แม้เหล่าไท่ไท่และหยางมามาจะเตรียมใจดีแล้วแต่ก็ยังใคำพูดของหมอหม่า ทว่าต่งซื่อกลับไม่แสดงท่าทีใแม้แต่น้อย นางกลับโกรธเกรี้ยวเสียด้วยซ้ำ ‘หมอหม่าผู้นี้โง่เขลายิ่งนัก ได้ยินที่สื่อหลิวพูดแล้วไม่ใช่หรือว่าเหล่าไท่ไท่เป็ผู้ส่งแกงรังนก เหตุใดยังบอกว่าคุณชายจูถูกวางยา’
เช้าวันนี้ผู่กงอิ๋งนำแกงรังนกชั้นดีไปส่งที่เรือนหลิวหลี่ โดยบอกว่าคุณหนูสามต้มเองกับมือเพื่อบำรุงร่างกายคุณชายจู สำหรับต่งซื่อ แม้รังนกจะเป็ของดีแต่ก็ไม่ใช่ของหายาก ขณะนางตั้งครรภ์ รังนกในคลังตระกูลหลัวทั้งหมดล้วนถูกส่งให้นาง แม่ครัวหวังฉี่ซึ่งเป็ผู้ดูแลครัวก็นำมาทำอาหารหลายอย่างให้แก่นาง นางกินของพวกนั้นจนแทบจะอ้วกแล้ว
หลังผู่กงอิ๋งจากไป ต่งซื่อก็โยนหม้อแกงรังนกลงพื้นด้วยความเดือดดาล การกระทำเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ขณะมองคุณชายจูหลับสนิทบนตั่งยาวก็พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา นางละลายยาเิฮั่นในน้ำอุ่นให้เขาดื่ม ก่อนสั่งให้ซู่เอ๋อร์ไปรายงานหมอหม่าที่อาศัยในห้องพักแขกว่าหากเหล่าไท่ไท่ถามถึงอาการคุณชายจู ให้บอกว่าคุณชายจูถูกเหอตังกุยวางยาพิษด้วยแกงรังนกจนเขาหมดสติ ทั้งยังมอบซองเงินยี่สิบตำลึงให้แก่หมอหม่าอีกด้วย
เมื่อต่งซื่อเห็นว่าหมอหม่าไม่อาจเข้าใจเื่นี้จึงรีบขยิบตาให้เขาต่อเนื่อง หลัวไป๋เฉียนเห็นเช่นนั้นก็สงสัยจนต้องเอ่ยถาม “ตาเ้าเป็ตะคริวหรืออย่างไร?” ต่งซื่อจึงล้มเลิกความคิดที่จะให้หมอหม่าเปลี่ยนคำพูด
“เหล่าไท่ไท่ คุณหนูสามมาแล้วเ้าค่ะ” ฮวามามาเดินนำคุณหนูสามที่พบระหว่างทางเข้ามา เหอตังกุยโค้งคำนับให้เหล่าไท่ไท่ ก่อนยืนด้านหลังฮวามามาอย่างเชื่อฟัง นางยังเป็คุณหนูสามผู้ขลาดกลัวและยอมจำนนเสมอ
“อ๊าก! ผี นางเป็ผี” เมื่อคุณชายเว่ยที่นั่งยองอยู่มุมห้องอย่างเบิกบานใจเงยหน้ามองเหอตังกุยก็พลันทิ้งของในมือ ร้องห่มร้องไห้พลางะโ “มีผี นางเป็ผีจะมาเอาชีวิตน้องชายข้า”
คุณชายเว่ยโยนสิ่งที่อยู่ในมือไปที่เท้าหลี่มามา เมื่อหลี่มามาก้มมองก็ร้องะโทันที “กรี๊ด! หนู นี่มันหนู”
ทุกคนต่างจับจ้องของสิ่งนั้น...มันคือหนูจริง ๆ ในบรรดาคนในห้อง หลัวไป๋เฉียนคือผู้ที่กลัวหนูที่สุด เมื่อวานเขาทำลายรังหนูทั้งวัน แม้แต่ฝันก็เห็นสิ่งเหล่านี้ เมื่อได้เห็นพวกมันอีกครั้งก็ใะโขึ้นตั่งยาวที่ลูกชายนอนหลับ แม้แต่รองเท้าก็ไม่ถอด ทว่าหนูตัวนั้นไม่ได้วิ่งไปหาคนอื่นแต่กลับะโขึ้นตั่งวิ่งเข้าหาคุณชายจูที่สลบไสล ต่งซื่อและเหล่าไท่ไท่เห็นดังนั้นก็กรีดร้องไม่หยุด แต่กลับไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือคุณชายจูแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าหนูกำลังปีนขึ้นร่างคุณชายจู เหล่าไท่ไท่จึงมองฟ้าพลางะโ “เนี่ยชุนช่วยด้วย” ทันใดนั้นเนี่ยชุนที่ซ่อนตัวในความมืดก็ะโเข้ามาพลันฆ่าหนูตัวนั้นด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว เมื่อโบกมืออีกครั้ง หนูตัวนั้นก็ปลิวออกจากหน้าต่าง
ต่งซื่อที่เปี่ยมด้วยโทสะหันไปพบเหอตังกุยยืนก้มหน้าอยู่มุมห้อง จึงพุ่งเข้าหานางอย่างรวดเร็วพร้อมง้างมือขวาหวังจะตบหน้าอีกฝ่าย ทว่าเหอตังกุยกลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว นางเพียงก้มศีรษะโดยไม่มีทีท่าจะหลบ เมื่อเฟิงหยางตัวปลอมที่ยืนใกล้เหอตังกุยที่สุดเห็นเช่นนั้นก็รีบะโขวางทันที ทำให้ต่งซื่อที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วดีดตัวกลับโดยพลัน นางเสียหลักถอยกรูดหลายก้าว ผู้คนด้านหลังต่างหลีกทางให้ จนในที่สุดต่งซื่อก็ล้มก้นกระแทกพื้น
ต่งซื่อทั้งร้อนใจและเดือดดาลจึงกรีดร้องอย่างอดไม่ได้ “กรี๊ด เ้าเด็กบ้า ขวางข้าทำไม?” ผิ่นมามาก้าวไปพยุงนางพลางกระซิบว่า “คุณชายท่านนั้นคือเฟิงหยางผู้เป็หัวหน้ารุ่นเยาว์แห่งพรรคเฉา แขกคนสำคัญที่เหล่าไท่ไท่เชิญมา” หัวหน้ารุ่นเยาว์พรรคเฉาหรือ? ใบหน้าของต่งซื่อซีดเผือดทันที การค้าขายทางทะเลล้วนขึ้นอยู่กับเส้นทางการค้าของพรรคเฉาทั้งหมด ต่งซื่อสะบัดมือผิ่นมามาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “ฮึ ก่อนข้าจะล้มก็เห็นเ้ารีบหลบ ตอนนี้จะพยุงข้าเพื่ออะไร”
ผิ่นมามาถูกเหล่าไท่ไท่ส่งมารับใช้จิ่วกู แม้ฐานะของนางไม่อาจเทียบเท่าหยางมามา แต่นางก็เป็ผู้าุโที่สุดในตระกูลหลัว ยิ่งไปกว่านั้น หากจะตีหมาก็ต้องดูเ้าของเสียก่อน เมื่อจิ่วกูได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ฮูหยินน้อย เหตุใดจึงไปตบตีคุณหนูสามเล่า?”
ต่งซื่อชี้เหอตังกุยผู้ถูกเฟิงหยางตัวปลอมที่ทั้งสูงและแข็งแกร่งบดบังจนเหลือแต่แขนเสื้อ พลางเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “นางเป็ตัวซวย ตอนนางไม่เข้ามา พวกเราก็ยังพูดคุยกันดี ๆ แต่เมื่อนางเข้ามาก็ทำให้คุณชายเว่ยใ ทั้งยังเกือบทำให้หนูกัดคุณชายจูของข้าตายอีก” หลังเฟิงจิ่วกูได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด ต่งซื่อรู้ว่าตนพลั้งปาก... แท้จริงแล้ว “ตัวซวย” นั้นคือเฟิงจิ่วกูต่างหาก คำว่า “ตัวซวย” เป็คำต้องห้ามสำหรับเฟิงจิ่วกู เหตุผลที่นางไม่ยอมกลับตระกูลเฟิงพร้อมนายท่านผู้เฒ่าเฟิงก็เป็เพราะฮูหยินเฟิงเคยชี้หน้าด่านางว่าเป็ “ิญญาเสือขาว” และ “ตัวซวย”
ในที่สุดเหล่าไท่ไท่ก็ทนไม่ได้ที่หลานสะใภ้พูดจาหยาบคายบ่อยครั้งจึงเอ่ยตำหนิรุนแรง “หลานสะใภ้ เ้าเป็หลานสะใภ้นอกสาขาคนแรกของข้า คงถูกเลี้ยงอย่างทะนุถนอมในตระกูลต่ง ข้าจึงคิดว่าเ้าเป็หลานสาวคนหนึ่งเสมอ แต่วันนี้เ้าทำเกินไป เ้าไม่รู้จักพูดจาดี ๆ ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติด้วยซ้ำ แม้ว่าแม่สามีของเ้าจะไม่อบรมสั่งสอน วันนี้ข้าจะขอทำเกินหน้าที่หน่อยก็แล้วกัน”
ต่งซื่อนิ่งงันทันที นางโผเข้าหาคุณชายจูที่นอนสลบไสลก่อนร้องไห้พลางเอ่ย “ข้าไม่ได้รับความเป็ธรรม ข้าทำอันใดผิด? ลูกชายข้ามีสภาพเช่นนี้ ข้าตีนางแล้วอย่างไร?”
หลัวไป๋เส่าพยุงร่างสั่นเทาของคุณชายเว่ยก่อนเอ่ยถามอย่างมีความสุข “หลานเว่ย เ้าอย่าหลบสิ มาเล่นตรงนี้กับข้า บอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงเรียกคุณหนูสามว่าผี? นางเหมือนผีตรงไหน?”
“ฮือ ๆ ... ผี” คุณชายเว่ยโผกอดหลัวไป๋เส่าด้วยร่างสั่นเทาพลางะโ “ท่านป้าสี่ ช่วยข้าด้วย สตรีแซ่เหอผู้นั้นต้องมาล้างแค้นข้าและน้องชายแน่นอน อย่ามาหาข้านะ น้องชายของข้าต่างหากที่ผลักนางตกจากูเาจำลอง ข้าเพียงยืนมอง ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
เมื่อคุณชายเว่ยพูดจบ ทุกคนในห้องล้วนนิ่งเงียบ แม้แต่ต่งซื่อที่เสียงดังที่สุดก็ยังชะงัก ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขามองคุณชายเว่ยอย่างพร้อมเพรียงก่อนหันมองมารดาของเขา
ทุกคนในตระกูลหลัวรู้ดีว่า “สตรีแซ่เหอ” ที่คุณชายเว่ยพูดถึงนั้นหมายถึงคุณหนูสาม สิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้การสั่งสอนเื่ “ฐานะที่แตกต่างกัน” ของต่งซื่อผู้เป็มารดา ไม่เพียงคุณชายฝาแฝดที่รู้จักฐานะสูงต่ำเท่านั้นที่เรียกคุณหนูสามว่า “สตรีสารเลวแซ่เหอ” แม้แต่สาวใช้ล้างเท้าหรือจุดตะเกียงในเรือนหลิวหลี่ก็ยังเรียก “สตรีสารเลวแซ่เหอ” ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ “ซัวเยวี่ย” สุนัขพันธุ์ชิบะสีขาวจากแถบตะวันตกที่ถูกเลี้ยงในเรือนหลิวหลี่ มันเล่นกับทุกคนในจวนยกเว้นเหอตังกุย เมื่อเห็นนางก็จะวิ่งหนีหางจุกตูดทันที
ท่ามกลางสายตาจับจ้อง ต่งซื่อเสียใจจนอยากหนีไปจากที่นี่...หลังได้ยินว่าเหอตังกุยฟื้นคืนชีพ นางจึงร่วมมือกับแม่สามีเกลี้ยกล่อมไม่ให้รับเหอตังกุยกลับจวน ด้วยกลัวว่าเหอตังกุยจะบอกคนอื่นว่าคุณชายจูผลักนางตกจากูเาจำลองกระแทกพื้นตาย เมื่อหลีจิ่วกวงกลับจากวัดก็รายงานว่าเหอตังกุยสูญเสียความทรงจำ นางจดจำเื่ก่อน “ตาย” ไม่ได้ ตนจึงไม่พยายามเกลี้ยกล่อมเหล่าไท่ไท่อีกต่อไป อีกทั้งนางก็ยุ่งดูแลอาการป่วยของลูกชาย ทว่านางกลับลืมกำชับคุณชายเว่ยว่าเมื่อเห็น “สตรีสารเลวแซ่เหอ” ก็อย่าได้ตื่นตระหนก อย่านำเื่ที่เขาและน้องชายรังแก “สตรีสารเลวแซ่เหอ” ไปบอกใคร ให้บอกว่าอีกฝ่ายนั้นสะดุดตกจากูเาจำลองด้วยตัวเอง
เดิมทีต่งซื่อไม่อยากพาคุณชายเว่ยมาที่นี่เพราะเ้าเด็กนี่ไม่ยอมหยุดร้องไห้ให้การตายของหนูอันเป็ที่รักั้แ่เมื่อวาน เขาเสียใจยิ่งกว่าการตายของน้องชายเสียอีก แต่เช้าวันนี้หลัวไป๋เฉียนพยายามออกไปข้างนอก คุณชายเว่ยก็พยายามเต็มที่ที่จะรั้งเขาไว้ ต่งซื่อจึงใจดีพาคุณชายเว่ยมาที่นี่ด้วย พร้อมบอกให้เขาจับตาดูพ่อให้ดี อย่าให้หนีได้
“นี่ พวกเ้าจ้องข้าเช่นนี้ด้วยเหตุใดกัน?” ต่งซื่อกลอกตาก่อนร้องะโ “คุณชายเว่ยเพิ่งสามขวบ คำพูดของเขาจะน่าเชื่อถือสักเท่าไรเชียว พวกเ้าถามเหอตังกุยสิ นางถูกคนผลักลงจากเขาจริงหรือไม่? คุณชายจูผลักนางหรือไม่? ท่านย่าก็รู้ว่าลูกชายข้านั้น แม้แต่จับตะเกียบกินข้าวก็ยังทำไม่ได้ แล้วจะผลักคนตัวใหญ่ลงจากเขาได้อย่างไร”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็หันมองเหอตังกุยอย่างพร้อมเพรียง
เหอตังกุยก็ใเช่นกัน เพราะตอนที่นางตื่นขึ้นมาในวัดสุ่ยซังก็จำเื่ก่อนตายไม่ได้จริง ๆ นางสงสัยสาวใช้เหิมเกริมหลายคน ทั้งยังสงสัยต่งซื่อ ซุนซื่อและหลัวไป๋เส่า แต่กลับไม่เคยสงสัยหลานชายสามขวบสองคนนี้ โอ้...์ ชาติก่อนนางอ่อนแอเพียงนี้เชียวหรือ ถึงขั้นถูกคุณชายจูที่เพิ่งหัดเดิน แม้แต่ตะเกียบก็ใช้ไม่เป็ผลักตกเขาตาย
เหอตังกุยเข้าใจแล้วว่าเื่ที่คุณชายจูทำร้ายตนจนตายนั้น ไม่เพียงต่งซื่อที่รู้ แม้แต่จ้าวซื่อก็รู้เื่นี้ด้วย
นางสูญเสียความทรงจำในชาติก่อน จำได้เพียงความฝันที่เด็กสามคนต่อสู้กันเพื่อถั่วเชื่อม จากนั้นถั่วเชื่อมก็ตกพื้น นางจึงหยิบมากิน เมื่อตื่นขึ้นมา ความฝันนี้ก็ถูกสตรีเฝ้าโลงศพสองสามคนบอกเล่าให้คนในตระกูลหลัวฟัง จ้าวซื่อและต่งซื่อมีความผิดเกี่ยวกับเื่นี้จึงคิดว่า “เด็กสามคน” ในความฝันของเหอตังกุยคือลูกสามคนของต่งซื่อ แม้เหอตังกุยจะสูญเสียความทรงจำแต่ก็มีหลายเหตุการณ์ก่อนตายที่ยังคงอยู่ในหัวใจ หากนางกลับตระกูลหลัวอาจจำได้ว่าใครฆ่านาง ดังนั้นต่งซื่อและจ้าวซื่อจึงติดสินบนหมอดูหลี่ที่ถนนฝั่งตะวันตก สั่งให้ทำนายเื่ไม่ดีเกี่ยวกับเหอตังกุยให้เหล่าไท่ไท่ฟัง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหอตังกุยถูกทิ้งไว้ที่วัดสุ่ยซังนานถึงครึ่งปี
เมื่อเหอตังกุยนึกถึง่เวลานั้นก็พลันยกมือกุมหัวก่อนร้องด้วยความเศร้าใจ “โอ๊ย....ปวดหัวมาก โอ๊ย...ข้าจำไม่ได้ อย่ากดดันข้า ข้าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น” กล่าวจบก็หลับตาก่อนร่างของนางจะอ่อนยวบล้มกองกับพื้น
เฟิงหยางตัวปลอมใมากจึงรีบรับร่างเหอตังกุยก่อนอุ้มไว้ในอ้อมแขน ทว่าเขาคิดได้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมจึงประคองหลังคอนางให้สูงขึ้นด้วยมือข้างเดียว ขณะเดียวกันก็มองหาคนช่วยเหลือ ก่อนส่งสัญญาณให้หนิงยวนพลางขยิบตาเป็เชิงถามว่าเขา้าทำสิ่งนี้หรือไม่ หนิงยวนส่ายหัวเล็กน้อย ทันใดนั้นเนี่ยชุนในชุดสีแดงก็โผล่มาหิ้วเหอตังกุยที่เปรียบเสมือนตุ๊กตาหนีบไว้ใต้แขนขวา พลันเดินไปอย่างรวดเร็วเพื่อส่งนางให้เหล่าไท่ไท่ที่นั่งบนตั่งยาวด้านข้าง
เหล่าไท่ไท่ลูบหน้าอกเหอตังกุยเบา ๆ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปก่อนะโเสียงดัง “แย่แล้ว เสี่ยวอี้ตายอีกแล้ว ช่างอายุสั้นอะไรเช่นนี้”
เนี่ยชุนดึงแขนขวาของเหอตังกุยขึ้นจับชีพจรก่อนพบว่าไม่มีการตอบสนอง จึงส่งลมปราณเจินชี่ผ่านนิ้วให้อีกฝ่ายแต่ก็ไร้ประโยชน์ เนี่ยชุนผู้ไร้ความรู้สึกในยามปกติ บัดนี้กลับอ้าปากกว้างก่อนอุทานด้วยความใ “นางตายแล้วจริง ๆ นางใจนตายกระนั้นหรือ?”
หลัวไป๋เฉียนไม่เชื่อจึงผลักเนี่ยชุนก่อนรุดไปคว้าแขนบอบบางมาจับชีพจรอย่างละเอียด ต่งซื่อไม่พอใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้าเท่าไรนัก ขณะคิดจะเอ่ยปากบ่น จู่ ๆ ก็มีบุรุษอีกคนโผล่จากด้านข้างพลันคว้าแขนหญิงสาวจากมือหลัวไป๋เฉียนเพื่อตรวจสอบ หลัวไป๋เฉียนและเนี่ยชุนจ้องชายผู้นั้นพร้อมกัน เ้าเด็กนี่โผล่มาจากที่ใด ตระกูลหลัวมีคนตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเขา?
หนิงยวนจับชีพจรของเหอตังกุยด้วยคิ้วขมวดมุ่น ทั้งยัง้าจับชีพจรข้างลำคอและการเต้นของหัวใจที่หน้าอก แต่ก็ต้องชะงักเพราะมีคนมากมายจับจ้อง ดูจากชีพจร...นางตายแล้วจริง ๆ หนิงยวนส่ายหัว หากเขาไม่ได้คบกับนางก็ไม่เป็ไร แต่เมื่อครู่นางยังต่อสู้อย่างเอาเป็เอาตายจนเขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้แม้จะไม่เต็มใจ สตรีเด็กผู้นี้มีแผนการมากมาย ทั้งยังกล้าหาญและมีฝีมือร้ายกาจ จะใตายเพราะเด็กสามขวบได้อย่างไร? เมื่อหนิงยวนนึกถึงเื่นี้ก็ตัดสินใจถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ให้อีกฝ่ายผ่านฝ่ามือขวา
เนี่ยชุนเห็นดังนั้นจึงจับมืออีกข้างของเหอตังกุยเพื่อถ่ายทอดลมปราณเจินชี่เช่นกัน ทว่าลมปราณเจินชี่ของเขากลับเป็ดั่งวัวโคลนลุยทะเล ไม่สามารถกระตุ้นให้ชีพจรเต้นได้
ขณะทุกคนในห้องต่างตื่นตระหนกและเสียใจ บ้างก็สะใจกับความทุกข์ของคนอื่น บ้างก็กลั้นหายใจรอคอย จู่ ๆ คุณชายจูที่นอนบนตั่งยาวก็ขยับตัว เขาดูเ็ปเหมือนร่างเป็ตะคริว ขณะเดียวกันก็มีฟองไหลออกจากปากไม่หยุด ต่งซื่อน้ำตาไหลพรากด้วยความใพลันรีบโผกอดลูกชายก่อนเอ่ยถาม “เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นกับลูกข้า?”
หมอหม่าโบกมืออย่างจนปัญญาพลางเอ่ย “ฮูหยิน ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณชายน้อยถูกวางยา เป็ยาพิษที่รุนแรงเสียด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้