“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้าฆ่าเขาแน่” ชายชุดดำที่จี้คอโหยวเสี่ยวโม่ะโอย่างผวา
พริบตาเดียวหลิงเซียวก็สังหารโหดพรรคพวกอีกสามคนอย่างคล่องแคล่วพลันทำให้เขาผวา เดิมทีคิดจะจี้ตัวโหยวเสี่ยวโม่เพื่อบีบเขาให้ยอมจำนน แต่แววตาตอนนี้กลับมีความหวาดกลัวและผวาแทนที่
“หากปล่อยเขา ข้าจะปรานีไว้ชีวิตเ้า” สายตาหลิงเซียวจ้องเขาเย็นะเื น้ำเสียงยังคงนิ่มนวลน่าฟัง ไม่ได้มีความปรานีมากมาย แต่ก็ไม่ได้เ็าเกินไป เพียงแต่ความจองหองเหี้ยมเกรียมที่แผ่ออกมาทำให้ใจคนสั่นเทิ้ม
เมื่อเห็นท่าทีเขาตอนนี้ พวกคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ต่างพากันตระหนกเงียบๆ โดยเฉพาะภาพที่เขาฆ่าคนทั้งสามตาย ท่าทางช่ำชองราวกับกำลังหั่นเต้าหู้ แต่กลับฆ่ายอดฝีมือชั้นจันทราไปสามคนในพริบตาเดียว เหมือนถูกฟาดที่หัวเข้าจังๆ ทุกคนต่างผวาและคิดว่าตัวเองประมาณฝีมือชายผู้นี้ต่ำเกินไปเสียแล้ว
ชายชุดดำถูกหลิงเซียวขู่จนตัวสั่นเทา จนเกือบบาดคอโหยวเสี่ยวโม่
ยิ่งรับรู้ความโเี้ไร้ความปรานีของหลิงเซียวแล้ว เขายิ่งไม่มีทางปล่อยโหยวเสี่ยวโม่แน่ การเอาตัวรอดของโหยวเสี่ยวโม่ตอนนี้คือยันต์ หากปล่อยไป เขาคงถูกฆ่าเช่นเดียวกับพรรคพวก เมื่อคิดเช่นนี้ ชายชุดดำตัดสินใจลงมือ ถูกต้อง เขามีตัวประกันทั้งคน ไม่เห็นต้องกลัวเขา
“ยื่นถุงเก็บของเ้ามา ไม่งั้นข้าจะฆ่าเขาซะ”
“ข้าให้โอกาสเ้าแล้ว แต่เ้าไม่คว้ามันไว้เอง” หลิงเซียวปรายตา เอ่ยเสียงเบา
ชายชุดดำยังไม่ทันฟังรู้เื่ ก็เห็นหลิงเซียวดีดนิ้ว ทันใดก็มีเปลวไฟัสีม่วงสองตัวพ่นออกมาจากตัวเขา เมื่อเปลวไฟัปรากฏขึ้น อุณหภูมิรอบทิศก็ร้อนแรงขึ้น ราวกับแสงแดดแผดเผาอยู่ห่างไปแค่คืบ
เมื่อเห็นเปลวไฟนี้ ชายชุดหน้าเปลี่ยนสี ฤทธิ์ของเปลวไฟันี่เขาเห็นกับตามาแล้ว ตอนนี้ปรากฏขึ้นมาอีก หวาดผวาจับใจ มือขวารีบคว้าคอโหยวเสี่ยวโม่ แรงจิกของเล็บแทบทิ่มแทงเข้าเนื้อ ะโสั่นสู้ “เ้าไม่สนใจชีวิตพวกพ้องตัวเองแล้วรึไง? อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเขานะ ข้าจะเอาชีวิตเขาจริงๆ”
หลิงเซียวมุมปากโค้งสูงขึ้นหัวเราะเยือกเย็น
“ไม่จริง!” ผู้เฒ่าอวิ๋นที่หลบอยู่ในเงามืดก็เอ่ยขึ้น สายตาที่จดจ่ออยู่บนตัวโหยวเสี่ยวโม่ทันใดก็เป็ประกายขึ้นมา “เด็กหนุ่มนั่นไม่ใช่ตัวจริง”
มู่เหยาที่ได้ยิน สายตาโเี้จ้องมองโหยวเสี่ยวโม่รอบหนึ่ง ท้ายสุดจ้องอยู่ที่ใบหน้าขาวเผือดนั้น
คอของเด็กหนุ่มถูกบีบไว้ คนทั่วไปจะต้องเืขึ้นหน้าจนแดงไปหมด แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่แดง ทั้งยังไม่โต้ตอบั้แ่ต้น ถึงว่าดูผิดปกติ นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป
ที่โรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดารา นางเห็นแล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นไม่ธรรมดา แม้จะบอกว่าถึงคราวคับขันทุกคนต่างเห็นแก่ตัว แต่ชายชุดขาวก็ช่างไม่แยแสเพื่อนเพียงนั้นเชียวหรือ ั้แ่เริ่มจนตอนนี้แทบไม่เป็กังวลแต่อย่างใด
ตอนนี้ผู้เฒ่าอวิ๋นเอ่ยขึ้น นางจึงรู้ในที่สุด เพียงแต่พวกเขาสับเปลี่ยนตัวั้แ่เมื่อไหร่กัน ถึงขั้นไม่มีใครรู้ได้ เพราะั้แ่พวกเขาแยกจากกันที่โรงเตี๊ยมก็คอยตามมาตลอดไม่คลาดสายตา
“ผู้เฒ่าอวิ๋น ท่านพอจะเดาได้ไหมว่าเขาเอาคนไปซ่อนไว้ไหน?” มู่เหยาเอ่ยถาม
“เป็ไปได้สองอย่าง” ผู้เฒ่าอวิ๋นพินิจ แล้วเอ่ยเสียงหนักแน่น “อย่างแรกคือเขามีพลังห้วงประตูมิติ เท่านี้ก็สามารถหนีรอดจากสายตาเราได้”
“ไม่มีทาง!” มู่เหยาเอ่ยอย่างไม่ต้องคิด
ห้วงประตูมิติมีเพียงจอมยุทธ์ชั้นราชันถึงจะสามารถใช้พลังนี้ได้ เพราะห้วงประตูมิติที่กล่าวถึงก็คือจอมยุทธ์นั้นแหวกห้วงประสาทของตนเองสร้างเป็มิติหนึ่งขึ้นมา จากนั้นฝึกฝนมิตินั้นไว้เป็ห้วงมิติเก็บของพกพาได้เฉกเช่นคลังอาวุธวิเศษ
ห้วงมิติแบบนี้ดีกว่าถุงเก็บของเป็พันเท่าหมื่นเท่า เพราะมันไม่เหมือนกับถุงเก็บของที่เก็บได้เฉพาะสิ่งของ นอกจากเก็บสิ่งมีชีวิต ยังสามารถสร้างพลังปราณเข้มข้นได้ด้วยตัวมันเอง พลังปราณนั้นหนาแน่นกว่าดินแดนหลงเสียงอีก ดังนั้นมันถือได้ว่าเป็แหล่งเพาะปลูกหญ้าเซียนชั้นดีที่สุด
ทั้งนี้ทั้งนั้นห้วงประตูมิติเป็สิ่งที่ควบคุมกันไม่ได้
เพราะบางทีแม้จะเป็จอมยุทธ์ชั้นราชัน ก็ใช่ว่าจะสามารถแหวกห้วงมิติประตูมิติพกพาได้
นักฝึกตนที่พอมีความรู้นิดหน่อยต่างก็รู้ ห้วงมิติเป็สิ่งที่ไม่มั่นคงเสมอไป หากดวงไม่ดีห้วงมิติที่แหวกออกมานั้นไม่มีความมั่นคง ถ้าแบบนั้นพลังในห้วงมิติก็จะทำลายทุกอย่าง แม้จะเป็ถึงจอมยุทธ์ชั้นราชันก็ตาม หากพบเจอพลังห้วงมิติที่บ้าคลั่ง ก็มีแต่ตายสถานเดียว
ที่มู่เหยาปฏิเสธทันทีก็คงรู้ถึงเหตุผลข้อนี้ ไม่พูดถึงว่าหลิงเซียวคือจอมยุทธ์ชั้นราชันหรือไม่ เพราะอย่างที่รู้กันทั่วทั้งดินแดนหลงเสียง จอมยุทธ์ชั้นเหนือกว่าชั้นราชันรวมกันทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะเจอผู้ที่สามารถมีห้วงมิติในได้
ดังนั้นนางจึงไม่เห็นด้วย และด้วยอีกเหตุผล
หากว่าหลิงเซียวนั้นมีพลังเหนือกว่าชั้นราชันจริง วันนี้พวกเขาทั้งหลายคงไม่มีใครออกไปจากทุ่งหญ้ากว้างนี่ได้แม้แต่คนเดียว
ผู้เฒ่าอวิ๋นก็ไม่ได้คัดค้านที่นางโต้กลับมา กลับกันเขายังพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าก็คิดว่าไม่มีทาง งั้นก็คงอย่างที่สอง เด็กหนุ่มนั่นคงถูกสับเปลี่ยนั้แ่ที่โรงเตี๊ยมแล้ว คุณหนูจำได้หรือไม่ ว่าพวกเขากลับห้องไปหนนึง”
“ผู้เฒ่าอวิ๋น จากความหมายของท่านคือ เด็กหนุ่มนั่นยังอยู่ในเมืองฮุยจี๋?” มู่เหยาคาดเดา
“เป็ไปได้สูง ทว่าตอนที่เราตามออกมาเขาก็อาจจะออกจากเมืองไปแล้วก็เป็ได้” ผู้เฒ่าอวิ๋นหน้านิ่ง หากจับตัวเด็กหนุ่มนั่นได้ พวกเขาก็ใช้เป็ตัวล่อเพื่อให้เขาเอาน้ำปราณออกมา นี่คือวิธีที่รับประกันได่มากที่สุด เสียดายที่พวกเขาถูกหลอกแล้ว
มู่เหยาเมินสายตาจากผู้คนเบื้องหน้า เอ่ยเสียงจริงจัง “ผู้เฒ่าอวิ๋น เหยาเอ๋อร์ไม่เข้าใจเื่หนึ่ง คนชุดดำเมื่อวานก็ประมูลน้ำปราณได้ และเขามีเพียงตัวคนเดียว ทำไมเราไม่ไป่ชิงจากเขา แต่กลับเป็สองคนนี้แทน?”
“ท่านคิดว่าข้าไม่เคยส่งคนไปสอดแนมเขางั้นรึ คนชุดดำนั่นน่าแปลกประหลาด คนของเรากลับตามพลาด คาดว่าเ้าอำนาจที่เหลือก็คงเช่นกัน ไม่เช่นนั้นทั้งสำนักเซวี่ยซ่าและหอจี๋เล่อคงไม่มาตามฆ่าสองคนนี้เหมือนเรา” ผู้เฒ่าสีหน้าคลางแคลงใจ อำนาจของทั้งสองสำนักนั้นไม่ด้อยแต่อย่างใด หากว่าลงมือจริง พรรคเซียวเหยาคงเอาเปรียบได้ยาก
“ดูท่าแล้ว พวกเราคงทำได้เพียงสังเกตการณ์ก่อน ให้พวกนั้นลงมือก่อน” มู่เหยาเอ่ยเสียงต่ำ แม้นางจะร้อนใจ แต่ก็เชื่อว่าอีกสองสำนักก็คงไม่ต่างกัน
ขณะที่พวกเขาคุยกันจบ ชายชุดดำคนสุดท้ายก็ถูกหลิงเซียวฆ่าตายเรียบ ส่วนโหยวเสี่ยวโม่ตัวปลอมก็กลายร่างเป็อากาศหายไป เมื่อเห็นว่าหลิงเซียวไร้คนประมือด้วยแล้ว สำนักที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะออกโรงเอง
เงาร่างสิบกว่าตนแฝงด้วยพลังฆ่าอย่างเต็มเหนี่ยวพุ่งมาจากฟ้า ทั้งหมดมุ่งตรงไปยังหลิงเซียว เสียงเงียบกริบ ในมือต่างมีอาวุธคมฉายแสงเงาวับ ฟาดฟันไปบนตัวหลิงเซียวหวังทำร้าย
การจู่โจมคราวเดียวของจอมยุทธ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็มู่อวิ๋นเทียนหรือผู้เฒ่าอวิ๋นก็คงต้องรีบหลบหลีกทันใด แต่หลิงเซียวหาได้หลบ เปลวไฟัสีม่วงที่เหมือนใช้ได้ไม่มีวันหมด ทันใดก็พ่นออกจากตัวเขาสิบกว่าตัว พุ่งตรงไปยังจอมยุทธ์เ่าั้ราวสายฟ้าฟาด
แม้ส่วนใหญ่จะเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว แต่ตอนที่พวกเขาเสกเกราะวิเศษแล้วนั้น เปลวไฟัก็ยังทะลุทะลวงเนื้อหนังพวกเขาเหมือนไม่มีอะไรกั้นได้ ไม่เพียงแค่นั้น จอมยุทธ์ที่ถูกเปลวไฟัทะลวงนั้น เืในร่างกายก็ถูกสูบ เมื่อร่างไร้ลมหายใจล้มลงพื้น ก็เหลือเพียงซากศพที่ถูกสูบเืจนแห้งเหือด
มู่เหยากับผู้เฒ่าอวิ๋นที่กำลังจะลงมือเห็นภาพนี้ ถึงกับตะลึงงัน
ไม่เพียงแค่พวกเขา กระทั่งท่านเ้าเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ก็ถูกภาพนี้ทำเอาแทบหยุดหายใจ เปลวไฟที่สามารถระเหยเืได้ ความร้อนแรงของมันคงเกินที่พวกเขาจะจินตนาการได้
ชายคนนี้เป็ใครกันแน่ ถึงมีเปลวไฟที่น่าแปลกประหลาดเช่นนี้ ทั้งยังเป็สีม่วง เป็สิ่งที่ยากที่จะได้พบได้เห็น!
หลิงเซียวที่ฆ่าคนสิบกว่าคนในพริบตาเดียว วางมือลงช้าๆ พร้อมหายใจดังเฮือก คนที่รนหาที่ตายนั้นมากมาย เสียเวลาเขาจริงๆ หากไม่ใช่เพราะไม่อยากแสดงพลังที่แท้จริงแต่แรก เขาคงไม่มีทางปล่อยให้พวกเขารังควานได้
กวาดตามองรอบทิศ พวกที่ซ่อนตัวอยู่ไม่คิดลงมือ หลิงเซียวก็ไม่อยากเรียกตัวออกมา หันหลังย่างได้สี่ห้าก้าว จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงบางอย่างพุ่งแหวกอากาศ
ลูกศรจากมุมมืดที่ถูกควบคุมด้วยพลังประหลาด พุ่งมาจากด้านหลังหลิงเซียว แต่จังหวะที่ลูกศรอยู่ห่างไปเพียงสามเมตรนั้น กลับหยุดลงราวกับมีอะไรต้านมันไว้ และมีคนบังคับให้มันค่อยๆ หันหัวกลับ เสียงดัง “ฟิ้ว” แล้วก็พุ่งกลับไปยังทิศทางเดิม จากนั้นก็มีเสียงร้องอนาถดังขึ้น
หลิงเซียวค่อยๆ หันกลับมา กระทืบเท้าเบาๆ ทันใดพลังรุนแรงก็ฟาดออกไป…
คนทั้งหมดในมุมมืดต่างสีหน้าเปลี่ยน สีหน้าใปนผวา
ชายชุดเทาโยนลูกน้องที่ตัวเองคว้ามาเป็เกราะกำบังจากลูกศรเมื่อครู่ ใบหน้าหวาดผวาไม่น่าดู “ชายคนนี้แท้จริงแล้วคือจอมยุทธ์ชั้นอรุณห้าดาว…” ส่วนตัวเขาเป็เพียงชั้นอรุณหนึ่งดาวเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้