จุนห่าวเดินไปที่ประตูอย่างเชื่องช้าและไม่รีบเร่งเลยสักนิด เขาคิด อย่างไรก็กินข้าวไม่ได้ จึงไม่ต้องมาสนใจเื่เวลาแล้ว ให้เ้าพวกนั้นเคาะประตูต่ออีกหน่อยละกัน ในเมื่อมาหาเื่กัน อย่างนั้นเขาก็จะให้เวลาพวกนั้นโอ้อวดอำนาจบารมีให้เต็มที่ พอได้ยินเสียงเคาะยิ่งดัง ก็ยิ่งห่วงประตู จุนห่าวครุ่นคิด ดูเหมือนจะรอไม่ไหวแล้ว เขาควรออกโรงเสียแล้ว มิเช่นนั้นถ้าประตูพังขึ้นมา หานรุ่ยคงจะรู้สึกแย่
หานรุ่ยได้ยินเสียงประตูที่เคาะดังขึ้นเรื่อย ๆ ทนรำคาญไม่ไหว จึงพูดกับหานรุ่ยว่า “จุนห่าว เ้ารีรออะไรอยู่ ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ หรือ? เสียงดังจนข้าไม่มีอารมณ์จะกินข้าวแล้ว เ้ารีบไปจัดการเร็ว” หานรุ่ยรำคาญยิ่งนัก แต่ก่อนที่เขาอยู่บ้านตระกูลหาน ถ้าใครมาเจอตอนเขาอารมณ์ไม่ดี แค่เขายกขาก็รีบเผ่นหนีกันแล้ว ต่อให้เขาตกระกำลำบากมา ก็คงยังไม่มีใครกล้ามาหาเื่เขาถึงในจวน อย่างมากก็แค่เย้ยหยันไม่กี่ประโยคเวลาเจอเขา
“น้อมรับคำสั่งขอรับ! ภรรยาที่เคารพ ข้ากำลังจะไปจัดการให้ เ้ากินต่อเถอะ เ้ากับลูกหิวอยู่ เป็ความผิดของเ้าพวกนั้นแท้ ๆ” จุนห่าวทำท่าเคารพเยี่ยงทหาร พลันเดินพรวดไปทางประตูด้านหน้า แม้ว่าจวนของจุนห่าวจะอยู่ห่างไกล แต่ก็ถือว่าใหญ่โตโอ่อ่า จากห้องโถงหลักไปยังประตูจึงมีระยะห่างอยู่บ้าง แต่ขายาว ๆ ของจุนห่าวเดินเพียงไม่กี่ก้าว ก็ถึงหน้าประตูแล้ว จุนห่าวคิดในใจ ในเมื่อภรรยาเร่งแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องรวดเร็วฉับไว และเขาก็ไม่ชอบที่จะเฉื่อยแฉะ มันไม่เข้ากับวิถีของเขา
ทันทีที่จุนห่าวเปิดประตู ทุกคนที่เคาะประตูอยู่ด้านนอกต่างพากันตะลึงงัน พวกเขาไม่คิดว่าจะมีคนมาเปิดประตูเร็วปานนี้ เท่าที่พวกเขารู้มา ทุกครั้งที่พวกเขามาเ้าสวะจุนห่าวมักจะยื้อยุดฉุดกระชาก ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ไม่มีทางมาเปิดประตู ไม่คิดว่าครั้งนี้พวกเขายังไม่ทันจะเปิดประตู เ้าสวะจุนห่าวกลับเป็ฝ่ายเปิดประตูเสียเอง มิหนำซ้ำยังทำให้ใบหน้าพวกเขาาเ็ด้วย
เมื่อจุนห่าวเปิดประตู เห็นด้านนอกมีกลุ่มคนที่มีท่าทีเหิมเกริม จุนห่าวคิด ผู้มาเยือนไม่เป็มิตรซะเลย! จุนห่าวพิงประตูและยืนกอดอก มองกลุ่มคนที่ตกตะลึงเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่เหิมเกริมเมื่อครู่ ตอนนี้ทำไมถึงตะลึงงันอย่างนั้น
จุนห่าวนึกถึงที่หานรุ่ยบอกให้ไล่เ้าพวกนี้ไป จึงเป็ฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พวกเ้ามาหาข้าั้แ่เช้าตรู่ มีเื่อันใดรึ? อย่าบอกนะว่า มาเชิญข้าไปกินมื้อเช้าด้วย? ถ้าเป็เช่นนี้ พวกเ้ากลับไปเถอะ ข้ากำลังกินอยู่ ครั้งหน้าพวกเ้าค่อยมาเชิญข้าใหม่ละกัน หากตอนนั้นข้าว่าง ข้าก็จะไปนะ” จุนห่าวมองเ้าพวกนี้ เดาว่าอายุน่าจะราว ๆ สิบสี่สิบห้าเห็นจะได้ จึงไม่อยากต่อปากต่อคำมาก เพราะเขาอายุเลยสามสิบแล้ว ให้มาต่อคำกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่โต คงไม่สนุกเท่าไหร่ ต่อให้ต่อยพวกเขาสักหมัด ก็คงไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไร ดังนั้นเขาจึงแค่อยากไล่พวกเขาไปให้ไกลโดยเร็วที่สุด
กลุ่มคนที่มาเื่: ...... เ้าจุนห่าวมันมั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน คิดว่าพวกเขามาเชิญไปกินข้าวรึ! พวกเขามาหาเื่ต่างหาก อย่าบอกนะ ว่ามองไม่ออก? หรือว่าเพราะาเ็ครั้งก่อนทำมันเพี้ยนไปแล้ว แล้วท่าทางที่มองดูพวกข้าแล้ทำเป็เหนื่อยหน่ายนี้ ยังใช่เ้าสวะจุนห่าวอยู่ไหม? นอกจากหน้าตาที่เหมือนกันแล้ว แต่กลับไม่มีเงาของเ้าสวะนั่นเลยสักนิด เมื่อก่อนแค่จุนห่าวเห็นพวกเขาก็หวาดกลัวจนตัวสั่นและกระวนกระวายไม่เป็สุขแล้ว
“จุนห่าว นี่เ้าอย่าแกล้งโง่ทำเป็นิ่งหน่อยเลย เ้าไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน ถึงคิดว่าพวกข้ามาเชิญเ้าไปกินข้าว เ้าใหญ่โตขนาดนั้นเชียว?” จุนหรูกล่าวเสียงดังพลางชี้หน้าจุนห่าว จุนหรูก็คือน้องคนที่ห้าของจุนห่าว... น้องชายต่างแม่ แต่พ่อเดียวกัน
“ข้าเป็พี่ชายแท้ ๆ ของเ้า เ้ามาพูดแบบนี้กับพี่ชายเ้ารึ? การอบรมสั่งสอนของบ้านเ้าถูกหมาแดกไปแล้วรึไง? พ่อแม่สอนเ้ามาแบบนี้หรือ?” จุนห่าวมองจุนหรูที่ถูกสั่งสอน คิดไม่ถึงว่าน้องห้าของเขาจะไร้สมองขนาดนี้ กลุ่มคนทั้งห้ายังไม่ทันพูดอะไร น้องชายแท้ ๆ ก็เริ่มหาเื่เขาก่อน แม้ว่าจะไม่อยากมีเื่ให้ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านตระกูลจุน แต่ยังถือว่าตอนนี้เขาก็คือ จุนห่าว
“ข้าไม่มีพี่ชายที่เป็เศษสวะอย่างเ้า แม้ข้าจะมีลูกแค่สามคน พี่ชายข้าคือจุนอี้ พี่สาวคือจุนเสวี่ย แต่เศษสวะอย่างเ้าไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสั่งสอนข้า” จุนหรูกล่าวอย่างเดือดดาล เ้าสวะจุนห่าวยังคิดจะมาเป็พี่ชายเขา ช่างกล้าคิดนัก สักวันหนึ่งเขาจะให้ท่านพ่อท่านแม่ขับไล่จุนห่าวออกจากตระกูล
“เฮ้ ข้าใช่พี่ชายเ้าหรือไม่ เ้าไปถามท่านพ่อได้ หากแม่เ้าไม่ได้นอกใจท่านพ่อล่ะก็... ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องลุ้นกันละ บางทีข้าอาจเอ่ยถามท่านพ่อแทนเ้าก็ได้ ถามเขาว่า เ้าใช่บุตรชายของเขาหรือไม่ ถ้าเ้าไม่อยากมีพี่อย่างข้า ข้าก็ไม่อยากมีน้องชายที่ไร้สมองอย่างเ้าเช่นกัน” จุนห่าวกล่าวด้วยปากที่ร้ายจัด ในเมื่อจุนหรูไม่ไว้หน้าเขา เขาก็ไม่จำเป็ต้องไว้หน้าจุนหรู แม่ของเขาก็ไม่ใช่คนดี จากความทรงจำของร่างเดิม แม่ของจุนหรูเกี่ยวข้องกับการตายของแม่ซวงเอ๋อร์ของร่างเดิม ในตอนนั้นจุนอี้เจิน พ่อของจุนห่าวรักแม่ของจุนห่าวมาก มิเช่นนั้นก็คงไม่รับคนรับใช้มาอยู่ในฐานะอนุภรรยา แม่ของจุนหรูไม่อาจรับได้ที่จุนอี้เจินรักคนอื่น จึงใส่ร้ายแม่ของจุนห่าวอยู่บ่อยครั้ง จนท้ายที่สุดก็ทำให้แม่ของจุนห่าวเลิกเป็ที่โปรดปราน สุดท้ายแม่ของร่างเดิมจึงทุกข์ระทมจนเสียชีวิต
“จุนห่าว เ้าอย่ามาพูดใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ใครไม่รู้บ้างว่าแม่ของเ้าเวลานั้น ได้ทำเื่บัดสีบัดเถลิงกับคนรับใช้ จนท่านพ่อต้องส่งมาอยู่จวนห่างไกลเช่นนี้” จุนหรูพูดพร้อมชี้ไปยังจวนของจุนห่าว แม้ว่าภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่า แม่ของจุนห่าวถูกใส่ร้ายป้ายสี ทว่าชื่อเสียงของแม่จุนห่าวถูกทำลายจนหมดสิ้นและไม่เป็ที่โปรดปรานอีกต่อไป ทั้งการไม่มีตระกูลแม่ที่พึ่งพาได้ ทั้งการไม่เป็ที่โปรดปราน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็อย่างไร
“ข้าไม่ได้พูดใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น แม่เ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ คนทำกรรม์ย่อมเห็น ไม่ช้าก็เร็วก็จะได้รับผลกรรมนั้น” จุนห่าวกล่าวขึ้น ภายในคฤหาสน์หลังนี้ จะมีสักกี่คนที่ยังขาวสะอาดบริสุทธิ์ หากมีโอกาสเขาจะพาหานรุ่ยและลูกไปให้ไกลจากบ้านตระกูลจุนอย่างแน่นอน เขาจะไม่ยอมมีชีวิตภายใต้แผนลอบทำร้ายกันละกัน และจะไม่ยอมให้ภรรยาของตนเองต้องตกเป็เหยื่อแผนลอบทำร้ายของตระกูลนี้ เขารู้ว่าหานรุ่ยไม่ใช่คนที่กระหายอำนาจ เขาเป็คนรักอิสระและเขาต้องไปกับตนเองเป็แน่