กลางป่าอันเงียบสงัด เสียงปืนดังสนั่นต่อเนื่องไปทั่วหมู่บ้านเบเลอร์ สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ พวกชาวบ้านราวกับเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองจากการรบกวนนี้ ผู้ใหญ่ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปอย่างสงบสุขตามปกติ แม้จะมีเด็กไร้เดียงสามาถามถึง แต่พวกผู้ใหญ่ก็พากันยิ้มและอธิบายว่า มีเด็กน้อยที่ไร้มารยาทจุดประทัด
แม้แต่ตำรวจที่สถานีเองก็ยังทำหูหนวกไม่ได้ยินเสียง ยังคงช่วยคุณนายแม่เฉินตามหาแมวเปอร์เซียที่หายตัวไป และยังช่วยแก้ปัญหาเพื่อนบ้านทะเลาะกันด้วยเื่หยุมหยิมอีกด้วย
คนเดียวที่นั่งไม่ติดเก้าอี้ก็คือเซี่ยวอี๋ ซึ่งเธอกำลังอยู่ในระหว่างมื้ออาหารเย็น เสียงปืนนั่นทำให้รู้ว่าเสิ่นิกำลังอยู่ในการต่อสู้อันยากเข็ญ การใช้ปืนเก่าจากาโลกครั้งที่สอง ท้าทายกับมือปืนในยุคใหม่ ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ไม่อาจวางใจได้
หากเสิ่นิใช้ร่างอสุรกายลอบโจมตีศัตรูได้ก็คงดี แต่ตอนนี้เป็การดวลกันซึ่งๆ หน้า อัตราการถูกฆ่าตายนั้นอยู่ที่ราวๆ แปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ไพรกับเสิ่นิก็ไม่ได้ลงรอยกัน อาจเป็ไปได้ที่เธอจะลอบทำร้ายเขา
เซี่ยวอี๋จ้องไปยังอาหารอันอุดมสมบูรณ์บนโต๊ะในขณะที่ยิ่งคิดถึงเื่นี้มากเท่าไร ความกังวลก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวทานไม่ลงเลยแม้แต่คำเดียว แค่คิดว่าจะลุกขึ้นหาทางช่วยเหลือ เฝิงเฉวียนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็กระซิบมา “เธอคิดจะทำอะไรน่ะ?”
“หาทางช่วย”
“ฟังจากเสียงปืนแล้ว พวกเขาน่าจะอยู่ที่หุบเขาลูกทางด้านหลังโน้น ไม่ใช่ว่าผมดูถูกคุณหรอกนะ แต่ต่อให้คุณไปตอนนี้ กว่าจะถึง การต่อสู้ก็จบลงแล้ว ถ้าเสิ่นิฝีมือห่วย คุณก็คงทำได้แค่เพียงเก็บศพเขา แต่ถ้าเขาเจ๋งพอ คุณไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?” เฝิงเฉวียนกล่าวเนิบๆ จนเซี่ยวอี๋ไปต่อไม่เป็
“ได้ยินเสียงปืนแบบนี้แล้ว พวกคุณทานข้าวกันลงด้วยเหรอ?” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความหดหู่ใจและนั่งไม่ติดเก้าอี้
“คุณหนูเซี่ยว ฟังคำพูดของผู้เฒ่าสักสองคำได้หรือไม่?” ผู้ใหญ่บ้านเจิ้นถิงซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะส่งยิ้มมาให้ เมื่อเผชิญหน้ากับชายชราเช่นนี้ เซี่ยวอี๋ก็ดับอาการหัวเสียลงโดยพลัน
“เชิญผู้ใหญ่บ้านว่ามาค่ะ”
“แม้ว่าข้าจะเป็ผู้ที่ชราภาพแล้ว อยู่แต่ในชนบทมาโดยตลอด แต่ข้าก็เคยเห็นคนแปลกประหลาดมานักต่อนัก พอจะดูคนออกอยู่บ้าง ถึงคุณเสิ่นิจะดูแล้วอายุยังไม่มาก แต่กลับไม่ใช่วัยรุ่นทั่วไป เขาต้องเคยผ่านประสบการณ์อันยากจนเหนือจินตนาการมาก่อนแน่ๆ เขาถึงได้พัฒนาความสามารถพิเศษในตัวออกมาได้
แม้ว่าเขาจะทราบชัดถึงอันตรายของการเดินทางในครั้งนี้ แต่ก็ยังเต็มใจที่จะพกพาอาวุธ พาแม่สาวไพรไปเสี่ยงอันตรายด้วย ข้าไม่คิดว่าเป็เพราะเขากำลังมองหาความตาย แต่เป็เพราะเขานั้นมั่นใจเหลือเกินว่าจะเอาตัวรอดกลับมาได้
ข้าเข้าใจความกังวลของแม่นางเซี่ยวอี๋ แต่ในเมื่อพี่เสิ่นิได้อธิบายไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว ตอนนี้หากไปรบกวนเขา มันก็จะทำให้เขาเสียสมาธิ นั่นจะเป็การไม่เหมาะสม ใช่หรือไม่?” คำพูดของเจิ้นถิงทำให้เซี่ยวอี๋นั่งลงได้ในที่สุด
“ไม่ต้องเป็ห่วง เสิ่นิไม่ตกเป็รองหรอก ผมจะไม่ยอมให้เขาเอาเงินค่าขนมของผมไปฟรีๆ อีกอย่างผมยังแถมศีรษะของเพื่อนร่วมทีมไปให้เขาอีกหนึ่งหัว ถ้าเอาชนะไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว!”
ณ ขณะนี้ ไพรซึ่งโลดแล่นด้วยความเร็วสูงในป่าทึบ อยู่ๆ ก็จามขึ้นมา หญิงสาวคิดว่าตัวเองคงเป็หวัดโดยที่ไม่รู้เลยว่าเ้านายผู้แสนดีของเธอกำลัง “สาปแช่ง” เธออยู่
การที่จะวิ่งไปบนูเา 2,500 เมตรให้ถึงได้ภายใน 6 นาที ช่างเกินขีดจำกัดของมนุษย์ แม้แต่เสิ่นิเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเขานั้นจะทำได้ แต่ไพรโน้มตัวทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง ก้าวเดียวก็สามารถทำให้ร่างของไพรเหินไปข้างหน้าได้เกือบ 2 เมตร เธอลอยเหนือพื้นราวกับต่อต้านแรงโน้มถ่วงได้ กายเบาเหมือนเสือชีตาห์
ในบรรดาจตุปีศาจแห่งพสุธา เธอเป็นักฆ่าที่ลอบสังหารได้ไวที่สุด เธอเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยวัยเพียง 3 ขวบ ฝึกวิชาพิเศษตัวเบา ความสามารถอันยอดเยี่ยมทำให้เธอเป็หญิงแกร่ง เป็หนึ่งในจตุปีศาจแห่งพสุธาได้ เป็ดั่งแขนขาของนายน้อยตระกูลเฝิง
ในขณะที่เสิ่นิดึงดูดความสนใจของผีูเาไปทั้งหมด ที่เหนือศีรษะของไพร จู่ๆ เ้านกกระยางขาว แพนด้า ก็บินมา “แคว้ก! แคว้ก!” มันส่งเสียงร้องออกมาสองครั้ง
หลังจากการประมือกันครั้งที่ 5 ผีูเาก็ล้มตัวลงนอนในหลุมหลบภัย เขาเตะหินออกจากใต้ฝ่าเท้า ร่างกายเคลื่อนไปตามความลาดชันของหิน ลื่นตัวลงไปเหมือนกับกำลังเล่นสไลเดอร์
“ไม่ได้การ! ไพร! ซ่อนตัว!” เสิ่นิหายไปจากกระจกปืนซุ่มยิงของปีศาจโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มรีบะโใส่หูฟังโดยสัญชาตญาณ
“ว่าไงนะ?” ไพรเงยหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอวิ่งมาได้ครึ่งทางแล้ว เธออยู่ห่างจากผีูเาเพียง 1,200 เมตร แต่ร่องรอยกลับถูกเปิดเผย ก้อนหินรูปครึ่งวงกลมลื่นไถลลงมาปิดกั้นระหว่างเสิ่นิและผีูเา แต่ที่เนินลาดเอียงกลับไม่มีอะไรมาขวางกั้นระหว่างผีูเาและไพรเลย
ด้วยสายัณห์สุดท้ายของพลบค่ำ ไพรมองเห็นปากกระบอกปืนสีดำเล็งมาที่เธอ
“หมอบลง!” เสียงคำรามของเสิ่นิทำให้เธอได้สติ
ไพรควงมีดสองเล่มที่ด้านหลังขึ้นมา ร่างของเธอเหินบินขนานไปกับแนวหิน มีดสองเล่มสอดเข้าไปในรอยแตกของหิน ตามแนวลาดชันที่ 60 องศาทั้งตัวคนโหนอยู่เหนือทางลาดนั้น
“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้น ผีูเาไม่ได้ใช้ปืนไรเฟิลรุ่น L115A3 อีกต่อไป แต่ใช้ปืน Barrett หัวะุเจาะเกราะขนาด 12.7 มม. ด้วยการยิงเพียงนัดเดียว ก้อนหินที่อยู่เหนือไพรก็ถูกตัดออกไปหนึ่งในสาม ก้อนกรวดกระเด็นใส่มือของเธอ บาดสองมือเป็สิบแผล
“เวร!” ความเ็ปของไพรอธิบายได้ด้วยคำว่า “เวร”
“อย่าขยับ! ผมจะไปช่วยคุณ!” เสิ่นิหยุดการซุ่มยิงและเร่งฝีเท้าไปทางผีูเา
“ฉันต้องขยับสิถึงจะรอด!” ด้วยเสียงคำรามของไพร ะุเจาะเกราะนัดที่สองก็ตามมาติดๆ คราวนี้หินทลายลงอย่างลวกๆ มือของไพรอ่อนแรงเพราะเนื้อฉีกขาดจากเศษหิน ถ้าเป็คนทั่วไป ป่านนี้คงคลายที่จับไปนานแล้ว แต่ไพรกลับกำด้ามมีดและปฏิเสธที่จะผ่อนแรง เธอเหมือนกำลังยึดฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
อันที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยืนหยัดได้นานขนาดนี้ บางทีอาจเป็เพราะคำพูดของเสิ่นิที่ว่า “ผมจะช่วยคุณ”
“ไม่โผล่หัวออกมาก็ไม่ตายใช่ไหม?” ผีูเายกปากกระบอกปืนขึ้นทีละนิ้ว ปัง! อีกนัด เขาเห็นหน้าผากไพรโผล่มาในระยะ 50 เมตร กิ่งไม้ได้รับแรงสั่นะเืจนหัก มันล้มฟาดลงกับต้นขาของไพร
“อ้า!” แม้แต่ผู้ฝึกวิทยายุทธ์อย่างไพรก็กรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป
“ยังไม่ตายอีกเหรอ?” ผีูเาดึงสลักปืนอีกครั้ง เขาเริ่มยิงไปที่หินซึ่งไพรใช้เป็ที่พักพิงอย่างดุเดือด หลังจากผ่านไป 6 นัด เสียงดังปัง ในที่สุดร่างของไพรก็เผยให้เห็นภายใต้กระบอกปืนของเขา
“ขอประทานโทษ เื่ราวของคุณจบลงแล้ว” ผีูเาขึ้นไกปืนอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่เล็งอีกครั้ง สัญลักษณ์กากบาทบนกระจกก็อยู่ที่หัวกะโหลกของไพรพอดี
แต่เสิ่นิยิงเร็วกว่าเขา ด้วยการพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งอยู่ห่างจากหลุมหลบภัยของผีูเาเพียง 800 เมตร เขากดทริกเกอร์ ในความเห็นของผีูเา ด้วยตำแหน่งของเสิ่นิ เขาไม่ควรมองเห็นเขา ไม่มีทางที่ะุ 7.62 มม. จะเจาะทะลุหินกำบังข้างกายตนได้ การยิงของเขาก็เหมือนกับการระบายอารมณ์อย่างหมดหนทาง เหมือนเสียงคำรามจากการสูญเสียของสหาย
แต่เมื่อะุหมุนไปกระทบกับขอบหิน ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ด้านข้างก็ทำให้ปีศาจผีูเาหยุดความคิดที่จะยิงต่อโดยสัญชาตญาณ เขาหันศีรษะไปมอง เห็นเปลวไฟลอยอยู่เหนือโขดหินเหมือนกับคลื่นสึนามิ เปลวไฟเ่าั้กำลังเคลื่อนมาทางตนเอง นี่คือะุะเิฟอสฟอรัสขาว ในระยะเพียง 800 เมตร เสิ่นิทะยานมาอย่างคลุ้มคลั่งเพื่อการตอบโต้นี้
ผีูเายืดตัวหลบโดยสัญชาตญาณ เปลวไฟฟอสฟอรัสสีขาว จากประสบการณ์ในสนามรบบอกเขาว่า ถ้ามีของแบบนี้ติดตัว มันจะไม่ดับจนกว่าสิ่งนั้นจะถูกเผาไหม้จนกลายเป็เถ้าถ่าน
แต่เมื่อเขายืดตัวขึ้น ก่อนที่จะมีเวลาคิดว่าจะต่อกรกับเสิ่นิเช่นไร ะุนัดที่สองก็พุ่งเข้ามาที่หน้าอก ผลกระทบจากแรงจู่โจมของหัวะุเจาะเกราะ ทำให้ผีูเาลอยละลิ่ว
นัดที่สองของเสิ่นิไม่ใช่การโจมตีโดยการเล็งแล้วยิง หลังจากะุปืนฟอสฟอรัสขาวนัดแรกถูกยิงออกไป ชายหนุ่มก็สลับะุอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยิงขึ้นไปยังพื้นที่ว่างเหนือบังเกอร์ เขาทำนายปฏิกิริยาของผีูเา ถึงขนาดคาดการณ์ว่าตำแหน่งหัวใจของผีูเาจะไปปรากฏ ณ จุดใด
ผีูเาเบิกตาค้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่ามีมือปืนประเภทหนึ่งบนโลกที่ไม่ได้ใช้กระจกเล็งเพื่อสังหาร แต่พวกมันใช้สัญชาตญาณเหมือนอสุรกาย ด้วยจิติญญาของปีศาจร้าย มันสามารถสังหารได้ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้
เสิ่นิทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อจะไปยังจุดที่ผีูเาถูกจู่โจม แต่เขาก็ไม่พบศพบนพื้น ไม่เห็นคราบเื มีเพียงแผ่นทรงกลมซึ่งถูกหัวะุฝังจนบูดเบี้ยวอยู่
เสิ่นิไม่ได้สำรวจอะไรมาก เขานำเหรียญทรงกลมใส่เป้สะพายหลังและไม่สนใจผีูเาผู้กำลังหลบหนีอีกต่อไป เขารีบวิ่งไปหาไพร
ไพรซึ่งล้าไปทั้งร่าง ในที่สุดก็ยอมปล่อยด้ามมีดที่อยู่ในกำมือออก ก่อนจะปล่อยให้ร่างกายไถลไปตามไหล่ทาง ก่อนจะถูกเสิ่นิคว้าเอาตัวมากอดไว้
“ไพร! คุณได้ยินผมไหม?” เสิ่นิตบแก้มอันขาวซีดของไพรด้วยความตระหนก
“หัวขโมยสัปดน...อย่าเข้าใกล้ฉัน...” ไพรกล่าวอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
เสิ่นิรีบสำรวจร่างกายของไพร มือและท่อนแขนของไพรถูกปกคลุมไปด้วยาแซึ่งเกิดจากการถูกกรวดหินบาดจนถลอกปอกเปิก แต่นี่ไม่ใช่าแที่อันตรายถึงชีวิต
ริมฝีปากของไพรดำคล้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ จับสั่นไปทั้งตัว มีจุดเืออกในลูกั์ตาไม่น้อย
“โดนพิษ?!” เสิ่นิสำรวจร่างกายของไพรอย่างระมัดระวัง ที่จริงแล้วที่ต้นขาขวาด้านในของเธอนั้นมีจุดที่เืออกอยู่สองจุดและใกล้กับส่วนอันบอบบาง ในที่อันมืดมิด เขาพบกับ “งูไผ่เขียว” ตกลงที่ด้านข้าง ลำตัวของมันร่วงลงบนร่างของไพร
งูพิษใจึงกัดไพรโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตัวมันเองก็เสียชีวิตจากอาการเืคั่งภายใน
แม้ว่างูไผ่เขียวจะไม่ใช่งูพิษที่ร้ายแรง แต่ไพรได้รับาเ็อยู่ก่อนแล้ว ด้วยความที่งูไผ่เขียวอยู่ในอาการใก่อนที่มันจะเสียชีวิต มันจึงพ่นพิษออกมาในปริมาณมาก ไพรจึงเริ่มแสดงอาการช็อก
“คุณถูกงูกัด! อย่าขยับ!” เสิ่นิว่าแล้วก็จับไพรแยกขาออกจากกันและถอดกางเกงปั่นจักรยานของไพรลงมาจนถึงหัวเข่า
“หัวขโมยสัปดน...นายคิดจะทำอะไร? น่ะ!” ไพรร้องลั่นสุดเสียง
“ช่วยดูดพิษ! อย่าขยับ!” โดยไม่รอให้ไพรเอ่ยปฏิเสธ เสิ่นิจูบลงที่ต้นขาด้านในของไพร เสิ่นิดูดเธออย่างแรงจนกระทั่งมีเสียงปิ๊บๆ
ท่าทางนั้น มันเลวร้ายแค่ไหน เสียงนั้นช่างน่าสมเพชเพียงใด...
ถ้ามือของไพรไม่ได้อ่อนแรง เธอคงจะแทงไอ้หัวขโมยสัปดนตรงหน้านี่ด้วยมีดเล่มเดียว ให้มันจบลงในมีดๆ เดียว เพื่อไม่ให้ไอ้หัวขโมยรายนี้ได้ทำตัวเหลวไหลอีก
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยท่วงท่าอันชั่วร้าย ด้วยเสียงอันเลวร้าย กระบวนการนั้นกินเวลาอยู่ 30 วินาที เสิ่นิพ่นเืสกปรกออกมา 4 คำใหญ่ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จสมบูรณ์ ไพรรอดแล้ว แต่การถือครองพรหมจรรย์เป็เื่ที่จากเธอไปั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว
“เรียบร้อย กลับไปค่อยพบแพทย์อีกครั้งก็ไม่เป็ไรแล้ว” เสิ่นิไม่ทันได้เช็ดเืและน้ำลายที่มุมปาก ก็รีบสวมกางเกงกลับให้ไพร
“ไอ้หัวขโมยสัปดน ข้า ไพร ขอสาบานต่อหน้าพระจันทร์ หากชีวิตนี้ไม่ได้สังหารนาย ข้าจะไม่ขอเป็คนอีกต่อไป” ไพรร่ำไห้น้ำตาไหลพราก