ฉินเฟิงไม่เคยคิดว่าสวี่รั่วโหรวจะมีความกล้าวิ่งมาฝั่งเขาดังนั้นเขาจึงไม่ได้ล็อกประตู สวี่รั่วโหรวใส่แค่ผ้าคลุมอาบน้ำสีขาวท่อนบนของเธอเปียกจากการอาบน้ำ ผ้าแนบติดกับตัวของเธอ เมื่อฉินเฟิงเห็นอย่างนี้ร่างทั้งร่างของเขาก็ดูท่าไม่ดี
สวี่รั่วโหรวไม่สนอะไรทั้งนั้นเธอใบางอย่าง เมื่อเธอเข้ามา เธอก็โผเข้ากับอ้อมกอดของฉินเฟิงและกอดเขาแน่น“มะ...มีสัตว์ประหลาด”
ฉินเฟิงรู้สึกถึงกลิ่นหอมจางๆในอ้อมแขนและประกาศกร้าวอย่างตรงไปตรงมา “สัตว์ประหลาดที่ไหนวะ? กล้าทำให้น้องรั่วโหรวของฉันกลัวแบบนี้? ฉันจะฆ่...”
ฉินเฟิงยังพูดคำว่า‘ฆ่า’ ไม่จบก็เห็นสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่คลานเข้ามา เขาใมากจนเกือบล้มเมื่อเขารู้ว่าตัวอะไร บางอย่างก็ดึงที่มุมปากของเขา
เมื่อคืนเต่าดำมันตัวโตแค่ลูกบาสฯวันนี้มันโตอย่างกับอ่างล้างหน้าแล้วงูสามเหลี่ยมเปิดปากขนาดใหญ่สีเืของมันทักทายฉินเฟิง
มันเรอออกมาและกลิ่นคาวปลาก็ลอยไปทั่ว ฉินเฟิงคิดว่ากลิ่นเหม็นนี่มันจะฆ่าเขาแล้วสีหน้าของเขาคล้ำลงขณะที่บ่น “เต่าดำกลับไปที่ห้องและหันหน้าเข้าหากำแพงสำนึกผิดซะ”
เต่าดำก้มหัวลงทันทีและคลานออกไปสวี่รั่วโหรวแอบมองที่ประตูอย่างระมัดระวัง เมื่อเธอมั่นใจว่าเต่าดำไปแล้วเธอก็ถอนหายใจและเอามือเล็กๆ ทาบอก
แต่เธอยังไม่ทันจะวางมือเป็ครั้งที่สองเธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เธอแอบเหล่ไปที่ร่างกายของฉินเฟิงและทั้งใบหน้าและหูก็แดงก่ำทันที เธอวิ่งกลับเข้าห้องของตัวเองด้วยเสียงกรีดร้อง
ใหญ่มากมันใหญ่มาก!
หลังจากเหตุการณ์ในห้องอาบน้ำผ่านไประยะเวลาหนึ่งก็ได้เวลามื้อเย็นแล้วฉินเฟิงไปที่ห้องของสวี่รั่วโหรวเพื่อรับเธอสวี่รั่วโหรวเปลี่ยนเป็ชุดสีเหลืองอ่อนและผูกเปียเธอดูเหมือนผีเสื้อที่ร่ายรำขณะออกจากห้อง
เมื่อเธอเห็นฉินเฟิงเธอก็ก้มหัวลงต่ำ เธอเพิ่งมีสีหน้ากลับเป็ปกติ แต่ตอนนี้มันเริ่มแดงขึ้นอีกครั้ง
เธอตามหลังฉินเฟิงตลอดทางเพื่อไปห้องอาหารบนชั้นหนึ่งฉินหวงและหานอิ๋งอิ๋งนั่งอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีค่ะท่านประธานฉิน! สวัสดีค่ะคุณผู้ช่วยหาน!”หานอิ๋งอิ๋งเพิ่งมาถึงบริษัทเพียงวันเดียวก็มีคนรู้จักเธอแล้ว
สวี่รั่วโหรวรู้จักหานอิ๋งอิ๋งเพราะเธอสวยมากดังนั้นชื่อของเธอจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งหวงเจียกรุ๊ป
“สวัสดีครับท่านประธานฉิน! สวัสดีครับคุณผู้ช่วยหาน!”ฉินเฟิงยิ้มขณะทักทายทั้ง 2 คนพร้อมกับนั่งลงเขาดึงเก้าอี้ที่อยู่ถัดจากเขาออกมาเพื่อให้สวี่รั่วโหรวนั่ง
สวี่รั่วโหรวไม่เคยคิดว่าเธอจะได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับท่านประธานฉินของหวงเจียกรุ๊ปเธอใมากจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ หลังจากลังเลสักพัก เธอก็ถามเบาๆ “ฉินเฟิงทะ...ทำไมนายน้อยฉินถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะคะ?”
โดยไม่รอคำตอบของฉินเฟิงฉินหวงก็พูดอย่างรุนแรง “ไอ้เด็กนั่นมันตายไปแล้ว ต่อไปไม่ต้องไปสนใจมันอีก”
ฉินเฟิงไอและเกือบสำลักอาหารสวี่รั่วโหรวสะดุ้ง เธอคิดในใจ “ไม่ใช่ว่านายน้อยฉินเป็ลูกชายของฉินหวงเหรอ? ทำไมพ่อถึงแช่งลูกชายตัวเองให้ตายล่ะ?”
“เอ่อ ในฐานะประธาน เขาเป็คนอารมณ์ขันน่ะ เขาแค่ล้อเราเล่นเฉยๆ”ฉินเฟิงแก้ตัว
แล้วเขาก็มองสวี่รั่วโหรวอย่างจริงจัง“นายน้อยฉินโทรหาฉันั้แ่เช้าแล้ว เขาบอกว่าสองสามเดือนนี้เขาต้องไปสอนหนังสือในพื้นที่บนูเาอันห่างไกลตอนนี้เขาเป็คนมีระดับที่คอยพัฒนาศักยภาพของตนเอง ถ้าฉันเป็ผู้หญิงนะฉันจะแต่งงานกับเขาเลย”
หลังจากได้ยินอย่างนี้ั์ตาของสวี่รั่วโหรวก็ส่องประกาย ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจนายน้อยฉินผิดไปเขาไม่ใช่นายน้อยเ้าสำราญอย่างที่คนภายนอกกล่าวไว้
ฉินหวงเกือบจะพ่นอาหารหลังจากได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเองเขาจ้องฉินเฟิงเขม็งและหายอยากอาหารทันที
ตรงกันข้ามฉินเฟิงกินอย่างมีความสุข เขาแม้แต่ตักอาหารให้สวี่รั่วโหรว หลังกินได้ครึ่งหนึ่งเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพูดกับฉินหวง “ท่านประธานฉินครับปกติมื้อเย็นเราจะมีซุปปลาตลอดนี่ครับ ทำไมวันนี้เราไม่มีล่ะ?”
ฉินหวงไม่ได้พูดอะไรพ่อบ้านหวังที่ยืนอยู่ด้านข้างวิ่งมาทันที เขามีสีหน้าขอโทษ “นาย...ฉินเฟิงคืนนี้ปลาทั้งหมดที่เรามีอยู่ในครัวหายไปหมดเลย ผมคิดว่าเราอาจจะมีขโมยในตำหนักฉินผมรายงานเื่นี้ให้แก่ลุงฝูและตอนนี้เขากำลังตรวจสอบอยู่”พ่อบ้านหวังไม่ชินกับตัวตนใหม่ของฉินเฟิงและเกือบจะหลุดปากเรียกเขาว่า “นายน้อย”
เมื่อฉินเฟิงอยากจะเล่นละครสมาชิกกว่า 80 คนในตำหนักฉินก็ต้องเล่นละครไปกับเขามันยากสำหรับพวกเขาจริงๆ
ปากของฉินเฟิงกระตุกไม่จำเป็ต้องให้ลุงฝูตรวจสอบเขาก็รู้ว่าใครเป็ตัวการ
มื้อนี้สวี่รั่วโหรวกินอย่างระมัดระวังมากหลังกินเสร็จ ทุกคนก็กลับเข้าห้องของตน
หลังจากที่ฉินเฟิงเข้าห้องของตัวเองเขาก็เห็นเต่าดำที่กำลังสร้างความฉิบหายวายป่วงทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวปลา และฉินเฟิงโกรธมากจนอยากจะโยนเต่าดำออกไปนอกหน้าต่างเขายังเชื่อความคิดเดิมว่าโยนเต่าดำลงทะเลเพื่อให้มันอยู่ด้วยตัวเองตอนที่เขามีเวลาก็เป็ความคิดที่ดี
เขาคลานขึ้นเตียงแต่เพราะไม่มีอะไรให้ทำ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและแอด QQ ของสวี่รั่วโหรวเป็เพื่อนอีกครั้ง ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ยอมรับคำขอของเขา
“นายน้อยฉินคะ ฉันขอโทษที่บังเอิญบล็อกคุณไปเมื่อครั้งที่แล้วฉันหวังว่าคุณจะไม่โกรธนะคะ” ครั้งนี้สวี่รั่วโหรวเป็คนเริ่มส่งข้อความมา
ฉินเฟิงถือโทรศัพท์และยิ้มเหมือนคนบ้า“จริงสิ ฉันต้องไปข้างนอกสักพักหนึ่ง ดังนั้นเธอก็ไปไหนมาไหนกับฉินเฟิงแทนแล้วกันถ้าเธอไม่รู้อะไร ถามเขาก็ได้ จริงๆ แล้วเขาเป็คนพิถีพิถันนะ”
“ค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณไปสอนหนังสือในหมู่บ้านบนหุบเขาห่างไกลฉันคิดว่าการกระทำของคุณนั้นน่ายกย่องมากค่ะ!”
“อย่ายกยอพี่เลย ยังไงพี่ก็คือตำนาน นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะ จำไว้ว่าถ้าเธอมีเวลาก็ไปเที่ยวกับฉินเฟิงและเธอจะได้รู้อะไรอีกมาก” เขาหน้าด้านส่งข้อความพวกนั้นไปและล็อกเอาท์จาก QQจากนั้นเขาก็ฟุบหัวลงหมอนและหลับสนิท
ในห้องตรงข้ามของเขาสวี่รั่วโหรวถือโทรศัพท์แน่นและพยักหน้าอย่างขะมักเขม้น “ค่ะ นายน้อยฉิน”
...
ใน่กลางดึกที่มนุษย์ตกอยู่ในความเงียบสงัดฝนก็ได้โปรยปรายลงมา
มีบอดี้การ์ดใส่แว่นตากันแดดและสูทสีดำยืนอยู่ด้านนอกทางเดินVIPของสนามบินนานาชาติของเมืองหลวง พวกเขาไม่ได้ใส่แว่นกันแดดให้ดูเท่แต่แว่นกันแดดพวกนี้ไฮเทคมาก เป็แว่นอัจฉริยะ
พวกมันมีทั้งGPSมองกลางคืน ใช้เป็กล้องส่องทางไกลก็ได้ ใช้ติดต่อสื่อสารกันก็ได้และหลายอย่างอีกมากมาย
ชายชราที่ใส่ชุดถังยืนอยู่ข้างหน้าของเหล่าบอดี้การ์ดที่ตัวใหญ่และกล้ามหนาชายชราต้องมีผู้ช่วยเพื่อช่วยยืน แต่ร่างกายของเขายืนตัวตรงและสูงมีออร่าที่ดูมีเกียรติและทรงพลัง ดวงตาเขามีเบ้าลึกที่คมมากดูเหมือนโดนเจาะรูหรืออะไรสักอย่าง
ถ้าทุกคนจากสังคมไฮโซในเมืองหลวงเห็นเขากำลังยืนอยู่ในสนามบินดึกๆดื่นๆ เพื่อรอใครบางคน พวกเขาจะต้องประหลาดใจจนขยี้ตาแน่นอนเพราะเขาคือบุคคลสำคัญที่ไม่มีใครสามารถทำให้เขารอที่สนามบินในเวลากลางคืนได้
“ท่านผู้เฒ่าหวังครับ คุณหนูกลับมาแล้ว!”
เมื่อบอดี้การ์ดพูดจบก็มีผู้หญิงเดินออกมาจากทางเดินVIPเธอสวยมากจนสามารถขึ้นแท่นอันดับต้นๆ ของเมืองและประเทศได้
ใบหน้าของเธอขาวเหมือนหยกและมีสีของอาทิตย์ยามเช้าเธอสวยแบบไม่ธรรมดาและสดใสดั่งดวงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง ผมยาวประบ่าของเธอปลิวไสวด้วยสายลมรูปร่างของเธอผอมสูง และขาของเธอก็เรียวยาว
เธอใส่เสื้อกันหนาวสีขาวและกระโปรงยีนสีน้ำเงินอ่อนมีเสื้อถักคลุมอยู่บนไหล่ทั้งสองของเธอ เรียวขาที่โค้งมนทำให้หัวใจผู้คนเต้นรัวและถึงแม้หน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่ะเิระเบ้อ แต่ก็เข้ากันได้ดีกับรูปร่างของเธอ
“คุณปู่คะ” เสียงของตงฟางชิงเสวี่ยดังออกมาเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิใน่ค่ำคืนแบบนี้ เสียงนี้ให้พลังงานแก่ผู้ที่ได้ยินทันที
“ชิงเสวี่ย ในที่สุดหลานก็กลับมาแล้ว สามปีที่อเมริกาเป็ยังไงบ้าง?”ตงฟางิหวังเช็ดน้ำตาที่หางตาของตัวเองมันเป็น้ำตาแห่งความรักใคร่
“ก็ดีค่ะ คุณปู่ไม่จำเป็ต้องเป็ห่วงหนูหรอกค่ะ” ตงฟางชิงเสวี่ยกอดแขนของปู่เธอตามเื่ตามราว“คุณปู่คะ สุขภาพเป็ยังไงบ้างคะ?”
ตงฟางิหวังหัวเราะ“ดูสิว่าปู่แข็งแรงแค่ไหน ไปกันเถอะ เราค่อยไปคุยกันที่บ้านกัน” ขณะที่พูดบรรยากาศความแข็งแกร่งก็แผ่ออกมาจากตัวของชายชราแล้วสายตาของตงฟางชิงเสวี่ยก็ส่องประกาย ดูเหมือนว่าใน 3 ปีที่ผ่านมา คุณปู่ได้ทลายขีดจำกัดไปอีกขั้นแล้วเธอมีความยินดีกับปู่ของเธอ
คู่ปู่หลานได้ออกจากสนามบินพร้อมกับเหล่าบอดี้การ์ดมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ 6 คันจอดเรียงแถวกันเมื่อทั้งสองขึ้นรถคันที่สาม รถทุกคันก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
เมื่อตงฟางชิงเสวี่ยขึ้นรถเธอขมวดคิ้วที่มีเสน่ห์และถาม “คุณปู่คะทำไมคุณปู่ถึงเรียกหนูกลับมากะทันหันแบบนี้ล่ะคะ?”
ในฐานะคุณหนูที่มีพร์มากที่สุดในเมืองหลวงเธออาศัยพร์ของเธอและทักษะในการพัฒนาบริษัท 2 บริษัทในตลาดอเมริกาถ้าปู่ของเธอไม่ได้บังคับให้เธอกลับมา เธอคงเตรียมพร้อมตั้งรกรากที่นั่นแล้ว
“ชิงเสวี่ย หลานไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว หลานควรจะแต่งงาน”ตงฟางิหวังจริงจังทันที
“คนจากตระกูลฉินเหรอคะ?” ตงฟางชิงเสวี่ยได้ยินเื่การแต่งงานั้แ่แรกแล้วเธอไม่คิดว่าปู่ของเธอจะจริงจังเกี่ยวกับมัน สีหน้าของเธอห่อเหี่ยวทันที
“ใช่แล้ว”
“เรายกเลิกการแต่งงานนี้ไม่ได้เหรอคะ?” ตงฟางชิงเสวี่ยบ่น
“ตราบใดที่ปู่ยังมีชีวิตอยู่ปู่จะยืนกรานให้หลานและฉินเฟิงแต่งงานกันให้ได้”
ตงฟางชิงเสวี่ยเงียบตงฟางิหวังก็เงียบเช่นกัน ตลอดทางไม่มีใครเอ่ยปากพูดอีกเลย
...
สวี่รั่วโหรวมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉินเพื่อเป็แม่บ้านของนายน้อยฉินแม้นายน้อยฉินจะออกไปสอนหนังสือในดินแดนบนูเาอันห่างไกลเธอก็ไม่ได้หย่อนยานแต่อย่างใดเธอตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยพ่อบ้านหวังจัดการอาหารเช้า
หานอิ๋งอิ๋งก็ตื่นแต่เช้าด้วยเช่นกันเมื่อเธอมาถึงห้องนั่งเล่น เธอได้รู้ว่าสวี่รั่วโหรวพยายามทำงานอย่างหนักเธอจึงเดินไปหาเธอ “รั่วโหรว อย่าทำแบบนี้อีกเลย ให้พ่อบ้านหวังจัดการเถอะ”
เมื่อเห็นผู้ช่วยท่านประธานมาหาสวี่รั่วโหรวก็ก้มหัวทันทีและกล่าว“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณผู้ช่วยหาน...ฉะ...ฉันมาที่นี่เพื่อมาเป็แม่บ้านที่คฤหาสน์ฉินแม้ว่านายน้อยฉินจะไปสอนหนังสือฉันก็ยังต้องเติมเต็มความรับผิดชอบด้วยความสามารถของฉันให้ดีที่สุดค่ะ”
ั์ตาของหานอิ๋งอิ๋งยิ้มด้วยความเพลิดเพลินเธอมองสวี่รั่วโหรวแล้วมองอีกและสงสัยว่าคนอย่างฉินเฟิงจะโชคดีเจอผู้หญิงเนื้อดีอย่างสวี่รั่วโหรวั้แ่วันแรกที่ทำงานได้อย่างไร
“โอเค งั้นทำในสิ่งที่เธอต้องทำเถอะ ในเมื่อเราทุกคนอยู่ในคฤหาสน์ฉินพวกเราถือได้ว่าเป็ครอบครัวกันแล้ว ถ้าเธอมีปัญหาอะไรในที่ทำงานก็มาหาฉันได้!”
หานอิ๋งอิ๋งและสวี่รั่วโหรวอยู่กันคนละโลกพวกเธอจึงไม่มีอะไรพูดคุยกัน เนื่องจากฉินเฟิงและคนอื่นที่เหลือยังไม่มาถึง หานอิ๋งอิ๋งจึงกลับห้องไปเตรียมเอกสารของเธอเพื่อทำงาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้