”
“นอกจากนี้ข้าก็ยังหวังว่าหลัวเลี่ยจะสามารถชนะเยาวชนทุกคนได้อย่างใสสะอาด แทนที่จะตัดกองกำลังแข็งแกร่งเช่นเยาวชนของเผ่าัออกไป”
“เพียงแต่องค์หญิงสามออกหน้าจัดการเื่นี้ด้วยตนเอง ข้าจึงแสดงออกว่าเห็นต่างมากไม่ได้”
“ดังนั้นการที่มีคนหยุดยั้งเขาจึงถือว่าเป็เื่ที่ดีที่สุด”
หลงโต้วไห่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกพร้อมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “อันที่จริงข้าก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกันกับท่าน ชายชาตรีก็ควรที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นเป็ประจักษ์อย่างใสสะอาด นี่เป็เื่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนคิด เสียดายที่ข้าไม่มีโอกาส แต่หลัวเลี่ยมีโอกาสและมีกำลังพอที่จะทำทุกสิ่งได้ หากพลาดไปก็น่าเสียดายมาก”
เพื่อนรักทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา
พลังของพวกเขามาถึงจุดที่จะเข้าสู่ระดับกายทองคำแล้ว พวกเขาไม่ได้สนใจในเื่การฝึกฝนมากนัก แต่กลับทุ่มความสนใจไปที่การรู้แจ้งเกี่ยวกับสรรพสิ่งมากกว่า
ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจว่าจะเฝ้าสังเกตการเดินทางของหลัวเลี่ยในหนึ่งปีข้างหน้านี้ต่อไป
“อัจฉริยะมักไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” หลงชากล่าวด้วยยิ้ม
หลงโต้วไห่ก็มองเห็นเช่นกันว่าหลัวเลี่ยยังไม่ละทิ้งความพยายาม เขายังคงคิดหาทางที่จะหยิบไม้ตีกลองขึ้นมา “เขาคงจะเดาได้แล้วว่าไม้ตีกลองอันนี้ไม่เหมือนกับไม้ตีกลองทั่วไป แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่ามันเป็ไปไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมา ระดับความยากถึงสามเท่าเชียวนะ สู้ยอมแพ้ให้คนอื่นหัวเราะคงจะดีกว่าฝืนอยู่เช่นนี้”
หลงชากล่าวว่า “อัจฉริยะตัวจริงที่รู้ทั้งรู้ว่าจะล้มเหลวแต่ก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้ หากหลัวเลี่ยทำสำเร็จ ข้าว่าแม้แต่บรรพชนคงจะต้องหนาวๆ ร้อนๆ แล้วละ”
หลงโต้วไห่พยักหน้า “ก็ถูก การรับการโจมตีเป็เื่ที่ดี”
พวกเขาจ้องมองอย่างตั้งใจ
พวกเขามองไปยังภาพของหลัวเลี่ยที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้ว หลัวเลี่ยถือไม้ตีกลองด้วยมือทั้งสองข้าง เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อหยิบมันขึ้นมา
แค่การที่หลัวเลี่ยฝึกฝนสุดยอดเคล็ดวิชาในระดับพลังทั้งสองระดับ ก็เป็สิ่งที่ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นมากแล้ว เมื่อรวมเข้ากับพละกำลังที่มีมากอีก เขาจึงไม่เชื่อว่าตนเองจะยกไม้ตีกลองขึ้นมาไม่ได้
“ขึ้น...มานะ!"
หลัวเลี่ยจับไม้ตีกลองด้วยมือทั้งสองข้างและออกแรงอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้แรงทั้งหมดที่มี
ไม้ตีกลองสั่นเล็กน้อย
พรึ่บ!
แสงสีทองส่องประกายออกมาจากไม้ตีกลอง จากนั้นัตัวหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น มันกลืนกินพลังของัที่อยู่โดยรอบ ทำให้แรงโน้มถ่วงของไม้ตีกลองเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนหลัวเลี่ยไม่สามารถแม้แต่จะขยับไม้ตีกลองได้
“วิชาลับหยาดโลหิตั!”
หลัวเลี่ยหรี่ตาลง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ความลับของสิ่งที่เรียกว่ากลองจู่หลง ความลับแห่งวิถีั แต่เขาก็รู้ความลับมากมายที่เกี่ยวกับเผ่าั
ในห้องหนังสือที่เรือนพเนจรที่ตั้งอยู่ในภพจิตั มีหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความลับมากมาย รวมทั้งวิชาลับต่างๆ ด้วย และเนื้อหาที่มีมากที่สุดก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเผ่าั
“ข้าคิดแล้วว่ามีคนเดาถูกว่าข้าจะเลือกเส้นทางนี้จึงวางกับดักไว้ล่วงหน้า พวกเขาไม่อยากให้ข้าตีกลองเพื่อกำจัดกำลังของเผ่าั”
หลัวเลี่ยไม่ใช่คนโง่ เขาไม่เชื่อว่าไม้ตีกลองที่เป็แบบนี้จะมีไว้สำหรับทดสอบคนหนุ่มสาว หากเขายกมันไม่ขึ้น ก็แสดงว่าในใต้หล้านี้คงไม่มีใครสามารถยกมันขึ้นได้ หากเป็เช่นนี้จะทดสอบอย่างไร มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบายเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นนี้ได้ นั่นก็คือจงใจพุ่งเป้ามาที่เขา
“ได้ๆ!”
“พวกเ้าเผ่าัวางกับดักข้าหรือ เช่นนั้นก็ดี”
หลัวเลี่ยมองไปยังกลองจู่หลง จากนั้นรอยยิ้มแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “แม้ไม่มีไม้ตีกลองที่พวกเ้าใช้กลั่นแกล้งข้า แต่ข้าก็จะเล่นกับพวกเ้าในครั้งนี้ด้วย”
ความดื้อรั้นของหลัวเลี่ยเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว
คิดไปถึงตอนที่เขาสังหารไก้อู๋ซวง ตอนนั้นเขาก็ดื้อรั้นเช่นกัน
เ้าไม่อยากให้ข้าทำสำเร็จหรือ?
เช่นนั้นข้าจะทำให้สำเร็จ ดูสิว่าเ้าจะทำอย่างไร
ตึง!
จู่ๆ หลัวเลี่ยก็ะโขึ้นจนตัวของเขาอยู่ในระดับความสูงเดียวกับกลองจู่หลงที่ตั้งอยู่บนขาตั้งกลอง มือขวากำหมัดแน่น และออกแรงส่งหมัดไปชกกลองจู่หลงอย่างแรง
พรึ่บ!
หมัดลอยไปในอากาศอย่างรวดเร็วจนสร้างเสียงที่เกิดจากการเสียดสี
สนับมือยุวราชถือเป็สมบัติล้ำค่าที่ตอนนั้นจักรพรรดิซวนหยวนได้มอบเป็ของขวัญให้กับโอรสสุดที่รักของพระองค์ แม้ว่าสนับมือนี้จะชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับสมบัติทั่วไป
เมื่อมันถูกรวมเข้ากับความโกรธของหลัวเลี่ยแล้ว พลังทั้งหมดจึงะเิออกมาอย่างรุนแรง
หมัดผู้พิชิตครั้งนี้มีความรุนแรงราวกับอ๋องผู้พิชิตได้ลงมาประทับแล้ว
ตูม!
หลัวเลี่ยกระแทกกลองจู่หลงอย่างแรง
พลังที่แข็งแกร่งถูกส่งออกมาผ่านสนับมือยุวราชและพุ่งเข้าไปที่กลองทันที
แรงดีดกลับอันทรงพลังทำให้หลัวเลี่ยใจนร่างของเขาลอยถอยกลับไปข้างหลัง
จากนั้นกลองจู่หลงที่หลัวเลี่ยเพิ่งออกแรงตีไปก็เกิดการสั่นไหวขึ้น ทำให้พลังงานัที่อยู่รอบๆ สั่นะเืและกระจายไปทุกทิศทาง
ตึง!
เสียงกลองดังขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเสียงนี้ไม่ได้ดังขึ้นเพียงครั้งเดียว
ตึง!
ตึง!
มีเสียงดังขึ้นติดต่อกันสามครั้ง
แขนด้านขวาของหลัวเลี่ยได้รับแรงกระแทกจากแรงดีดกลับอันทรงพลังของกลองจู่หลง เขาขยับแขนเบาๆ แล้วพูดเย้ยหยันว่า “กลองจู่หลงก็ไม่เท่าไหร่นี่ ข้าเคยคิดว่ามันจะตีไม่ดังถ้าไม่มีไม้ตีกลองเสียอีก”
เขาพอใจ แต่คนอื่นๆ ตกตะลึง
ในวังัหลงโต้วไห่และหลงชาซึ่งเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านลูกแก้วต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
หลังจากนั้นหลงโต้วไห่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “โอ้พระเ้า หลัวเลี่ยทำได้อย่างไร ความยากของเขายากกว่าคนอื่นถึงสามเท่าเชียวนะ แต่นี่เพียงหมัดเดียวเขากลับทำให้เกิดเสียงดังขึ้นถึงสามครั้ง”
“บ้าไปแล้ว” หลงชาพูดอย่างมึนงง “ตอนที่บรรพชนยังเด็ก เขาอาจตีหนึ่งครั้งด้วยไม้ตีกลองแล้วเกิดเสียงดังขึ้นสามครั้ง แต่หลัวเลี่ยกลับสามารถใช้กำปั้นชกหนึ่งครั้งทำให้เกิดเสียงดังขึ้นสามครั้งได้ มันไม่ควรจะเป็เช่นนี้เลย เขาทำได้อย่างไร ไม้ตีกลองนั้นเป็สมบัติวิเศษ และเป็สมบัติที่มีความเกี่ยวข้องกับกลองจู่หลง หรือว่าหลัวเลี่ย…”
นายพลทั้งสองใขึ้นพร้อมๆ กัน พวกเขาชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า “ร่างกายของเขาเปรียบเป็สมบัติ!”
หลงโต้วไห่กลืนน้ำลายของตัวเองลงคอ “ให้ตายสิ แม้ว่าหลัวเลี่ยจะสร้างเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ที่กลายเป็เคล็ดวิชาอันทรงพลังที่สุดในวรยุทธ์ทั้งสามระดับแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ร่างของเขากลายเป็สมบัติวิเศษได้ หรือว่าตอนที่พลังวรยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับผู้ฝึกตน เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาอันทรงพลังเคล็ดวิชาหนึ่ง และเมื่อมันถูกรวมเข้ากับสนับมือยุวราช มันจึงแข็งแกร่งมากขึ้นจนทำให้มีัเกิดขึ้นในใจของหลัวเลี่ย จากนั้นพลังของหลัวเลี่ยก็เอาชนะไม้ตีกลองได้”
“มีัตัวใหญ่อยู่ในใจๆ” หลงชาชี้ไปยังภาพที่สะท้อนบนลูกแก้วแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง
เมื่อหลงโต้วไห่มองลงไปแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก
เขาเห็นว่าภาพบนพื้นผิวของกลองจู่หลงที่เดิมเป็สีขาวไม่มีร่องรอยใดๆ แต่ตอนนี้กลับมีัโผล่ออกมา นอกจากนี้ยังเป็ัทองห้าเล็บซึ่งเป็ัของตระกูลัที่แท้จริงอีกด้วย
ับินและเปล่งเสียงร้องของมันออกมา ร่างกายของมันเต็มไปด้วยเกล็ดแวววาว และมันก็ดูดซับพลังงานของัทั้งหมดในทันที จนร่างของมันค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น จากนั้นมันก็ตกลงไปบนกลองจู่หลง ทำให้กลองจู่หลงเปล่งแสงออกมา
“ัผู้พิทักษ์ที่แท้จริง ดูเหมือนว่ากลองจู่หลงที่ถูกชกด้วยหมัดเดียวนี้จะปกป้องัตัวจริง" หลงโต้วไห่มองไปที่หลัวเลี่ยด้วยความประหลาดใจ “ในหัวใจมีั ที่แท้ก็เป็คนที่มีคุณสมบัติขึ้นเป็เทพ!”