หลังจากเฉียวเยว่คืนดีกับมารดาแล้ว ก็กลับมาร่าเริงสดใสตามปรกติ
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางติดลมใต้ฝ่าเท้าตอนมาคารวะ่เช้า ก็พูดหยอกเย้า "วันนี้เ้าไม่ทำหน้าขื่นขมแล้วหรือ?"
"ไม่ว่ายามไหนข้าล้วนสดใสดุจดวงตะวันเ้าค่ะ" เฉียวเยว่เชิดหน้าพลางกล่าวอย่างจริงจัง
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะ "มานั่งข้างๆ ย่า"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แล้วถอดรองเท้าปีนขึ้นตั่ง หลังจากนั้นถามด้วยความสงสัย "เหตุใดพี่หญิงสามไม่อยู่เล่า?"
ส่วนเฉี่ยวเยว่ ั้แ่นางปรักปรำฉีอัน เฉียวเยว่ก็มักทำเหมือนว่านางไม่มีตัวตน แค่ทักพี่หญิงสี่ยังยากมาก และแทบจะไม่พูดคุยกับนางอีกเลย
ต้องบอกว่าเด็กคนนี้ใจเด็ดยิ่งนัก!
"วันมะรืนต้องสอบเข้าสำนักศึกษาหญิงแล้ว สองวันนี้เลยงดการคารวะเช้าของนาง"
เฉียวเยว่พยักหน้า "พี่หญิงสามต้องสอบได้แน่นอน"
"นางทบทวนการเรียนมาตลอดสองเดือน คงจะไม่แย่กระมัง" ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว
แท้จริงแล้วหรงเยว่เป็เด็กโง่เขลา ปีที่แล้วนางแกล้งป่วยไม่ยอมไปสอบ หากปีแรกสอบไม่ผ่าน ปีที่สองสามารถสอบอีกได้ แต่ปีก่อนนางหลบเลี่ยงไม่ไป ก็เท่ากับมีเวลาศึกษาทบทวนมากขึ้น
แต่นางโตกว่าผู้อื่นหากสอบไม่ติดก็จะยิ่งดูแย่ ฮูหยินผู้เฒ่าตระหนักอยู่แก่ใจ แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร หากพูดกับเด็กก็กลัวว่าเด็กจะยิ่งกดดัน หากพูดกับมารดาของนาง เหอะๆ มารดาผู้นั้นของนางยิ่งเลอะเลือน มักจับความได้แต่สิ่งไร้แก่นสาร
หวังหรูเมิ่งมาอยู่ที่นี่สองสามเดือน แท้จริงแล้วไม่ดีอย่างยิ่ง ตนเองเคยเปรยทั้งทางตรงและทางอ้อมไปหลายครา แต่นางกลับเฉไฉอ้างว่าตนเองมีครรภ์ไม่ยอมให้คนกลับ
แม้ว่าฉีจือโจวจะมาเยี่ยมเยียนหลานชายหลายสาวบ่อยครั้ง แต่เพราะภายในจวนมีการควบคุมอย่างเข้มงวด เรือนสามเองก็ไม่โง่เขลา หวังหรูเมิ่งจึงหาโอกาสไม่ได้เสียที ดันทุรังอยู่สองสามเดือนหามีประโยชน์แม้แต่น้อย ทว่าสตรีผู้นั้นกลับยังดื้อรั้นเลือกที่จะเดินทางนี้ให้ได้
ดูเหมือนว่าั้แ่เทศกาลซ่างหยวนเป็ต้นมา กระแสความนิยมที่มีต่อฉีจือโจวของหมู่สตรีในเมืองหลวงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ทุกคราที่ฮูหยินผู้เฒ่านึกถึงเื่นี้ก็รู้สึกขบขัน ฉีจือโจวดีต่อหลานชายและหลานสาวคู่นี้มาก แต่นี่เป็การอธิบายอันใดเล่า? ที่น่าขบขันยิ่งกว่าคือถึงกับมีคนเสียดายเงินแทนเขา ราวกับว่าหากพวกนางแต่งงานกับฉีจือโจวเงินทองเ่าั้ก็จะกลายเป็ของตนเอง
ได้ยินว่าบางคนถึงกับวางแผนจะทวงของขวัญที่มอบให้พี่น้องฝาแฝดคืนหลังจากแต่งให้ฉีจือโจวด้วยซ้ำ นางรู้สึกขบขันเป็ที่สุดจริงๆ
สมองถูกน้ำเข้ากันหรือไร? ถึงคิดได้แต่เื่บ้าบอไร้สาระ
"พี่หญิงสามของเ้า่นี้เคร่งเครียดมาก เ้าก็อย่าไปรบกวนนาง"
เฉียวเยว่พยักหน้า พลางตอบเสียงใส "ข้าทราบเ้าค่ะ"
"ป้าสะใภ้รองของเ้าเป็คนเลอะเลือน เ้าไปหาพี่หญิงสามเพราะอยากช่วยให้นางผ่อนคลาย แต่นางอาจคิดว่าพวกเ้าประสงค์ร้าย คิดหมายชักชวนพี่หญิงสามของเ้าออกไปเล่น จงใจให้นางสอบไม่ผ่าน ไม่สู้อยู่ให้ห่างสักสองสามวันจะดีกว่า"
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ กลับชวนให้คนคาดไม่ถึง ไม่มีใครคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะชิงชังสะใภ้รองถึงเพียงนี้
คำกล่าวนี้ไม่เพียงแต่พูดให้เฉียวเยว่ฟัง แต่รวมถึงเด็กของบ้านใหญ่ด้วย
ิเยว่ก้มหน้ายิ้มน้อยๆ ไม่กล่าวอันใด
"ท่านแม่ ่ก่อนหน้านี้ท่านลงโทษให้เฉียวเยว่คัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรม นางคัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้านำมาให้แล้วเ้าค่ะ" ไท่ไท่สามกล่าวขึ้น
พูดไปก็ละอายใจ ที่ใช้เวลาคัดอยู่หลายเดือน
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "ท่านย่าข้าคัดเสร็จแล้ว แต่ข้าตั้งใจเขียนอย่างดี ไม่มีหลอกลวง"
เฉียวเยว่จะลงไปหยิบ แต่ไท่ไท่สามลุกขึ้นส่งให้นาง
"ข้าจริงจังมาก" เฉียวเยว่ยิ้มร่า
ฮูหยินผู้เฒ่าพิจารณาอย่างละเอียด อักษรของเฉียวเยว่งดงามอ่อนช้อยเหมือนกับตัวนาง
"มีความตั้งใจดี" นางเอ่ย
มีความตั้งใจจริงหรือไม่ย่อมมองออกได้ อายุอย่างเฉียวเยว่เขียนอักษรได้ขนาดนี้ก็เพียงพอให้เห็นถึงความตั้งใจของนางแล้ว
"พวกเ้ามาดูอักษรของเฉียวเยว่" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้น
พูดอย่างไม่น่าฟัง อักษรของหรงเยว่กับเฉี่ยวเยว่ตอนนี้ยังสู้อักษรของเฉียวเยว่ไม่ได้ จึงไม่ต้องเอ่ยถึงเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
นี่คือข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างการตั้งใจศึกษาและไม่ตั้งใจศึกษา
ไท่ไท่ใหญ่ดูอย่างจริงจัง สีหน้าฉายแววประหลาดใจออกมา หลังจากนั้นก็ผงกศีรษะ "อักษรของเสี่ยวชีสวยมากจริงๆ ิเยว่ เ้ามาดู น้องสาวของเ้าอายุเพียงหกขวบยังเขียนอักษรได้งดงามเช่นนี้ ต่อไปเ้าต้องขยันมากขึ้นอีกมิเช่นนั้นแม้แต่น้องสาวก็คงสู้ไม่ได้แล้ว"
หากเปลี่ยนให้ไท่ไท่รองเป็คนพูด คงต้องแฝงการเสียดสีประชดประชันเป็แน่ แต่ไท่ไท่ใหญ่กลับชื่นชมจริงๆ
ิเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง "ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ
เฉียวเยว่ยืดอก "ข้าคือเฉียวเยว่อัจฉริยะหญิงตัวน้อย"
หลังจากคืนดีกับมารดา นางก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
ขณะที่ทางนี้กำลังสุขสันต์เปรมปรีดิ์ กลับไม่รู้ว่าทางไท่ไท่รองกำลังดุด่าหรงเยว่อยู่ คุณชายรองหยวนอันซึ่งไม่ค่อยจะอยู่บ้าน เห็นมารดาไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้ ก็เอ่ยอย่างจริงจัง "ท่านแม่ น้องสาวยังเยาว์ ทั้งไม่มีอาจารย์มีชื่อเสียงคอยชี้นำ ท่านอย่าตั้งแง่นักนางเลย"
หรงเยว่คลอดก่อนกำหนดจึงเล็กกว่าหยวนอันเพียงเจ็ดเดือน
"อาจารย์มีชื่อเสียง? เ้าก็ไม่มีอาจารย์มีชื่อเสียงมาสั่งสอน ยังสอบติดกั๋วจื่อเจียนมิใช่หรือ นางต่างหากที่ไม่ได้เื่"
"แต่ครึ่งปีนั้นท่านอาสามก็สอนข้าเป็พิเศษมาโดยตลอด ย่อมแตกต่างกัน อีกอย่างท่านอาสามเก่งกว่าอาจารย์ทั่วไปมากมายนัก"
ต้องบอกว่าถึงนายท่านรองจะพึ่งพาไม่ได้ ไท่ไท่รองก็ใจแคบไร้วิสัยทัศน์ แต่บุตรสาวบุตรชายของพวกเขากลับรู้ความมีเหตุผล
แม้จะอยู่กันตามมีตามเกิดไม่ได้รับการดูแลจากคนอื่นๆ มากนักเนื่องจากบิดามารดาไม่ได้ความ แต่เด็กทั้งสองก็ยังมีอุปนิสัยที่ดี
"ข้าบอกแล้ว ให้หรงเยว่ไปเรียนกับอาสามของเ้า รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยก็อยู่ อายุก็ไล่เลี่ยกัน หอสูงใกล้น้ำมักได้ยลจันทร์ก่อน อย่าว่าแต่ใครอื่น อาสะใภ้สามของเ้าก็อาศัยวิธีนี้ไม่ใช่หรือ แต่นางเด็กหัวรั้นคนนี้เป็ตายก็ไม่ยอมไป" ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ไท่ไท่รองรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะไม่สบายท้อง
"ท่านแม่พูดเหลวไหลอันใด หรงเยว่เป็สตรี ท่านอาสามไหนเลยจะสอนนางเพียงลำพังได้ ส่วนเรียนร่วมกับองค์รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยยิ่งไม่มีทาง ท่านแม่คิดว่าฮ่องเต้กับแม่ทัพิ่คือผู้ใด?" หยวนอันท้วงติง
"เด็กคนนี้ ชอบเถียงอยู่เรื่อย เรียนรู้แต่สิ่งที่ไม่ดีมาจากพ่อเ้า ไม่รู้บ้างหรือว่าข้าเป็แม่ของเ้า"
นางตีบุตรชายหนึ่งที "ผู้อื่นล้วนปกป้องมารดาของตนเอง แต่เ้าเนี่ยสิ คิดว่าตนเองเป็ผู้ใหญ่มาจากไหน"
"ท่านแม่ ตอนนี้ท่านมีน้องเล็กอยู่ในท้อง ท่านควรดูแลตนเองให้ดี อย่าได้..." หยวนอันพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ยังพูดไม่จบ ก็เห็นสีหน้าของมารดาเริ่มบิดเบี้ยว หยาดเหงื่อเท่าเมล็ดถั่วหลั่งออกมา
ใบหน้าของเขาพลันถอดสี ร้องขึ้นทันที "ใครก็ได้ ไปตามคนมา รีบไปตามคนมาช่วย..."
...
จู่ๆ ไท่ไท่รองก็มีอาการว่าจะคลอดก่อนกำหนด ถึงอย่างไรก็เป็หลานของตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมเป็ห่วงทางนี้ จึงไล่ทุกคนกลับไปก่อน
เฉียวเยว่กับฉีอันตามไท่ไท่สามกลับไป
"ท่านแม่ อีกประเดี๋ยวท่านจะไปหรือไม่?" เฉียวเยว่ถามขึ้นมา
ไท่ไท่สามพยักหน้า "ข้าต้องไปดูหน่อย ป้าสะใภ้ใหญ่ของเ้าคงจะไปเหมือนกัน"
นางนึกใคร่ครวญดูก็เอ่ยขึ้นอีก "แม่หนูหรงเยว่ชีวิตไม่ง่ายเลย"
แม้ชื่อของนางจะมีคำว่า "หรง" (ง่ายดาย) แต่ความเป็จริงกลับไม่ใช่เลย
ตอนนี้ไท่ไท่รองปวดท้องกะทันหัน ไม่รู้ว่านางจะคลอดเมื่อใด ราบรื่นหรือไม่ วันมะรืนนี้เป็วันสอบของนาง สถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้จะกระทบต่อเด็กหรือไม่
ไท่ไท่สาม "เอาล่ะ เดี๋ยวพวกเ้ากลับไปพักผ่อน แม่ไม่อยู่ พวกเ้าอย่าซุกซนล่ะ"
"ข้าจะดูแลน้องเฉียวเยว่เองขอรับ" ฉีอันตอบทันควัน
"ข้าเป็พี่สาว ข้าเป็เจ๊ใหญ่" เฉียวเยว่สะกิดเขา
"แต่เ้าร้องไห้ คนร้องไห้ต้องเป็น้องสาว"
เฉียวเยว่เท้าสะเอว "ใครๆ ก็ร้องไห้ทั้งนั้น"
"เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเ้าทำตัวดีๆ ให้ข้าหน่อย" ไท่ไท่สามดุ
หลังจากส่งพวกเขากลับเรือน ไท่ไท่สามก็รีบออกไป
ใจจริงเฉียวเยว่อยากไปเยี่ยมหรงเยว่ แต่ท่านย่าไม่อนุญาต แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยขัดความประสงค์ของท่านย่าจึงต้องรออยู่เฉยๆ เห็นนางท่าทางร้อนรน ฉีอันก็เอ่ยว่า "เฉียวเฉียวไม่ต้องกังวล ป้าสะใภ้รองราบรื่นอยู่แล้ว พี่หรงเยว่ก็ราบรื่น"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ ก่อนถอนหายใจ "การคลอดบุตรแท้จริงแล้วก็เหมือนเดินไปถึงหน้าประตูผี อ้อจริงสิ ท่านลุงรองกลับมาหรือยัง เขาจะทราบเื่นี้หรือไม่?"
หลันหมัวมัวมาดูเด็กสองคน ได้ยินพวกเขาคุยกันก็พูดว่า "กลับมา? กลับมาอันใด ได้ยินว่า นอกจากบุตรคนแรก หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยสนใจอีกเลย คนไม่เป็โล้เป็พาย วนเวียนอยู่ในดงบุปผาอย่างนายท่านรองไม่นับว่าเป็สามีที่ดีอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าก็ว่าน่าจะเป็เช่นนั้น"
"ข้าโตไปจะไม่เป็อย่างท่านลุงรอง ข้าจะเหมือนกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนชื่นชมยกย่อง" ฉีอันพูดอย่างจริงจัง
เฉียวเยว่หัวเราะ
แต่เื่นี้หลันหมัวมัวกลับพูดถูก ลุงรองของนางไม่ได้กลับมา ควรทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น ตอนเย็นถึงจะกลับมา จนกระทั่งเฉียวเยว่หลับไปแล้วทางไท่ไท่รองก็ยังไม่คลอด
เฉียวเยว่รู้สึกกลัวอยู่บ้าง การแพทย์สมัยโบราณยังไม่พัฒนา การคลอดบุตรคือเื่ที่ถึงแก่ชีวิต
นึกมาถึงตรงนี้ นางก็ตัวสั่น แม้อายุเพียงหกขวบ แต่นางก็เริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตนเองแล้ว
น่าสลดใจจริงๆ
วันรุ่งขึ้นก็ผ่านไปอีกทั้งวัน
จนกระทั่ง่พลบค่ำไท่ไท่รองถึงคลอดบุตรออกมาเป็บุตรสาว ตัวเล็กกระจ้อยร่อยชื่อว่าหลันเยว่
ผู้อื่นล้วนยินดีปรีดา ที่ในจวนมีเด็กน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคน
เพียงคนเดียวที่รู้สึกยอมรับไม่ได้ก็คือไท่ไท่รอง นางร้องไห้โวยวายไม่หยุด เอาแต่พูดว่ามีคนสับเปลี่ยนบุตรของนาง
นางมั่นใจมากว่าต้องเป็บุตรชาย คนในจวนทั้งถูกนางด่าและถูกนางเคลือบแคลงสงสัยกันถ้วนหน้า
ท้ายที่สุดยังค่อนขอดฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไร้เหตุผล ด้วยเหตุนี้จึงถูกซูเอ้อหลางตบหน้า ถึงกับเอ่ยปากว่าจะหย่ากับสะใภ้โง่งมไร้วิชาความรู้และไม่กตัญญู
หากไม่เพราะหวังหรูเมิ่งมาคุกเข่าต่อหน้า เกรงว่าเื่ราวจะบานปลายเกินควบคุมได้
กว่าพวกเฉียวเยว่จะได้ยินข่าว เื่นี้ก็สิ้นสุดไปแล้ว
"ป้าสะใภ้รองสมองพิการหรือเปล่า?" นางรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
"ไหนเลยจะใช่ บ่าวว่านางดื้อรั้น" หลันหมัวมัวตอบ
"ละ...ละ...แล้วท่านลุงรองจะหย่าป้าสะใภ้รองจริงๆ หรือ?"
แม้ตอนนี้จะดูเหมือนไม่มีอะไรชั่วคราว แต่ท่านย่าที่นางรู้จักต้องไม่จบเื่ราวเช่นนี้แน่
เฉียวเยว่เอานิ้วชนกัน เริ่มรู้สึกเป็ห่วงหรงเยว่ขึ้นมา "เื่บ้าบอเหล่านี้มีแต่จะสร้างความลำบากให้เด็ก"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้