พูดยังไม่ทันจบดี
เงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากแนวป่านั้น ก้าวเดียวหลายสิบเมตร พริบตาเดียวก็มาถึงสมรภูมิ อาภรณ์ขาวราวกับหยก ใบหน้าหล่อเหลางามสง่า เรือนร่างผ่าเผย บุรุษที่ได้รับขนานนามว่าเป็ยอดฟ้าประทานในปีหนึ่งของหงส์ฟ้า สวี่เกอ
เขาคือคนที่สั่งการลับๆ ให้หลินนั่วและอีกสามคนลงมือตอนนั้นนั่นเอง
“นึกไม่ถึงว่าจะถูกเ้าจับได้” สวี่เกอมีสีหน้าเรียบขรึมพลางว่า “พลังของเ้าต้องแกร่งขึ้นกว่าตอนเริ่มต้นมากนัก หากข้าเดาไม่ผิด เ้าต้องวิ่งเต้นในพงไพรไม่หยุด หรือจะกลายเป็ว่าในไพรนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่งั้นหรือ?”
เ่ิูผลักมือซ้ายออกไปเบาๆ เปลี่ยนฝ่ามือเป็ดังกรงเล็บตะครุบเอาหอกยาวที่ด้ามพังเสียบอยู่พสุธาไกลๆ ผ่าอากาศเข้ามา
หอกคู่อยู่ในกำมือ รังสีรุนแรงทบทวี
“ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากเสียเวลาพูดเื่ไร้แก่นสาร พวกเ้ารีบลงมือได้แล้ว” เ่ิูไขว้หอกทั้งสองข้างไว้กับหลังเป็เหมือนกากบาทเฉๆ เขาก้าวเข้ามาหาทีละก้าวๆ “พวกเ้าไม่ยอมลงมือ ข้าก็จักลงมือเอง”
ชูหอกมือซ้ายขว้างออกไป
ธงรบแผ่นดินแห่งสี่รูปแบบเทพราชันเกราะทอง
ฟิ้ว!
แทบจะเป็เวลาเดียวกันกับที่เ่ิูเงื้อมือขว้างหอก หอกสีดำก็ปักลงข้างกายติงหลีโยว
พลังโจมตีครึกโครมมหาศาล ทำให้ศิษย์สำนักหงส์ฟ้าผู้าเ็มาไม่น้อยอยู่แล้วถูกฆ่าตายในทันที
เป็ภาพที่น่าสะพรึงนัก เช่นเดียวกับหลินนั่ว ผ่านการประมือมานักต่อนัก ติงหลีโยวคุ้นเคยกับกระบวนาของเ่ิูนานแล้ว และเตรียมป้องกันและรับมือท่าธงรบแผ่นดินนี้ไว้แล้วด้วย ตอนที่หอกนั่นพุ่งลงมาเหมือนธงรบ เขาก็ทำการตอบโต้ไปแล้ว แล้วก็คิดว่าตนนั้นหลบพ้น แต่ผลก็ตายอย่างไร้ทางหนีเห็นๆ
“ฆ่ามัน! โผัเกรี้ยว!”
เ่ิูเสือกหอกในมือขวาออกไป
คราวนี้ สวี่เกอมองรูปแบบการโจมตีของกระบวนานี้ออกหมดสิ้นแล้ว
หอกยาวพุ่งเข้าหาหอกอีกส่วนที่ปักอยู่กับพื้น พลังที่แทบเรียกได้ว่าเป็กฎเกณฑ์พลันถือกำเนิด ชักจูงร่างของเ่ิูเสมือนเทพัแหวกเวหา นำพาสายฟ้า แสง เสียงภูผาโห่ร้องและทะเลโหยหวน อากัปกิริยาที่ไม่อาจตั้งรับได้ตะลุยเข้ามา
ความเร็วเหนือชั้น
เร็วถึงขีดสุด
เมื่อเขาแทงหอกยาวในมือนั้นไป เรี่ยวแรงโจมตีดั่งอัสนีบาตก็ประกาศศักดา
สวี่เกอหลบและป้องกันการโจมตีแข็งกล้านั่นด้วยความเร็วที่สุด กลับยังถูกแรงดั่งอัสนีบาตนั่นจู่โจมใส่ ตัวเขาลอยละลิ่ว และตอนที่ถูกชนจนกระเด็นนั้นเอง สวี่เกอก็รู้สึกถึงััประหลาดเช่นคราวก่อนอีกครั้ง...กำลังภายในทิ่มแทง ร่างกายสูญเสียการควบคุม กำลังทั้งหมดแทบจะสิ้นโอกาสสำแดงฤทธา ไม่อาจโต้กลับอะไรได้เลย
สวี่เกอใช้หางตาเหลือบมองเจิ้งข่ายและตู่ชา สองคนนั้นก็ถูกแรงชนจนกระเด็นเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว...” สวี่เกอมีความคิดหนึ่งแลบแล่นเข้ามาในหัว “ที่แท้เคล็ดลับของกระบวนศึกเ่ิู ไม่ใช่ต้องปะทะด้วยกายถึงแผ่แสนยานุภาพ แต่เป็ในขอบเขตที่แน่นอนเท่านั้นถึงจะถูกกระแทกจนกระเด็นได้...น่าจะสักสองจ้างได้ล่ะมั้ง?”
ในทะเลสำนึกของเขาคำนวณและเจียระไนพลังกระบวนศึกของฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันนั้นเอง
ตู่ชาที่ได้รับาเ็ไปตามๆ กันกระอักเืเป็สาย เนื้อตัวมีแผลกลวงฉีกขาดเป็นิ้วๆ เมื่อต้องรับแรงจู่โจมทรงพลังก็ตายในทันที ิญญากลับกลายเป็ลำแสงดิ่งกลับกองบัญชาการฝั่งหงส์ฟ้า
และเจิ้งข่ายผู้ลือชาในพละกำลัง บัดนี้เพียงาเ็เล็กน้อยและกระดอนไปหลายสิบเมตร
นั่นก็เป็เพราะเป้าหมายที่เ่ิู้ามิใช่ตัวเขานั่นเอง
ตอนที่ลงมือ พลังดั่งฟ้าผ่านั้นฆ่าติงหลีโยวและตู่ชา เป้าหมายของเด็กหนุ่มสำเร็จแล้วครึ่งทาง ตัดทอนกำลังศัตรูให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงมิให้ฝั่งหงส์ฟ้าฟื้นตัวมารวมกำลังได้อีก มีเพียงอย่างนี้เท่านั้น ตาชั่งแห่งชัยชนะจึงจักเอนเอียงมาทางสำนักกวางขาว
“ลองอีกสักท่าเป็ไร... ‘ปกปักแผ่นดิน!’”
เ่ิูะโลั่น
เขาเหยียบเท้าข้างหนึ่งกับผืนพสุธา พื้นดินแหวกร้าว ปรากฏเป็ละอองแสงสีทองโชติ่ นำพากลิ่นอายแห่งพลังอันศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับแนวแสงม้วนตัวเป็ชั้นๆ ทอดรัศมีจากศูนย์กลางคือกายเ่ิู สู่ทั่วทุกสารทิศ
สวี่เกอและเจิ้งข่ายตระหนกจนไม่รู้จะตระหนกอย่างไร
กระบวนท่าาใหม่หรือ?
จากที่ต่อกรกันมาหลายครั้งนั้น เ่ิูยังไม่เคยใช้ท่านี้มาก่อน
รัศมีสีทองสาดส่องมาถึง ราวกับพิภพแผ่นนี้หนุนหลังเ่ิูด้วยไอทองคำคุ้มครอง
พลังที่เหนียวแน่นถึงขีดสุด กระจัดกระจายมาตามละอองศักดิ์สิทธิ์ พริบตาเดียวก็ปกคลุมในระยะสิบจ้าง อากาศธาตุราวกับนิ่งแข็งไปด้วย สวี่เกอรู้สึกเหมือนมีเชือกไร้รูปร่างมัดเขาไว้อย่างแ่า ทำให้เขาเคลื่อนไหวเอื่อยเฉื่อยยิ่ง ร่างกายดั่งถูกเทือกเขาทั้งแถบหล่นทับ แค่จะยกเท้าสักก้าวหนึ่งก็ยังยากลำบากเหลือหลาย...
เจิ้งข่ายที่อยู่ข้างๆ ยิ่งจะอนาถกว่า
เขาพยายามขยับตัว ดิ้นรนสุดแรงเกิด
แผ่นดินภายใต้พลังมหาศาลของเขาบิดเบี้ยวราวเกลียวคลื่น เหมือนเท้าทั้งสองของเขาถูกแปะติดเอาไว้ ร่างกายเด็กหนุ่มวับวาวด้วยไอแสงแห่งภายในสีเหลืองอ่อน นี่เป็สัญลักษณ์ว่ากำลังภายในได้กระตุ้นจนถึงขีดสุดแล้ว เขา้าปลดเปลื้องพันธนาการเหนียวแน่นนี้ให้สิ้นเสีย
ทว่าเ่ิูหาได้ให้โอกาสเขาไม่
ฟิ้ว
ดาวทมิฬดั่งรัตติกาล
ดาวน่าหวาดหวั่นจุดหนึ่ง ติดตามเงาหอกเสมือนั
ไอหอกหมื่นสายผ่าอากาศธาตุ ดุจทะเลฝนโปรยปรายยามคิมหันต์ เจิ้งข่ายแผดเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง สองมือกำไม้เท้าั์ิญญาแน่น กระตุ้นกำลังภายในสูงสุด ไอไม้เท้าเป็แผ่นๆ พลันสยายตั้งมั่นอยู่ตรงหน้า ดั่งโล่สีทองแดงป้องกันตัวเ้าของ
ตูมๆๆๆ!
เสียงโลหะดั่งสลับกันแสบแก้วหูไม่หยุดหย่อน
ประกายไฟลุกโชนเป็ดวงโต ะเิและสาดกระเซ็นอย่างคลุ้มคลั่ง
ภาพหอกแวววาว
ลมจากไม้เท้าพัดวนวุ่นวาย
การปะทะต่อกรทลายฟ้าดินคราวนี้ดำเนินไปไม่ถึงสามอึดใจก็หยุดชะงักลงบัดดล
ดวงไฟดั่งแสงโคจร ราพณาสูรในนภา
“หอก...หอกเร็วยิ่งนัก! ข้า...ยอมแล้ว ข้าไม่ใช่...คู่ต่อสู้...ของเ้า...อั้ก...พรวด!”
เจิ้งข่ายยืนอยู่บนปฐี มือกำไม้เท้ายาว ทั่วร่างลายพร้อย นิ้วทั้งสิบสั่นเล็กๆ เขาเค้นกำลังอย่างมากเพื่อพูดประโยคนี้ ร่างกายที่ไร้าแใดแต่เดิมบัดนี้กลับมีรอยเืเป็สายๆ งดงามยิ่งราวกับบ่อน้ำร้อนสีเืเบ่งบาน เขาล้มลงหน้าคว่ำ ิญญาออกจากร่างกลายเป็ของเหลวบินกลับกองบัญชาการฝั่งหงส์ฟ้า
วาโยแห่งไม้เท้าแม้จะเร็วนัก แต่กลับไม่อาจรับมือไอหอกเต็มเวหานั่นได้
เจิ้งข่ายผู้เรี่ยวแรงมหาศาลกลับถูกเ่ิูปั่นป่วนกระบวนไม้เท้าของเขาด้วยกำลังที่มากกว่าหลายขุม กระบวนหอกดั่งลมแรงและฝนกระหน่ำแทรกซึมเข้าไปในแนวป้องกันของเขา ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งอึดใจ พริบตาก็ถูกแผลหลายร้อยรอยนั่นพรากชีวิตให้ขาดสะบั้น
ยามนี้เอง ที่ไอแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองครอบคลุมทั่วสารทิศค่อยๆ หายลับไป
และในยามเดียวกัน สวี่เกอผู้หลุดจากพันธะ ‘ปกปักแผ่นดิน’ ได้แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ เขางอตัวแล้วยืนขึ้น กายเนื้อเร็วดั่งฟ้าแลบ ความเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินนั่วเลย เห็นเป็ภาพหลอกตาทิ้งไว้กลางอากาศ สองด้านของสองมือมีรูปจันทร์เสี้ยวแวววาวดั่งเงินปรากฏอยู่ ตรงดิ่งจากหมอกควันทิศเหนือเศียรปรี่สังหาร
พลังแห่งรอยจันทร์เพ็ญ กระตุ้นถึงขั้นสุดยอดแล้ว ไร้ซึ่งสุ้มเสียงหรือสัญญาณใด
เ่ิูหันหลัง เงื้อหอกยาวกันไว้
เคร้งๆๆๆ!
เสียงการปะทะแ่าติดต่อกัน
เสี้ยวจันทร์โค้งจู่โจมเข้าด้วยกัน เผยเป็วงโคจรโค้งพิสดารกลางนภา ราวกับใยสีเงินยุ่งเหยิง โจมตีหอกไน่เหอไม่หยุดยั้ง และยังปลิวว่อนมาตลบอยู่ที่ข้างร่างเ่ิู มีดจันทร์คมกริบทิ่มแทงเข้ามาอย่างไร้เสียงไร้ภาพ ตัดถูกอาภรณ์สีดำของเ่ิู!
นี่ต่างหากคือพลังอำนาจที่แท้จริงของรอยจันทร์เพ็ญ
เมื่อมีดจันทร์โจมตีทุกๆ ครั้ง หากมันถูกตัดขาด หนึ่งจะกลายเป็สอง เส้นใยน่าอัศจรรย์เสือกแทงกลับมากลางอากาศ ประหัตปะาไม่ยั้งมือราวกับมีชีวิต เพียงชั่วครู่ รอบกายเ่ิูก็เต็มไปด้วยมีดจันทร์หลายร้อยเล่ม กลับมาฮึกเหิมรุมฆ่าเสมือนพายุบ้าคลั่ง จะป้องกันก็หนีไม่พ้น
“นี่ต่างหากพลังอำนาจที่แท้จริงของรอยจันทร์เพ็ญ” สวี่เกอกระตุ้นกำลังภายใน ทั่วกายโอบล้อมด้วยเปลวเพลิงภายในสีเงิน เสียงเย็นกระจ่างประหนึ่งจันทรา “คราวก่อนหน้าข้าไม่คุ้นกับกระบวนาของเ้า ถึงได้โชคร้ายไปยกใหญ่ แต่คราวนี้ ข้ามองความลับของกระบวนาเ้าออกหมดแล้ว การโจมตีแบบเดียวกัน ใช้กับข้าเป็ครั้งที่สองไม่ได้หรอก เ่ิู เ้าแพ้ข้าแน่”
เ่ิูปิดปากไม่พูดพร่ำแต่อย่างใด
เขามองวงโคจรของมีดจันทร์ที่รายล้อมอย่างละเอียด ทว่ากลับมีแววผิดหวัง
เพราะมีดจันทร์ทุกๆ เส้นนั้นไม่เหลือร่องรอยใดให้ได้เห็นเลย โดยเฉพาะเมื่อมันร่วมแรงกันโจมตีเขา แนวการโคจรก็เปลี่ยนไปเรื่อยไม่เคยซ้ำเดิม จากหนึ่งเป็สอง สองเป็สาม สามเป็สิบหมื่น ราวกับจันทร์เพ็ญทอแสงสลัวน่ามึนหัว มองไปนานๆ คนมองจะหน้ามืดตาลาย มีพลังประหลาดล่อลวงจิตใจให้ติดกับ
“รอยจันทร์เพ็ญสมภาคภูมินักที่เป็กระบวนาขั้นสูง ลึกซึ้งทรงคุณค่าประเมินมิได้ ไม่มีทางสอดแนมสำเร็จในเวลาอันสั้น...ขืนปล่อยให้ใช้มันยืดยาวอย่างนี้ต่อไป จนสวี่เกอกระตุ้นรอยจันทร์เพ็ญจนถึงขีดสุด หอกของข้าต้องพังเป็แน่ ถึงตอนนั้นข้าก็รับมือเ้ามีดแสนเล่มนี้ลำบากแล้ว”
เ่ิูกระจ่างในใจ
“นี่แหละพลังที่แท้จริงของข้า เ่ิู พวกเ้าสำนักกวางขาวอย่างไรก็ต้องพ่าย” สวี่เกอประกาศิตก้อง กำลังภายในฮึกเหิมส่งเสียง อำนาจผังแผ่ออกมาราวความแข็งแกร่งหนักหนาแห่งเทพจันทรา
“ไม่ได้เห็นหรอก”
เ่ิูคำรามยาว หอกในมือพลันเปลี่ยนสภาพ
“เอาชนะด้วยปัญญาไม่ได้ ก็ใช้กำลังชนะล่ะนะ!”
ท่ามกลางเสียงคำราม ร่างกายเ่ิูก็พลันใหญ่โตขึ้นเสมือนเทพเ้าัเสียดฟ้า เขาไม่ใส่ใจจะหลบหนีการรุมจู่โจมจากมีดจันทร์นั้นอีกเลย ด้วยมีดจันทร์ปักถูกกายา เืสาดทะลัดออกมาเป็ธาร เ่ิูได้าแนับไม่ถ้วนในครู่เดียว สายเืดั่งลำธาร ตอนนี้เองที่รูปกายเขาทลายแนวจันทร์ บินขึ้นไปเหนือพื้นดินหลายร้อยเมตร
ความสูงระดับนี้ ข้ามผ่านกฎข้อบังคับของสมรภูมิหุบเขาปัดป้องไปโข
สวี่เกอเงยหน้ามอง สีหน้ามีแต่ความแตกตื่น “อะไร? ทำได้อย่างไร?”
“รูปแบบที่สี่แห่งเทพราชันเกราะทอง... ‘ล้างผลาญโลกหล้า!’”
เสียงโพล่งดังของเ่ิูกลางนภาสูง ร่างกายของเขาทรงอิทธิพลเหมือนพกพาสายฟ้าและนภาร้องมาด้วย ราวกับดาราทั้งเก้าร่วงหล่นลงมา นำพาเสียงกัมปนาทเลือนลั่นเมื่อมันดิ่งจู่โจมพสุธา กลางแสงเพลิงโหมกระพือ มีเสียงครวญแห่งั ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับอัสนี เสมือนจะล้างผลาญโลกใบนี้ให้มอดม้วย
“นี่มันกระบวนาอะไร?”
สวี่เกออุทานลั่น
เวลาต่อมา เวหาทลายและพสุธาแหลกเป็ผง
พื้นดินบังเกิดเป็หลุมโบ๋ขนาดั์ท่ามกลางเสียงกัมปนาท
พลังมหาศาลยากจะจำกัดความได้ทั้งดิ่งจากที่สูงทั้งหนักแน่นโจมตี รอบด้านเหลือแต่โขดหินที่แหลกเป็ผงสูงหลายสิบจ้าง ราวกับกองภูผา พลังปั่นป่วนพันรอบสี่ทิศทางกลายเป็สนามพลังอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ใครก็ตามที่ได้อยู่ใกล้ ประสาทััทั้งห้าจักรวนเร
สวี่เกอผู้ขุ่นหมองยิ่งนักรู้สึกเหมือนมอดม้วยของจริง
พลังจู่โจมสะท้านะเืเมื่อครู่นี้ทำให้เขากระอักเืหนักกว่าเดิม ร่างกายฉีกขาด กำลังภายในวุ่นวายไม่เหลือให้พึ่งพิง กระจายไปทั่วเส้นลมปราณ เสมือนเข็มนับไม่ถ้วนหลบหนี ไม่มีทางรวมพวกมันกลับมาต่อต้านได้อีกแล้ว ความหมายแห่งรอยจันทร์เพ็ญถูกทำลาย มีดจันทร์เต็มนภานั่นจึงสลายเป็ฝุ่นผง
“แพ้...อีกแล้ว!”
ภาพสุดท้ายที่เห็นในั์ตาคือเ่ิูยืนตระหง่านกลางกลุ่มควัน ร่างกายดั่งหอก สวี่เกอนึกถึงภาพตัดเส้นใยเมื่อเ่ิูทำลายทัพมีดจันทร์จนหมดซ้ำอีกครั้ง เขาพลันคิดขึ้นมาว่า นั่นต่างหากคือจอมยุทธ์ที่แท้จริง เขาพ่ายแพ้ให้ศิษย์สำนักกวางขาวผู้นี้ถึงสองครั้งสองครา เหตุผลอาจมิใช่เป็เพราะความแตกต่างของวรยุทธ์ก็เป็ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้