น้ำเสียงแฝงความโศกเศร้าและหดหู่ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก ราวกับผู้กล้าที่ไร้เทียมทานกลายเป็ชายชราไม้ใกล้ฝั่งในพริบตา
“เมื่อแปดร้อยปีก่อน เผ่าาเทียนฮวงเรายังเดินไปทั่วเขต์อันไพศาล แม้ไม่อาจกวาดล้างเขต์ แต่ผู้ที่สามารถต้านทานเผ่าเราได้มีไม่เกินสิบเด็ดขาด เวลานั้นคือยุคทองของเผ่าาเทียนฮวง แคว้นเซิ่งมาเยือน กราบกรานยอมสยบ”
น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นเปี่ยมความภาคภูมิ
เขาภูมิใจในตัวคนเผ่าเขาและภาคภูมิในเผ่าเทียนฮวง
เจตนารมณ์เทียนฮวงในร่างของเซียวเฉินกำลังพวยพุ่ง ส่งเสียงร้องคำรามราวกับถูกเสียงนั้นปลุกเร้า ทันใดนั้น ทั่วทั้งเขตสุสานก็แผ่ความคิดต่อสู้ออกมาอย่างลบล้างไม่ออก
“เหตุใดเผ่าาเทียนฮวงจึงล่มสลาย...”
เซียวเฉินรู้สึกว่าความคิดต่อสู้พวยพุ่งจึงอดเอ่ยถามไม่ได้
“ยามนั้น มีมหาเผ่าาสี่เผ่าอยู่ใต้บัญชาเผ่าเทียนฮวงเรา เผ่าาแต่ละเผ่าแข็งแกร่งไม่แพ้แคว้นเซิ่ง แต่เกิดเื่ใหญ่ขึ้นขณะเผ่าเทียนฮวงเราเปิดศึกกับเผ่าาหมานหวง มหาเผ่าาสองเผ่าในสี่เผ่าทรยศ” น้ำเสียงนั้นเยียบเย็น เจตนาสังหารคุโชน
“ศึกนั้น เผ่าาเทียนฮวงพ่ายแพ้ เสียหายอย่างหนัก มหาเผ่าาสองเผ่าใต้บัญชาที่เหลืออยู่แทบดับสูญ ส่วนเผ่าาเทียนฮวงเสียหายอย่างหนัก กลุ่มอิทธิพลระดับสูงอื่นๆ ในเขต์ต่างเหยียบย่ำซ้ำเติม รวมหัวกับเผ่าาหมานหวงมาโจมตีครั้งใหญ่ สุดท้ายเผ่าาเทียนฮวงทำลายกลุ่มอิทธิพลระดับสูงที่โดดเด่นสามกลุ่ม และทำร้ายเผ่าาหมานหวงาเ็สาหัส แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟจึงถูกทำลายและ่ชิงทุกสิ่งไป”
เอ่ยถึงตรงนี้ เสียงนั้นก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน รับรู้ถึงความเดือดดาลอันไร้ขีดจำกัดในน้ำเสียง ราวกับทำให้แผ่นดินผืนนี้ตื่นใ
ทั้งสุสานปรากฏความห้าวหาญรันทด
นี่คือนามอันลือลั่นเพียงไหน พลังการต่อสู้ระดับใด ใช้คนน้อยสู้ศัตรูมาก ทั้งยังทำลายกลุ่มอิทธิพลระดับสูงขนาดใหญ่สามกลุ่ม ทำให้เผ่าาหมานหวงเสียหายอย่างหนัก แม้ยากที่จะรอดพ้นจากการถูกทำลาย แต่กลับทำให้าเ็สูญเสียทั้งสองฝ่าย แม้ผลงานการรบเช่นนี้จะห้าวหาญรันทด แต่กลับแสดงถึงเจตนารมณ์ของเผ่าาเทียนฮวง
สู้จนตัวตายไปพร้อมเกียรติยศ ไม่ยอมอยู่อย่างไร้ความหมายให้ถูกลบหลู่เกียรติ
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเซียวเฉินก็มีอารมณ์พลุ่งพล่าน ราวกับเวลานี้เขากลายเป็สมาชิกคนหนึ่งของเผ่าาเทียนฮวงต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลทั้งแผ่นดิน หากไม่ตายจะไม่หวนกลับ!
“การกระทำของผู้าุโห้าวหาญมาก ผู้เยาว์นับถือยิ่งนัก” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
จากนั้น ความว่างเปล่าตรงหลุมศพก็บิดเบี้ยวต่อหน้าต่อตา มีเงาร่างแก่ชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน เื่นี้ทำให้เซียวเฉินประหลาดใจมาก เพราะฟังจากเสียงแล้วตัวคนพูดไม่น่าจะแก่ชราขนาดนี้ ทว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็ชายชราไม้ใกล้ฝั่ง เส้นผมหงอกขาวิัเหี่ยวย่น ดุจเปลวเทียนใกล้ดับแสง
ชายชรารับรู้ถึงความใของเซียวเฉินจึงยิ้ม
“ใมากใช่หรือไม่?”
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“เดิมทีข้าก็อายุพันกว่าปีแล้ว ในเขต์ อายุพันกว่าปีไม่ถือว่าแก่ สภาพข้าในปัจจุบันทั้งหมดนี้เป็เพราะเผ่าาหมานหวง” ชายชรากล่าวช้าๆ น้ำเสียงไม่มีร่องรอยอารมณ์ ราวกับกาลเวลาได้ขัดเกลาอารมณ์ ทำให้เขายอมรับได้อย่างสงบนิ่ง
หรือความสิ้นหวังเมื่อแปดร้อยปีก่อนทำให้เขาไม่คิดแค้นอีก แต่เซียวเฉินไม่รู้ว่าชายชรามิใช่ไม่แค้น ทว่าฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวเซียวเฉิน
“ในาเมื่อปีนั้น ข้าคนเดียวสู้กับประมุขของกลุ่มอิทธิพลระดับสูงสามกลุ่มโดยไม่พ่ายแพ้และเหนือกว่าพวกเขาหนึ่งขั้น ขณะที่ข้ากำลังจะสังหารพวกเขา หัวหน้าเผ่าาหมานหวงก็ลอบโจมตีข้า ่ชิงกระดูกอันสูงส่งและล้ำค่าที่สุดของเผ่าาเทียนฮวงไปและทำร้ายข้าจนาเ็สาหัส ความกลัวว่าเผ่าจะดับสูญในตอนนั้น ทำให้ข้าไม่สนใจมากความ เผาไหม้พลังชีวิตเป็ค่าตอบแทนในการสังหารประมุขกลุ่มอิทธิพลใหญ่ระดับสูงสามกลุ่ม ทำร้ายหัวหน้าเผ่าาหมานหวงจนาเ็สาหัส แต่สุดท้ายเผ่าก็ล่มสลาย แดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าาเทียนฮวงจึงข้ามระนาบมายังที่นี่...”
ชายชราถอนหายใจอย่างเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึก ดวงตาชื้นนิดๆ
“น่าสงสารเหล่าพี่น้องที่ร่วมเป็ร่วมตายกับข้า ถึงกับถูกพวกลืมบุญคุณสองคนทรยศ ต้องมีจุดจบอย่างอนาถ แม้แต่ภรรยาและบุตรของข้าก็หนีไม่รอด ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างของเผ่าแทบถูกทำลายสิ้น...”
น้ำตาสองหยดไหลลงมา
ชายชราร้องไห้อย่างเ็ปเสียใจ นับแต่โบราณมา บุรุษไม่หลั่งน้ำตาง่ายๆ หากไม่เสียใจถึงขีดสุด แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็ผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดของเขต์อันทรงอำนาจ ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานที่ไร้ผู้ต่อต้าน กลับต้องทนมองบุตร ภรรยา และพี่น้องตายอย่างอนาถไปทีละคนและกล้ำกลืนความอัปยศมาแปดร้อยกว่าปีเพื่อค้นหาผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของเขา นำพาเผ่าาเทียนฮวงหวนคืนเขต์อีกครั้ง และฟื้นฟูให้รุ่งโรจน์เช่นในอดีต นี่คือความศรัทธาถึงขั้นใดจึงสามารถค้ำจุนให้อยู่ต่อมาได้...
“ผู้าุโ เซียวเฉินขอสาบานตรงนี้ว่า หากวันหนึ่งได้เหยียบเขต์ จะพยายามสืบสานเจตนารมณ์เทียนฮวงอย่างสุดกำลัง ฟื้นฟูเผ่าาเทียนฮวง ทำลายเผ่าาหมานหวง ใช้โลหิตของพวกเขามาล้างความอัปยศ”
เซียวเฉินมีสีหน้าแน่วแน่ แววตามีประกายเย็นเยียบ
“สับคนทรยศเป็ชิ้นๆ ด้วยตนเอง!”
สีหน้าของชายชราเปล่งประกาย หัวเราะลั่นทันที “ดีดีดี ข้าไป๋อวี่ไม่ได้มองคนผิด เซียวเฉิน คงต้องฝากภาระหนักในการฟื้นฟูเผ่าาเทียนฮวง...ไว้กับเ้าแล้ว...”
ไป๋อวี่เอ่ยช้าๆ น้ำเสียงมีอารมณ์ที่ไม่อาจสลายไป
“หากข้าได้เห็นวันที่เผ่าาเทียนฮวงฟื้นคืนมาจะดีสักเพียงใด...น่าเสียดาย ข้ารอไม่ไหวแล้ว แปดร้อยหกสิบสามปีแล้ว...ข้าเหนื่อยเหลือเกิน อยากพักผ่อน...”
เสียงไป๋อวี่ทุ้มและอ่อนโยนแฝงความคิดคำนึง
“ผู้าุโ ท่าน...” เซียวเฉินมีสีหน้าใ
ไป๋อวี่ยิ้มกล่าว “สิ่งที่สมควรมอบ ข้าก็มอบให้เ้าหมดแล้ว ข้าไม่มีสิ่งใดจะฝากฝังอีก เ้าควบคุมเจตนารมณ์ของเทียนฮวงได้ ดังนั้น เ้าย่อมสามารถควบคุมแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงและขุดค้นความลับของมันได้”
ระหว่างที่เอ่ยวาจา ป้ายหยกชิ้นหนึ่งก็ลอยมาอยู่ในมือของเซียวเฉิน
“นี่คือสัญลักษณ์ของจักรพรรดิเผ่าาเทียนฮวง นับจากวันนี้ไป เ้าคือจักรพรรดิคนใหม่ของเผ่าาเทียนฮวง อย่าทำให้เจตนารมณ์เทียนฮวงในร่างของเ้าผิดหวังล่ะ”
ไป๋อวี่เดินไปยังป้ายหลุมศพช้าๆ “วันที่เผ่าาเทียนฮวงประสบเคราะห์ ข้าเคยสาบานว่า หากยังหาความหวังที่ค้ำจุนเผ่าาเทียนฮวงไม่ได้ ข้าจะรั้งอยู่ด้วยความคิดยึดมั่น ข้าจะไม่ทิ้งนามไว้บนป้ายหลุมศพ แปดร้อยหกสิบสามปีแล้ว ข้าสมควรพักผ่อนเสียที”
ฟุ่บ ฟุ่บ!
นิ้วของไป๋อวี่ขยับ มีอักษรปรากฏขึ้นบนป้ายหลุมศพ
สุสานของไป๋อวี่ คนบาปแห่งเผ่าาเทียนฮวง
จากนั้น ไป๋อวี่มองท้องฟ้า ดวงตามีรอยยิ้ม “พี่น้อง...ฮูหยิน...ลูกข้า ในที่สุดข้าก็ไปอยู่เป็เพื่อนพวกเ้าได้แล้ว พวกเ้าเดินช้าๆ หน่อยนะ ข้าตามไม่ทัน...”
เงาร่างของไป๋อวี่กลายเป็ความว่างเปล่าอย่างช้าๆ
“ฟื้นฟูเผ่าาเทียนฮวง ชิงกระดูกอันสูงส่งคืนมา...”
เสียงของไป๋อวี่ดังสะท้อนบนท้องฟ้าอีกครั้ง
แต่ตัวคนกลับไม่อยู่แล้ว
เซียวเฉินมองอักษรที่สลักบนป้ายหลุมศพ หัวใจสะท้านอย่างลึกล้ำ ผู้าุโไป๋อวี่ปกป้องเผ่าาเทียนฮวงมานับพันปี แต่ยังเดินออกจากเงามืดของการฆ่าล้างเผ่าาเทียนฮวงไม่ได้ และยังเรียกตนเองว่าคนบาปอยู่
เซียวเฉินโบกมือ ลบอักษรแถวนั้นทิ้ง
จากนั้นสลักว่า “จักรพรรดิเผ่าาเทียนฮวง” แล้วเดินจากไปช้าๆ
ในเมื่อเขารับการสืบทอดของไป๋อวี่ สืบทอดเจตนารมณ์เทียนฮวงแล้ว เวลานี้เขาก็คือจักพรรดิของเผ่าาเทียนฮวง เขามีหน้าที่นำพาเผ่าาเทียนฮวงกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ล้างความอัปยศ ชิงกระดูกอันสูงส่งและล้ำค่าที่สุดของเผ่าาเทียนฮวงคืนมา...
วินาทีที่เขาย่างเท้าออกจากหลุมศพ วันเวลาก็กลับสู่สภาวะปกติ ตอนนี้เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวยังฝึกวิชาอยู่ แต่หลังจากคนทั้งสองรู้สึกถึงอะไรบางอย่างก็ค่อยๆ ลืมตา เมื่อเห็นเซียวเฉินก็มีสีหน้าปีติยินดี
“เซียวเฉิน เ้ากลับมาแล้ว”
เซียวเฉินพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ใกล้ถึงกำหนดเวลาหนึ่งเดือนแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ”
“อืม ได้”
สองพี่น้องผงกศีรษะ แล้วพวกเขาสามคนก็เหาะจากไป