เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง ทั้งผู้เฒ่าทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความตกตะลึง
พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองที่อยู่ในฐานะเ้าสัวผู้มีราศี จู่ๆ ก็ตกหลุมพรางของเฉินเฟิง หรือก็แค่นักศึกษามหาลัยคนหนึ่ง
เฉินเฟิงไม่เพียงแต่มีแผนจะเปลี่ยนเนื้อหาการเดิมพันระหว่างเขากับผู้เฒ่าถาง แต่ยังจะท้าเดิมพันฉบับที่สองกับผู้เฒ่าหวังอีกด้วย
แล้วยิ่งในการเดิมพันใหม่ครั้งนี้ ยังเรียกร้องการเดิมพันเป็หุ้นของเฉียนต๋ากรุ๊ปถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์
ชัดเจนว่าหากเฉินเฟิงแพ้การเดิมพันครั้งที่สอง เขาแค่ต้องคืนหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการเดิมพันแรกกับผู้เฒ่าหวัง
แต่ถ้าเขาชนะการเดิมพันที่สองนี้ด้วย ผู้เฒ่าหวังต้องให้หุ้นเขาอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อปี 2016 มาถึง หากถึงเวลานั้น ผู้เฒ่าหวังกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงจริง เท่ากับว่าผู้เฒ่าหวังต้องมอบหุ้นสูงถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้เฉินเฟิง?
หุ้นนี้ค่อนข้างสูงเกินไปหน่อย มันมีมูลค่ามากถึงหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้าน หรือจุดสูงสุดคือสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้เฒ่าหวังได้บรรลุข้อตกลงกับเฉินเฟิงที่สัญญาการเดิมพันฉบับแรกไปแล้ว
ตราบใดที่ผู้เฒ่าหวังลงนามในสัญญาการเดิมพันหลังจากนี้ ผู้เฒ่าหวังแห่งเฉียนต๋าจะต้องโอนย้ายหุ้นกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปให้เฉินเฟิงทันที
เพราะว่าเฉินเฟิงได้เคารพผู้เฒ่าหวังเป็พ่อทูนหัวแล้ว ดังนั้นหุ้นเหล่านี้มีความเป็ไปได้ที่จะไม่ต้องรอให้ถึงปี 2016
ไม่เช่นนั้น หากไม่มีหุ้นใน เฉินเฟิงก็ไม่มีข้อผูกมัดอะไรต้องยื่นมือเข้าช่วยเฉียนต๋ากรุ๊ปให้กลายเป็บริษัทที่ร่ำรวยที่สุดภายในปี 2016
ยังไงก็ตาม ปัญหานี้แก้ไม่ยาก เพราะหุ้นทั้งหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปอยู่ในมือของผู้เฒ่าหวัง
ผู้เฒ่าหวังแห่งเฉียนต๋ากรุ๊ปเริ่มความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เขามีความเชื่อว่าตนเองจะกลายเป็ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในอนาคต
ดังนั้นในสัญญาการเดิมพันฉบับแรก การมอบหุ้นให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็คงเพียงพอแล้ว
ผู้เฒ่าหวังไม่มีเหตุผลอะไรต้องลงเดิมพันครั้งที่สองกับเฉินเฟิงแม้แต่ข้อเดียว
ดังนั้นผู้เฒ่าหวังจึงพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
"ตอนนี้ฉันเริ่มกลัวนายนิดหน่อยแล้วละ นายกำลังวางกับดักโดยมีเป้าหมายเป็หุ้นจากเรา หลังงานเลี้ยงจบลง ฉันจะเซ็นสัญญาที่พวกเราตกลงกันเมื่อสักครู่ เมื่อฉันลงนามในสัญญาแล้ว ฉันจะโอนย้ายหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปให้นายทันที จากนั้นนายจะกลายเป็ลูกบุญธรรมตามกฎหมาย
ส่วนเื่การเดิมพันฉบับที่สองที่นายเพิ่งพูดเมื่อกี้ ฉันไม่เอาด้วยแน่นอน
ในเมื่อการเดิมพันแรกนายมั่นใจว่าจะทำให้ฉันกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดได้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องไปลงเดิมพันครั้งที่สอง"
ผู้เฒ่าหวังดูพึงพอใจมากเมื่อพูดจบประโยค
"ไม่! ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คุณจะสนใจการเดิมพันที่สองนี้อย่างแน่นอน เพราะเนื้อหาการเดิมพันครั้งที่สองนี้ จะมีผลหลังจากการเดิมพันแรกบรรลุผลในปี 2016 แล้ว ซึ่งหมายความว่า มันจะมีผลหลังจากที่คุณกลายเป็ชายที่ร่ำรวยที่สุดแล้ว
สำหรับเนื้อหาการเดิมพัน ผมจะบอกคุณหลังจากผมกับผู้เฒ่าหวังเซ็นสัญญากันเสร็จแล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
แต่เพื่อให้มีสีสันสักหน่อย ผมจะบอกล่วงหน้าสักหน่อยแล้วกันครับ ถ้าผมแพ้ ผมจะคืนหุ้นให้คุณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าผมชนะ คุณต้องมอบหุ้นให้ผมอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์"
เฉินเฟิงยังคงรักษาท่าทางสงบนิ่ง และพูดอย่างไม่รีบร้อนอะไรราวกับมั่นใจในตัวเลือกของผู้เฒ่าหวัง
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของเฉินเฟิงที่ไม่ว่ายังไง ผู้เฒ่าหวังก็น่าจะเซ็นสัญญาเดิมพันครั้งที่สองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หัวใจของผู้เฒ่าก็เต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เขารีบถามกลับทันควัน
"เปิดเผยเนื้อหาสักหน่อยได้ไหม?"
"ดั่งสุภาษิตว่าไว้ คืนสู่รากฐาน แม้แต่เศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดก็กลายเป็ผู้ที่เป็หนี้มากที่สุดได้เช่นกัน!"
เฉินเฟิงพูดกับผู้เฒ่าหวังอย่างจริงจัง
ได้ยินเช่นนี้ ผู้เฒ่าหวังก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ คำพูดของเฉินเฟิงยากเกินกว่าจะทำใจยอมรับ
หลังจากทำใจอยู่ไม่นาน ผู้เฒ่าหวังก็กลับมามองเฉินเฟิงด้วยสายตาเคร่งขรึมอีกครั้ง
"ก็ได้ ฉันจะรอถึงวันที่นายบอกฉันเกี่ยวกับการเดิมพันที่สอง"
ชัดเจนว่าผู้เฒ่าหวังที่เพิ่งสะกดจิตตัวเองให้เชื่อว่าเขาจะกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในปี 2016 มิอาจยอมรับความเป็ไปได้ที่ว่าเขาจะติดหนี้มากที่สุด
ถ้อยคำ 'มีหนี้มากที่สุด' กดดันเขามากเกินไป
ท้ายที่สุดแล้ว เฉียนต๋ากรุ๊ปในปี 1995 ได้ทำการกู้ยืมจากธนาคารเป็จำนวนหลายร้อยล้าน
แม้ว่าจะกู้เงินจากธนาคารมา แต่เขาก็ยังเป็เ้าใหญ่นายโต
แต่มันยังคงยากสำหรับเขาที่ตอนนี้อายุ 41 ปีจะยอมรับ
เขายังอยู่ไม่ถึงปี 2020 ก็จริง แต่หากคำทำนายเป็จริงแล้ว ถึงเขาจะติดหนี้ธนาคารอยู่ประมาณสี่แสนล้าน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอู้ฟู่อยู่
ทรัพย์สินในของเขาอาจมีมากกว่าแสนล้าน!
เมื่อผู้เฒ่าถางฟังบทสนทนาระหว่างเฉินเฟิงและผู้เฒ่าหวังเกี่ยวกับการเดิมพันที่สองจบ เขารู้ได้ทันทีเลยว่า ตัวเองก็จำเป็ต้องเซ็นสัญญาการเดิมพันใหม่ของเฉินเฟิงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ไม่อย่างนั้น เฉินเฟิงอาจหาทางต่อต้านการพัฒนาของถางเฉินกรุ๊ปในอนาคต
ท้ายที่สุด เฉินเฟิงก็ได้กลายมาเป็ผู้ถือหุ้นกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์จากเฉียนต๋ากรุ๊ป
มาตอนนี้ เฉียนต๋ากรุ๊ปในฐานะรุ่นน้องจะขึ้นมากลายเป็บริษัทที่ร่ำรวยที่สุดได้ ก็มีแต่ต้องเหยียบรุ่นพี่อย่างถางเฉินกรุ๊ปกับบริษัทั์ใหญ่อื่นๆ อย่างปี้หลงเยี่ยนเพื่อปีนขึ้นไป
ผู้เฒ่าถางจัดเรียงความคิดเกี่ยวกับเฉินเฟิงอยู่เงียบๆ ภายในใจ
ณ ปัจจุบัน เขาเป็นักศึกษาปีสาม ได้รับรางวัลเป็เงินห้าสิบสองล้านหลังจากหักภาษี
ใช้ยี่สิบล้านเข้าซื้อโรงแรมเฉียนต๋าเพื่อสร้างเส้นสายกับผู้เฒ่าหวัง
จากนั้นด้วยการแนะนำภายใต้ผู้เฒ่าหวัง เฉินเฟิงคนนี้ใช้สามสิบล้านเพื่อซื้อที่ดินเจ็ดตารางกิโลเมตรจากฝ่ายบริหารเมือง
มาตอนนี้ ณ งานประมูลในเขตเจียงตง เฉินเฟิงใช้เงินเพียงเก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อแย่งที่ดินซึ่งเป็แกนหลักของตี้หวางที่เขาซื้อมาด้วยราคาห้าร้อยหกสิบล้าน
ด้วยเส้นสายเพียงเท่านี้ เฉินเฟิงไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับนี้ได้
ตอนนี้เฉินเฟิงเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ลงนามในสัญญาการเดิมพัน โดยมีหุ้นบริษัทเป็เดิมพัน กับผู้เป็หน้าเป็ตาของบริษัทั์ใหญ่อย่างพวกเขาทั้งสอง
ความสามารถที่กล้าจะพูดคุยและหัวเราะไปกับคนใหญ่คนโตทั้งสอง ซึ่งคนหนึ่งมีทรัพย์สินกว่าหนึ่งพันล้านและอีกคนมีมากถึงหลายพันล้าน นั่นก็พอที่จะทำให้พวกเขาหวาดหวั่นได้
ทั้งหมดทั้งมวลรวมกันนี้ บ่งบอกว่าเฉินเฟิงต้องเป็คุณชายน้อยจากกลุ่มนายทุนไหนสักแห่ง
หรืออาจจะเป็ซินแส เป็ถึงขั้นระดับปรมาจารย์ผู้ทรงพลัง!
เมื่อได้บทสรุปเช่นนี้ ผู้เฒ่าถางก็เช็ดเหงื่อเย็นเยียบที่ผุดออกมาจากหน้าผาก ในขณะที่เขาจมจ่ออยู่กับความคิดจนพอกพูนความรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็พูดกับเฉินเฟิงอย่างจริงจัง
"หลังงานเลี้ยงจบลง ฉันจะบินกลับฮ่องกงภายในคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะซื้อที่ดินอ่าวเพนนีในเกาะลันเตามาให้นาย จากนั้น ฉันจะนำสัญญาการซื้อขายที่ดินในอ่าวเพนนีบนเกาะลันเตามาแลกเปลี่ยนกับที่ดินแห้งแล้งถัดจากตี้หวาง
แล้วเราค่อยมาคุยกันเกี่ยวกับเนื้อหาของสัญญาการเดิมพันแบบใหม่ หากเนื้อหาใหม่นั่นพอจะยอมรับได้ ฉันจะเอาด้วย"
ได้ยินเช่นนี้ เฉินเฟิงจึงพยักหน้า แล้วส่งรอยยิ้มลึกลับเป็การตอบกลับพลางพูดขึ้น
"คุณเข้าใจถูกแล้ว ผมเป็ซินแส ผมจะไม่ทำผิดพลาด ในเมื่อคุณไม่เชื่อในดวงชะตา งั้นคุณก็ต้องเชื่อในเื่ของเงินตรา"
