ผู้เฒ่าหวังสามีภรรยาได้ตั้งกฎมานานแล้วว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารและผักที่ปลูกในบ้าน ไม่ว่าจะขายได้มากน้อยเท่าใด เงินทั้งหมดต้องมอบให้พวกเขาสามีภรรยา
พริกวันนี้ขายได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญทองแดง หลี่ชิงชิงใจกว้างยิ่งที่คิดเป็เงินจำนวนนี้ให้กับผู้เฒ่าหวังสามีภรรยา
หนึ่งพันยี่สิบเอ็ดหักลบไปหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญทองแดงคือเงินที่ได้จากการขายไข่เค็ม ตามที่ได้หารือก่อนหน้านี้ หลี่ชิงชิงและผู้เฒ่าหวังสามีภรรยาแบ่งกันคนละครึ่ง
หลี่ชิงชิงได้เงินสี่ร้อยสามสิบห้าเหรียญทองแดง
สินเดิมของนางมีเพียงแปดสิบหกเหรียญทองแดง เวลาเพียงสองเดือนกว่านางสามารถหาเงินได้ถึงห้าเท่า
แม้จะขายพริกทั้งหมดของตระกูลหวัง ก็ยังขายได้เงินไม่มากขนาดนี้
หวังเลี่ยงรู้สึกเลื่อมใสออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ พลางเอ่ยชื่นชม "พี่สะใภ้สามเก่งจริงๆ สามารถหาเงินได้มากมายขนาดนี้"
หลี่ชิงชิงนับเงินจำนวนหนึ่งจากกองเหรียญทองแดงที่เป็ส่วนของตนเองบนโต๊ะตรงหน้าแล้วเอ่ยว่า "พี่ใหญ่ ท่านและน้องสี่ทํางานหนักมาทั้งวันแล้ว มอบให้ท่านหกเหรียญเ้าค่ะ"
หวังจื้อทั้งรู้สึกใและดีใจ เขารีบโบกไม้โบกมือเป็พัลวันแล้วเอ่ย "มิได้หรอก ข้าจะรับเงินของเ้าได้อย่างไร"
ร่างกายของเขาพิการ ไม่อาจเป็ทหารได้ เื่เกณฑ์ทหารจึงต้องให้หวังเฮ่าไป เขาให้กําเนิดบุตรสาวอีกสามคน และจางซื่อกำลังจะคลอดบุตรชายอีกคนหนึ่ง ในทุกๆ วันพวกเขาสามีภรรยาและลูกต้องกินข้าว แม้รายจ่ายจะน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้ทําความดีความชอบอะไรให้กับครอบครัว จะให้รับเงินของน้องสะใภ้ได้อย่างไร
ไม่ว่าจะอย่างไรหลี่ชิงชิงก็จะมอบเงินให้หวังจื้อ
หวังเลี่ยงมีสีหน้าอิจฉา แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลี่ชิงชิงจะกล่าวขึ้นมา "น้องสี่ มอบให้เ้าห้าเหรียญ"
"พี่สะใภ้สามดียิ่งนัก ขอบคุณพี่สะใภ้สามขอรับ" หวังเลี่ยงยิ้มไม่หุบ
"เด็กตัวเหม็นอย่างพวกเ้าสองคนก็รวยแล้ว" ผู้เฒ่าหวังกำเศษก้อนเงินไว้ในมือ
หลิวซื่อเห็นว่าตรงหน้าประตูห้องโถงมีเงาของคนอยู่ ก็รู้ว่าเป็จางซื่อโดยไม่ต้องเอ่ยถาม นางกล่าวเสียงดังว่า "จางฮวา เ้าไปนอนก่อนเถิด"
จางซื่อเอ่ยรับเสียงหนึ่งแล้วหายไปจากตรงนั้น
หวังจวี๋พาหลานสาวทั้งสามคนเข้านอน พวกนางอาหลานใช้ห้องและเตียงเดียวกัน
หวังเลี่ยงเอ่ยถาม "พี่สะใภ้สาม ข้าวปั้นผักที่ท่านทําอร่อยยิ่งนัก พรุ่งนี้ท่านทําข้าวปั้นผักอีกได้หรือไม่ขอรับ พวกข้าจะได้นำไปขายที่อำเภอ?"
พวกเขาทั้งสี่คนได้หารือกันระหว่างทางกลับบ้านแล้วว่า พรุ่งนี้จะขายพริกและข้าวปั้นผัก
อย่ามองว่าหลิวซื่อเป็คนไม่ละเอียดรอบคอบ เพราะในใจของนางย่อมรู้ดีว่าตนเป็แม่สามี หากเอ่ยปากบอกหลี่ชิงชิงก็จะดูเหมือนเป็การใช้อํานาจกดดันนางเล็กน้อย
ผู้เฒ่าหวังยิ่งไม่เอ่ยปากกล่าวถึงเื่นี้ บรรดาลูกสะใภ้สองคนในบ้าน ลูกสะใภ้ใหญ่เป็ภรรยาของลูกเลี้ยง ทั้งยังให้กำเนิดเพียงบุตรสาวถึงสามคน ส่วนลูกสะใภ้สามเป็ภรรยาของบุตรชายแท้ๆ ตบแต่งเข้ามาได้สองเดือนกว่าๆ ก็ทำไข่เค็มออกมาหารายได้ให้กับครอบครัวแล้ว
เขาย่อมให้ความสําคัญกับหลี่ชิงชิงอย่างแน่นอน และไม่อยากทำให้หลี่ชิงชิงลำบากใจ
หลี่ชิงชิงเอ่ยช้าๆ ว่า "ข้าวปั้นผักทําง่าย คนที่เห็นแล้วสามารถทำตามได้ จึงขายได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น"
ข้าวปั้นผักไม่มีเคล็ดลับพิเศษอะไรเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าขายในอำเภอแค่วันเดียว วันถัดไปก็มีคนทำเลียนแบบแล้ว
หวังเลี่ยงจึงเอ่ยขึ้น "พริกขายไม่ได้แล้ว ได้แต่ขายข้าวปั้นผักเท่านั้น ข้าวปั้นผักขายได้หนึ่งวันก็หนึ่งวันเถิดขอรับ"
แน่นอนว่าหลี่ชิงชิงยัง้าหาเงิน นางจึงเอ่ยเสียงนุ่มว่า "ข้าไม่ได้จะไม่เห็นด้วย เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกท่านไปขายข้าวปั้นผักสักหนึ่งวัน แล้ววันหลังค่อยว่ากันอีกทีเ้าค่ะ"
ผู้เฒ่าหวังกล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ "ตกลง!"
หวังเลี่ยงร้องอย่างดีใจออกมาเสียงหนึ่ง หลิวซื่อและหวังจื้อก็หัวเราะฮ่าๆ อย่างมีความสุข
หลี่ชิงชิงให้ทั้งสี่คนไปล้างหน้าล้างตาและพักผ่อนก่อนอย่างเอาใจใส่ แต่หวังจื้อกลับไม่ยอม เขายืนกรานว่าตนเองจะเป็คนสุดท้าย น้องสามไปเป็ทหารไม่ได้อยู่บ้าน ดังนั้นเขาจะต้องดูแลน้องสะใภ้สามให้ดี
ตระกูลหวังมีห้องทั้งหมดสามแถว
แถวแรกมีสี่ห้อง มีห้องโถงใหญ่ที่ใช้เป็ห้องทานอาหารควบคู่ไปด้วย ห้องครัว ห้องนอนของหวังจื้อสามีภรรยา ห้องนอนของหวังพั่นตี้สามพี่น้องและหวังจวี๋
แถวที่สองมีสี่ห้อง แบ่งเป็ห้องนอนของผู้เฒ่าหวังสามีภรรยา ห้องนอนของหวังเฮ่าสามีภรรยา ห้องนอนของหวังเลี่ยง และห้องนอนของหวังเยวี่ย หวังเฮ่าไปเป็ทหารไม่อยู่บ้าน ดังนั้นหลี่ชิงชิงจึงอยู่เพียงลำพัง หวังเยวี่ยแต่งออกไปแล้ว ห้องของนางจึงเว้นว่างเอาไว้
แถวที่สามมีหกห้อง แบ่งเป็ห้องเก็บของสองห้อง ห้องเก็บเสบียงสองห้อง ห้องสุขาหนึ่งห้อง และคอกหมูหนึ่งห้อง แต่ก่อนตระกูลหวังเคยเลี้ยงหมู ทว่ามีอยู่ปีหนึ่งที่หมูป่วยเป็โรคระบาดตาย ทำให้บ้านพวกเขาขาดทุนไปเป็จำนวนมาก เพราะเหตุนั้นจึงไม่เลี้ยงอีกแล้ว คอกหมูจึงถูกเว้นว่างเอาไว้
ด้านหลังของห้องทั้งสามแถวเป็แปลงผักขนาดใหญ่ ตระกูลหวังจึงสามารถกินผักกันได้อย่างสะดวก ส่วนด้านหลังแปลงผักเป็ูเา
เมื่อก่อนคนตระกูลหวังเข้านอนกันเร็วมาก คืนนี้เข้ายามไฮ่ [1] แล้ว ทั่วทั้งหมู่บ้านตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด ทว่าคนตระกูลหวังกลับยังไม่เข้านอน
หลี่ชิงชิงใช้น้ำร้อนล้างเท้า จากนั้นก็เทน้ำลงกระโถนที่ทําจากไม้สำหรับถ่ายเบาในห้องตอนกลางคืนท่ามกลางความมืด
ห้องนี้มีพื้นที่ประมาณสามสิบผิงหมี่ มีเตียงไม้หลิวตัวใหม่หนึ่งหลัง โต๊ะเก้าอี้เก่าหนึ่งชุดและตู้ไม้เก่าหนึ่งหลัง
เตียงไม้หลิวเป็ผู้เฒ่าหวังจ่ายเงินเพื่อจ้างช่างทำขึ้นมาเป็พิเศษ สำหรับให้บุตรชายที่กำลังจะแต่งงานอย่างหวังเฮ่า นี่เป็เครื่องเรือนที่ใหม่ที่สุดและแพงที่สุดของตระกูลหวัง
โต๊ะ เก้าอี้และตู้ล้วนเป็ของที่หวังเฮ่าเคยใช้มาแล้วหลายปี
ในตู้มีตำราจำนวนหนึ่งและสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ [2] ทำให้เห็นว่าหวังเฮ่าเคยร่ำเรียนในสำนักศึกษามาหลายปี
นอกจากสิ่งของเหล่านี้ ยังมีเสื้อผ้าที่เก่าจนไม่อาจเก่าไปมากกว่านี้ได้แล้วที่หลี่ชิงชิงนํามาจากบ้านเดิม และเสื้อผ้าเก่าที่หลิวซื่อมอบให้นาง
สินเดิมของนาง ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายและพี่สะใภ้ล้วนไม่ยอมหยิบยื่นออกมาแม้แต่เหรียญทองแดงเดียว และพี่สะใภ้ทั้งสองคนยังคิดจะเก็บเสื้อผ้าเก่าของนางเอาไว้ เพื่อนำมาปรับแก้ให้เล็กลงแล้วนำไปให้บุตรลูกสาวของตนใส่อีกด้วย ทว่านางไม่ยินยอม
สตรีออกเรือนคนอื่นๆ ในหมู่บ้านเสี่ยวเฉวียนไม่ได้ยากจนเช่นบ้านของนาง ทว่าเป็เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณพวกเขา
ภายในเสื้อผ้าเก่ามีกล่องไม้ใหม่ๆ หนึ่งกล่องที่ใส่กุญแจเอาไว้ กล่องไม้นี้เป็ของขวัญแต่งงานที่หวังเฮ่าทิ้งไว้ให้นาง
หวังเฮ่ากล่าวว่าจากนี้ไปให้ใส่เงินสินเดิมของนาง และเงินเก็บของพวกเขาสองคนลงในกล่องไม้กล่องนี้
หลี่ชิงชิงพกกุญแจของกล่องไม้ติดตัวเอาไว้ นางใช้กุญแจเปิดกล่องไม้แล้วหยิบเหรียญทองแดงที่ได้รับในวันนี้ออกจากถุงผ้าใส่ลงกล่อง กล่องไม้พลันหนักขึ้นมา หญิงสาวแย้มรอยยิ้มพลางเอ่ย "หวังเฮ่า หวังว่าจะเป็ดังท่านกล่าว"
จะว่าไปแล้ว ตอนนี้นางก็ยังเป็หญิงสาวบริสุทธิ์อยู่
แท้จริงแล้วในวันแต่งงานวันนั้น หวังเฮ่าเปิดผ้าคลุมหน้าภายใต้สายตาของทุกคน ครั้นได้เห็นรูปลักษณ์อันงดงามของหลี่ชิงชิง ก็พลันดีอกดีใจขึ้นเป็พิเศษ ในงานเลี้ยงเขาร่วมดื่มอวยพรกับผู้าุโในตระกูล ไม่ว่าผู้ใดเข้ามาก็ไม่ปฏิเสธ เขาดื่มหนักจนเมามาย จนถูกหวังจื้อและลูกพี่ลูกน้องชายฝั่งบิดาคนหนึ่งพยุงไปส่งยังห้องหอ พอถึงห้องก็ล้มตัวลงหลับไปเสียอย่างนั้น สุดท้ายก็หลับจนถึงรุ่งสางทำให้พลาดฤกษ์งามยามดีไป...
กล่องไม้กล่องนี้เป็หวังเฮ่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายและหงุดหงิดใจ มอบให้หลี่ชิงชิงเป็พิเศษครั้นยามออกจากบ้าน
หลี่ชิงชิงนอนอยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหวังเฮ่าที่นอนกรนอย่างสบายอารมณ์ในคืนส่งตัวเข้าห้องหออีกครั้ง มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
แม้หวังเฮ่าจะมีรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาและอายุยังน้อย ท่าทางก็สง่างามผ่าเผย แต่หลี่ชิงชิงก็ไม่ได้เตรียมใจจะเข้าห้องหอกับเขา นอกจากนี้เนื่องจากร่างกายของหลี่ชิงชิงขาดสารอาหาร จนถึงยามนี้นางก็ยังไม่มีประจําเดือน และร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ จึงไม่อาจทำเื่ในห้องหอได้
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรนขึ้นลงสม่ำเสมอดังมาจากห้องข้างๆ ซึ่งนั่นเป็เสียงของผู้เฒ่าหวัง ชั่วครู่หนึ่งก็มีเสียงกรนเบาๆ ดังลอยมา คราวนี้เป็เสียงของหลิวซื่อ ผู้าุโทั้งสองคนอายุมากแล้ว แต่ไหนแต่ไรก็นอนเร็วตื่นเช้ามาตลอด วันนี้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน อีกทั้งยังเข้านอนดึก พอหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที
ผู้เฒ่าหวังสามีภรรยาคู่นี้ปฏิบัติต่อหลี่ชิงชิงดียิ่ง ไม่เคยด่าทอและยิ่งไม่เคยทุบตีนาง และพวกเขายังเป็ฝ่ายเสนอที่จะร่วมทำการค้ากับนางอีกด้วย
คนอื่นๆ ในตระกูลหวังเองก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดี นี่ยิ่งเป็ความโชคดีของนาง เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงที่อายุเท่ากันในหมู่บ้านเสี่ยวเฉวียนแล้ว หลี่ชิงชิงแต่งเข้าตระกูลหวังในหมู่บ้านหวังนับว่าดีอย่างแท้จริง
หลี่ชิงชิงเป็คนที่มีความสามารถในการปรับตัวได้ดีมาก ทะลุมิติมาถึงแคว้นต้าถัง นางสามารถยอมรับสถานะของบุตรสาวตระกูลหลี่ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถยอมรับสถานะลูกสะใภ้ของตระกูลหวังพร้อมตำแหน่งภรรยานายทหารได้อีกด้วย
นางหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
-------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ยามไฮ่ (亥) หมายถึง ่เวลา 21.00 – 22.59 น.
[2] สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ (文房四宝) หมายถึง สิ่งสำคัญสี่อย่างที่เป็อุปกรณ์สำคัญในห้องหนังสือ ได้แก่ พู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึก
