“สำนักศึกษาเป๋ยโต่ว"
มู่เฟิงขมวดคิ้ว เขาเคยได้ยินชื่อของสำนักศึกษาแห่งนี้มาก่อน สำนักศึกษาเป๋ยโต่วเป็สำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในดินแดนเป่ยหยวนเหมือนกับสำนักศึกษาเทียนอวิ่น ในแง่ของคณาจารย์และเคล็ดวิชาสำนักศึกษานี้ล้วนไม่มีอะไรด้อยไปกว่าสำนักศึกษาเทียนอวิ่นเลย
ในอาณาเขตของแผ่นดินเป่ยหยวนมีอาณาจักรตั้งอยู่มากกว่าสิบอาณาจักร มีสำนักศึกษาใหญ่หกสำนัก ซึ่งเทียนอวิ่นและเป๋ยโต่วคือหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ยังมีสำนักศึกษาขนาดเล็กอีกจำนวนมาก แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่อาจเทียบกับหกสำนักศึกษาใหญ่ได้
“ถูกต้อง เ้าพวกนั้นบ้ามาก เ้ายังไม่รู้อะไร หากเ้าได้เห็นเ้าต้องโมโหมากแน่ ยอดฝีมือหลายคนของเราขึ้นไปสู้กับพวกเขา แต่ดันแพ้กลับมาทั้งหมด ช่างน่าโมโหนัก”
ข่งเซวียนเอ๋อร์เม้มปากแน่นหลังจากกล่าวอย่างหงุดหงิดใจ คนทั้งสองเดินพูดคุยกันออกจากหอคอยเทียนอวิ่นไปยังโรงอาหาร
“แล้วพวกเขาจะอยู่ในสำนักศึกษาของเรานานแค่ไหน?”
มู่เฟิงเอ่ยถามอีกครั้ง
“ได้ยินพี่หญิงบอกว่าน่าจะราวๆ ครึ่งเดือน"
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตอบกลับ
“หึๆ ไม่แน่ว่าอาจยังมีโอกาสได้พบกัน ในเมื่อเ้าเกลียดคนพวกนั้นมาก ทำไมเ้าไม่ไปขอให้ศิษย์พี่ข่งย่วนจัดการพวกเขาเล่า หรือกล้าขอแค่ให้จัดการข้า?”
มู่เฟิงกล่าวหยอกล้อ
“โอ๊ย เื่มันผ่านไปแล้วเ้ายังจะจำมันอีก เ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย ข้าเองก็อยากจะไปขอร้องพี่หญิงเหมือนกัน แต่พี่หญิงเป็หัวหน้าผู้คุมกฎ เป็ตัวแทนของสำนักศึกษา เ้าคิดว่าพี่หญิงจะสามารถทำตัววุ่นวายเหมือนเ้าได้รึ”
ข่งเซวียนเอ๋อร์กลอกตามองมู่เฟิง
คนทั้งคู่เดินพูดคุยหัวเราะกันไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงโรงอาหารของสำนักศึกษา
“เฮ้ พี่ตง ท่านดูนั่น สตรีผู้นั้นน่ารักไม่เบาเลยไม่ใช่รึ”
“จุ๊ๆ ไม่เลว บัณฑิตหญิงในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นนับว่าเป็อาหารตาได้ดีเลยทีเดียว”
ทันใดนั้นได้ร่างของคนสามคนก็พลันเดินเข้ามาจากด้านข้าง พวกเขาจ้องมองข่งเซวียนเอ๋อร์ก่อนจะกล่าวคำพูดแทะโลมออกมา
ชุดคลุมที่พวกเขาสวมใส่ดูแปลกตาต่างจากชุดของบัณฑิตในสำนักศึกษาเทียนอวิ่น นอกจากนี้บนอกเสื้อของพวกเขายังมีตราสัญลักษณ์กลุ่มดาวไถอยู่ด้วย
“เฮ้ สหายบัณฑิต กำลังจะไปกินข้าวที่โรงอาหารหรือ?”
เมื่อคนทั้งสองเดินพูดคุยกันเข้ามา ชายหนุ่มทั้งสามก็เดินเข้าไปขวางพวกเขาเอาไว้ทันที
มู่เฟิงขมวดคิ้ว เมื่อข่งเซวียนเอ๋อร์มองไปยังตราสัญลักษณ์บนหน้าอกของพวกเขา นางก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “พวกเราจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอันใดกับคนอย่างพวกเ้ากัน ไปให้พ้น!”
“นี่ สาวน้อยคนนี้อารมณ์ร้อนไม่เบา แต่ข้าชอบ ให้ข้าเลี้ยงข้าวเ้าดีหรือไม่?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามซึ่งยืนอยู่ตรงกลางหัวเราะออกมา ก่อนจะพยักหน้าให้กับสองคนด้านข้าง
คนทั้งสองก้าวออกมาข้างหน้าทันที พวกเขากล่าวกับมู่เฟิงด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เ้าหนุ่ม วันนี้สตรีผู้นี้จะต้องไปกับพี่ตง เ้ารีบไสหัวไปเสีย”
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็เหยียดยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นดูเ็ามาก เขาหันไปพูดกับข่งเซวียนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างว่า “ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะถูกใจเ้าเข้าแล้วสิ”
“หึ ข้าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาหรอก หน้าตาอัปลักษณ์ หล่อเทียบเ้ายังไม่ได้เลย”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตวาดเสียงอย่างเ็า แต่หลังจากนั้นท่าทีของนางก็เปลี่ยนเป็นึกสนุก นางหันไปกล่าวกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามว่า “หากว่าเ้า้าจะพาข้าไปกินข้าวด้วยแน่นอนว่าย่อมได้ แต่ว่าเ้าจะต้องเอาชนะเขาให้ได้ก่อน ชายผู้นี้เกาะติดข้าอยู่ตลอด”
“หื้ม!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว มู่เฟิงก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง เขาหันไปมองทางข่งเซวียนเอ๋อร์ ก่อนจะเคาะลงบนศีรษะของนาง พร้อมกับดุนางอย่างไม่จริงจังว่า “เ้านี่นะ ใครอยากเกาะติดเ้ากัน เป็เ้าที่มาเกาะติดข้าเองมิใช่หรือ”
“ดูสิ พวกเ้าดู เขากำลังรังแกข้า”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตีหน้าเศร้า นางหันไปกล่าวกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามด้วยท่าทางน่าสงสาร
ฉับพลันนั้นชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามก็สวมหมวกวีรบุรุษหนุ่มทันที เขาแสดงความห้าวหาญออกมาโดยการตบลงบนอกของตัวเอง และกล่าวกับข่งเซวียนเอ๋อร์ว่า “เ้าไม่ต้องกังวล เ้าหนุ่มที่รังแกเ้า ข้าจะตีเขาให้ฟันร่วงและให้เขากลืนมันลงไปเอง”
“คิกๆ เ้าช่างดียิ่งนัก”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ขยิบตาให้ชายหนุ่มผู้นั้นอย่างอารมณ์ดี
ภาพนี้ทำให้มุมปากของมู่เฟิงกระตุก เขาจ้องไปทางข่งเซวียนเอ๋อร์อย่างเอาเื่ “แม่นางน้อย รออีกเดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการเ้า”
เมื่อเห็นดังนั้น ข่งเซวียนเอ๋อร์ก็เผยอยกมือปิดบั้นท้ายของตนอย่างลืมตัว
“เ้าหนุ่ม ดูเหมือนว่าวันนี้เ้าจะต้องโชคร้ายเสียแล้ว"
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามย่างเท้าเข้ามาหามู่เฟิงพร้อมกับบัณฑิตจากสำนักศึกษาเป๋ยโต่วอีกสองคน
มู่เฟิงมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเอามือไพล่หลังเฝ้ามองคนทั้งสามที่กำลังเดินใกล้เข้ามา ก่อนจะกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “พวกเ้าใช่คนจากสำนักศึกษาเป๋ยโต่วหรือไม่?”
“ถูกต้อง ต่อให้เ้ารู้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ มันสายเกินกว่าจะมาร้องขอความเมตตาแล้ว จัดการ!”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามตวาดออกมา และทันใดนั้นบัณฑิตสองคนของสำนักศึกษาเป๋ยโต่วก็ทะทานร่างเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้นปล่อยหมัดพลังกังชี่สีทองออกมา คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง แต่เป็เพียงระดับหนิงกังขั้นหนึ่งเท่านั้น
หมัดของอีกฝ่ายพุ่งแหวกอากาศจนได้ยินเสียงลมดังหวีดหวิว แม้ว่าหมัดนี้จะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่ามันเพียงพอแล้วที่จะจัดการเด็กหนุ่มตรงหน้าได้
มู่เฟิงเพียงยืนยิ้มโดยไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้หมัดของอีกฝ่ายโจมตีเข้ามา
“เ้าหนุ่ม เ้ารนหาที่ตายรึ!”
เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยของเด็กหนุ่ม บัณฑิตจากสำนักศึกษาเป๋ยโต่วก็ขมวดคิ้วแน่น ในขณะหมัดที่ของเขากำลังพุ่งตรงไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย
เปรี้ยง!
แต่ทันใดนั้นร่างกายของมู่เฟิงกลับมีเกราะพลังกังชี่สีแดงอ่อนปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน หมัดของอีกฝ่ายเข้าพุ่งปะทะกับเกราะป้องกันจากพลังกังชี่ก่อนจะสลายไปทันที ในเวลาเดียวกันมู่เฟิงก็สวนหมัดไปที่หน้าท้องของอีกฝ่ายอย่างแรงเช่นกัน
เปรี้ยง!
บัณฑิตผู้นั้นกระอักเืออกมาทันที ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยตวามใ
“วรยุทธ์ระดับหนิงกัง!”
เมื่ออีกคนได้เห็นภาพนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่จากนั้นเขาก็ส่งฝ่ามือพลังกังหยวนไปทางมู่เฟิงต่อทันที
ปัง!
มู่เฟิงทะยานขึ้นร่างเพื่อหลบหลีก เปลวเพลิงปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา ทำให้เขาสามารถเคลื่อนกายหลบฝ่ามือนั้นได้อย่างรวดเร็ว เวลานี้การเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่ายามปกติถึงสามเท่า เด็กหนุ่มจึงสามารถเคลื่อนกายไปอยู่ตรงหน้าบัณฑิตผู้หนึ่งได้ในชั่วพริบตา มือหยาบคว้าศีรษะของอีกฝ่ายกดลงมาพร้อมกับยกเข่าขึ้นกระแทกอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
“อ๊าก!”
ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกเข่าของมู่เฟิงกระแทกดังพลั่ก! เสียงจมูกหักดังออกมาเด่นชัด!
บัณฑิตผู้นั้นกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเื ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกเหวี่ยงลงกับพื้น เขายกมือขึ้นมาบังใบหน้าพร้อมกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บ
หลังจัดการกับบัณฑิตสองคนนั้นเรียบร้อยแล้ว ดวงตาอันเฉียบคมของมู่เฟิงก็หันไปมองทางชายหนุ่มที่เหลืออยู่อีกคน
“ทำได้ดี!”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ะโเชียร์จากด้านข้าง
เมื่อเห็นว่าสหายที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าเขาหนึ่งขั้นถูกอีกฝ่ายจัดการได้อย่างง่ายดาย สีหน้าของชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามก็พลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียดในทันที เวลานี้เขาทั้งใและโมโห
“คิดไม่ถึงว่าข้าจะมองพลาดไป คิดว่าเ้าจะเป็ศิษย์สายนอก แต่แท้จริงแล้วเป็ศิษย์สายในหรอกหรือ”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามกล่าวอย่างเ็า
มู่เฟิงตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “ถ้าจะลงมือก็อย่าเอาแต่พูดจาไร้สาระ”
“ดี เ้าเด็กนี่บ้าดี ข้าชอบ!”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามกล่าวอย่างเ็า ทันใดนั้นเขาก็ะเิพลังกังหยวนสีน้ำเงินออกมา จากนั้นก็ตบฝ่ามือไปทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้นี้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสอง ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงเหนือกว่าบัณฑิตสองคนก่อนหน้านี้
‘ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!’
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามในใจ พร้อมกับปล่อยหมัดออกมาอย่างดุดัน หมัดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดงอันร้อนแรงพุ่งเข้าหาชายหนุ่มผู้นั้นโดยตรง
เปรี้ยง...!
เมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน พลังเปลวเพลิงและพลังโจมตีของอีกฝ่ายก็พลันะเิออกมาในรัศมีสิบกว่าเมตร กระทั่งบริเวณโดยรอบยังปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมา
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามตกตะลึงกับหมัดของอีกฝ่าย หมัดนี้บีบให้เขาต้องถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังทำให้หยดเืไหลออกมาจากมุมปากของเขา เขาจ้องเด็กหนุ่มด้วยความตื่นตะลึง และทันใดนั้นเองมู่เฟิงก็ทะยานร่างเข้ามาพร้อมกับหมัดที่ปล่อยออกมาโจมตีชายหนุ่มอีกครั้ง
เปรี้ยง...!
หมัดนี้ของมู่เฟิงสามารถทำลายเกราะป้องกันพลังกังชี่ได้โดยตรง ก่อนที่มันจะพุ่งไปกระแทกร่างของชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามอย่างแรง ทำให้ชายหนุ่มหวีดร้องออกมาทันที กระดูกซี่โครงของเขาหักไปสองซี่ ส่วนร่างของเขาก็ลอยกระเด็นตกลงไปในสระบัวซึ่งอยู่ไกลออกไป สภาพของเขาในตอนนี้ดูไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำเลยสักนิด
“เ้านี่บรรลุระดับหนิงกังแล้วแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ!”
ข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาตกตะลึง