หลายวันต่อมา หลินลั่วหรานก็ได้พาลั่วตงไปเที่ยวบริเวณใกล้ๆกับเขาฮั่วชานอีก
ไม่เพียงแต่เขาฮั่วชานเท่านั้นพวกเธอยังเข้าไปในทิวเขาลึกของทิวเขาฉินหลิ่งอีกด้วย สถานที่ที่มีเพียงป่าไม้ไร้ซึ่งผู้คนสำหรับหลินลั่วหรานแล้ว มันเป็ที่ที่ทำให้เธอรู้สึกสบายมากทีเดียว
ในตอนกลางคืน พวกเขาก็จะหาที่พักอยู่ในบริเวณว่างๆ ในป่าเขาอาหารส่วนมากก็เก็บมาจากแถวๆ นั้นในฤดูร้อนไม่ว่าจะเป็เขาที่ไหนต่างก็มีพวกเห็ดอยู่ไม่ขาดหลินลั่วตงได้กินซุปเห็ดมาแทบจะทุกชนิดแล้วแน่นอนว่าเขาก็ยังได้ลิ้มลองไข่นกอีกมากมายหลายอย่างเวลาที่หลินลั่วหรานออกไปหาไข่นั้น ในทุกๆ รังนกหากมีไข่สิบฟอง เธอก็จะหยิบมาเพียงห้าฟองและเหลือไว้ให้พวกมันสืบพันธุ์ต่อไปด้วย
ในตอนกลางวันเธอก็พาหลินลั่วตงเดินท่องเที่ยวไปในป่าเขาเพื่อทำความรู้จักกับพืชพรรณต่างๆเมื่อพบเจอพืชบางพันธุ์ที่หลินลั่วหรานเองก็ไม่รู้จักทั้งสองก็จะใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายเอาไว้ หรือบางครั้งเมื่อพบกับบ่อน้ำกลางเขาสวยงามหรือว่าหินหน้าตาประหลาด และพวกลิงแสนซุกซนพวกเขาก็จะเก็บมันเอาไว้ในม้วนฟิล์มเหล่านี้
เมื่อมองจากมุมมองนี้แล้ว เทคโนโลยีที่พัฒนาไปของเหล่ามนุษย์ก็ได้รับการยอมรับมากเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านี้หลินลั่วหรานยังได้พบเห็ดหลินจือและโสมป่าในเขาแห่งนี้ด้วยโสมป่านั้นไม่แย่เลยทีเดียว ดูเหมือนว่ามันจะมีอายุมากกว่าร้อยปีเธอจึงนำมันเข้าไปในพื้นที่ลึกลับและปลูกเป็เพื่อนกันกับเหล่าโสมที่อยู่ในพื้นที่ลึกลับอยู่ก่อนแล้วส่วนเห็ดหลินจือนั้นเป็เพียงแบบธรรมดาๆแต่ว่าชื่อเสียงของเห็ดหลินจือนั้นหลินลั่วหรานก็รู้ดีเธอจึงนำมันเข้าไปปลูกไว้ในพื้นที่ลึกลับ
ในตอนกลางวันหลินลั่วหรานก็มักจะเลือกหน้าผาที่ดูเหมาะๆ แห่งหนึ่งก่อนที่จะปีนขึ้นไปด้วยตัวเองก่อน จากนั้นก็ติดตั้งอุปกรณ์เชือกในการปีนเขาพร้อมกับต้มชารอให้หลินลั่วตงปีนขึ้นมาด้วยตัวเองแน่นอนว่าในตอนแรกเขาก็มักจะวุ่นวายและ้าให้หลินลั่วหรานคอยเข้าไป ‘ช่วยเหลือ’ แต่ว่าเมื่อปีนมาหลายวันแล้วหลินลั่วตงก็เริ่มที่จะรักกีฬานี้ขึ้นมา
พวกเธอท่องเที่ยวกันมาจนถึงเขาอู่อี๋ที่ฝูเจี้ยนความจริงแล้วหลินลั่วหรานมาที่นี่ด้วยเจตนาที่ไม่ได้ดีนักเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง พวกเขาหลบอยู่ในบริเวณรังเก้าัและไม่ได้ออกไปในที่สุดลั่วตงก็เข้าใจว่าพี่สาวของเขา้าจะทำอะไรกันแน่เป็ขโมยนี่มันไม่ค่อยดีหรือเปล่า?
เธอไม่ได้สนใจว่าเด็กชายตัวน้อยนั้น จะเจรจากับผู้เป็เ้าบน์อย่างไรแต่หลินลั่วหรานกลับแอบเข้าไปขโมยกิ่งของต้นชาแม่พันธุ์ต้าหงเผ้าออกมาอย่างเงียบเชียบหน้าผานั้นจะสามารถกีดกั้น ‘เวทควบคุมสายลม’ ของเธอได้อย่างไร ดังนั้นถ้าหากว่านักปราชญ์จะทำเื่ไม่ดีแล้วมันก็สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าคนธรรมดาเป็ร้อยเท่า
แน่นอนว่าหลินลั่วหรานไม่ได้ตัดกิ่งของมันมาเพียงอย่างเดียว พวกชาที่มีประวัติศาสตร์มามากกว่าหลายร้อยปีนี้แม้ว่าทางรัฐบาลจะเริ่ม ‘จำกัดการเก็บ’ ใบชาแล้ว แต่ว่าในความเป็จริง ใครจะสามารถพูดได้อย่างชัดเจนแม้ว่าหลินลั่วหรานจะเอามันมาโดยไม่บอกใครแต่เธอก็ไม่ได้อยากให้พวกมันหยุดการแพร่พันธุ์ในเร็วๆ นี้และทำให้พวกคนที่หลงใหลในชานั้นเจ็บช้ำหัวใจดังนั้นเธอจึงมอบพลังธาตุไม้ให้กับต้นไม้แก่เหล่านี้มันเป็ข้อแลกเปลี่ยนที่ดีไม่น้อยใช่ไหมล่ะ!
เดิมทีหลินลั่วหรานตั้งใจว่าจะไปนำเอาชาที่มีชื่อเสียงไปปลูกในพื้นที่ลึกลับด้วยแต่ว่าหลังจากเที่ยวในเขาอู่อี๋เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ต้องหยุดแผนของเธอลงอย่างช่วยไม่ได้
อย่างแรกเป็เพราะว่า หลินลั่วตงใกล้จะเปิดเทอมแล้วเธอจึงไม่สามารถที่จะพาเขาไปเที่ยวด้วยได้อีกต่อไป
อย่างที่สอง คนที่สามารถพูดได้ว่าไม่ได้เจอกันมาตลอด สามปีอย่างเหวินกวนจิ่ง อยู่ๆก็โทรศัพท์มาหาเธออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เขาบอกว่ามีเื่สำคัญที่อยากจะคุยด้วยและ้าที่จะพบเธอที่เมืองหรงเฉิง
ใน่หลายปีที่ผ่านมานี้ เหวินกวนจิ่งยุ่งมากเขาดูเหมือนว่าจะทำงานอยู่ที่เมืองนอกตลอด แต่ว่าในตอนที่กลับมาเขาก็ยังคงให้ความใส่ใจกับบ้านหลินเป็อย่างมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้หลินลั่วหรานได้ยินแม่ของตัวเองพูดประมาณว่า “ทำไมเสี่ยวเหวินถึงไม่มาล่ะ” อยู่บ่อยๆจากการที่เขาสามารถชนะใจของแม่ได้ทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกว่าเพื่อนของเธอคนนี้ก็คงดีไม่น้อย
เธอพาคนที่ยังคงเที่ยวเล่นไม่เต็มที่อย่างลั่วตงกลับมายังเมืองหรงเฉิงภายในไม่กี่ชั่วโมง
หลินลั่วตงใกล้จะเปิดเทอมแล้วทำให้ผู้เป็แม่จัดการทำความสะอาดบ้านในตัวเมืองเอาไว้อย่างเรียบร้อยและทิ้งพ่อกับเป่าเจียเอาไว้ที่บ้านในป่าเพื่อจะได้มีสมาธิในการฝึกศาสตร์อีกทั้งในเขาชิงเฉิง เสี่ยวจินก็จะสามารถเป็อิสระได้มากกว่าด้วย
เหวินกวนจิ่งเข้ามารอเธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลินในเมืองตอนที่หลินลั่วหรานมาถึงเป็เวลาประมาณ 3 โมงแม่ของเธอกำลังพูดคุยไปเรื่อยกับเหวินกวนจิ่งอยู่ที่ห้องรับแขกเมื่อเห็นว่าลูกสาวกลับมาจากการไปเที่ยวแล้วผู้เป็แม่ก็รู้สึกว่าปีกของเธอเริ่มจะแข็งแรงขึ้นแล้วจริงๆเธอดึงตัวของหลินลั่วตงเข้ามาพร้อมกับเอาแต่พูดว่า ผอมแล้ว ดำแล้ว อยู่แบบนั้น
“แม่ พูดอะไรน่ะ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเป็ลูกผู้ชาย!” หลินลั่วตงโชว์กล้ามเนื้อที่เริ่มจะปรากฏออกมาซึ่งเป็ผลมาจากการปีนเขาของเขาให้ผู้เป็แม่ดู
ผู้เป็แม่ได้แต่มึนงงกับความเปลี่ยนแปลงของเด็กชายหลินลั่วตงไม่ให้เวลาเธอทำใจเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มโจมตีออกมาอีกระลอกหนึ่งทันที “แม่ครับผมขุดดอกไม้มาฝากแม่ด้วยนะ แล้วก็ถ่ายรูปมาเยอะเลยด้วยขึ้นไป้ากันเถอะเดี๋ยวผมจะเอาให้ดูนะ...”
เขาพูดพร้อมกับลากผู้เป็แม่ที่เต็มไปด้วยความใให้เดินตามไปก่อนจะหันหน้ากลับมาขยิบตาให้หลินลั่วหรานด้วยความซุกซน พรู่ดหลินลั่วหรานเกือบจะพ่นชาที่ดื่มอยู่ออกมาเธอกับเหวินกวนจิ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์เหมือนกับพวกเพ่ยหยวนและเซี่ยปิงเหยียนอย่างที่เ้าเด็กแสบนี่คิดขึ้นมาเสียหน่อย!
ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงทั้งสองที่ไม่ได้พบกันมาเนิ่นนานเหวินกวนจิ่งไออ้อมแอ้มออกมา “รุ่นพี่หลิน อ้อ ไม่สิอาจารย์พี่หลิน ยินดีด้วยนะครับ ที่เลื่อนขึ้นเป็ระดับพื้นฐานแล้ว”
หลินลั่วหรานแสดงท่าทางไม่ใส่ใจอะไรออกมา “ช่างเถอะจะว่าไปแล้วฉันก็ยังอยากให้นายเรียกว่ารุ่นพี่หลินเหมือนเดิมด้วยซ้ำ” ผู้าุโและผู้ที่เด็กกว่าในโลกของการฝึกศาสตร์ก็เป็แบบนี้เมื่อเธอขึ้นมาถึงระดับพื้นฐานแล้วเธอก็ไม่สามารถที่จะเรียกเหวินกวนจิ่งว่ารุ่นพี่ได้อีกต่อไปไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่เื่ของตัวเธอ แต่มันกลับจะทำให้เหวินกวนจิ่งดูเหมือนคนที่ช่างไม่รู้อะไรและสร้างความลำบากใจให้กับอีกฝ่ายด้วย
“ได้ครับ รุ่นพี่หลิน” ครั้งนี้เหวินกวนจิ่งยอมทำตามข้อเสนอง่ายๆเขาดูออกว่าท่าทางของหลินลั่วหรานนั้น้าทำให้เขาสบายใจขึ้นจากความสัมพันธ์ที่ได้ไปที่สถานที่ลึกลับด้วยกันและไม่ได้มีเื่ใดอื่นเพิ่มเติมแบบนั้นก็ดีแล้ว
หลินลั่วหรานคิดอยู่สักพักก่อนที่จะเอาถุงจักรวาลออกมาถุงนี้ถูกวางเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับมาโดยตลอดด้านในของมันบรรจุเศษเสี้ยวของแผ่นหยกที่ใช้ในตอนเปิดสถานที่ลึกลับมันคือสิ่งนี้ที่ทำให้เธอสามารถกลับออกมาจากพื้นที่ลึกลับก่อนที่มันจะปิดลงและทำให้เกิดการท่องเที่ยวล่องลอยไปตามเกลียวคลื่นอันแสนแปลกประหลาดนั้นขึ้นมา
เธอไม่ได้คืนมันให้กับหัวหน้าหน่วยเฉินหยุนเพราะว่าเธอไม่ชอบหัวหน้าหน่วยคนนั้นเท่าไร แต่กลับคืนมันให้กับเหวินกวนจิ่งเขาเพียงแต่รับแผ่นหยกนั้นกลับไป ก่อนจะพูดอธิบายออกมาว่า “ของสิ่งนี้เป็ของของตระกูลเหวิน ผมไม่ใช่เ้าของ...แต่ว่าถุงจักรวาลแล้วก็สารหยกนั้นโดยทั่วไปแล้วก็จะให้เป็ที่ระลึกกับเหล่านักปราชญ์ที่เดินทางเข้าไปในสถานที่ลึกลับดังนั้นรุ่นพี่หลินสามารถเก็บมันเอาไว้ได้เลยครับ”
“ได้ยินมาว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ นายไปอยู่ที่เมืองนอกมาโดยตลอดทำไมกลับมาถึงไม่ไปพักผ่อนดีๆ แต่กลับเดินทางมาถึงเมืองหรงเฉิงแบบนี้?” แม้ว่าจะพูดว่าพักผ่อน แต่ความจริงแล้ว หลินลั่วหรานหมายความว่าให้เหวินกวนจิ่งตั้งใจฝึกศาสตร์ เพราะระดับการฝึกศาสตร์ของเขานั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นไปจากเมื่อสามปีก่อนเลย และที่น่าสงสัยก็คือเขานั้นได้รับการให้ความสำคัญจากหัวหน้าตระกูลเหวินและหัวหน้าหน่วยอีกทั้งยังเป็อันดับหนึ่งของคนที่ฝึกศาสตร์ในยุคนี้มาตลอดพื้นฐานพลังของเหวินกวนจิ่งน่าจะดีมากทีเดียว...
เมื่อพูดไปถึงเื่ที่ต่างประเทศขึ้นมา เขาก็ดูสึกตื่นเต้นขึ้น “รุ่นพี่หลิน คงเดาไม่ถูกหรอกครับ ว่าใน่หลายปีที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศมานี้ผมได้พบกับอะไรมาบ้าง”
หลินลั่วหรานไม่ได้เข้าใจนักเมื่อเห็นว่าเหวินกวนจิ่งกำลังลูบลงที่ถุงจักรวาล เธอก็มองตามไปก่อนที่เหวินกวนจิ่งจะหยิบเอาโน้ตบุ๊คออกมา...โอ้ถ้าจะให้บอกว่าโน้ตบุ๊คนี้มีอะไรที่แตกต่างออกไป ก็คงจะเป็เพราะมันเป็รุ่นใหม่ของ Ibm ล่ะมั้ง
“ของขวัญให้ฉัน?”
เหวินกวนจิ่งพยักหน้า ก่อนที่จะส่ายหน้า “มันคือของขวัญครับแต่ว่าไม่ใช่คอมพิวเตอร์หรอกนะ”
เขาเปิดเครื่องขึ้น พร้อมกับถามขึ้นด้วยความรีบร้อน “รุ่นพี่เคยดูหนังเื่ ‘เทวดาท่าจะบ๊อง’ ไหมครับ?”
ภาพยนตร์สุดคลาสสิคแบบนั้นหลินลั่วหรานเคยดูมันตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว และเพราะว่ามันแปลกเธอจึงสามารถจำเนื้อเื่ของมันได้อย่างชัดเจน
“ที่เล่าเกี่ยวกับชนเผ่าแอฟริกันน่ะเหรอ?”
ภาพยนตร์นี้ถูกถ่ายใน่ปี 80 มันอธิบายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชนเผ่าแอฟริกันในทะเลทรายแอฟริกาที่ได้พบกับเื่ราวน่าสนใจของยุคสมัยใหม่ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากเมืองยุคใหม่เพียงหกร้อยกิโลเมตรแต่คนชนเผ่าแอฟริกันเหล่านี้กลับไม่ได้รู้จักอะไรกับวิวัฒนาการใหม่ๆ เหล่านี้เลยพวกเขาขุดรากต้นไม้ออกมาเพื่อดื่มน้ำ หรือดื่มกินหยาดน้ำค้างบนใบไม้เพื่อแก้กระหายล่าสัตว์เพื่อใช้ชีวิต ไม่มีการต่อสู้ใด ๆ ต่อกันเป็ชีวิตที่บริสุทธิ์และมีความสุขชนิดหนึ่งจนกระทั่งวันหนึ่งเครื่องบินที่บินไปผ่านบนอากาศ ก็ทำขวดโคล่าตกลงมา แล้วทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป...
ในภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยภาษาของชนเผ่าแอฟริกาที่ฟังได้ไม่เข้าใจและนั่นก็เป็สาเหตุที่ทำให้หลินลั่วหรานเกิดความประทับใจอันลึกซึ้งกับหนังเื่นี้แต่ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกันกับของขวัญที่เหวินกวนจิ่งจะให้เธอล่ะ?
คอมพิวเตอร์ถูกเปิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว หลินลั่วหรานยื่นคอออกไปมองมันคือภาพกลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยคนแอฟริกายืนอยู่ทั่วด้านหลังของพวกเขาคือกำแพงหินที่เต็มไปด้วยสีสันอันสะดุดตา
แต่ว่า ทำไมถึงรู้สึกว่ามันดูคุ้นตาแปลกๆ? หลินลั่วหรานพยายามคิดกลับไปจนในที่สุดก็คิดขึ้นมาได้ว่าเคยพบรูปภาพนี้ที่ไหนมาก่อน นี่ไม่ใช่ภาพถ่ายนักแสดงจากซีรีส์อเมริกาเื่[ฮีโร่]ในภาคไหนสักภาคที่เล่าเกี่ยวกับภาพจิตรกรรมฝาผนังในทะเลทรายที่บอกถึงเื่ราวในอนาคตเหรอ?
เหวินกวนจิ่งเป็คนที่ขี้เกรงใจ แต่เขากลับเรียกให้เธอกลับมาจากฝูเจี้ยนเพื่อที่จะมาดูรูปภาพจากซีรีส์เหล่านี้...เมื่อเธอมองลงไปอย่างละเอียดแล้วก็สังเกตเห็นว่ามือที่จับอยู่บนเมาส์ของเหวินกวนจิ่งนั้นกำลังขยับสั่นไหวเล็กน้อย
“นี่เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น รุ่นพี่ คุณรู้หรือเปล่าว่านอกจากพวกคนชนเผ่าแอฟริกันจะล่าสัตว์และตามร่องรอยได้เก่งแล้วการวาดภาพบันทึกเื่ราวประวัติศาสตร์เหล่านี้ก็เป็จุดเด่นอีกอย่างของพวกเขารูปภาพนี้เดิมทีมันเคยถูกถ่ายในทะเลทรายซาฮารา...”
เหวินกวนจิ่งเปิดรูปภาพที่ใส่รหัสเอาไว้ขึ้นมาก่อนที่หลินลั่วหรานจะกวาดสายตามอง
นี่...หรือว่า?
เหวินกวนจิ่งค่อยๆ คลิกเมาส์ไปเรื่อยๆ รูปภาพต่างๆถูกถ่ายในทิวทัศน์ที่ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ก็สามารถมองออกว่ามันกำลังเล่าถึงเื่ราวเื่หนึ่ง รูปภาพที่ไม่เหมือนกัน จากมุมมองที่ต่างกันและเป็หลักฐานที่แตกต่างกันไป
หลินลั่วหรานไม่ได้พูดอะไรออกมา สีหน้าของเธอดูหนักแน่นกว่าเหวินกวนจิ่งเสียอีก
รูปภาพนั้นไม่ได้มีมากนัก มันมีอยู่เพียงแค่ 7-8 ใบเท่านั้น ไม่นานเธอก็ดูมันจนครบ
หลินลั่วหรานละสายตากลับมา ก่อนจะมองไปยังเหวินกวนจิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆหวังว่าจะได้รับการปฏิเสธจากอีกฝ่าย แต่ใครจะรู้ว่าเหวินกวนจิ่งจะพยักหน้าลงด้วยความหนักแน่นและจริงจัง
“รุ่นพี่นี่เป็สมบัติล้ำค่าที่ผมได้มาจากการไปต่างประเทศในหลายปีที่ผ่านมาชนเผ่าแอฟริกันที่สามารถวาดรูปได้ พวกเขาได้มอบเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับผม”
หลินลั่วหรานพยายามบังคับให้ลมหายใจของเธอกลับมาผ่อนคลายเป็ปกติ เธอถอนหายใจยาวออกมาสำหรับเธอแล้ว มันนั้นไม่ได้ถือว่าเป็เื่ที่น่าตื่นเต้นดีใจมากนักแต่กลับสร้างความใให้เธอเป็อย่างมาก ในสถานที่เดียวกัน เกิดขึ้นครั้งหนึ่งหากว่ายังสามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้ แล้วสิ่งที่พบเจอในแอฟริกาที่ห่างไกลนั้นสุดท้ายแล้วมัน้าจะแสดงอะไรออกมากันแน่?
มันจะเป็อย่างที่พวกเขาเฝ้าตั้งตารออยู่หรือเปล่า
