อวิ๋นอี้และกู่ซือฝานเห็นซูเมี่ยวเออร์เกือบจะพร้อมๆ กัน นางสวมชุดสีชมพูบาดตา บนหัวแทบจะปักปิ่นอยู่ทุกแบบ นางยืนอยู่ตรงนั้น ดูราวกับคนขายเครื่องประดับอย่างไรอย่างนั้น
โชคไม่ดีเอาเสียเลย อวิ๋นอี้คิดในใจ ก่อนออกมาวันนี้ น่าจะดูฤกษ์งามยามดีเสียก่อน
เพราะว่าผลของการพบกับซูเมี่ยวเออร์ในแต่ละครา มิได้ดีเท่าไรนัก
เมื่อนึกถึงเื่ที่ไม่มีความสุข ใบหน้าของอวิ๋นอี้ก็มุ่ยลง
ไม่ใช่แค่อวิ๋นอี้ที่หน้ามุ่ยลง ซูเมี่ยวเออร์ที่เดิมทีได้เห็นพวกอวิ๋นอี้ก็ไม่ชอบใจ แต่เช่นไรนางก็ยังเป็สตรีผู้ดี ยังต้องแสดงออกในสิ่งที่ควรทำ ผู้ใดก็ตามที่ได้เห็นจะได้รู้ว่านางมีความรู้ ความอ่อนโยนและใจกว้าง กลับกันก็จะได้เห็นว่าหน้าอวิ๋นอี้บูดบึ้ง
ซูเมี่ยวเออร์คิดได้เช่นนี้ อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นมา
นางเอาแขนกอดอกอย่างเย่อหยิ่ง แล้วรีบพูดกับเ้าของร้านว่า "พูดก็พูดนะ เหตุใดร้านของเ้าจึงให้ผู้ใดเข้ามาก็ได้ มิเลือกหน้าเช่นนี้เล่า?"
เ้าของร้านเป็คนในเมืองหลวงโดยกำเนิด ซูเมี่ยวเออร์ก็เป็คนที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าต้องรู้จักนาง
เขาอยากจะพูดเอาใจซูเมี่ยวเออร์อยู่หรอก แต่เมื่อเขาเห็นสตรีทั้งสองคนทางฝั่งตรงข้าม สวมอาภรณ์ที่ทอด้วยผ้าไหมทั้งตัว ดูมีสง่าและสูงส่ง ก็ดูออกได้ทันทีว่าพวกเขารวยหรือจน และต้องเป็คนที่นางเทียบไม่ติดแน่ เ้าของร้านจึงตอบอย่างชาญฉลาดไปว่า "ร้านของเราเพิ่งเปิดใหม่ ทำธุรกิจค้าขาย ใครใคร่จะเข้ามาก็ย่อมได้ขอรับ"
คำพูดนี้ พูดไปก็มิมีอันใดผิด แต่กลับทำให้ซูเมี่ยวเออร์สะอึกไป นางจึงพูดได้เพียง “ช่างเถิด เมื่อครู่นี้กำลังพูดกระไรนะ พูดต่อสิ"
หลังจากที่เ้าของร้านตอบ เขาก็ส่งคนใช้ให้เข้าไปทักทายอวิ๋นอี้และกู่ซือฝานในทันที
เช่นไรก็เป็แขก ร้านก็เพิ่งเปิด หากจะผิดใจกับลูกค้าผู้ใด คงไม่เป็การดีในอนาคตเป็แน่
เ้าของร้านรู้ชัดเจน เมื่อเห็นคนรับใช้เดินไป ก็ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากได้เสียที
อวิ๋นอี้อารมณ์ดีวันนี้ มิอยากจะเสียอารมณ์ไปกับซูเมี่ยวเออร์
เมื่อเห็นว่าซูเมี่ยวเออร์ไม่เริ่มหาเื่นางก่อน นางก็ไม่เข้าไปยั่วยุให้นางโกรธหรอก
แต่กู่ซือฝานกลับเข้ามาใกล้อย่างกังวล และกระซิบข้างหูว่า “พี่สะใภ้เจ็ด หรือเราจะเปลี่ยนร้านดีเพคะ จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับนาง”
“ถ้านางไม่กวนเรา ก็ไม่มีเื่หรอก" เวลาที่อวิ๋นอี้พูด ตาก็มองดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ "เหตุใดเราจึงต้องหลีกเลี่ยงที่ที่นางอยู่ด้วย? นางเป็คนมีเกียรติหรือหน้าใหญ่มากจากที่ใดกัน?"
ถ้าเปรียบเทียบกันจริงๆ ซูเมี่ยวเออร์เทียบไม่ได้แม้กระทั่งเล็บเท้าของอวิ๋นอี้
ญาติห่างๆ จากพื้นที่ห่างไกลของไทเฮา ไม่มีพื้นเพในเมืองหลวง ต่างจากอวิ๋นอี้ เมืองหลวงคือบ้านของนาง พ่อของนางก็ยศใหญ่โต
กู่ซือฝานฟังอวิ๋นอี้พูดจาเช่นนี้ คิดจะพูดอันใดอีก
นางถูกใจอวิ๋นอี้คนปัจจุบันเสียจริง!
ทั้งสองชมดูเสื้อผ้าอย่างจริงจัง ภายใต้การแนะนำของคนรับใช้ในร้าน
แม้ว่าร้านเสื้อผ้านี้จะเพิ่งเปิดใหม่ แต่ดีที่เสื้อผ้าทุกชิ้นทำอย่างประณีต รูปแบบใหม่แปลกตา กู่ซือฝานถูกใจมาก นางหยิบแล้วให้คนรับใช้ถือไว้หลายตัว บางตัวนางก็กอดไว้แนบอก ถามว่ามีที่ลองเสื้อผ้าหรือไม่
คนใช้ชี้ไปที่ชั้นบนอย่างกระตือรือร้น "ชั้นบนมีห้องส่วนตัวเ้าค่ะ ท่านใช้ได้ตามสบายเลยเ้าค่ะ"
กู่ซือฝานยิ้มและพยักหน้า นาง้าให้อวิ๋นอี้ไปกับนางด้วย เมื่อเห็นว่านางยังเลือกไม่ได้สักชุด ก็พูดเร่ง "เลือกสักชุดสิเพคะ! รีบไปลองกับข้า"
"ได้" นางชอบอยู่หลายชุด แต่ตัดสินใจเลือกไม่ได้ อยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากถูกกู่ซือฝานเร่ง นางก็กัดฟันหลับตา แล้วชี้ไปที่กระโปรงยาวถึงเข่าสีแดง "เอาชุดนั้นลงมาให้ข้าหน่อย"
คนรับใช้ยิ้มหน้าบาน รีบสั่งให้คนเอาลงมา
ผู้ใดจะรู้ว่าตอนที่กำลังจะยื่นให้อวิ๋นอี้ จู่ๆ ก็มีมือยื่นออกมาจากด้านข้างและคว้าชุดกระโปรงสีแดงนั้นไว้
บรรยากาศน่าอึดอัดเกิดขึ้นหลังจากนั้น
คนใช้ไม่คิดว่า ระหว่างทางจะมีคนฆ่าเฉิงหยาวจิน [1] ในตอนที่กำลังจะเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม ก็ได้ยินซูเมี่ยวเออร์พูด "ชุดนี้ ข้าชอบ"
ในเพลานี้ แม้แต่เ้าของร้านก็ยังต้องขมวดคิ้วมองมา
ไม่มีผู้ใดพูดอันใด ทุกคนกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์
ซูเมี่ยวเออร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วมองคนใช้ “ข้าจะลองชุดนี้"
บรรยากาศดูยิ่งอึดอัดขึ้นกว่าเดิม
เ้าของร้านเป็กังวลขึ้นมา เพราะเสื้อผ้าในร้านของเขา ทุกชิ้นมีแบบเดียวและชิ้นเดียว โดยทั่วไปเป็ไปได้ยากที่คนจะชอบชุดเดียวกันพร้อมกัน แม้ว่าเป็เช่นนั้น ก็ควรจะให้คนที่มาก่อน
สตรีที่ไม่ฟังเหตุผลอย่างซูเมี่ยวเออร์ ทำให้เขารำคาญ แต่เหตุการณ์ตอนนี้เขาจำเป็ต้องจัดการ
เ้าของร้านแย้มใบหน้ายิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนอยู่หน้าหลุมศพ แล้วพูดกับซูเมี่ยวเออร์ว่า "คุณหนูซูขอรับ แม่นางผู้นี้เห็นชุดนี้ก่อน หากท่าน้า ควรจะถามความเห็นท่านนี้ก่อนขอรับ"
ซูเมี่ยวเออร์ถามกลับ "นางซื้อแล้วหรือ?”
"อ่า ยังขอรับ" เ้าของร้านตอบ ในใจร้อนรนจนอยากจะร่ำไห้
“นางยังมิได้ซื้อ เหตุใดข้าจึงต้องถามความเห็นของนาง” ซูเมี่ยวเออร์หยักยิ้มมุมปาก ดวงตาของนางเผยความผยอง “ข้าจะลอง”
ขณะที่นางพูด นางก็จะหยิบชุดเดินออกไป
ทันใด อวิ๋นอี้ก็เอื้อมมือออกไปคว้าชุดอย่างรวดเร็ว นางชูชุดขึ้น และมองซูเมี่ยวเออร์ด้วยรอยยิ้ม
เ้าของร้านคร่ำครวญในใจ มีลางสังหรณ์ไม่ดี
อวิ๋นอี้ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอันใดตอนนี้ นางกำลังมีความสุขอยู่เชียว
ครั้งก่อนในวัง ซูเมี่ยวเออร์วางแผนทำร้ายนาง ยังไม่ได้สั่งสอนนาง นางโกรธมากยังไม่มีที่ลง เช่นนี้ดีเลย นางโผล่เข้ามาหาเื่เอง กระนั้นก็อย่าได้โทษตนแล้วกัน
“อยากลองชุดนี้หรือ?” อวิ๋นอี้ถามช้าๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ดวงตาของนางกลับเ็า
ซูเมี่ยวเออร์ยั่วยุนาง พูดว่า “ใช่น่ะสิ ยังไม่รีบเอามาอีก?”
“คุณหนูซูกับข้าช่างมีรสนิยมเดียวกันเสียจริง มิเพียงแค่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน แต่ยังชอบเสื้อผ้าเหมือนกันด้วย แต่น่าเสียดาย ผู้ชายที่ข้าชอบ แม้ข้าจะตายไป เขาก็ไม่มีวันจะเลือกเ้า ส่วนเสื้อผ้าที่ข้าชอบ ข้ายอมทำลายมันเสียดีกว่าจะยอมให้เ้า"
นางเลือกคำที่โเี้ที่สุดในการเริ่มลงมือ ทำให้ซูเมี่ยวเออร์โกรธจนหน้าซีดเซียว "เ้า! อวิ๋นอี้! อย่าให้มันมากเกินไปนะ!"
“มากเกินไปแล้วจะกระไร!” อวิ๋นอี้พูดจบ ก็มือไวหยิบกรรไกรบนโต๊ะขึ้นมา เสียงฉับๆ ดังขึ้น ชุดสีแดงที่สมบูรณ์แบบก็ถูกตัดเป็ชิ้นๆ ทันที!
“กรี๊ด!” ซูเมี่ยวเออร์อุทานเสียงหลง แม้แต่กู่ซือฝานก็ตาแข็งไปตามกัน
อวิ๋นอี้ตัดครั้งแรก แล้วก็ตามด้วยครั้งที่สอง
นางเคลื่อนไหวเร็วมาก เห็นเพียงกรรไกรบินขึ้นลง และหลังจากนั้นไม่นาน กระโปรงก็ขาดวิ่น ดูไม่เหลือทรง
เมื่อฉับสุดท้ายจบลง อวิ๋นอี้ก็โบกมือ แถบผ้าสีแดงก็ตกลงมาราวกับเกล็ดหิมะ ทุกคนต่างใ
เ้าของร้านและเสี่ยวเอ้อไม่รู้จะพูดกระไรออกมา
หลังจากอึ้งไปนาน อวิ๋นอี้ก็เป็คนแรกที่พูดขึ้น "เ้าของร้าน!"
“ขอรับ!” เ้าของร้านใไม่น้อย ตอบรับทันใด
อวิ๋นอี้ไม่ได้มองเขาเลย จากนั้นก็หยิบก้อนทองออกมา "ซื้อชุดนี้ พอหรือไม่?"
ก้อนทองหนักๆ อยู่ในมือ ทำให้เ้าของร้านเงียบไปครู่ แล้วก็พูดตะกุกตะกัก "พอ...พอขอรับ!”
ไม่ต้องพูดว่าซื้อหนึ่งชุดจะพอหรือไม่ ซื้อห้าชุดก็พอ!
อวิ๋นอี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ นางนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า "คุณหนูซูเลือกชุดใด ข้าก็จะตัดชุดนั้น ความเสียหายทั้งหมด ข้าจะชดใช้ให้สองเท่า เ้าของร้าน หากเ้าฟังเข้าใจก็จงไปจัดการเสีย"
เยี่ยมยอดเหลือเกิน!
อำนาจเหลือล้น!
กู่ซือฝานเบิกตาโต หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก สง่างาม สง่างามยิ่งนัก!
พี่สะใภ้เจ็ดช่างสง่างามเหลือเกิน!
นางพยายามพยุงขาสองข้างของนางเงียบๆ บังคับตัวเองให้ใจเย็นๆ นางต้องไม่แพ้ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
คนที่อยู่ตรงนี้ ไม่เพียงแต่กู่ซือฝานเท่านั้นที่คิดไปไกล แม้แต่เ้าของร้านที่ใช้ชีวิตมานานก็ไม่เคยเห็นการอาละวาดเช่นนี้มาก่อน
เดิมเขาอยากจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมเสียหน่อย ให้อยู่กันอย่างสงบสุข แต่เมื่อเขาััแววตาของสตรีผู้นั้น เขาก็สูญเสียความกล้าไปในทันใด
เห็นได้ชัดว่าภายนอกแม้นางจะเป็สตรีที่อ่อนโยนไม่เป็อันตราย รูปร่างก็สวยสง่างดงาม ช่างดูบอบบางและอ่อนแอ
ผู้ใดจะคิดว่าจะมีความกล้าหาญเช่นนี้!
ตัดสินคนที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ
คงจะมีเพียงคนเดียวที่ไม่ตกอยู่ในภวังค์ราศีของอวิ๋นอี้ นั่นก็คือซูเมี่ยวเออร์
นางโกรธเสียจนจะะเิอยู่รอมร่อ สองตาแดงก่ำ กัดฟันและเกือบจะพุ่งเข้าไปด่าอวิ๋นอี้ "อวิ๋นอี้ ถ้าเ้ายังทำเยี่ยงนี้ต่อไป ข้าจะฟ้องไทเฮา! เ้าเป็ถึงพระชายาเจ็ดผู้สง่างาม บังคับขู่เข็ญผู้อื่นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร! ข้าซูเมี่ยวเออร์มิเคยทำความผิดใดกับเ้า เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้กับข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!"
โอ้ยๆ
ดูความสามารถของคนในการพลิกขาวเป็ดำ เพียงเอ่ยปากเล็กน้อย ฟ้าดินก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว
อวิ๋นอี้เป็คนที่ถ้าโมโหขึ้นมา ก็ไม่กลัวฟ้าดิน ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็หัวเราะขึ้นทันที "ผู้ใดกันที่บังคับ แล้วผู้ใดกันที่ยียวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ซูเมี่ยวเออร์ เ้ามีความกล้าที่จะยอมรับหรือไม่? วันนี้ผู้ใดเป็คนแรกที่เข้ามาหาเื่? ข้าไว้หน้าเ้าแล้ว เ้าไม่เอา ก็อย่าโทษข้าที่ทำให้เ้าต้องอับอาย! ข้าจะพูดให้ชัดตรงนี้ ข้าจะรังแกเ้า เ้าเลือกชุดใดข้าก็จะทำลาย หากเ้าอยากจะฟ้อง ก็จงรีบวิ่งไปฟ้องเสีย!”
คนเท้าเปล่าไม่กลัวคนใส่รองเท้า [2]
ซูเมี่ยวเออร์ถูกตะคอกใส่ ในที่สุดก็รู้ว่าอวิ๋นอี้เพลานี้มิใช่คนที่นางจะข่มเหงรังแกได้อีกต่อไป
ั์ตาของนางเยือกเย็นยิ่งนัก ความดุร้ายฉายชัด มิได้ดูเหมือนเสแสร้งแกล้งทำเลย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูเมี่ยวเออร์ก็หดคอ กัดริมฝีปากอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
อวิ๋นอี้นั่งไขว่ห้างไม่ไหวติง
กู่ซือฝานดูอย่างมีความสุข ไม่เอ่ยอันใดออกมา
ความเงียบแผ่ปกคลุม จนในที่สุดซูเมี่ยวเออร์ก็ทนไม่ไหวแล้ว สะอื้นไห้ หันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้รับชัยชนะ อวิ๋นอี้ก็รู้สึกสบายอกสบายใจ ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น หลังจากที่ซูเมี่ยวเออร์จากไป นางก็เกี่ยวแขนของกู่ซือฝานขึ้นมาและพูดคุยหัวเราะ ดูเสื้อผ้าของนางต่อไป
คนรับใช้ไม่กล้าพูดอันใด กลัวอวิ๋นอี้จะหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดผ้าอีก
บรรยากาศจึงกลับมาเป็ปกติ
มีคนเข้าๆ ออกๆ ทั่วทั้งร้าน อวิ๋นอี้และกู่ซือฝานตั้งใจซื้อเสื้อผ้าจริงๆ หลังจากลองไปหลายชุด ก็ซื้อไว้ทั้งหมด
เ้าของร้านนับเงินจนมือเกร็ง เมื่อทั้งสองคนจากไป เขาก็พยักหน้าและโค้งคำนับส่งไปอย่างไม่อยากจากลา
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เดินไปดูรอบๆ
จนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ ประมาณสี่โมงเย็น พวกเขาจึงกลับไปที่จวน
่นี้หรงซิววิ่งวุ่นอยู่ในวัง เกรงว่าเขาจะไม่กลับมาจนถึงเย็น อวิ๋นอี้จึงชวนกู่ซือฝานให้อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน
พ่อบ้านดูแลแขกได้อย่างเป็มิตรและอบอุ่น มีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด
อวิ๋นอี้ทานอิ่ม ได้ดื่มอย่างพอใจ นั่งพุงโตพิงเก้าอี้ ข้างๆ มีเสี่ยวมู่อวี่และกู่ซือฝานคุยกันเป็ระยะ
เด็กๆ ง่วงเร็ว พูดคุยไปมาก็เสียงเบาลงเรื่อยๆ
อวิ๋นอี้เหลือบมองเขา แล้วโบกมือให้แม่นมมาพาเสี่ยวมู่อวี่ออกไป
เหลือเพียงนางสองคนในห้องรับแขก
กู่ซือฝานครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะพูดว่า “พี่สะใภ้เพคะ เื่เมื่อบ่ายนี้ของพวกเรากับซูเมี่ยวเออร์ นางจะฟ้ององค์ไทเฮาหรือไม่เพคะ?”
“ดูแล้วไม่น่าจะฟ้องนะ” นางหรี่ตาอย่างเกียจคร้านและพูดเบาๆ “องค์ไทเฮามีท่าทีเช่นไรกับข้า เ้าก็เห็นแล้ว ถ้าหากซูเมี่ยวเออร์ร้องไห้ครวญครางไปฟ้อง เพลานี้ข้าจะต้องรับโทษอยู่ในวังไปแล้ว”
“เหตุใดครานี้นางถึงเป็คนดี ไม่ไปฟ้องเล่าเพคะ? หรือว่านางกลัวท่านพี่แล้วจริงๆ? ” กู่ซือฝานไม่เข้าใจเลย
อวิ๋นอี้เย้ยหยันเบา ๆ “จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าคิดว่า นางคงจะรอข้าอยู่ในเทศกาลล่าสัตว์เสียมากกว่า”
“นางจะกล้าจริงหรือเพคะ?”
“ผู้ใดจะไปรู้ล่ะ” อวิ๋นอี้ยักไหล่ “ค่อยๆ รอดูกันไปเถิด"
และแล้วเทศกาลล่าสัตว์ฤดูวสันต์ก็มาถึง
เนื่องจากพื้นที่ล่าสัตว์อยู่บนูเาสูงนอกเมืองหลวง เส้นทางค่อนข้างยาวไกล ทุกคนจึงออกเดินทางล่วงหน้าหนึ่งวัน และหลังจากไปถึงที่หมายแล้ว พวกเขาก็ลงหลักพักอยู่ในกระโจมที่พัก
ถนนบนูเาเดินทางลำบาก อวิ๋นอี้นั่งรถม้าโยกเยกมาทั้งวัน จนเกือบอาเจียนอาหารที่ทานไปออกมาแล้ว
เมื่อถึงที่หมายในที่สุด นางแทบรอไม่ไหวที่จะะโลงจากรถม้า
หรงซิวตามติดนางอย่างใกล้ชิด เห็นสีหน้านางไม่สู้ดีนัก เขาก็เอามือใหญ่ตบหลังนางเบาๆ “ไม่สบายหรือ ดีขึ้นหรือยัง?”
ถ้าท่านไม่ตบข้าน่าจะดีกว่า
อวิ๋นอี้พักไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกไม่สบายค่อยๆ หายไป นางพยักหน้าให้หรงซิว "เพคะ"
การล่าสัตว์ในฤดูวสันต์ถือเป็งานใหญ่ในราชวงศ์ต้าอวี่ ดังนั้นทุกครั้งจะมีคนเข้าร่วมค่อนข้างมาก นอกจากราชวงศ์และญาติๆ แล้วยังมีเหล่าขุนนางคนสำคัญ นอกจากนี้ยังมีชนชั้นสูงที่เป็ที่รู้จักดีร่วมด้วย
ที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีแม่น้ำ
บุรุษทุกคนที่เข้าร่วม ต่างก็อยากได้รับชื่อเสียงและคู่ครองจากที่นี่
เหล่าสตรีก็เช่นกัน คนที่มีคู่ครองแล้วจะใช้โอกาสนี้ในการขยายความสัมพันธ์ ผู้ที่ยังไม่มีคู่ครองจะตั้งตารอสามีในอุดมคติจากงานนี้
ทุกคนล้วนกอดความคิดทั้งที่มีทั้งความบริสุทธิ์และหวังผลประโยชน์ ทำให้ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันสวมเสื้อผ้าสวยงาม เพื่อให้เป็ที่สนใจ
อวิ๋นอี้สังเกตเห็นสตรีหลายคน ก็รู้สึกใไม่น้อย
ยังเป็วสันต์อยู่ แต่พวกนางกลับเผยไหล่และเนินอกขาวๆ ไม่หนาวกันหรืออย่างไร?
เพื่อความงดงามมิกลัวความหนาวเหน็บ ไม่ว่าจะยุคสมัยใดล้วนมีทั้งสิ้น
อวิ๋นอี้ส่งเสียงอย่างขัดใจหลังจากบังเอิญเห็นซูเมี่ยวเออร์
ครั้งที่แล้วนางโกรธจนต้องวิ่งหนี ความอับอายในครานั้นหายไปหมดแล้ว นางในเพลานี้สวมเครื่องเพชรพลอย และเป็ธรรมเนียมที่จะต้องปักปิ่นหรูหราดูมีราคา ภายในอ้อมกอดนางมีจิ้งจอกที่มีขนสีขาวราวกับหิมะ ดวงตาทั้งสองข้างสีดำสนิทราวกับอัญมณีที่ประดับอยู่ หางฟูที่ชูขึ้นสูง ตัวเล็กน่ารัก ผู้ใดได้เห็นก็อยากจะเข้าไปกอด
อวิ๋นอี้จ้องมองจิ้งจอก ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางมองดูซูเมี่ยวเออร์อีกครั้ง เมื่อสบสายตาเข้ากับฝ่ายตรงข้าม นางก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้
อวิ๋นอี้รู้สึกไม่สบายใจ
นาง้าจะแปลความหมายจากรอยยิ้มนั้น แต่ซูเมี่ยวเออร์หันไปกอดสุนัขจิ้งจอกและคุยกับสตรีที่อยู่รอบๆ ไปเสียแล้ว
พูดเอาใจคนไปทั่วเลยสินะ นางคิดอย่างเ็า
อวิ๋นอี้ไม่ได้คิดเื่ซูเมี่ยวเออร์อีก เพราะหรงซิวตั้งกระโจมที่พักเสร็จ
เขาอุ้มนางเข้าไปในกระโจม โน้มตัวลงขณะเดิน และพูดข้างหูนางว่า "พื้นถนนไม่เรียบ ข้าเห็นอวิ๋นเออร์นั่งไม่สบาย ข้าจะนวดให้เ้าเอง"
นวดหรือ?
อวิ๋นอี้ขนลุก อยากจะหนีไป แต่กลับถูกผลักเข้าไปในกระโจม
ชายหนุ่มวางนางลงบนเบาะนุ่มๆ ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องไปที่นาง ริมฝีปากแสนเย้ายวนของเขาเปิดๆ ปิดๆ "นอนลงเถิด เชิญเพลิดเพลินกับสิ่งที่ข้าจะมอบให้"
เชิงอรรถ
[1] ระหว่างทางจะมีคนฆ่าเฉิงหยาวจิน 半路杀出个程咬金 หมายถึง เกิดเื่ไม่คาดคิดระหว่างทาง
[2] คนเท้าเปล่าไม่กลัวคนใส่รองเท้า 光脚的不怕穿鞋的 หมายถึง คนไม่มีอันใดจะเสียไม่กลัวสิ่งใด