หลังจากบุตรสาวทั้งสองตัดขาดจากตน หลี่เจี๋ยก็มีท่าทีเซื่องซึมอยู่หลายวัน เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องมาตัดขาดจากบุตรของตนที่เกิดจากพานเยว่หลาน
ต่อให้เขามีสตรีอื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยรักนาง พานเยว่หลานสตรีผู้งดงามและแสนอ่อนโยน คราแรกเมื่อได้พบสบตาหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำไม่ยอมหยุด แม้แต่จางเหยาฮวาก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้เช่นนี้เลย
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ั้แ่เมื่อใดที่เขาละเลยนางและปันใจให้สตรีอื่น คราแรกคิดเพียงเล่นๆ เท่านั้น มิได้จริงจังเพราะจางเหยาฮวาเองก็มีสามี
ทว่าเมื่อได้ลิ้มรสกลิ่นใหม่ เขากลับลืมเลือนสตรีที่ตนเคยรักปักใจ เขาทำเช่นนั้นกับนางได้อย่างไร เหตุใดนางถึงไม่เคยตำหนิเขาเลยทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ ทำไมกัน
คำถามมากมายพรั่งพรูออกมาในหัวของหลี่เจี๋ย ทว่าสตรีผู้นั้นตายจากไปนานแล้ว จึงไม่มีผู้ใดสามารถตอบคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาได้
“พานเยว่หลาน ตอนนี้เ้าคงกำลังเย้ยหยันข้าอยู่ใช่หรือไม่ เพราะหลังจากที่เ้าจากไปก็ไม่มีวันใดเลยที่ข้าสามารถลืมเ้าได้”
หลี่เจี๋ยพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเหม่อลอย
จางเหยาฮวาที่อยู่ด้านหลังได้ยินเต็มสองหูว่าสามีของตนมิอาจปล่อยวางจากอดีตภรรยา ทั้งที่นางตายจากไปไปหลายปีแล้ว
มันคือความจริงที่คอยทิ่มแทงความรู้สึกมาเนิ่นนาน นางเองรู้อยู่เต็มอกว่าบุรุษอย่างหลี่เจี๋ยที่ยอมคบหากับนางเพียงเพราะ้าสนองความ้าเท่านั้น มิได้จริงจังอันใดเลย
ทว่าหลังจากที่รู้ว่าภรรยาของเขาตายจากไป นางก็พยายามรบเร้าให้หลี่เจี๋ยพากลับมาที่ตระกูลหลี่เพื่อเปิดตัวว่าตนคือฮูหยินคนใหม่ แต่เขาใช้เวลาถึงหนึ่งปีในการตัดสินใจพานางกลับมายังตระกูลหลี่
หากวันนั้นนางไม่ใช้ข้ออ้างว่าตนกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เขาจำต้องยอมรับผิดชอบอย่างช่วยไม่ได้ คงไม่มีวันที่สตรีเช่นนางจะได้ตำแหน่งภรรยาเอกของเขามาครอง
อยู่ด้วยกันมาหลายปีเพียงนี้ บุตรชายก็มีให้ แต่คนผู้นี้กลับไม่เคยมีใจให้นางเลย
“หลี่เจี๋ย ข้าต้องทำอย่างไรให้ท่านรักข้าบ้าง เหมือนที่ท่านเคยรักพานเยว่หลาน”
ยิ่งนึกถึงอดีตจางเหยาฮวาก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
หลายปีมานี้แม้จะเห็นแม่สามีกับสะใภ้รองรังแกบุตรสาวของพานเยว่หลาน แต่นางก็ไม่เคยเข้าไปร่วมวงด้วยเพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่ต้องทำเช่นนั้น อย่างไรคนก็ตายไปแล้ว ตอนนี้เป็ตนเองได้ หลี่เจี๋ยเพียงคนเดียว
ทว่านางคิดผิดทั้งหมด ได้เพียงกายเท่านั้นแต่หัวใจของเขายังคงอยู่ที่พานเยว่หลาน
ต่างคนต่างความคิด หลี่อันหนิงไม่้ารับรู้ว่าคนบ้านหลี่คิดอย่างไรเกี่ยวกับตน หลังจากตัดขาดกับพวกเขาก็ถึงเวลาที่ต้องเริ่มดำเนินการตามแผนแล้ว
หลี่อันหนิงเขียนจดหมายแอบส่งไปให้น้องชายในกลางดึก นางอยู่บ้านหลี่มานานเพียงนี้มีหรือจะไม่รู้วิธีเข้าออกโดยมิให้ผู้อื่นล่วงรู้ เมื่อ หลี่อี้เจ๋อตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาได้รับข้อความบอกให้อดทนจนถึงปีหน้า ทำให้เด็กชายยิ้มออกมาได้เป็ครั้งแรกในรอบหลายวัน
บัดนี้ภายในถ้ำลับของนางมีเสบียงอาหารกักเก็บเอาไว้สำหรับห้าปี ต่อให้เกิดภัยแล้งนานกว่านั้นนางและน้องๆ ก็สามารถมีชีวิตรอดไปได้ ทั้งยาสมุนไพรสำหรับรักษาโรค ทั้งอาหารเครื่องนุ่งห่ม นางกักตุนเอาไว้ใช้ในระยะยาว
เื่ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่เฒ่าจวงและหลานชายของนางที่ออกหน้าช่วยเหลือ ทุกวันเขาจะสะพายตะกร้าแบกของที่ซื้อมาขึ้นเขาในตอนกลางดึก เพื่อมิให้คนในหมู่บ้านเห็น
ณ ่เวลาที่หิมะยังตกอยู่ หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าได้ร่ำเรียนเขียนอ่านอยู่ภายในเรือนของแม่เฒ่าจวงอย่างสงบสุข
ทว่าบ้านหลี่กลับกำลังลุกเป็ไฟเพราะสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองมีปากเสียงกันทุกวัน เมื่อได้ยินแม่เฒ่าจวงเล่าให้ฟังหลี่อันหนิงก็ได้แต่แอบหัวเราะในใจ
เหมันตฤดูผ่านไป
หลี่อี้เจ๋อต้องกลับไปยังสำนักศึกษาิหลันอีกครั้ง ความรู้สึกอึดอัดที่เขามีต่อคนตระกูลหลี่ได้ถูกวางลง ก่อนจากไปเด็กน้อยยังแอบมาพบพี่น้องของตนยังเรือนย่าจวง
หลี่อันหนิงนำเนื้อตากแห้งที่ตนกักตุนเอาไว้สำหรับเป็เสบียงห่อให้น้องชายกลับไปด้วย เพียงเนื้อแห้งไม่กี่จินก็ทำให้เด็กน้อยหน้าบานไปหลายวัน
ใน่อายุครบสิบสองของหลี่อันหนิงผ่านไป หลี่ซางเป่าได้หลุดพ้นจากชะตากรรมเดิมของตนที่ต้องถูกขายให้ผู้อื่นเพราะหลี่เจียนเจียน
ทว่าแม่เฒ่าหม่าก็ยังต้องจัดการพูดคุยเื่สัญญาหมั้นหมายระหว่างบุตรสาวของนางและบ้านบัณฑิตหลิวอยู่ดี
วันนี้หลี่อันหนิงที่กำลังช่วยแม่เฒ่าจวงปลูกมันเทศใน่ที่แม่น้ำในลำธารยังคงไหลอยู่ นางได้สังเกตเห็นแม่เฒ่าหม่ากลับมาพร้อมท่าทางโมโห นางก็รู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าการเจรจาแต่งงานของหลี่เจียนเจียนจะต้องล้มเหลวแน่
และก็เป็ความจริง
ชาวบ้านได้ยินเสียงของหลี่เจียนเจียนอาละวาดขว้างปาข้าวของ ทั้งยังสบถด่าทอคนบ้านบัณฑิตหลิวและบ้านอดีตคู่หมั้นของเขาอย่างสาดเสียเทเสีย
เช่นนั้นก็หมายความว่าบัณฑิตหลิวคงจะคืนเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่แม่เฒ่าหม่าให้ไปก่อนหน้านี้กลับคืนมา หลี่อันหนิงได้แต่แอบหัวเราะในใจในความหัวสูงของคนตระกูลหลี่ อยากได้เขยบัณฑิตจนต้องยอมทำทุกอย่างอย่างหน้าไม่อาย
เมื่อฤดูฝนมาเยือน
ถึงฤดูเพาะปลูกแล้วชาวบ้านแห่งหมู่บ้านมู่โถวต่างก็เตรียมการสำหรับทำนา พื้นดินที่ยังชุ่มเพราะน้ำจากหิมะที่ละลายถูกหว่านไถอย่างเรียบร้อย การเฝ้ารอสายฝนผ่านไปนานนับเดือนทว่าน้ำฝนสักหยดก็ยังไม่ตกลงมา
หลี่อันหนิงและแม่เฒ่าจวงที่ล่วงรู้เหตุการณ์อยู่ก่อนแล้ว ได้พยายามเอ่ยเตือนชาวบ้านด้วยความหวังดี
สุดท้ายทั้งสองคนกลับถูกหาว่าพูดจาเหลวไหล มีเพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้นที่ทำตามพวกเขา คือการตุนเสบียงเอาไว้ล่วงหน้าสำหรับภัยแล้ง
“ท่านย่าจวง ก่อนที่ดินจะแห้งไปมากกว่านี้ข้าว่าได้เวลาถอนต้นมันที่พวกเราปลูกเอาไว้แล้วนะเ้าคะ”
หลี่อันหนิงที่พึ่งกลับมาจากที่ดินของย่าจวงเอ่ยขึ้น เมื่อสังเกตว่าพื้นดินเริ่มแตกระแหง
“เช่นนั้นก็ทำตามที่เ้าว่าเถิด พวกเราสี่คนคงจะขุดมันเทศหลายหมู่เหล่านี้ไม่ไหว ย่าจะไปขอให้หัวหน้าหมู่บ้านหาคนมาช่วย จากนั้นค่อยแบ่งมันเทศที่ขุดได้ให้พวกเขาไป”
“เป่าเอ๋อก็จะช่วยด้วย”
หลี่อันหนิงเห็นท่าทางกระตือรือร้นของน้องสาว นางจึงยกยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ได้เช่นนั้นเป่าเอ๋อก็ตามพี่มาก็แล้วกัน”
หญิงสาวพูดคุยหยอกล้อกับเด็กน้อยที่บัดนี้ตัวขาวอวบอ้วน สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ไม่ผอมแห้งแคระแกร็นดั่งเช่นอดีต
แม่เฒ่าจวงพาสองพี่น้องไปรอจวงอี้ซิงที่ไร่มันเทศ ส่วนเด็กหนุ่มที่บัดนี้กลายเป็ชายหนุ่มเต็มตัว ร่างกายแข็งแรงบึกบึนเป็ที่หมายปองของเหล่าสตรีในหมู่บ้าน ได้ไปยังเรือนของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อแจ้งความประสงค์ของท่านย่าของตน
“เ้าหนุ่มอี้ซิงมาที่นี่มีธุระหรือ”
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาที่ลานหน้าเรือน จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย
“คารวะหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านย่าของข้ามีความประสงค์ให้ท่านช่วยหาคนทำงานขุดมันเทศที่ไร่ หลังจากเสร็จสิ้นแล้วท่านย่าจะแบ่งมันเทศบางส่วนให้คนที่ไปช่วยขอรับ”
จวงต้าหลางรู้ว่าแม่เฒ่าจวงปลูกมันเทศไปั้แ่หิมะหยุดตก ผ่านไปราวครึ่งปีแล้วน่าจะได้เวลาเก็บเกี่ยว แต่ที่สงสัยคือเหตุใดนางถึงไม่ปลูกข้าวเหมือนผู้อื่น หรือจะเกี่ยวกับข่าวลือก่อนหน้านี้
“รับมากหรือไม่”
“ขอรับ สักยี่สิบคนน่าจะดี ฝากท่านหัวหน้าหมู่บ้านบอกคนที่้าทำงานว่าท่านย่าของข้าจะเลี้ยงอาหารเที่ยงด้วย แต่ไม่มีค่าแรงให้ ขอเฉพาะคนที่สมัครใจทำเท่านั้น”
“ได้ เช่นนั้นเ้า้าให้พวกเขาเริ่มงานเมื่อใด”
“วันนี้ได้ยิ่งดีขอรับ ที่ดินยี่สิบหมู่คงใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะเสร็จ”