หน้าต่างที่ทำจากไม้แกะสลักดูเหมือนจะมีไอน้ำเกาะอยู่หนาแน่น
นี่ก็ดึกมากแล้ว
ค่ำคืนอันยาวนานเช่นนี้มักกระตุ้นความรู้สึกของผู้คนให้เตลิดไปโดยไม่รู้ตัว
ส่วนความเศร้าโศกในใจของอวิ๋นจื่อกลับเพิ่มขึ้น
เื่ราวในอดีตวนเวียนอยู่ในหัวของนางฉากแล้วฉากเล่า
บางทีองค์หญิงเหวินฮวาอาจไม่ใช่นางอีกต่อไป
‘ท้ายที่สุดข้าก็ไม่สามารถย้อนกลับไปยังอดีตได้’
ถ้านางยังเป็องค์หญิงใหญ่แห่งตำหนักเหวินฮวา นางจะขอให้เสด็จพ่ออนุญาตให้นางแต่งงานกับคนที่พึงใจ
ั้แ่นางยังเด็ก เสด็จพ่อมักยอมทำตามคำขอของนางเสมอ
แม้แต่ตอนที่รัชทายาทแห่งซินหลัวเสด็จมาที่เมืองอวิ๋นเมิ่งในตอนนั้น เสด็จพ่อก็ยังยอมทำตามคำขอของนาง และครั้งหนึ่งเขาเคยพูดกับนางว่าไม่้าให้นางแต่งไปยังสถานที่อันห่างไกล
หากนางแต่งงานกับเย่เช่อ เสด็จพ่อจะต้องพอพระทัยอย่างแน่นอน เพราะเย่เช่อคือชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน เขาโดดเด่นแทบจะทัดเทียมกับเสด็จอาเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็บุตรชายคนโตของเย่เซียง
แต่ถ้าพิจารณาจากตัวตนปัจจุบันของนางล่ะ?
แม้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะดำเนินไปในทิศทางที่ดี
แม้ว่าเย่เช่อจะสนใจนาง แต่ครอบครัวของเขาคงไม่ยอมรับนาง ถึงอย่างไรหากนางอยู่ในหอคณิกาแห่งนี้ต่อไป นางย่อมมีอิสระอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีคนจากตระกูลมู่ที่คอยปกป้องนางทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ดังนั้นต่อให้ไม่มีเขา นางก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม หัวใจของอวิ๋นจื่อมีแต่ความว่างเปล่า
เมื่อเห็นสีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เย่เช่อก็ถามด้วยความกังวลว่า “ปี้เหยียน เ้าเป็อะไรไป?”
อวิ๋นจื่อที่จดจ่ออยู่กับความคิดของตัวเองก็ดึงสติกลับมาอีกครั้งและกล่าวเบาๆ ว่า
“คุณชายไม่ควรบอกเื่นี้กับข้า”
เย่เช่อเลิกคิ้วและกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เพราะเหตุใด?”
เขาดูสง่างามราวกับดวงดาวใน์ทั้งเก้า ชั่วขณะหนึ่งอวิ๋นจื่อรู้สึกว่านางไม่้ารบกวนสิ่งที่งดงามเช่นนี้
เป็ไปได้หรือไม่ว่านางกำลังถูกล่อลวง?
ไม่จริงใช่หรือไม่?
นางแค่ไม่้าทำร้ายเขาเท่านั้น
เป็เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่หรือ?
อวิ๋นจื่อคลี่ยิ้มบางๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายจะทำการใหญ่ในภายภาคหน้า เหตุใดท่านต้องบอกเื่นี้กับข้าด้วย? ถ้าวันหนึ่งข้ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณชาย ท่านจะทำอย่างไร?”
เสียงของอวิ๋นจื่ออ่อนโยนราวกับสายน้ำ เย่เช่อเป็ชายหนุ่มที่ไม่เคยมีความรัก ดังนั้นเมื่อพบเจอกับหญิงสาวที่อ่อนโยนเช่นอวิ๋นจื่อเขาจึงอดที่จะทะนุถนอมนางไม่ได้ ทันใดนั้นเย่เช่อก็รู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจ เขา้าจะขย้ำหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าและกอดนางไว้ในอ้อมแขน
ดวงตาที่สดใสของเย่เช่อค่อยๆ มีความร้อนปะทุขึ้น และเมื่อเขามองไปที่อวิ๋นจื่อ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรัก
อวิ๋นจื่อย่อมสังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน
ในใจของนางมีทั้งความสุขและความเศร้า
ตอนนี้นางสามารถเอาชนะตัวตนในอดีตของตนเองได้แล้ว แต่เื่นี้ควรค่าแก่การดีใจจริงๆ หรือ?
อวิ๋นจื่อหวังว่าเย่เช่อจะมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อตัวตนในอดีตของนางมากกว่า
เพราะตอนนั้นเป็่ที่ดีที่สุดในชีวิตของนาง
เย่เช่อรู้สึกเพียงว่ามีกระแสความอบอุ่นพลุ่งพล่านอยู่ในใจ เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน ตอนนี้เย่เช่อรู้สึกว่าเขาเป็ผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก
อุณหภูมิระหว่างทั้งสองค่อยๆ สูงขึ้น
พวกเขาได้ยินเสียงหัวใจของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดปลายจมูกของอวิ๋นจื่ออย่างแ่เบา นางหลับตาลง และ้าัักับความสุขอย่างเต็มที่
นางไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น
เช่นเดียวกับคลื่นทะเลที่คาดเดาไม่ได้
ลมหายใจที่แผดเผาเติมเต็มความรู้สึกของกันและกัน กลิ่นอายของความรักอบอวลไปทั่วห้อง
เย่เช่อรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรง
การควบคุมตนเองซึ่งเป็สิ่งที่เขาภาคภูมิใจมาตลอดถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง
ในที่สุดริมฝีปากที่ร้อนราวกับไฟของเขาก็ประกบไปยังริมฝีปากที่บอบบางของอวิ๋นจื่อ
จูบที่อ่อนโยนและลึกซึ้งทำให้อวิ๋นจื่อแทบหยุดหายใจ
นางอยากจะดื่มด่ำกับมันมากกว่านี้
แต่นางรู้ว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้
นางพยายามผลักเขาเบาๆ
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจื่อถูกเย่เช่อกอดไว้แน่น นางไม่มีทางที่จะหลุดออกจากอ้อมแขนนี้ได้เลย
เขาจูบอย่างลึกซึ้งและหนักหน่วง การดิ้นรนอย่างแ่เบาของนางไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น มือเล็กๆ ที่กำลังผลักหน้าอกของเขาเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าอาชาแห่งความปรารถนาของตนเอง้าที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการและห้อตะบึงอย่างอิสระ
เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้นี้มาก่อน
จูบของเขาทำให้หัวใจของอวิ๋นจื่อเกิดความปั่นป่วนราวกับอยู่ในคลื่นมหาสมุทรสีครามที่ไร้ขอบเขต นางไม่อาจรับรู้สิ่งใด และนางก็ไม่้ารับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น
ในขณะที่อวิ๋นจื่อคิดว่าการจูบของเขากำลังจะจบลง
เย่เช่อกลับบดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงและจริงจังมากขึ้น
อุณหภูมิรอบตัวทั้งสองสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
ก่อนที่อวิ๋นจื่อจะทันได้ตอบสนอง เย่เช่อก็กอดนางแน่นขึ้นไปอีก
แต่การกระทำดังกล่าวทำให้อวิ๋นจื่อกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง นางดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขาและกล่าวว่า “คุณชาย ข้าเพียงขายศิลปะไม่ขายเรือนร่าง”
ทันใดนั้นเย่เช่อก็ได้สติ เขากะพริบตาเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มมุมปาก “จริงหรือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเ้าดูแตกต่างจากคนอื่น?”
ขณะที่พูดเย่เช่อก็มองนางด้วยรอยยิ้มขบขัน เหมือนกำลังถามนางว่าลืมเื่ในคืนนั้นไปแล้วหรือ?
อวิ๋นจื่อรู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางก้มหน้าลงและกล่าวว่า “นี่ก็ดึกแล้ว คุณชายโปรดส่งข้ากลับเถิด”
เย่เช่อมองนางด้วยสายตาร้อนแรงและกล่าวว่า “วันนี้เป็วันส่งท้ายปีเก่า”
อวิ๋นจื่อเข้าใจในสิ่งที่เขา้าจะบอก นางรู้ว่าวันนี้เป็วันส่งท้ายปีเก่า
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็วันส่งท้ายปีเก่าครั้งแรกในหยงโจวของนางด้วย
แต่นางรู้ว่าเขาต้องกลับไปที่อวิ๋นเมิ่งเพื่อร่วมฉลองปีใหม่กับครอบครัว
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ปี้เหยียนหวังว่าคุณชายจะประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง และหวังให้ความปรารถนาของท่านเป็จริง”
เย่เช่อมองนางอย่างแน่วแน่ก่อนจะพูดช้าๆ ว่า “ข้าเติบโตมาโดยมีความปรารถนาเพียงข้อเดียว”
สายตาของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยคำถาม
เห็นได้ชัดว่านางอยากรู้ความปรารถนาของเขา
อวิ๋นจื่อไม่ได้ยินเสียงซีจู[1]ดังมาจากด้านนอก แม้แต่เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะก็แทบจะไม่ได้ยินแล้ว
แม้นี่จะเป็เวลากลางดึก แต่ดวงตาของเย่เช่อกลับสดใสเป็พิเศษ
------------------------
[1] ซีจู เป็เครื่องดนตรีที่สำคัญที่สุดในสมัยโบราณของจีน เป็ชื่อเรียกรวมของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายประจำชาติฮั่นและเครื่องลมไม้ไผ่
“ซี หมายถึงผ้าไหม” คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย รวมทั้งการบรรเลงและดึงเครื่องสาย
“จู หมายถึง ไม้ไผ่” คือเครื่องดนตรีประเภทลม เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบแล้ว เครื่องดนตรีซีจูเป็กลุ่มเครื่องดนตรีที่มีทำนองที่หนักแน่นกว่า นุ่มนวลกว่า และเสียงต่ำที่สดใสกว่า