เสียงสูงของสตรีนางหนึ่งดังลอยมา เดิมทีมีสตรีสูงศักดิ์คิดจะเดินจากไปแต่เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้วพวกนางจึงหันกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่ากงหานเยว่เดินเข้ามาั้แ่เมื่อไรดวงตาเรียวยาวของนางกวาดตามองกงอี่โม่พร้อมส่งยิ้มอย่างเ็า
“ดูเหมือนว่าเ้าจะลืมไปว่าเ้าไม่ใช่องค์หญิงอีกแล้วเ้าเป็เพียงสามัญชนธรรมดา”
ขณะที่กงหานเยว่กล่าวนั้น นางก็เชิดปลายคางขึ้น ดวงตาสะท้อนความอวดดีและความอยากลองดีราวกับว่านางรอวันนี้มานานมากแล้ว มันช่างสะใจจริงๆ คิดถึงตอนนั้นที่อีกฝ่ายดูสูงส่งเหนือใครๆทว่าในที่สุดวันนี้นางก็ได้ััความรู้สึกที่ได้ข่มอีกฝ่ายบ้าง ขณะที่คิดนั้นกงหานเยว่พลันกล่าวอย่างดุดัน
“ตะลึงทำไม? ยังไม่รีบไสหัวมาคุกเข่าอีก! หรือว่าเ้าคิดดูถูกบารมีของราชวงศ์หรือ? ข้าไม่ได้ใจดีเหมือนเสด็จพ่อหรอกนะ!”
นางกล่าวอย่างอวดดี คำพูดแฝงไปด้วยการข่มขู่ ทำให้กงอี่โม่หรี่ตามองอีกฝ่าย
เมื่อเห็นท่านทางเช่นนี้ของนางฉินเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังของกงหานเยว่จึงรีบถอยหนีอย่างเงียบๆนางไม่ได้ยืนอยู่ด้วยกันกับกงหานเยว่แล้ว
“ที่แท้ก็คือองค์หญิงใหญ่นี่เอง”
กงอี่โม่ถอนหายใจ เสด็จพี่ของนางผู้นี้หน้าอกแบนไร้สมองมิน่าเมื่ออายุถึงขนาดนี้แล้วจึงยังไม่ได้แต่งงาน มันก็มีสาเหตุเช่นนี้เอง
ช่างเถิด ในที่สุดกงอี่โม่ก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
เมื่อเห็นการกระทำของนางเช่นนี้ มีสตรีสูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยที่แอบคิดอยู่ในใจกงอี่โม่น่าจะยอมลงให้อีกฝ่ายแล้วใช่ไหม นางจะคุกเข่าจริงๆ หรือ?
สายลมอ่อนพัดผ่าน ชุดฝึกวรยุทธ์สีขาวบนร่างของกงอี่โม่เคลื่อนไหวเล็กน้อยเวลานี้นางลุกขึ้นยืน กางเกงถูกรั้งขึ้นจนปรากฏเรียวขายาวตรงของนางการก้าวเดินอย่างมั่นคง ราวกับกำลังเดินเล่นอย่างช้าๆทว่าร่างของนางกลับแผ่รัศมีของผู้มีอำนาจบารมี ทำให้ใครหลายๆคนมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมอง นั่นก็คือนางช่างเหมือนองค์หญิงแห่งแผ่นดินมากกว่าองค์หญิงใหญ่กงหานเยว่มากมายนัก
เมื่อเห็นอีกฝ่ายก้าวเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆองค์หญิงใหญ่กลับเริ่มรู้สึกกลัวจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวทว่าเมื่อคิดถึงตำแหน่งฐานะของอีกฝ่ายแล้ว นางจึงยืดหน้าอกขึ้นเล็กน้อยจากนั้นจึงตะคอกออกมา
“ยังไม่คุกเข่าอีก!”
นางเป็องค์หญิงพระองค์หนึ่ง ดังนั้นเสียงตะคอกของนางจึงมีพลังอยู่ไม่น้อยทำให้สตรีสูงศักดิ์ในที่แห่งนี้ต่างรู้สึกขาไร้เรี่ยวแรง
ทว่ากงอี่โม่กลับกวาดตามองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้สึกรู้สาสายตาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“องค์หญิงใหญ่ลืมแล้วหรือ? แม้ว่าฝ่าาจะถอดพระยศของข้าแล้ว แต่ฝ่าาเคยมีรับสั่ง ไม่ว่าเจอหน้าผู้ใดข้าไม่จำเป็ต้องทำความเคารพ! ทำไมหรือ? หรือว่าฝ่าาก็ยกเลิกสิ่งนี้ด้วยหรือ?”
คำพูดของนางทำให้กงหานเยว่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ตอนที่กงอี่โม่เข้าเฝ้าเสด็จพ่อ อีกฝ่ายก็แทบไม่เคยทำความเคารพจริงๆเมื่อคิดถึงจุดนี้ นางจึงรู้สึกริษยายิ่งขึ้น
“อย่างนั้นหรือ? ทว่าตอนนี้เ้าอยู่ต่อหน้าข้า เ้ามีกิริยาไม่งาม วาจาร้ายกาจข้ายังมีอำนาจลงโทษเ้าอยู่ใช่ไหมล่ะ?!”
“ย่อมเป็เช่นนั้น” กงอี่โม่ยักไหล่เล็กน้อย
เมื่อเห็นนางกล่าวเช่นนี้ กงหานเยว่จึงหรี่ตาทั้งสองข้างลงั์ตาสะท้อนประกายโเี้! “ในเมื่อเป็เช่นนี้! เด็กๆ เข้ามา! กงอี่โม่สวมชุดประหลาด แสดงกิริยาไม่งามต่อหน้าผู้คนข้าขอสั่งให้พวกเ้าถอดชุดนางแล้วขับไล่นางออกไป!”
คำพูดของนางทำให้สตรีสูงศักดิ์รอบๆ ต่างอุทานเสียงเบา การลงโทษร้ายกาจเช่นนี้หากเกิดขึ้นจริงแล้วต่อไปกงอี่โม่จะใช้ชีวิตอย่างไร?
กงหานเยว่ออกคำสั่งอย่างดุดันทว่านางกำนัลที่อยู่ด้านหลังของนางสี่คนกลับไม่กล้าขยับตัวแต่ก่อนตอนที่กงอี่โม่ยังมีอำนาจบารมีแม้กระทั่งฝ่าาก็ยังไม่สามารถทำอะไรนางได้เลย
“ทำไม? พวกเ้าหูหนวกหรือ? รีบไปถอดชุดของนางให้ข้าเดี๋ยวนี้! รีบไป!”
เมื่อเห็นพวกนางไม่ขยับตัว กงหานเยว่จึงรู้สึกอับอายทันทีนางร้องะโอย่างบ้าคลั่ง ความริษยาในดวงตาแทบทะลักออกมา
เพราะเหตุใดกงอี่โม่จึงมีทุกสิ่งทุกอย่าง เสด็จพ่อโปรดนาง องค์รัชทายาทโปรดนางนางมีหน้าตางดงาม ท่าทางหยิ่งผยอง ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเกรงกลัว
ในเมื่อเป็เช่นนี้ นางจะต้องถอดชุดของอีกฝ่ายโยนทิ้งไปทำให้อีกฝ่ายไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรี และไม่มีทางกลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง
เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่โกรธจัด ผู้ที่ติดตามนางจึงไม่กล้าขัดคำสั่งนางกำนัลทั้งสี่ต่างก้าวขึ้นไปด้านหน้าอย่างลังเล เมื่อเห็นสีหน้าของกงอี่โม่แล้วพวกนางกลับรู้สึกทำไม่ลง
ส่วนกงอี่โม่ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย นางกวาดตามองกงหานเยว่ จากนั้นจึงหรี่ตาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“องค์หญิงใหญ่เพคะ นอกจากจะถูกบุรุษคนโปรดของท่านล้วงร่างกายไปหมดแล้วท่านยังถูกล้วงสมองจนกลวงไปด้วยหรือ?”
ประโยคนี้ของนางสร้างความตกตะลึงราวกับฟ้าถล่มมีสตรีสูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยที่ได้ยินเื่นี้แล้วแทบอยากเป็ลมกงอี่โม่ยังคงกล่าวต่อไป “ข้ามีวรยุทธ์ติดตัว ให้นางกำนัลเหล่านี้เข้ามาจับข้ามันเป็ความคิดเพ้อเจ้อเกินไปหรือเปล่า?”
คำพูดอวดดีทำให้ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆพวกนางไม่อยากได้ยินสิ่งเหล่านี้เลย นี่คือความลับในราชวงศ์ ยิ่งรู้ความลับเหล่านี้มากเท่าใดก็ยิ่งมีโอกาสตายเร็วขึ้นมากเท่านั้น
“อ๊าก!อ๊ากๆ! เ้า!! เ้า!!”
กงอี่โม่รู้สึกเพียงมีความโกรธพุ่งทะลุถึงศีรษะ นางเห็นดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำสตรีสูงศักดิ์ในที่แห่งนี้ต่างทยอยคุกเข่าลง พวกนางโกรธที่ซูเมี่ยวหลันเริ่มก่อเื่ทำให้ตอนนี้ทุกคนต่างต้องตกกระไดพลอยโจน
นิ้วของกงหานเยว่ที่ชี้ไปยังกงอี่โม่สั่นระริก นางไม่อยากคาดเดาเลยต้องมีคนนำเื่ที่นางเลี้ยงบุรุษคนโปรดเผยแพร่ออกไปแล้วต่อไปนางจะแต่งงานได้อย่างไร? แย่มาก! ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
“ทหาร เด็กๆ เรียกทหารเข้ามา ข้า้าสังหารหญิงสาวผู้นี้!!”
องค์หญิงออกจากวังย่อมมีทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งติดตามมาเพียงแต่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เข้ามาเท่านั้น เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วไม่ว่าด้านในจะมีหญิงสาวมากมายเพียงใด พวกเขาจึงรีบวิ่งเข้ามา
หญิงสาวทั้งหลายต่างอุทานอย่างใพร้อมรีบหลบทันทีการกระทำของพวกเขาก็ทำให้ชายหนุ่มในเมืองหลวงบางส่วนที่อยู่ข้างศาลาริมทะเลสาบต่างใตามไปด้วยพวกเขาทยอยหันหน้ามองมาด้านนี้
เมื่อเห็นว่าผู้คนทั้งหลายค่อยๆ หนีออกไปเวลานี้บนเนินท่ามกลางบุปผาจึงเหลือเพียงกงอี่โม่ที่เป็หญิงสาวนางเดียว
องครักษ์พระราชวังกลุ่มหนึ่งได้ล้อมกงอี่โม่ไว้เรียบร้อยแล้วบุปผางามบนพื้นต่างถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานีปลายมีดแหลมในมือของพวกเขาต่างชี้ไปทางสาวน้อยที่ยังอ่อนวัยผู้นั้น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลี่เคอบุตรชายเสนาบดีกรมคลังขมวดคิ้วเอ่ยถามสตรีสูงศักดิ์ที่อยู่ข้างกายเขาผู้หนึ่งยังคงใทำอะไรไม่ถูกนางรู้สึกราวกับเจอที่พึ่ง นางจึงรีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลี่เคอทันที
“องค์หญิงใหญ่้าสังหารองค์หญิงจาวหยาง”
“องค์หญิงจาวหยาง?” ดวงตาของหลี่เคอพลันสะท้อนประกายชั่วครู่ชื่อเสียงขององค์หญิงจาวหยางแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้วแม้พวกหญิงสาวจะรู้สึกริษยานาง ทว่าชายหนุ่มกลับคิดต่างออกไปพวกเขารู้สึกนับถือนางมากกว่า ทว่าเวลานี้องค์หญิงจาวหยางอยู่เบื้องหน้าแล้วแต่น่าเสียดายที่นางถูกเกราะขององครักษ์ล้อมไว้ เขาจึงมองไม่เห็นนาง
กงอี่โม่ยืนคลี่ยิ้มอยู่ที่เดิมราวกับว่านางกำลังชื่นชมความบ้าคลั่งของกงหานเยว่
“องค์หญิงใหญ่ ท่านรู้ไหม? การกระทำของท่านเช่นนี้วันพรุ่งนี้ฝ่าาจะต้องได้รับฎีกากล่าวหาท่านมากมายอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเมื่อฝ่าากริ้วแล้วเกรงว่าแม้กระทั่งบุรุษคนโปรดของท่านเ่าั้ก็คงจะไม่เหลือเลยสักคน”
“เ้าหุบปาก เ้าหุบปาก ข้าไม่มีบุรุษคนโปรด ข้าไม่มี”กงหานเยว่ใกล้เสียสติแล้ว
“อย่างนั้นหรือ?”
เสียงประชดอย่างราบเรียบช่างบาดตากงหานเยว่เสียเหลือเกิน มันเป็เช่นนี้อีกฝ่ายมักจะใช้สายตาเช่นนี้มองมาที่นาง ราวกับกำลังมองตัวตลกเลยทีเดียวอีกฝ่ายไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา
“ยังงงอะไรอีก สังหารนาง! พวกเ้ารีบสังหารนางเดี๋ยวนี้!”