เกิ่งปิ่งซิ่วทั้งใและเดือดดาล พลางเอ่ยเ็า “สาวน้อย อย่าคิดลงมือกับข้าด้วยแผนการเล็ก ๆ ของเ้า ในฐานะจอมยุทธ์ที่ใช้ชีวิตในยุทธภพหลายปี ประสบการณ์การสังหารคนของข้ามีมากกว่ามื้ออาหารที่เ้ากินเสียอีก”
เมื่อเหอตังกุยได้ยินเช่นนั้นก็ประหลาดใจยิ่งนัก ก่อนยกนิ้วขึ้นนับพลางกล่าว “อ๋า ข้ากินอาหารสองมื้อต่อวัน หนึ่งปีหกร้อยมื้อ เจ็ดปีข้ากินอาหารทั้งหมดมากกว่าสี่พันมื้อ ท่านลุง นี่ท่านฆ่าคนมากกว่าสี่พันคนแล้วหรือ? ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”
“สี่พันคนจะมากมายอะไร” เกิ่งปิ่งซิ่วอดเยาะเย้ยไม่ได้ “สาวน้อย การคิดเลขในใจของเ้านั้นแย่นัก หนึ่งวันกินสองมื้อก็เท่ากับเจ็ดร้อยมื้อ...เฮ้อ ในหนึ่งวันจะกินสองมื้อได้อย่างไร? เหตุใดจึงนับจำนวนมื้ออาหารเพียงเจ็ดปี? หรือปีนี้เ้าอายุเพียงเจ็ดขวบ?” ต้วนเสี่ยวโหลวเสียสติเกินไปแล้วกระมังที่จะขอเด็กอายุเจ็ดขวบแต่งงาน
“ไม่ใช่เ้าค่ะ แม้ข้าจะอายุสิบปี แต่ก่อนข้าจะอายุสามขวบก็กินแต่นมจากแม่นมและนมจากแกะเท่านั้น ไม่เคยกินข้าวเ้าค่ะ แต่หลังจากสามขวบก็เป็เพราะยากจนข้นแค้น ไม่ค่อยมีข้าวกิน ข้าจึงนับมื้ออาหารเป็หกร้อยมื้อเ้าค่ะ” เหอตังกุยพูดจริงจัง “ท่านลุงฆ่าคนถึงสี่พันคน แต่กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดตามล้างแค้น หรือ...คนที่ท่านสังหารเ่าั้จะอยู่ในสนามรบ ความจริงแล้วท่านคือ...แม่ทัพใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เปลือกตาภายใต้หน้ากากของเกิ่งปิ่งซิ่วพลันกระตุก นางเดาไม่ผิด หลายสิบปีที่ผ่านมาตนเคยเป็แม่ทัพสำรวจเส้นทางตะวันตกในกองทัพซีเป่ยและสี่พันคนเ่าั้ก็ถูกฆ่าตายในสนามรบ ตอนนี้นางเรียกตนว่า “ท่านจอมยุทธ์” ดังนั้นตนจึงเรียกตัวเองว่า “จอมยุทธ์” เพื่อให้นางเชื่อว่าตนเป็จอมยุทธ์ในยุทธภพจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงเพราะหลุดปากเอ่ยจำนวนคนที่ตนเคยฆ่า นางก็เดาออกทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ แย่จริง หากปล่อยให้นางเดาต่อ เกรงว่าคงจะรู้ฐานะที่แท้จริงเป็แน่ หากเป็เช่นนั้นจะทำอย่างไร?
เกิ่งปิ่งซิ่วอยากลุกขึ้นนั่งแต่ก็ทำไม่ได้ ในใจสับสนยากหาคำใดอธิบาย กำลังภายในของเขาหนาแน่นไม่มีใครเทียบ ยาแฝดหรือยาพิษธรรมดาไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แม้เป็ยาพิษร้ายกาจก็เป็ไปไม่ได้ที่จะออกฤทธิ์รวดเร็วเช่นนี้ ก่อนหน้านี้แทบไม่มีอาการใด ๆ ให้เห็น เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
“ยัยตัวแสบ เ้าทำอะไรกับข้ากันแน่?” เกิ่งปิ่งซิ่วกัดฟันกรอด
เหอตังกุยเกาจมูกพลางอธิบายตามความจริง “ท่านลุงอาจยังไม่รู้ เมื่อเดือนที่แล้วข้าถูกฆ่าตายอย่างน่าเวทนา จากนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากเทพท่านหนึ่งในความฝัน ไม่เพียงได้เกิดใหม่อีกครั้ง ซ้ำยังได้รับพรจากเทพ เขาบอกว่าหากมีใครอยากทำร้ายข้า ขอเพียงข้าท่องประโยค “เชื่อฟังคำสั่งของไท่ชั่งเหล่าจวิน” ในใจ คนที่คิดร้ายก็จะเป็อัมพาตเหมือนท่านลุงในยามนี้ แน่นอนว่ามันลึกลับเกินไป เดิมทีข้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ถึงขั้นคิดว่าท่านเทพเล่นตลกกับข้า คิดไม่ถึงว่ามันจะมีประโยชน์ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ท่านลุงขยับไม่ได้จริงหรือ? นอกจากแข้งขาไร้เรี่ยวแรงแล้ว ท่านยังมีความรู้สึกอื่นหรือไม่?”
“เชื่อฟังคำสั่งของไท่ชั่งเหล่าจวินหรือ?” เกิ่งปิ่งซิ่วเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเกือบเก้าส่วน แม้เขาจะเป็นักฆ่า ทั้งยังชอบทรมานผู้คนก่อนสังหาร แต่เขาก็เชื่อว่าโลกนี้มีเทพ ปีศาจและบาปบุญคุณโทษ เนื่องจากเคยเจอตอนยังเด็ก ยิ่งไปกว่านั้น สาวน้อยคนนี้ฟื้นจากความตายหลังได้รับกากยาจากเตาหลอมของไท่ชั่งเหล่าจวิน จึงเป็ไปได้สูงมากที่นางจะได้รับพร เขาใจนไม่อาจคุมสมาธิได้จึงถือโอกาสหลับตาฝึกวิชาเหมียวชื่อ ห้าปีก่อนเขาเลือกฝึกวิชานอกรีตเพียงเพราะผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์
เมื่อเหอตังกุยเห็นเกิ่งปิ่งซิ่วหลับตากะทันหันก็รู้ว่าเขากำลังฝึกการ “ขับไล่วิชาเทพ” นางกังวลว่าเขาจะสามารถขับฤทธิ์สมุนไพรหลับสบายได้ ทว่านางไม่อาจเปิดเผยสีหน้า ไม่เช่นนั้นเขาคงรู้ว่าโดนหลอกเป็แน่ นางคิดในใจ “ทำอย่างไรดี? ควรหาก้อนหินทุบศีรษะหรือจิ้มจุดฝังเข็ม? แต่เขาเป็ปีศาจดูดเืพลังมหาศาล หากเขาฟื้นฟูกำลังภายในได้แล้วจับตนดูดเืจะไม่แย่หรือ” ขณะลังเลก็พลันได้กลิ่นคาวเืโชยเตะจมูก ชั่วขณะนั้นก็มีของเหลวสีแดงคล้าย “เืสด” ไหลจากเบื้องบนชโลมกายชายสวมหน้ากาก ส่งผลให้เขาสาปแช่งและก่นด่าไม่หยุด ก่อนฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นนั่ง
เหอตังกุยมองรอบ ๆ ทันทีเพื่อหาที่มาของน้ำสีแดง ทว่ากลับเห็นเพียงพุ่มหญ้าสั่นไหวแต่มองไม่เห็นใครสักคน
เกิ่งปิ่งซิ่วเงยหน้าะโ “ไม่ยุติธรรมเสียเลย ชีวิตข้าไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อน เ้าเป็ใคร? ใครกล้าสาดของเช่นนี้ใส่ข้า ออกมาเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฉีกสาวน้อยผู้นี้เป็ชิ้น ๆ ”
เหอตังกุยเห็นปีศาจตนนั้นลุกขึ้นนั่งจึงหวาดกลัวจนต้องก้าวถอยหลัง แม้พลังของเกิ่งปิ่งซิ่วจะยังไม่ฟื้นตัวแต่เขาก็มีกำลังภายในแข็งแกร่งมาก เขาใช้แรงเฮือกหนึ่งดีดตัวขึ้นจากพื้นฉับพลัน ก่อนยกฝ่ามือขวาไปทางเหอตังกุยช้า ๆ ขณะนั้นดวงตาของเขาฉายแววเ็าพลางคิดในใจ “ในเมื่อนางได้รับการคุ้มครองจากเทพจึงไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว เช่นนั้นเมื่อครู่นางจะบอกว่า “รู้ทางลับออกจากตระกูลหลัว” เพื่ออะไร นางต้องโกหกเขาแน่นอน คนโกหกเช่นนี้ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก อีกทั้งนางยังทำให้จิตใจของเขาเกิดความหวาดกลัว เขาต้องฉวยโอกาสนี้สังหารนางเสีย”
เหอตังกุยััได้ทันทีว่าเกิ่งปิ่งซิ่ว้าฆ่านาง ขณะจะเอ่ยบางอย่างจู่ ๆ นางก็รู้สึกถูกรัดเอวแน่นพลันร่วงสู่อ้อมกอดของคนที่มีกลิ่นอำพันทะเล เมื่อเงยหน้าก็จำได้ทันทีว่าเขาคือหนิงยวน แม้ใบหน้าจะถูกปกปิดด้วยหน้ากากก็ตาม ขณะนางมองเขา อีกฝ่ายก็พานางพุ่งทะยานออกมาไกลถึงสามจั้ง
เขาปล่อยสาวน้อยรนหาที่ตายผู้นี้ไว้ด้านหลังของตน ดาบยาวครึ่งฉื่อพลันปรากฏในมือหนิงยวนฉับพลันเพื่อโจมตีเจ็ดส่วนและป้องกันสามส่วน เขาชี้ดาบไปยังชายสวมหน้ากากที่กำลังยกแขนขวา เกิ่งปิ่งซิ่วััได้ถึงพลังแกร่งกล้าที่แท้จริงของผู้มาเยือน รวมถึงรัศมีความเดือดดาลที่แผ่ออกจากแววตาภายใต้หน้ากาก เกิ่งปิ่งซิ่วรู้ว่ายามนี้ตนไม่สามารถเปิดเผยจุดอ่อนได้จึงพยายามสงบสติอารมณ์ ทันใดนั้นบทสนทนาระหว่างผู้สวมหน้ากากทั้งสองที่มองหน้ากันจึงเริ่มต้น...
ชายสวมหน้ากากเปียกชื้นด้วยกลิ่นเืเน่าเหม็นเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง “เ้าเป็ใคร? เป็อะไรกับสาวน้อยผู้นี้?”
ผู้สวมหน้ากากกลิ่นหอมเอ่ย “แม้แต่เ้ายังไม่ยอมแสดงใบหน้าที่แท้จริง เหตุใดต้องเอ่ยถามชื่อแซ่ของข้า เ้าฝึกฝนวิชาเหมียวชื่อใช่หรือไม่? ศพอีกาเ่าั้คงจะเป็ฝีมือของเ้า”
ชายสวมหน้ากากกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ใช่เพียงอีกาเท่านั้น ข้ายังฆ่าองครักษ์ตระกูลหลัวอีกหนึ่งคน ฮึ เ้าถามถึงนกแต่กลับไม่ถามถึงคน เห็นได้ชัดว่าเ้าก็เป็คนไร้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไยต้องปกป้องสาวน้อยผู้นี้ด้วยเล่า? ข้าฝึกวิชาเหมียวชื่อถึงขั้นสิบแล้ว การสังหารพวกเ้าทั้งสองนั้นเป็เื่ง่าย หากเ้ารู้จักเอาตัวรอดก็ถอยไปเสีย ให้ข้าดูดเืสาวน้อยผู้นี้เพื่อระบายความโกรธที่อัดแน่นในใจของข้าเถิด”
เหอตังกุยโผล่จากด้านหลังของหนิงยวนพลันถามแทรก “นี่ ท่านลุง ท่านลุงเนี่ยชุนยังมีชีวิตหรือไม่? ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด? ได้โปรดบอกข้าด้วย”
ชายสวมหน้ากากแค่นเสียงเ็าขึ้นจมูก “วันนั้นเ้านั่นวิ่งหนีไปได้...แต่เดี๋ยวก่อน เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าทำร้ายเนี่ยชุน?”
เหอตังกุยโล่งอกหนึ่งเปราะหลังได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ย โชคดีที่เนี่ยชุนเพียงได้รับาเ็เท่านั้น ทว่าท่าทางโล่งใจของเหอตังกุยกลับอยู่ในสายตาของหนิงยวน ทำให้เขาหึงหวงไม่น้อย ก่อนเอ่ยถามด้วยความเ็า “เ้าเป็อะไรกับเนี่ยชุน? ชอบเขาหรือ?”
เหอตังกุยกลอกตาพลางคิดในใจ “ข้าไม่ได้ชอบเนี่ยชุน เพียงสงสัยว่าเนี่ยชุนชอบแม่ของข้า อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่คนเลว แน่นอนว่าข้าควรเป็ห่วงเขา” นางซ่อนตัวด้านหลังหนิงยวนอีกครั้ง ตั้งใจหลีกเลี่ยงปัญหาตรงนี้ก่อน เื่อื่นค่อยว่ากันภายหลัง นางคิดว่านางสามารถปรับตัวได้ เมื่อควบคุมกำลังภายในและกลายเป็ยอดฝีมือแล้วก็สามารถเรียนรู้จากบทสนทนาก่อนเริ่มการต่อสู้ของพวกเขาได้ เมื่อเห็นทั้งสองจ้องนางเงียบ ๆ เหอตังกุยจึงโบกมือพลางเอ่ย “พวกเ้าสองคนคุยต่อเถิด ข้าไม่รบกวนแล้ว”
ชายสวมหน้ากากพูดต่อ “พ่อหนุ่ม เ้าดูเหมือนบุรุษอายุสิบห้าสิบหกปี ร่างกายเหมาะสมที่จะฝึกวรยุทธ์อย่างยิ่ง แต่ต่อให้เ้าเริ่มฝึกฝนั้แ่เพิ่งคลอด คนที่เ้าทำให้าเ็ก็คงสู้คนที่ข้าสังหารไม่ได้...”
เหอตังกุยพึมพำด้านหลังหนิงยวน “ข้าได้ยินว่าเขาฆ่าคนสี่พันคน น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”
ชายสวมหน้ากากหยุดนิ่งครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ข้าไม่อยากฆ่าเ้า ถนอมชีวิตและอยู่ให้ห่างจากสาวน้อยผู้นั้นเถิด อย่างไรข้าก็จะทำให้นางกลายเป็ผีดิบ”
ชายสวมหน้ากากอีกคนเอ่ย “เ้าอย่าได้คิดทำร้ายนางแม้แต่ปลายผม นางเป็ของข้า”
เกิ่งปิ่งซิ่วขมวดคิ้วมุ่นเอ่ย “ของเ้า?” หรือชายสวมหน้ากากผู้นี้จะเป็คนของตระกูลหลัว? หรือเขาก็อยากสังหารสาวน้อยผู้นี้เช่นเดียวกัน?
หนิงยวนพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ “นางเป็สตรีของข้า”
เหอตังกุยรีบโผล่หน้าพลางเอ่ยแทรกทันที “เขาพูดเหลวไหล” พลันหดตัวกลับไปอีกครั้ง
หลังหยุดไปชั่วขณะ ชายสวมหน้ากากก็เอ่ย “เ้าจะหลีกหรือไม่?”
หนิงยวนกล่าวหนักแน่น “ไม่หลีก”
เกิ่งปิ่งซิ่วแค่นเสียงเ็าขึ้นจมูก “ข้ารู้ว่าเ้ายังเด็กและโง่เขลา ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเ้าไปแต่ครั้งหน้าข้าไม่ยอมเด็ดขาด” สิ้นประโยคก็สะบัดแขนเสื้อที่มีเืหยดติ๋ง ๆ พลันหมุนตัววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
เหอตังกุยสะกิดแผ่นหลังของหนิงยวนด้วยความร้อนใจพลางเอ่ย “เ้ารีบไปจัดการเขาเร็วเข้า ข้าว่าตอนนี้เขาอ่อนแอมาก”
หนิงยวนไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ทว่าเมื่อเกิ่งปิ่งซิ่วได้ยินก็ใยิ่งนัก เขาไม่เพียงได้รับาเ็สาหัส ซ้ำยังถูกคาถา “เชื่อฟังไท่ชั่งเหล่าจวิน” ของสาวน้อยผู้นั้นเล่นงานอีก ตอนนี้เขาไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงก้าวเดิน ไหนเลยจะมีแรงสู้รบตบมือกับเด็กหนุ่มลึกลับผู้นั้น
เกิ่งปิ่งซิ่วกัดปลายลิ้น ใช้พลังชีวิตเฮือกสุดท้ายหนีเอาตัวรอดอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล ครั้งนี้อายุของเขาสั้นลงถึงสามปี แต่นอกจากวิธีนี้ก็ไม่มีวิธีเอาตัวรอดอื่นอีกแล้ว บัดซบเอ๊ย การเดินทางมาหยางโจวครั้งนี้ เขาไม่เพียงได้รับาเ็สาหัสเท่านั้น ซ้ำยังกลายเป็ศัตรูกับเนี่ยชุนยอดฝีมือแห่งสำนักหลงหูอีก ต่อไปคงยากหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับคนสำนักหลงหูทั้งหมด เด็กหนุ่มสวมหน้ากากสีเงินและสาวน้อยเ้าเล่ห์ทำให้เขาพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ช่างน่าเจ็บใจนัก
เมื่อชายสวมหน้ากากจากไป เหอตังกุยก็ตบไหล่หนิงยวนด้วยความหงุดหงิดพลางตำหนิ “เ้าปล่อยเขาไปได้อย่างไร? เ้ามีกำลังภายในร้ายกาจไม่ใช่หรือ? เหตุใดไม่รีบตามไปบั่นคอเขาเล่า”
หนิงยวนไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ทั้งยังไม่คิดจะสนใจนางแม้แต่น้อย เขายืนนิ่งไม่ไหวติงครู่หนึ่ง จนกระทั่งชายสวมหน้ากากหายไปในความมืด ทันใดนั้นหนิงยวนก็คล้ายไร้เรี่ยวแรงกะทันหัน ร่างกายโซเซไปเบื้องหน้า เหอตังกุยรีบเข้าไปพยุงทันทีก่อนเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เ้าสบายดีหรือไม่? าเ็ตรงไหนหรือ?”
หนิงยวนยังไม่ทันเอ่ยตอบก็มีเสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกลนัก “น้องเหอ เ้าอยู่ที่ใด? ตอบข้าเดี๋ยวนี้!”
เสียงของต้วนเสี่ยวโหลว…
ขณะเหอตังกุยจะะโตอบ “พี่ต้วน ข้าอยู่นี่...” จู่ ๆ หนิงยวนก็ปิดปากนางพลันผลักนางเข้าพงหญ้าทันที ร่างของเหอตังกุยถูกดึงไปด้านหลังในชั่วพริบตา รู้สึกคล้ายกางปีกต้านลม นางหลับตาทันทีทว่าความเ็ปจากแรงกระแทกที่คาดไว้กลับไม่เกิดขึ้น นางััได้ถึงฝ่ามือที่หนุนแผ่นหลังและความอบอุ่นที่ซึมผ่านเนื้อผ้า ต่อมาก็ััได้ถึงใบหญ้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำค้างยามค่ำคืน แต่เมื่อเทียบกับฝ่ามืออุ่น หญ้าเหล่านี้ก็เย็นเยียบไม่น้อย
สิ่งที่ทนไม่ได้ที่สุดคือหน้าอกของนางถูกพลังมหาศาลโจมตีกะทันหัน เกือบทำให้อากาศในอกพุ่งออกมา ทั้งยังทำให้นางหายใจลำบาก “อืม...อืม...” ปากและจมูกของนางถูกปิดแน่นจึงไม่สามารถส่งเสียงได้ เมื่อเหอตังกุยเห็นดวงตาลึกล้ำของหนิงยวนก็เบิกตาโพลงด้วยความใ บางทีดวงดาวบนท้องฟ้าอาจสว่างมากจนรูม่านตาสีดำของเขาเปลี่ยนเป็สีน้ำตาลอ่อน โอ้...วันนี้ดาวช่างงดงามเสียจริง
“อื้อ” เมื่อเหอตังกุยได้สติก็เห็นว่าเขาอยู่บนตัวนางพลันเบิกตากว้างทันที
นางยกมือทุบแผ่นหลังของเขาต่อเนื่อง หน้ากากเปื้อนจุดเืสีแดงฉานแต่เขากลับไม่ยอมละมือจากจมูกและปากของนาง ทั้งยังไม่ยอมขยับหน้าอกออกจากตัวนาง เหอตังกุยจึงทำได้เพียงหยุดนิ่ง อย่างไรชายผู้นี้ก็ช่วยเหลือชีวิตน้อย ๆ ของนางจนเขาได้รับาเ็เสียเอง หากนางไม่ระวังแล้วทำเขาตายขึ้นมา เช่นนั้นจะไม่กลายเป็พวกอกตัญญูไม่รู้จักบุญคุณความแค้นหรือ?
“อ๊าก...น้องเหอ เ้าอยู่ที่ใด” เสียงแหบแห้งของต้วนเสี่ยวโหลวดังกังวานทั่วท้องฟ้าก่อนค่อย ๆ ห่างออกไป “น้องเหอ ได้โปรดตอบข้า...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้