บทที่ 4
“เขาโทรมาให้ไปรับลูกหมาที่คุณรับเลี้ยงกี่โมง?”
“ประมาณหนึ่งทุ่ม รักคุยกับฟ้าเสร็จเราก็ไปเลย เอารักติดรถไปด้วย”
“โอเค”
คนตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลังกำลังฟังบทสนทนาของคู่รักหน้านิ่ง วันนี้เป็วันอาทิตย์ซึ่งเป็วันหยุดของเขา ทว่าที่รักโดนปลุกั้แ่เช้าเพื่อไปโรงพักกับพ่อ หลังจากกลับมาเขาหวังจะได้งีบหลับสักตื่น พ่อพี่โอ้กับพี่โอ้ก็มารออยู่ที่บ้านอีก กว่าจะขอโทษและปรับความเข้าใจกันได้ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ความจริงไม่สามารถเรียกว่าปรับความเข้าใจได้ แต่ให้เรียกว่าพ่อของเขาขีดเส้นตายให้ทางฝั่งนั้นมากกว่า
‘ถ้ามายุ่งกับลูกผมอีก คราวนี้ผมไม่ยอมแล้ว ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น…’
รถเคลื่อนไปด้วยความเร็วคงที่โดยไม่ชะลอตัวเพราะบนท้องถนนในยามเย็นของวันนี้ว่างโล่งจนน่าแปลกใจ หากเป็่เวลาอื่นที่รักคงจะเสนอหน้าไปถามพี่ทั้งสองคนถึงสาเหตุที่ทำให้การจราจรปลอดโปร่งขนาดนี้
แต่ตอนนี้เขากำลังถูกพาไปเชือด ลูกหมาอ้วนที่หมดหนทางหนีเอาตัวรอดต้องเผชิญหน้ากับคนตัวสูงที่เป็เ้าของร้าน Your Sky หัวใจมันก็ห่อเหี่ยวและวิตกกังวลมากกว่าปกติ จนถึงตอนนี้ที่รักยังนึกประโยคกล่าวทักทายกับอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งที่การเริ่มบนสนทนากับคนแปลกหน้าหรือใครก็ตามไม่เคยเป็เื่ยากสำหรับเขาเลย ที่รักสามารถพูดได้อย่างคล่องปาก และสนิทกับทุกคนได้อย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเขายังทึ่งที่ตัวเองมีมนุษย์สัมพันธ์ดีขนาดนี้
แต่กับ หมื่นฟ้า คงเป็ข้อยกเว้นละมั้ง…
หัวกลม ๆ ที่หนักอึ้งกว่าเดิมเพราะมีเื่ให้คิดเยอะจนเกินไปวางพิงไว้ที่กระจก ดวงตาเรียวรีจ้องมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ในเวลานี้พระอาทิตย์ดวงโตสีแดงอมส้มกำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ที่รักคิดอยากจะหนีหายไปพร้อมกับพระอาทิตย์ดวงนี้จริง ๆ
“ฮัลโหลค่ะ…”
ที่รักละสายตาจากดวงอาทิตย์มองลอดช่องว่างข้างประตูที่เหลืออยู่น้อยนิดเพื่อสังเกตว่าพี่สาวคุยกับใคร ถ้าให้เดาเล่น ๆ ที่รักคิดว่าคงเป็คนส่งพัสดุ เพราะพี่เบบชอบสั่งของออนไลน์
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอคะ?”
“…”
ไม่น่าจะใช่คนส่งพัสดุแล้ว…
“แล้วพี่จะกลับต่างจังหวัดตอนไหนคะ?”
“…”
พอฟังบทสนทนาของพี่สาวกับใครบางคนไปเรื่อย ๆ ที่รักก็เริ่มเป็กังวลว่าทุกอย่างที่แพลนไว้จะต้องถูกปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะเื่ของเวลา เพราะมันมักจะเป็เช่นนั้นเสมอ
เรียกว่าซวยเสมอ…ไม่เคยใช้ชีวิตตามแบบแผนอย่างคนอื่นเขาหรอก
“งั้นพี่รอเบบสักพักได้ไหมคะ ไม่นานมากหรอก เดี๋ยวเบบรีบไปรับน้องเลย”
น้องแท้ ๆ ก็นั่งหัวโด่ตาใสแป๋วอยู่ข้างหลังรถไง…จะทิ้งน้องคนนี้ไปรับน้องนอกไส้ที่ไหนอีกเล่า!!!!
เมื่อที่รักเห็นพี่สาวลดโทรศัพท์ลง เขาไม่รอช้ารีบผงกศีรษะพร้อมยื่นหน้าไปที่ช่องตรงกลางระหว่างเบาะ พี่เบบกับพี่ดอมหันมองหน้ากันโดยไม่มีใครเอ่ยเรียกกันก่อน ราวกับว่าสองคนนี้คิดและตัดสินใจเหมือนกัน
ที่รักหลุดยิ้มกว้างออกมา ยิ้มกว้างที่สุดในชีวิตจนปากบาน เพราะเขาหาวิธีเอาตัวรอดจากการเผชิญหน้ากับหมื่นฟ้าได้แล้ว “เขาให้เรารีบไปรับน้องหมาเหรอพี่เบบ…งั้นเราก็ไปกันเลย เดี๋ยวจะสายนะ”
แม้จะไม่ได้หันไปมองทางฝั่งคนขับ แต่ที่รักก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของพี่ดอม เขาคิดสงสัยในใจว่าเื่อะไรที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากคนหน้าตายไร้ความรู้สึกได้
“ฉันรีบไปรับลูกหมาแน่นอน ส่วนแกก็ไปจัดการธุระตัวเองให้เรียบร้อย…ฉันอยู่เป็เพื่อนไม่ได้แล้ว ทำตัวดี ๆ ล่ะรัก”
“พี่เบบหมายความว่าไง?”
“หมายความว่าเบบจะเอารักไปทิ้งไว้ที่ร้านไอ้ฟ้าก่อนแล้วกลับมารับทีหลัง…” ดอมที่รู้นิสัยของแฟนตัวเองดีว่าไม่ชอบพูดมากช่วยขยายความให้แทน
“มะ ไม่เอาหรอก…รักไม่รู้จักใครเลยนะ”
“ฟ้าไง…ทั้งหอมหัว ทั้งอุ้มกันเข้าบ้านขนาดนั้นแล้ว ไม่รู้จักได้ไง…”
“พี่เบบ!!”
“ไม่ต้องมาอาย ดอมรู้เื่ทุกอย่างหมดแล้ว แล้วก็รู้อีกด้วยว่าเรียวที่เป็หุ้นส่วนร้านฟ้าโกหกคนอื่นว่าฟ้ากับแกแอบคบกัน…ส่วนฉันเพิ่งจะรู้เมื่อเช้านี้เองว่าน้องชายตัวเองแอบคบกับหมื่นฟ้าคนฮอต”
“คบอะไรล่ะพี่เบบ พูดมั่ว ๆ!!”
“เอาเป็ว่าเราไม่ควรผิดนัดกับฟ้า ยังไงแกก็ต้องไปเจอฟ้า…ด้วยตัวคนเดียว”
“ไม่เอา!!”
“ที่รัก!!! ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ การผิดนัดมันดีนักเหรอ? แล้วยิ่งผิดนัดกับคนที่เขามีงานยุ่งตลอดเวลา มันยิ่งไม่ควรไปใหญ่”
“…” ที่รักก้มหน้าคอตกเพราะคราวนี้ถูกพี่สาวดุจริง ๆ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของพี่เบบแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเริ่มไม่พอใจที่เขาดื้อรั้น
“จะรีบกลับมารับให้เร็วที่สุด ไม่ให้รอนานหรอก…เข้าใจที่พูดไหม?”
“…”
คนโดนถามไม่ตอบอะไร ถอยตัวออกจากช่องว่างตรงกลางด้วยสีหน้าเศร้าสลด ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะเหมือนเดิม นั่นทำให้พี่สาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าต้องมองเขาผ่านกระจกมองหลัง เสียงถอนหายใจดัง ๆ ของพี่เบบทำให้ที่รักช้อนตาขึ้นมองเบาะข้างหน้า
“เข้าใจไหมรัก?”
“ค้าบ…เข้าใจแล้วค้าบ”
เบบถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหลุดยิ้มออกมา แม้ว่าที่รักจะดื้อสักแค่ไหน แต่เ้าตัวก็ไม่เคยดื้อเสียจนไม่ฟังใคร หากสิ่งไหนที่ต่อต้านไปแล้วไม่เกิดผลดี ที่รักก็พร้อมจะหยุดทันที เธอจึงไม่ค่อยหนักใจเวลาที่น้องแสดงอาการดื้อรั้น เพราะรู้ดีว่าน้องเป็เด็กดื้อที่รับฟังเหตุผลของผู้อื่น ไม่ใช่คนที่ทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่สนใจเื่ความเหมาะสม
ที่รักที่ต้องยอมจำนนได้แต่พูดให้กำลังใจตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่พอคิดมาก ๆ เข้าหัวกลม ๆ ก็ชักจะหนักขึ้นมาอีกแล้ว เขาพิงมันไว้ที่กระจกอีกครั้งก่อนที่คำสอนของปู่จะผุดขึ้นมาในหัว
‘ในเมื่อเจอเื่ที่ยากจะหลีกเลี่ยง ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือ อย่าหนีปัญหาเด็ดขาด’
ประโยคคำพูดของปู่ทำให้เขารีบล้วงโทรศัพท์เครื่องสีดำออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยความรวดเร็ว ที่รักไม่รอช้ากดเปิดแอปพลิเคชั่นไลน์เลือกส่งข้อความไปหาพันลี้ในช่องทางส่วนตัว หากทักไปถามในกลุ่มคงไม่ได้เื่ได้ราว คนอื่นจะต้องถามนอกเื่ไม่หยุดแน่ ๆ
ครั้งนี้ต้องหาข้อมูลเพื่อเตรียมรับมือดี ๆ เลย และคนที่น่าจะรู้นิสัยหมื่นฟ้ามากที่สุดคงไม่พ้นพันลี้แน่ ๆ
ที่รัก : ลี้ ถามอะไรหน่อย...
P.Panli : ให้เวลา 5 นาที รถติดไฟแดงอยู่
ที่รัก : มึงขับรถอยู่เหรอ?
P.Panli : อือ กูโดนลุงใช้ให้เอาของไปให้ป้าที่บางนา
ที่รัก : อ๋อ งั้นกูถามเลยนะ
P.Panli : ว่ามา ๆ
ที่รัก : พี่มึง...ดุมากไหม?
P.Panli : ก็ดุนะ รวมถึงเื่บนเตียงด้วยมั้ง
ที่รัก : ฮือออ... ไอ้หน้าหมาลี้!!! ใช่เวลามาพูดทะลึ่งไหมเล่า!!!
P.Panli : 555555 กังวลเหรอ?
ที่รัก : ใช่ กูกำลังไปหาพี่ฟ้าแล้ว ถึงได้ไลน์มาถามส่วนตัวไง จะได้เตรียมตัวดี ๆ
P.Panli : ก็ดุนะ กูเป็น้องยังโดนดุเลย แฟนเก่าพี่ฟ้าที่เป็เพื่อนสนิทกันมาก่อน รู้ใจพี่ฟ้าสุด ๆ พี่ฟ้ายังเคยดุเลย
ที่รัก : งั้นลูกหมาอ้วนอย่างกูคงโดนดุจนกลิ้งออกนอกร้านแทบไม่ทัน T______T
P.Panli : 5555 เอ็นดู มึงอย่ากังวลดิวะ ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่ฟ้าจะดุเื่อะไร?
ที่รัก : ไม่รู้ดิ กูแค่รู้สึกว่าต้องมีเื่ให้ดุกูแน่ ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าเื่อะไร
P.Panli : อย่าคิดมาก อย่ากังวลเยอะ มีอะไรโทรมาฟ้องกู
ที่รัก : พี่ฟ้ากลัวมึงเหรอ?
P.Panli : ไม่ พี่ฟ้าไม่เคยกลัวใครหรอก 5555555
ที่รัก : เอ๊า!!!! แล้วมาพูดให้ความหวังกูทำไม? นึกว่าจะมีคนช่วยได้ T______T
P.Panli : กูมั่นใจว่าแก้มย้อย ๆ ของมึงจะช่วยชีวิตมึงได้
ที่รัก : T________T
P.Panli : เอาน่า เขาอาจจะไม่ดุมึงหรอก หรืออาจจะไม่พูดอะไรกับมึงเลยก็ได้ ถ้าเป็แบบนั้นขึ้นมามึงก็อย่ามางอแงทีหลังนะว่าโดนพี่กูเมินอะ เพราะมีคนมางอแงใส่กูหลายคนแล้ว เื่ที่โดนพี่ฟ้าเมินใส่จนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอากาศ
ที่รัก : ให้เมินจริงเถอะ กูยอมอดข้าวสามวันเลย
P.Panli : พูดอะไรที่มึงทำได้แน่ ๆ หน่อย อดข้าวเป็ไปไม่ได้หรอก
ที่รัก : แหะ ๆ วิ่งรอบตึกคณะก็ได้
P.Panli : เออ ค่อยเป็ไปได้หน่อย
ที่รัก : โห เห็นกูเป็เด็กอ้วนเห็นแก่กินขนาดนั้นเลยเหรอ?
P.Panli : เออ ดูแก้มมึงดิ แดกจนแก้มย้อยติดพื้นแล้ว
ที่รักคุยเล่นกับพันลี้ไปสักพักก็รู้สึกถึงการชะลอตัวของรถ เขาจึงรีบบอกลาเพื่อนสนิทที่อยู่ในแชตก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงดังเดิม ที่รักชะเง้อคอมองทางข้างหน้าด้วยความสงสัย เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะถึงร้านของหมื่นฟ้าไวขนาดนี้ เพิ่งจะได้ข้อมูลอีกฝ่ายมาสด ๆ ร้อน ๆ ยังไม่ทันคิดหาวิธีจัดการกับความดุของหมื่นฟ้าเลย
สงสัยลูกหมาอ้วนจะถูกเชือดจริง ๆ ก็คราวนี้แหละ…
และร้าน Your Sky ที่ตั้งอยู่ข้างหน้าช่วยการันตีว่ามาถึงที่หมายแล้วจริง ๆ ที่รักกลืนน้ำลายลงคอดังอึกเมื่อเห็นรถเบนซ์สปอร์ตสีดำที่จอดอยู่หน้าร้าน อาจจะเป็เพราะเสียงนั้นเลยทำให้พี่สาวเอี้ยวตัวหันมามองเขาที่นั่งอยู่ด้านหลังด้วยสายตาเป็กังวล
“พูดขอบคุณและขอโทษเขาด้วยความจริงใจนะรัก อย่าไปเผลอทำหน้าตาล้อเล่นใส่เขาล่ะ”
“โหย พี่เบบ รักกลัวจนฉี่จะราด จะไปกล้าทำหน้าตาแบบนั้นใส่พี่ฟ้าได้ยังไง”
“…” ดอมกลั้นยิ้มระหว่างฟังบทสนทนาของสองพี่น้อง ดูแล้วทั้งสองคนจะมีความกังวลไปคนละแบบ คนพี่กลัวว่าน้องจะทะเล้นจนไม่รู้จักกาลเทศะ ส่วนคนน้องกลัวว่าจะสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับหมื่นฟ้าไม่ได้เสียมากกว่า ความคิดสวนทางกันจนน่าปวดหัว ดอมโคลงหัวเบา ๆ ก่อนจะเอ่ย “ไม่ต้องกลัวหรอกรัก พี่กำชับไว้แล้วว่าห้ามแกล้งเรา ไอ้ฟ้าไม่กล้าหรอก”
“…ปะ ปกติพี่ฟ้าเป็คนขี้แกล้งเหรอพี่ดอม?”
“จริง ๆ ก็ไม่นะ มันไม่ค่อยคุยเล่นกับใครด้วยซ้ำ แต่พี่แค่พูดเผื่อไว้ก่อน กลัวมันนึกคึกอยากจะแกล้งเราขึ้นมา”
“…ก่อนจะขอบคุณพี่ฟ้า รักขอบคุณพี่ดอมก่อนเลยแล้วกัน ขอบคุณนะครับพี่ดอมคนหล่อ”
“ครับ”
“เธอก็ไม่ปฏิเสธเลยยย ยอมรับว่าตัวเองหล่อสินะ…”
ที่รักหลุดหัวเราะออกมาเพราะนาน ๆ ทีจะเห็นพี่สาวเอ่ยแซวแฟนตัวเองด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหมั่นไส้สุดฤทธิ์ ทว่าหัวเราะได้ไม่นานเขาก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเหลือบไปเห็นคนตัวสูง ๆ ที่โคตรจะดูดีลงจากรถเบนซ์สปอร์ตแล้วเข้าไปในร้าน
“อ้าว ไอ้ฟ้าเพิ่งเข้าร้านพอดีเลย นึกว่ามันอยู่ในร้านแล้วนะ”
“งั้นรีบ ๆ ไปหาฟ้าเลยรัก…”
“คะ ครับ ๆ ”
คนโดนเร่งรีบเปิดประตูลงจากรถทันที เหมือนสติของที่รักหล่นหายระหว่างที่ก้าวเท้าลงจากรถถึงได้ยืนโบกมือลาพี่ทั้งสองคนโดยไม่ออกปากรั้งสักคำ ทั้งที่ในใจคิดอยากจะอ้อนพี่เบบให้เข้าไปส่งในร้านสักหน่อย ตอนนี้เขาเลยทำได้แค่ยืนมองรถ BMW เคลื่อนตัวออกไปไกลจนลับหายไปจากสายตา
ที่รักเดินมาหยุดที่หน้าร้านด้วยหัวใจสั่นไหว มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นลูบท้ายทอยโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเขายังไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย แต่แค่รู้ว่ามาเหยียบในถิ่นของหมื่นฟ้า อาการเขินอายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น…และไม่เคยเป็กับใครมาก่อนก็เริ่มทำงานทันที
“ร้านยังไม่เปิดนะครับ…”
และคงเป็เพราะที่รักเอาแต่มองไกลออกไป บวกกับสติไม่สมประกอบในตอนนี้ เขาถึงไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้ามาประชิดตัว ที่รักผงะถอยหลังด้วยความใ ก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อยแทนคำขอโทษ แต่ถึงจะแสดงออกอย่างนั้นแล้ว ที่รักก็คิดว่าควรจะกล่าวคำขอโทษอยู่ดี
“ขอโทษนะครับพี่ ผม…”
“หรือว่าน้องมาสมัครงาน?”
“…”
เป็ในตอนนั้นเองที่คนตัวสูงใหญ่เ้าของร้านเดินลงมาจากชั้นสอง หมื่นฟ้าไม่หันมามองทางเขาสักนิด เ้าตัวเดินเร็ว ๆ ไปทางบาร์เหล้าที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เขาลอบมองใบหน้าดุ ๆ ของอีกฝ่ายขณะสั่งงานกับพนักงาน
สิ่งที่พันลี้พูดคงไม่เกินจริง ดูท่าแล้วหมื่นฟ้าพร้อมจะดุทุกคนที่ตัวเองไม่พอใจนั่นแหละ…
แต่จู่ ๆ ดวงตาคู่คมก็หันมามองทางเขา ั้แ่เกิดมาที่รักไม่เคยหลบตาใคร เขาพร้อมจะสู้สายตาเสมอ และเชื่อว่าการสบตากันนั้นไม่ใช่เื่ยากจนไม่สามารถฝืนตัวเองได้ แต่ครั้งนี้ที่รักเลือกจะหลบตาอีกฝ่ายโดยไม่คิดสู้สักนิด เขาพยายามหาที่พักสายตาเหมาะ ๆ จนไปหยุดที่ปลายเท้าของตัวเอง การมองรองเท้าผ้าใบสีขาวที่มีคราบสีเทาจากฝุ่นคงทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจกลับสู่สภาวะปกติได้และหวังให้ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายที่เริ่มพุ่งสูงด้วย
ที่รักเพิ่งรู้ว่าสายตาของหมื่นฟ้าทำให้เขากลายเป็คนขี้ขลาด…แถมยังสร้างความปั่นป่วนในท้องให้เขาอีก
“มานานยัง?”
เสียงทุ้มต่ำที่เคยได้ยินไม่กี่ครั้ง แต่ดันรู้สึกเคยชินราวกับได้ยินวันละสิบรอบเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง และแน่นอนว่าคนตรงหน้าคือหมื่นฟ้าที่ทำให้เขาสูญเสียความเป็ตัวเอง
“พี่ฟ้า”
“ครับ”
ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นั้แ่เมื่อไหร่ที่คำว่า ครับ สามารถทำให้หัวใจเต้นเร็วจนจะทะลุออกจากอก ทั้งที่ที่รักเคยได้ยินคำนี้ั้แ่จำความได้ คนที่ตอบรับที่รักด้วยคำว่า ครับ นั้นมีมากมายจนนับนิ้วไม่หมด แต่ถ้าให้หาคนที่พูดคำว่า ครับ แล้วมีผลต่อการเต้นของหัวใจ
คงมีแค่ หมื่นฟ้า คนนี้ คนเดียวแหละมั้ง…
“เอ่อ รักเพิ่งมาถึงเองครับ…”
“อ้าว แขกคุณฟ้าเหรอครับ? ...ผมก็นึกว่าน้องเขาจะมาสมัครงาน ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่เป็ไรครับ คุณไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมดูแลเขาเอง”
“ครับ ๆ มีอะไรคุณฟ้าเรียกได้ตลอดเลยนะครับ”
ที่รักยืนตัวแข็งทื่อมองหมื่นฟ้าพยักหน้าตอบรับพนักงานคนนั้น ทันทีที่คนตัวสูงหันกลับมาให้ความสนใจกันอีกครั้ง ดวงตาเรียวรีของคนขี้ขลาดก็หลุบมองที่พื้นด้วยความรวดเร็ว
“เป็อะไรครับ?”
“…” เป็อะไรไม่รู้…กับพี่ฟ้าน่ะครับ
“ก้มหน้า หลบตา… ทำแบบนี้ จะให้หอมหัวอีกแล้วเหรอ?”
ที่รักเงยหน้าขึ้นทันควัน ประโยคนั้นทำเขานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนความร้อนที่ลุกลามไปทั่วทั้งร่างจะเรียกสติเขาให้กลับคืนมา ที่รักขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงดุ ๆ “พี่ฟ้า!”
“ครับ?” พี่ฟ้าเลิกคิ้วสูงเป็เชิงถาม
“ฮึ่ย!!!!!”
ที่รักที่เขินจนตัวจะะเิได้แต่แสดงอาการฮึดฮัดไม่พอใจ แทนที่หมื่นฟ้าจะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับเื่ที่เกิดขึ้น และไม่รื้อฟื้นขึ้นมาอีก แต่เ้าตัวกลับยกขึ้นมาพูดใหม่ได้หน้าตาเฉย เขาเป็เด็กฉลาดพอตัว เรียนได้เกรดเฉลี่ยสามกว่ามาตลอด ที่รักรู้ได้ว่าหมื่นฟ้ากำลังจะแกล้งให้รู้สึกอาย
“พอรู้ทันก็ทำโมโห…”
“พะ พี่ฟ้า! มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“แล้วมันยังไง หลบตาทำไมครับ?”
“…” จะบอกได้ไงเล่า!!! จะบอกได้ยังไงว่ามองตาแล้วใจมันสั่นน่ะ T________T
“ไม่ตอบก็ไม่หอม แต่ถึงตอบก็ไม่หอมอยู่ดี…เพราะไม่อยากหอมหัวเน่า ๆ ”
“…” หัวรักไม่ได้เน่าสักหน่อย T_______T และอีกอย่างก็สระผมมาแล้วด้วย “ไม่หอมก็ไม่ต้องหอม! แค่จะมาขอบคุณก็เท่านั้นแหละ ไม่ใช่สิ…มาขอโทษด้วย แค่นี้จริง ๆ แล้วก็จะกลับเลย!”
เมื่อกี้ที่รักพยายามเน้นคำว่า กลับเลย ให้ชัดที่สุด แต่พอมานึกย้อนดูแล้วถึงกับต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็สายแต่แค่เพียงในใจเหมือนเดิม เพราะเขาดันหลุดพูดบางประโยคที่ไม่ควรพูดออกไป
นั่นก็คือ ไม่หอมก็ไม่ต้องหอม!
เหมือนเพิ่มความเขินให้ตัวเองยังไงก็ไม่รู้ T____T
โธ่ ไอ้หมาอ้วนเอ๊ย…
“แสนงอน”
T________T แม่รักเกลียดพี่ฟ้า เกลียดคนชื่อหมื่นฟ้า ไหนพันลี้ว่าดุไง ไหนพี่ดอมบอกว่าไม่ขี้แกล้งไง แล้วนี่อะไร ที่รักคนนี้เผชิญหน้ากับอะไรอยู่ ไม่ดุก็คือดีมาก ๆ สำหรับที่รัก แต่ขี้แกล้ง ขี้หยอกให้อายจนต้องหาที่มุดหัวคือไม่ไหวนะ
“เข้าเื่เลยนะครับ…”
“ตรงนี้มันร้อน…เข้าไปคุยข้างในเถอะ”
“ไม่ ๆ เดี๋ยวรักจะคุยตรงนี้ให้เสร็จไปเลยครับ พี่ฟ้าก็ตั้งใจฟังรักดี ๆ แล้วกัน” ที่รักยกมือขึ้นห้ามพอเห็นคนตัวสูงเตรียมจะเดินนำไปที่ไหนสักแห่ง มือเรียวอีกข้างก็ยกขึ้นมาปาดเหงื่อที่ซึมบนใบหน้า ก่อนจะเอ่ยต่อ “รักอยากจะมา…”
“ร้อนจนแก้มแดงไปหมดแล้ว…เข้าไปข้างในเถอะ”
“โธ่...พี่ฟ้าก็ฟังรักก่อนสิ รักจะได้รีบกลับไปนอนเปิดแอร์ที่บ้าน”
“ที่ร้านก็มีแอร์ เข้าไปคุยกันข้างในสิครับ…ดื้อแล้วทำให้หายร้อนเหรอ?”
หมื่นฟ้ายืนมองคนตัวเล็กกว่าที่ทำหน้างองุ้มไม่พอใจ หากว่านี่คือการแข่งแสดงสีหน้าตามอารมณ์ เขาคาดว่าที่รักคงจะชนะขาดลอย เพราะในขณะที่อีกคนเปลี่ยนสีหน้าไปเรื่อย ๆ ั้แ่ ใ ประหลาดใจ เขินอาย ไปจนถึงหงุดหงิด เขายังคงมีเพียงใบหน้าเดียว…นั่นก็คือเรียบเฉย
ที่ดอมบอกว่าน้องชายของแฟนดื้อนิดเดียว หมื่นฟ้าคิดว่าเพื่อนคงพูดผิด เพราะเท่าที่เห็นที่รักดื้อเกินไซซ์เล็ก ๆ ของตัวเองมาก ๆ ดื้อจนอยากจะเอาปากกาไปเขียนคำว่า ขี้ดื้อ ตัวโต ๆ ที่หน้าผากอีกฝ่ายให้คนอื่นรับรู้ว่าเ้าตัวดื้อสักแค่ไหน ทั้งดื้อทั้งขี้งอน เขาไม่เคยเจอคนแบบนี้ ตอนนี้หมื่นฟ้าเลยต้องคิดหนักว่าจะรับมือกับเด็กคนนี้อย่างไรดี
แต่ในความดื้อรั้นนั้น หมื่นฟ้าปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารุ่นน้องคนนี้น่าเอ็นดูมาก ที่รักมีผิวขาวอมชมพูจนเหมือนเด็กทารก ดูบอบบางและน่าทะนุถนอม หากจับแรง ๆ ผิวขาว ๆ ของรุ่นน้องคงขึ้นสีแดงตามรอยมือเป็แน่ แม้จะมีผิวขาวสม่ำเสมอทั้งตัว ทว่ามีส่วนหนึ่งของร่างกายที่มีสีแดงระเรื่อเปื้อนอยู่ตลอดเวลา
นั่นก็คือ แก้มย้อย ๆ ของใคร ๆ
มันแดงตลอดเวลาเลย…
“เข้าก็ได้…ถ้าไม่ติดว่ารักกลัวค่าแท็กซี่ไม่พอนะ รักไม่ยอมเข้าไปหรอก”
หมื่นฟ้าพยักหน้าเข้าใจอีกฝ่ายก่อนจะเดินนำทาง ระหว่างที่เข้าไปภายในร้าน เขาได้ยินคนตัวเล็กกว่าที่เดินตามหลังต้อย ๆ บ่นพึมพำไม่ขาดปาก พอปรายตามองไปด้านหลังก็เห็นเด็กดื้อเดินก้มหน้างุด ๆ พร้อมบริหารปากเล็ก ๆ ให้ขยับยุบยิบตลอดเวลา
เห็นอย่างนั้นหมื่นฟ้าก็เกิดหมั่นไส้ขึ้นมาจึงหยุดเดินกะทันหันหวังให้คนตัวเล็กชนเข้ากับแผ่นหลังแข็ง ๆ ของตัวเองเพื่อทำโทษ และทุกอย่างก็เป็ไปตามที่เขาคาดไว้ หัวกลม ๆ ของคนตัวเล็กที่แสนขี้บ่นชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจังจนดังอึก
“ฮือ…พี่ฟ้า!!! รักเจ็บนะ”
หมื่นฟ้ายกยิ้มมุมปากก่อนจะหมุนตัวหันไปตามเสียงที่ด้านหลัง ที่รักยกมือลูบหน้าผากตัวเองปรอย ๆ เ้าตัวมองค้อนใส่เขาเหมือนโกรธจนไม่อยากให้อภัย
“เบรกแตกเหรอ?”
“ก็พี่ฟ้านั่นแหละ…หยุดกะทันหันทำไมอะ”
“เจ็บมากหรือเปล่า…ขอดูหน่อย” หมื่นฟ้าพูดพลางเอื้อมมือไปหาอีกฝ่าย แต่เ้าตัวกะเปี๊ยกแสนขี้งอนก้าวถอยหลังไม่ให้เขาเข้าใกล้
“ไม่ต้องเลย ไม่ให้ดูหรอก”
เ้าตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ดวงตาเรียวรีจ้องเขม็งใส่เขาอย่างคาดโทษ หมื่นฟ้ารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เล่นแรงจนเกินไป เพียงแค่หยอกเล่นนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเป็คนอื่นที่โกรธเขาด้วยเื่แค่นี้ หมื่นฟ้าจะด่าให้ยับและไม่คิดจะสนใจ
แต่พอเป็รุ่นน้องคนนี้แล้ว…ไม่ค่อยอยากให้โกรธตัวเองเลย
หมื่นฟ้าเริ่มสงสัยว่าอะไรที่ทำให้ที่รักน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้ แน่นอนว่ารอยยิ้มกว้าง ๆ และแก้มย้อย ๆ ของเ้าตัวเป็ส่วนสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนหลงรักจนอยากจะ แต่เพียงแค่นั้นไม่สามารถสร้างความน่าเอ็นดูได้มากมายขนาดนี้หรอก
ทว่าไม่ต้องคิดนานให้ปวดสมอง หมื่นฟ้าก็รู้ได้ถึงสิ่งที่ทำให้ที่รักน่าเอ็นดูเสียมากมาย คนตัวเล็กกว่าที่เอามือวางทาบไว้บนหน้าผากของตัวเองก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะยกมืออีกข้างขยี้หัวตาเพราะผมสีดำนิลที่ถูกปัดให้พ้นคิ้วไปเล็กน้อยดันหล่นมาทิ่มตาตอนที่ลมพัดผ่าน
สิ่งที่ทำให้ที่รักน่าเอ็นดู…คงไม่ใช่แค่รอยยิ้มสดใส แก้มย้อย ๆ หรือ ผมที่ยาวจนทิ่มลูกตา
แต่คงเป็เพราะ ที่รัก เองนั่นแหละ…ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเอ็นดู
“ขอโทษครับ…หายเจ็บยัง?”
“ไม่ เดินนำไปเลย…ถ้าคราวนี้หยุดกะทันหันอีก รักจะต่อยหลังพี่ฟ้าแรง ๆ เลย”
หมื่นฟ้าเพิ่งรู้ว่าการกลั้นยิ้มมันยากก็คราวนี้ “ั้แ่มาก็เกรี้ยวกราดไม่หยุด มันยังไงครับ?”
“ก็พี่ฟ้านั่นแหละ…ทำไมเป็คนแบบนี้ล่ะครับ รักไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่ฟ้าจะเป็คนแบบนี้”
“พี่ฟ้านั่นแหละตลอด…เป็คนแบบนี้น่ะแบบไหน?”
“ก็ขี้แกล้งแบบนี้ไง รักก็คิดมากทั้งคืนว่าพี่ฟ้าเป็คนเงียบ ๆ ดุ ๆ อย่างที่คนอื่นพูด แล้วรักก็ไปถามลี้มาแล้วด้วย ลี้ยังการันตีเลยว่าดุจริง…แต่พอเจอตัวจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย ขี้แกล้ง! มากกว่า…”
“อยากให้ดุเหรอ?”
“ดุยังดีกว่าแกล้งอีก…พอพี่ฟ้าแกล้งแล้วรักจะหงุดหงิด เหมือนตอนนี้ไง รักชักจะไม่พอใจพี่ฟ้าแล้วนะเนี่ย…”
หมื่นฟ้ายิ้มขำก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย “ไม่พอใจเลยเหรอ? …แล้วที่ว่าไม่พอใจแล้วนะเนี่ย มันไม่พอใจระดับไหนครับ?”
“ก็เริ่มไม่พอใจมาก ๆ แล้วไงเล่า! พี่ฟ้าไม่รู้เื่เลย”
“อ๋อ จะได้รู้ไว้”
ผู้จัดการร้านที่กำลังจะเอากุญแจห้องเรือนกระจกไปให้เ้านายเพราะได้รับคำสั่งไว้ั้แ่เมื่อคืนว่าให้เปิดห้องเรือนกระจกไว้รอแขกคนสำคัญ ทว่าเขาต้องหยุดชะงักเพราะใที่เห็นแขกคนสำคัญยืนเถียงเ้านายเขาฉอด ๆ แถมยังว่าเ้านายเขาเป็พวกไม่รู้เื่รู้ราวอีก มีสองอย่างที่คิดว่าหมื่นฟ้าจะทำหลังจากนี้
หนึ่งคือต่อยเด็กคนนั้นจนปากแตก
กับสองคือให้พนักงานมาหิ้วตัวคนปากเก่งออกไปจากร้าน
แต่ดู ๆ แล้ว สำหรับแขกคนนี้น่าจะมีตัวเลือกที่สามเกิดขึ้น นั่นก็คือ เป็ข้อยกเว้นของเ้านาย เพราะต่อให้อีกฝ่ายเถียงและแสดงอาการไม่พอใจอย่างไร หมื่นฟ้าก็เอาแต่นิ่งเงียบ ทำเพียงแค่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง และแววตาของคนตัวสูงที่มองเด็กคนนั้นอ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ผู้จัดการร้านคนสนิทของหมื่นฟ้าส่ายหัวเบา ๆ อย่างไม่เชื่อสายตาพลางจิ๊ปากไม่พอใจตัวเองที่กลายเป็พวกขี้สอด เขาเรียกสติให้กลับมาดังเดิมก่อนจะเดินเข้าไปหาเ้านายที่ตอนนี้อยู่หน้าห้องเรือนกระจกกับแขกคนสำคัญแล้ว
“คุณฟ้าครับ…นี่กุญแจห้องเรือนกระจกครับ”
“ขอบคุณครับ”
ที่รักเงยหน้ามองห้องเรือนกระจกที่หมื่นฟ้ากำลังไขกุญแจอยู่ มันเป็ห้องกระจกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับโซนวีไอพี แต่ที่รักไม่คิดว่ามันเป็แค่ห้องกระจกเพราะหลังคากระจกที่เป็ทรงปั้นหยานั้นทำให้คล้ายบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ มากกว่า และเหมือนว่าที่นี่จะเอาไว้จัดงานที่้าความเป็ส่วนตัวมาก ๆ เท่านั้น อาจจะอนุญาตให้ใช้เฉพาะคนสำคัญด้วยเพราะถ้าหากเปิดรับลูกค้าทุกวัน ห้องเรือนกระจกคงไม่ถูกปิดล็อกแ่าเช่นนี้
เขาเดินตามหมื่นฟ้าเข้าไปด้านใน ด้วยความที่ห้องนี้เป็กระจกใสรอบด้าน จึงทำให้เห็นการตกแต่งภายในั้แ่อยู่ข้างนอก แต่พอเข้ามาััจริง ๆ เขากลับได้รับความรู้สึกต่างจากตอนแรก
ที่รักรู้สึกว่ามันอบอุ่น สงบเงียบ และผ่อนคลายเพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้สดที่ปักอยู่ในแจกันบนโต๊ะอาหารยาวขนาดสิบคนนั่ง และแสงแดดยามเย็นที่ส่องผ่านหลังคากระจกยิ่งทำให้บรรยากาศภายในนี้อบอุ่นมากขึ้นไปอีก ในตอนแรกที่รักคิดสงสัยว่าในเวลาที่ไม่มีแสงจากธรรมชาติอย่างแสงพระอาทิตย์คอยช่วยส่องสว่าง ภายในห้องนี้จะได้รับแสงจากที่ไหนในตอนกลางคืน ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมอง้า โคมไฟระย้าสีขาวที่ห้อยลงมาตรงกลางห้องก็ช่วยคลายความสงสัยนั้นให้เขา
ที่รักกวาดสายตาสำรวจไปทั่วทั้งห้องก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ หมื่นฟ้าที่แวบออกไปข้างนอกตอนที่เขากำลังให้ความสนใจกับห้องกระจกอยู่ก็เพิ่งกลับเข้ามา คนตัวสูงนั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ล้วงโทรศัพท์ออกมากดโดยไม่สนใจเขา ก่อนจะปรับท่านั่งไขว้ห้างอย่างสบายอารมณ์
“…” ในตอนนี้ที่รักปรับอารมณ์ไม่ถูกแล้ว เดี๋ยวหมื่นฟ้าก็เป็คนขี้แกล้ง เดี๋ยวก็เ็าเมินเฉย เขารู้สึกสับสนไปหมด แต่เมินกันแบบนี้น่ะดีแล้ว เขาจะได้รีบ ๆ พูดขอบคุณและขอโทษให้จบ ๆ ไป
“ว่าไง…มีอะไรอยากจะพูดครับ?”
ที่รักจ้องมองคนตรงหน้าที่เริ่มบทสนทนาก่อน แต่คนถามไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองกันเลยสักนิด เอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ที่รักลอบถอนหายใจพลางคิดว่า…เมินกันแบบนี้น่ะดีแล้ว จะได้พูดคล่อง ๆ หัวใจไม่ต้องทำงานหนักอีก
“…”
“พูดมาเลยครับ…”
“…” ที่รักสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมคิดหาประโยคคำพูดที่จะแสดงถึงความจริงใจให้ได้มากที่สุด
“พี่ฟ้ารอฟังอยู่…”
ทว่าประโยคที่แสนจริงใจและสวยหรูของเขาถูกหมื่นฟ้าทำลายอย่างง่ายดายโดยคำว่า พี่ฟ้า เพียงคำเดียว ในหัวของที่รักว่างโล่งไม่เหลือเศษซากของถ้อยคำสละสลวยที่เตรียมไว้
เมื่อกี้พี่ฟ้าแทนตัวเองว่าอะไรนะ?
“เอ่อ…”
“…”
“คือ…”
คงจะหูฝาดไปเอง…
หมื่นฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทันทีที่คุยเื่งานกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จ ก่อนเอ่ย “เมื่อกี้ พี่ฟ้า คุยงาน ขอโทษครับที่ไม่ตั้งใจฟัง”
แทนตัวเองว่า พี่ฟ้า เหรอ?
ที่รักกระอึกกระอักพูดไม่ออก แล้วยิ่งได้สบตากันใกล้ ๆ แบบนี้ สติของที่รักก็แตกกระเจิงเกินควบคุมไปใหญ่ ตอนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงของหมื่นฟ้าเลย ได้ยินแค่เสียง…
ตึก ตัก ตึก ตัก
ที่มันดังก้องจนรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ที่รักไม่อยากยอมรับว่าเผลอใจเต้นแรงกับผู้ชายคนนี้ไปหลายครั้งแล้ว นับั้แ่เกิดเื่วันนั้น
ความจริงอาจจะไม่ได้เผลอ…เพราะเขารับรู้ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ
แต่ใช่ว่าที่รักไม่ห้ามใจตัวเอง…ห้ามแล้ว ไม่ให้มันเต้นแรง ไม่ให้มันเล่นใหญ่ แต่มันไม่ยอมฟังกันเลย
ที่รักจะใจเต้นแรงกับหมื่นฟ้าของใคร ๆ ไม่ได้สิ T_______T
TBC
#กี่หมื่นฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้