“…เป็เช่นนี้หรือ?”
ท่านหมอที่ต่อกระดูกแก่เขาก็ให้เขาเคลื่อนไหวมากๆ เช่นกัน แต่มือของเขาพอออกแรง กระดูกส่วนข้อศอกก็เจ็บขึ้นมาอย่างมาก ทำให้เขาไม่กล้าใช้แรงมากเกินไป
“อื้ม! เป็เช่นนี้เ้าค่ะ ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเราล้วนกล่าวกันเช่นนี้ ท่านขยันขยับหน่อย อย่างพวกช่างไม้เช่นท่านนี้ ต้องไสกระดานไม้นั่นอยู่บ่อยๆ ท่านก็ไสเดินหน้าถอยหลังน่าจะช่วยมือได้มาก หากท่านรับงานของครอบครัวข้า ทั้งสามารถฝึกการเคลื่อนไหวมือได้แล้วก็หาเงินได้ด้วย ยิงะุนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะเ้าคะ” เจินจูทำท่าทางไสกระดานไม้ไปมาพร้อมกับยิ้มตาหยี
หูฉางหลินชำเลืองมองเจินจูแวบหนึ่ง ไม่ได้เปิดปากเอ่ยอะไร แต่ทำไมเขาจำไม่เห็นได้เลยว่าในหมู่บ้านมีการกล่าววิธีเช่นนี้ด้วย? แต่หลานสาวของเขามีคำพูดและการกระทำสิ่งต่างๆ ในแบบของนาง หูฉางหลินเพียงมองดูเท่านั้น
“เอ่อ… ไม่ ไม่ได้ มือข้ายังใช้การไม่ถนัด เครื่องเรือนที่ทำออกมาจะไม่ได้ดีเพียงนั้น พวกเ้าไปหาช่างไม้อื่นเถิด อย่าทำเื่สำคัญของครอบครัวเ้าให้ล่าช้าเลย” แม้หลู่โหย่วมู่ค่อนข้างเกิดความสนใจกับข้อเสนอของเจินจู แต่เขาเป็คนซื่อสัตย์จริงใจ มือตนเองเป็เช่นนี้ เครื่องเรือนที่ทำออกมาจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนเช่นกัน เขาไม่สามารถปิดบังมโนธรรมแล้วรับรายการสั่งนี้ได้
“แหะๆ ท่านอาหลู่ หมู่บ้านพวกข้าก็มีช่างไม้ แต่รูปแบบของเครื่องเรือนที่บ้านเขาทำมีเพียงอย่างเดียว ฝีมือก็ไม่ถึงขนาดละเอียด ที่บ้านเลยตกลงกันว่าจะสั่งเครื่องเรือนที่อื่นอยู่นานแล้ว” นี่ไม่ใช่เจินจูกุเื่ขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า หวังซื่อเคยกล่าวกับนางแล้วว่าชายชราจ้าวที่เป็ช่างไม้ในหมู่บ้าน เป็คนหัวไม่พลิกแพลง ทั้งอายุมากแล้ว ทำงานช่างไม้มาหลายสิบปี เครื่องเรือนที่ทำขึ้นมักทำตามรูปแบบเดิมๆ คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านซื้อเพียงพวกของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างถังไม้และกะละมังไม้กับเขา เตียงไม้และตู้ไม้ที่เป็ของชิ้นใหญ่ส่วนมากไปหาสั่งทำกับผู้อื่นกันทั้งนั้น
“…แต่ มือนี้ของข้าไม่รู้ว่าจะทำออกมาให้ดีได้หรือไม่” หลู่โหย่วมู่ลังเล นับจากที่มือของเขาได้รับาเ็ ก็ไม่มีคนมาหาเขาให้ทำงานไม้อีกเลย ตัวเขาเองก็ไม่เคยกล้าลอง
“ท่านอาหลู่ ไม่เช่นนั้น ท่านลองช่วยครอบครัวข้าทำตู้หัวเตียงดูก่อนดีหรือไม่เ้าคะ ข้าเห็นว่ารูปแบบตู้หัวเตียงที่อยู่บนเตียงของบ้านท่านไม่เลวนัก เรียบง่ายและดูสง่างามดูแล้วแข็งแรงมาก” ตู้บนหัวเตียงนั่น พอนางเข้ามาห้องฝั่งตะวันออกก็เหลือบเห็นเข้า ไม้สีแดงเคลือบเงาทรงสี่เหลี่ยมวางไว้บนเตียงอย่างเรียบร้อยเป็สง่า สวยงามแล้วยังนำมาใช้ได้จริงด้วย ส่วนของที่บ้านตนเองชิ้นนั้นทั้งเก่าและชำรุดเกินไป สมควรเปลี่ยนนานแล้ว
“ตู้หัวเตียง?” หลู่โหย่วมู่ชะงักงัน เมื่อก่อนเขามักช่วยคนทำขึ้นอยู่บ่อยๆ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แค่ลิ้นชักไม่กี่อันที่จำเป็ต้องละเอียดรอบคอบหน่อย สิ่งนี้เขาสามารถลองทำได้ ที่บ้านยังเหลือวัสดุไม้อยู่ ทำตู้หัวเตียงขึ้นน่าจะพอ
เจินจูเห็นเขาเงียบไม่พูดจา ก็รู้ว่าในใจเขาตกปากรับคำไปกว่าครึ่งแล้ว จึงให้หูฉางหลินหยิบเงินหนึ่งร้อยเหวินออกมาเป็เงินมัดจำ
หลู่โหย่วมู่จะยอมรับไว้เสียที่ไหน เขารู้ว่านี่เป็ผู้อื่นมีใจช่วยเขา แต่ลักษณะของตู้ที่ทำออกมานี้จะเป็อย่างไรเขายังไม่กล้ายืนยัน แล้วจะรับเงินมัดจำไว้อย่างหน้าไม่อายได้อย่างไร
สองฝ่ายปฏิเสธกันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เจินจูทนไม่ไหวจึงคว้าพวงเหรียญทองแดงแล้วยัดเข้าไปในอ้อมอกของหลู่โหย่วมู่ กล่าวว่าผ่านไปสองสามวันจะมาดูตู้อีกที ทันทีหลังจากนั้นก็ดึงหูฉางหลินวิ่งจากไป
หลู่โหย่วมู่ไล่ตามอยู่สองก้าว ครึ่งค่อนวันแล้วที่เขาไม่ได้ทานอะไร ขาและเท้าไม่มีเรี่ยวแรงจะไล่ตามทันได้อย่างไร ทำได้เพียงเก็บเหรียญทองแดงไว้แล้วปิดประตูกลับเข้าบ้าน
“ท่านพ่อ ข้าเก็บโจ๊กไว้ให้ท่าน ทานให้อุ่นท้องก่อนนะเ้าคะ” หลู่ซิ่วซิ่วประคองชามโจ๊กผักกาดขาวที่ร้อนกำลังดีด้วยความระมัดระวังส่งให้หลู่โหย่วมู่
หลู่โหย่วมู่รับชามโจ๊กมา โจ๊กผักกาดขาวเหลวโรยผักดองข้างบน น้ำโจ๊กใสไม่เห็นน้ำมันเนื้อสัตว์สักนิด พอเงยหน้ามองเห็นใบหน้าเล็กของบุตรสาวที่ซีดคล้ำ ในใจเขาก็เศร้าโศกขึ้น
“ลูกชาย เ้าไม่ได้ทานอะไรมาครึ่งวันแล้ว รีบทานเถิด” อู๋ซื่อมารดาของหลู่โหย่วมู่มองเขาด้วยความร้อนรนใจ
ท่ามกลางสายตาเป็ห่วงเป็ใยของมารดากับบุตรสาว เขาจึงกลืนโจ๊กลงไปทั้งหมด
ในกระเพาะอาหารถูกโจ๊กเติมเต็มไปกว่าครึ่ง หลู่โหย่วมู่ถอนลมหายใจ หลังจากนั้นเขาก็คลำพวงเหรียญทองแดงจากในอ้อมอกออกมา
“นี่ มาได้อย่างไรกัน?” แม้ความสามารถในการเดินของอู๋ซื่อจะไม่คล่องแคล่ว แต่สายตากลับดีมาก ในบ้านยากจนมีเหรียญทองแดงอยู่ไม่กี่เหรียญนานแล้ว เหรียญทองแดงพวงนี้มาจากที่ไหน?
หลู่โหย่วมู่กล่าวที่มาของเงินหนึ่งรอบ
“…นี่ ลูกชาย มือของเ้าทำได้หรือ?” อู๋ซื่อมองมือของเขาด้วยความทุกข์ใจ
หลู่โหย่วมู่ขยับข้อศอกอย่างยากลำบาก ความรู้สึกเ็ปและแข็งทื่อทิ่มแทง เขาลังเลนิดหน่อย ทันทีหลังจากนั้นข่มความเ็ปเพิ่มแรงขยับแขนให้กว้างออกไปอีก แม้จะเ็ปแต่เขารู้สึกว่าสามารถทนได้ สายตาของเขาจึงทอความเข้มแข็งทรหดออกมาแล้วกัดฟันกล่าว “ไม่ว่าจะได้หรือไม่ล้วนต้องลองดูก่อน”
“…เจินจู เ้ารู้ได้อย่างไรว่ามือนั่นต้องขยับมากๆ ถึงจะดีขึ้นได้? สิ่งเหล่านี้ก็เป็เผิงต้าเฉียงผู้นั่นกล่าวหรือ?” ในที่สุดหูฉางหลินก็อดทนไม่ไหว ระหว่างทางกลับเลยเปิดปากถามเจินจู
“…อืม แค่เคยได้ยินมา เดิมทีส่วนข้อต่อกระดูกก็ต้องขยับมากๆ ถึงจะดีขึ้นได้ ท่านลุง เร็วหน่อย พวกท่านพ่อน่าจะรอจนร้อนใจแล้วเ้าค่ะ” เจินจูตอบอย่างไม่ใส่ใจ ใต้ฝ่าเท้าเร่งความเร็วขึ้น
“โอ้ ได้ รีบไป…” กลางคืนมืดขึ้นช้าๆ คนสัญจรบนถนนค่อยๆ น้อยลง หูฉางหลินอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
ถนนหนทางในเวลากลางคืนเดินทางลำบาก รอจนกลุ่มหูฉางหลินกลับมาถึงในหมู่บ้าน คนส่วนใหญ่ล้วนดับตะเกียงเข้านอนกันแล้ว มีบางบ้านที่แสงไฟสลัวสั่นไหวอยู่ท่ามกลางยามราตรีอันมืดมิด
เกวียนวัวหยุดอยู่นอกประตูบ้านเก่า บ้านจ้าวต้าซานก็อยู่ละแวกใกล้เคียง ลงจากเกวียนมาก็กล่าวขอบคุณ แล้วจึงเร่งกลับบ้านไปทันที
หวังซื่อได้ยินเสียงเลยออกมา ตำหนิกลุ่มคนที่กลับมาค่ำมืดอยู่สองสามประโยค
หูฉางกุ้ยหัวเราะ “แหะๆ” อย่างซื่อๆ อยู่สองสามเสียง กล่าวอธิบายเล็กน้อยแล้วจึงนำทางผิงอันกับเจินจูรีบเร่งกลับไปทางบ้านของตนเอง
ยามดึกสงัดที่เงียบสงบ ทางเดินเล็กระหว่างหมู่บ้านปรากฏความเยือกเย็นและเงียบเหงาเป็พิเศษ เสียงก้าว “ตึกๆ” ของสามคนเดินผ่านไป ทำให้สุนัขในหมู่บ้านตื่นใเป็ครั้งคราว ส่งเสียงเห่าเป็ระยะๆ สักพักหนึ่งจึงเงียบสงบลง
จนกระทั่งกลับมาถึงที่บ้าน หลี่ซื่อออกมาคอยมองตรงนอกประตูบ้านไม่รู้กี่รอบแล้ว
“ทำไมกลับดึกดื่นเช่นนี้? ไม่ได้เกิดเื่อะไรขึ้นใช่ไหม?” หลี่ซื่อเหลือบมองหูฉางกุ้ยอย่างตำหนิ ถามด้วยความเป็ห่วง
หูฉางกุ้ยหัวเราะซื่อๆ ออกมาทันทีและก้มหน้ายอมรับผิด
“ไม่มีอะไรเ้าค่ะ แค่เสียเวลาเล็กน้อย” เจินจูดึงมือของหลี่ซื่อขึ้น ยิ้มแล้วกล่าว
“ท่านแม่ ระหว่างทางกลับมามีคนชนข้าแล้วสลบไป ต่อมาท่านลุงกับท่านพี่พาคนไปส่งกลับบ้านก็เลยมืดค่ำขอรับ” ผิงอันหลับระหว่างทางกลับบ้าน ตื่นขึ้นมาจิตใจจึงเบิกบาน แย่งพูดเื่ราวที่เกิดขึ้นทันที
ประตูห้องของหลัวจิ่งเปิดออก คนก็ค่อยๆ เดินออกมาท่ามกลางแสงสลัว
ผิงอันดวงตาเป็ประกาย ะโไปข้างหน้า “พี่ชายยู่เซิง น่าเสียดายที่วันนี้ท่านไม่ไปชมโคมไฟ โคมไฟในเมืองมีมากมายนัก…”
ผิงอันเคารพนับถือและชื่นชอบหลัวจิ่งมาก ไม่เพียงเพราะสามารถสอนให้พวกเขารู้หนังสือและตัวอักษรได้เท่านั้น แต่รวมถึงรูปแบบการพูดและนิสัยเฉพาะตัวของหลัวจิ่งไม่เหมือนกับคนครอบครัวเกษตรกรในหมู่บ้าน รวมกับความมีชีวิตชีวาและรูปหน้าสง่างาม ทำให้ในใจเขาเกิดความรู้สึกนับถือและเป็กันเอง
มุมปากของหลัวจิ่งเหยียดขึ้นน้อยๆ ราวกับกำลังก้มหน้าตั้งใจฟัง แต่หางตากลับชำเลืองกวาดผ่านรอยยิ้มที่อ่อนหวานและอ่อนโยนในลานบ้าน
ฉากแทรกเล็กๆ ของเทศกาลโคมไฟยามค่ำคืนก็ได้ผ่านไป
รุ่งเช้าวันต่อมา แผนการใหญ่ที่จะสร้างบ้านของครอบครัวสกุลหูจึงเริ่มก่อสร้างอย่างเป็ทางการขึ้นด้วยความคึกคัก
เมื่อก่อนสองพี่น้องสกุลหูติดตามหลิ่วฉางผิงอยู่ข้างนอก เคยทำการสร้างบ้านนิดหน่อยอยู่เป็ระยะ หรือไม่ก็ทำงานรับจ้างชั่วคราวซ่อมแซมที่พักอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ล้วนทำเพียงงานที่ใช้แรงเท่านั้น จำพวกขนย้ายอิฐค้ำท่อนไม้และขนทรายกับหิน... ส่วนรูปแบบและการจัดวางในการปลูกสร้างที่เป็ชิ้นเป็อันเช่นนี้ พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจมากนัก
ภาพออกแบบบ้านของเจินจูได้พิจารณาปรับแก้ไขกับหลิ่วฉางผิงอยู่สองสามครั้ง ในที่สุดแผนงานจึงกำหนดแน่นอนลงได้
ทันทีหลังจากนั้น เจินจูได้ปรึกษาหารือกับคนในครอบครัว แล้วมอบหมายเื่สร้างบ้านของครอบครัวหูให้หลิ่วฉางผิงทั้งหมด
เดิมทีคนในครอบครัวก็ไม่เห็นด้วย สองพี่น้องต่างก็เคยร่วมทำงานสร้างบ้านมาก่อน พวกเขารู้สึกว่าตนเองสองคนสามารถรับผิดชอบงานได้ไม่น้อย สามารถประหยัดเงินค่าแรงงานคนได้มาก แม้กระทั่งชายชราสกุลหูเองก็กล่าวว่าตนเองสามารถไปช่วยก่อกำแพงทำงานผสมฉาบปูนได้
ครั้งนี้ แม้แต่หวังซื่อก็ไม่ยืนอยู่ฝั่งนาง ถึงอย่างไรการมอบงานให้หลิ่วฉางผิง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องสูงขึ้นเล็กน้อย เงินของที่บ้านก็ไม่ใช่ว่ามีลมพายุพัดหอบมา สามารถประหยัดได้เล็กน้อยก็ควรประหยัดจะเป็การดีที่สุด
จากเสียงคัดค้านของพวกเขา หลังจากได้รับคำสั่งซื้อรอบใหม่ของสือหลี่เซียงแล้วก็เงียบลงทั้งหมด พอเ้าของร้านเหนียนเปิดร้านหลังผ่านเทศกาลไปแล้ว จึงส่งลูกจ้างมาถึงหมู่บ้านวั้งหลินแต่เช้าตรู่ ทำการสั่งสินค้าเนื้อตากแห้งหนึ่งพันชั่งและกุนเชียงสองพันชั่ง แล้วยังกำชับมาเป็พิเศษว่าหัวหมูกับขาหมูตากแห้งล้วน้าเช่นกัน ่ก่อนจะถึงปีใหม่อาหารหมักได้รับการตอบรับจากคหบดีครอบครัวร่ำรวยในชนบทอย่างมาก ครอบครัวร่ำรวยมากมายต่างก็ซื้อกลับไปหลายสิบหลายร้อยชั่ง บ้างก็เก็บไว้ทานเองบ้างก็ทำเป็ของกำนัลส่งท้ายปีมอบออกไป
ยังไม่ทันได้ผ่านพ้นปีไปเลย ก็มีลูกค้าเก่าแก่ไม่น้อยฝากบอกว่า้าสั่งสักชุด เหนียนเสียงหลินมีความสุขในใจยินดีดั่งดอกไม้บาน พอผ่านวันที่สิบห้าไปก็เร่งรัดให้ลูกจ้างรีบไปสั่งสินค้าที่บ้านสกุลหูทันที
ทั้งครอบครัวสกุลหูต่างตื่นใจนแข็งทื่อดังหุ่นไก่ [1] เนื้อสามพันชั่ง! เป็ตัวเลขมากมายมหาศาลเพียงใดกัน! เนื้อหมูที่เชือดออกมาเกรงว่าจะสามารถกองเต็มบ้านได้ทั้งหมดเลยเชียว!
หลังประหลาดใจกันยกใหญ่ก็กลับมาดีใจเป็ล้นพ้น กำไรของอาหารหมักสามพันชั่ง! ล้วนเป็เงินขาวยวงเลย!
พอเป็เช่นนี้ทั้งครอบครัวจึงไม่มีผู้ใดมีเวลาว่างไปจัดการเื่สร้างบ้านอีก อย่างไรเสียการหาเงินก็เป็เื่สำคัญที่สุดในขณะนี้
ดังนั้น เื่สร้างบ้านใหม่ก็มอบหมายให้หลิ่วฉางผิงทั้งหมดอย่างถูกจังหวะและเป็ขั้นตอน
สกุลหูจึงยุ่งอยู่กับการทำอาหารหมักขึ้นด้วยตนเอง ซื้อหมู เชือดหมู หั่นเนื้อ หมักเนื้อ กรอกไส้และผึ่งแดด แล้วยังต้องเอาหมูเคี่ยวน้ำพะโล้เก็บไว้ให้ดีด้วย การจัดทำให้ได้หนึ่งชุดขึ้นมา ทุกคนจึงต่างยุ่งจนหัวปั่นกันทั้งหมด
เดิมทีหลี่ซื่อคิดว่าหลังผ่านวันที่สิบห้าไปจะซื้อลูกหมูสองตัวมาเลี้ยง แต่เห็นงานยุ่งเหยิงทั้งบ้านแล้ว จะดูแลไหวได้อย่างไร
ส่วนผิงอันและผิงซุ่นที่วางแผนจะไปโรงเรียนส่วนตัว แต่เพราะบ้านท่านอาจารย์ในหมู่บ้านต้าวันมีปัญหา ผ่านไปอีกห้าวันโรงเรียนส่วนตัวถึงจะเริ่มเรียนอย่างเป็ทางการ จึงเป็โอกาสดีที่สามารถอยู่ช่วยเหลือครอบครัวได้หลายวัน
เพิ่งจะข้ามปีผ่านพ้นไป เนื้อหมูก็หาซื้อได้ไม่ง่าย ครอบครัวเกษตรกรส่วนใหญ่ที่เลี้ยงหมูต่างก็ขายหรือไม่ก็เชือดหมูไปก่อนปีใหม่แล้ว เนื้อหมูที่โตเต็มวัยของปีถัดมาเลยน้อยลง ทุกเช้าหูฉางหลินและหูฉางกุ้ย ต้องวิ่งไปหมู่บ้านที่ค่อนข้างไกลถึงจะซื้อหมูกลับมาได้เพียงพอ รวบรวมมาครั้งละสองหรือสามตัว ปริมาณจึงเพียงพอสำหรับหนึ่งวัน
เวลาไม่นาน ในลานเล็กของบ้านสกุลหูก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื ในทุกวันที่เชือดหมูเสียงร้องแหลมดังขึ้นก้องอยู่ท้ายหมู่บ้าน ดึงดูดให้ชาวไร่ชาวนาพากันมารุมชมไม่น้อย
สกุลหูทุกคนกลับทำงานของตนเองอย่างเห็นสิ่งแปลกประหลาดจนชินตา เพียงกล่าวกับบรรดาชาวไร่ชาวนาว่าอาหารหมักเหล่านี้ส่งขายให้สือหลี่เซียงโดยเฉพาะ ส่วนประกอบการทำต้องเก็บไว้เป็ความลับทั้งหมด ดังนั้นห้ามทุกคนเข้ามาชมในลานบ้าน
ถึงจะเป็เช่นนี้ก็ยังมีชาวไร่ชาวนาไม่น้อยที่ยื่นศีรษะเข้ามาในลานบ้านสกุลหูทุกวัน อย่างไม่มีทางเลือกทำให้สกุลหูทำได้เพียงปิดประตูและทำขั้นตอนทุกอย่างให้เสร็จภายในบ้าน จนทำให้ทั้งบ้านมีแต่กลิ่นสาบเนื้อ
ในใจเจินจูมองบนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วตัดสินใจว่ากำแพงลานบ้านของบ้านใหม่ตนเองจะต้องสร้างให้สูง ประตูลานบ้านอันใหม่ต้องแน่นสนิทด้วยเช่นกัน ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่สามารถแอบมาสังเกตการณ์ล้อมชมได้ เชอะ...
เชิงอรรถ
[1] แข็งทื่อดังหุ่นไก่ หมายถึง การใจนเกิดอาการตะลึงจนตัวแข็งทื่อ