แม้ว่าเืของอสูรร้ายจะไม่ได้มากมายนัก แต่เมื่อฉินอวี่ดื่มไปจนหมด พลังของพลังปราณในร่างกายของเขาก็ถึงขีดสุด
พลังในโลหิตของอสูรร้ายระดับสี่กว่าร้อยตัวนั้นก็เป็เหมือนดั่งพายุที่รุนแรง ที่พุ่งตรงไปยังทั่วทุกพื้นที่ในร่างกายของฉินอวี่
“ฉึก...”
ร่างกายของฉินอวี่เริ่มปริออก รอยแตกเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น เืไหลออกมาจากาแทันที
การาเ็ของร่างกาย ทำให้การเผาผลาญพลังปราณทั่วทั้งร่างมีความเข้มข้นมากขึ้น
ฉินอวี่ไม่ได้ให้ความสนใจกับร่างกาย เขาทำการควบคุมพลังปราณในร่างกาย และหลอมเือสูรร้ายอย่างเต็มกำลัง ยังโชคดีที่เพลิงแอ่งธรณีได้กลับสู่จุดตันเถียนแล้ว ไม่เช่นนั้น สายเืหยาจื้อที่ติดอยู่ในเือสูรก็คงถูกมันดูดกลืนไปจนหมด!
“ข้าต้องทำการหลอมสายเืของหยาจื้อเสียก่อน จึงจะสามารถหลอมไข่มุกโลหิตของตนเองได้ จากนั้นจึงประสานรวมสายเืหยาจื้อเข้าไป ก่อนที่ไข่มุกโลหิตจะก่อตัว!”
หลังจากตัดสินใจแล้ว ฉินอวี่ก็ใช้พลังทั้งหมดหลอมเือสูรร้าย
ในตอนนี้ด้วยการหลอมพลังที่ดุเดือดในร่างกาย ได้ทำลายอวัยวะภายในของเขาอย่างรุนแรง ฉินอวี่ไม่เพียงจะต้องทนต่อความเ็ปที่มหาศาลเท่านั้น แต่ยังต้องจดจ่ออยู่กับการกลั่นเือสูรร้าย สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่ต้องเผชิญกับความท้าทายในความอุตสาหะของตนเองเป็อย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน
ฉินอวี่ก็มีเืโชกไปทั้งร่าง ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแตกที่หนาแน่น เืกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ทั้งร่างของเขามีแสงสีแดงเปล่งประกายออกมา ราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชติ่ และในร่างกายของเขาตอนนี้ กำลังพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
พลังปราณในเืของอสูรร้ายเป็เหมือนลมพายุที่พัดกระหน่ำ ทำให้เืของอสูรร้ายสายเืหยาจื้อนั้นแตกออกเป็เสี่ยงๆ
แท้จริงแล้วการขัดหลอมเป็การกำจัดสิ่งแปลกปลอมและปรับแต่งแก่นแท้ของมัน พลังปราณของอสูรร้ายที่มีอยู่ในเือสูรร้ายเหล่านี้เพียงพอที่จะทำลายกากปฏิกูลในโลหิต และสิ่งที่เหลือไว้ก็คือแก่นแท้ของมัน ที่มีสายเืหยาจื้อปะปนอยู่
แต่สิ่งที่ฉินอวี่รู้สึกเสียดายคือ อสูรร้ายเหล่านี้ได้ตายไปนานแล้ว พลังที่มีอยู่ในเืได้สูญเสียลงไปอย่างมาก และพลังของสายเืหยาจื้อนั้นก็ยิ่งน่าเวทนานัก
ไม่ใช่ว่าฉินอวี่จะไม่เคยคิดถึงสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ในตอนนั้นพวกของฉู่สยงได้มาถึงที่นี่ ทำให้เขาจำเป็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมาเสียก่อน คือการได้เก็บรวบรวมเือสูรร้าย
“อสูรร้ายตัวนั้นกลืนกระบี่ัเข้าไป ในร่างกายของมันจะต้องมีสายเืของหยาจื้ออย่างแน่นอน” ฉินอวี่พึมพำด้วยความกังวล ร่างกายของเขาต้องแบกรับจากความเ็ปที่รุนแรง แต่ความเ็ปนี้ก็มาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย พละกำลังชนิดนี้มาพร้อมความเ็ปแสนสาหัส ทำให้ฉินอวี่รู้สึกเหมือนได้ขึ้น์และตกนรกสลับกันอยู่ตลอดเวลา และยังทำให้กำลังวังชาของเขาค่อยๆ อ่อนแรงลง
แต่ฉินอวี่ยังไม่ยอมแพ้ บังคับกำลังของตนเองขึ้นมา ก่อนจะหยิบเืเนื้อของร่างอสูรร้ายตัวนั้นออกมา จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แล้ว ฉินอวี่ไม่สนใจแล้วว่าชิ้นเนื้อเหล่านี้จะสุกหรือดิบ เขาได้กัดฉีกมันออกอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่พอ!”
ในไม่ช้า ซากร่างของอสูรร้ายก็ถูกฉินอวี่กัดแทะไปกว่าครึ่งร่าง พลังที่มีอยู่ในเนื้อของมันได้ถ่ายเทสู่ร่างกายของเขาอีกครั้ง ก่อนจะถูกขัดเกลาด้วยพลังปราณอีกครั้ง
เมื่อฉินอวี่กัดแทะซากร่างของอสูรร้ายไปจนหมดโดยเหลือเฉพาะส่วนศีรษะ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังของการขัดหลอม จนฉินอวี่เริ่มเป็กังวล
ยังไม่พอ!
ในตอนนี้ ร่างกายของฉินอวี่ถูกทำลายเพราะพลังจากปราณในโลหิตซึ่งอยู่ในร่างกาย ผนวกกับพลังที่ปะปนอยู่ในเนื้อของอสูรร้าย ยิ่งเร่งให้รอยแตกในร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เืไหลออกมาจากทั่วทั้งร่างของฉินอวี่ จนร่างกายของเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
“เอี๊ยด!”
ฉินอวี่กัดฟันแน่น ร่างกายของเขาเริ่มปรากฏเสียงลั่นขึ้นมา เขาที่มีใบหน้าเคร่งขรึมบังคับให้ตนเองเปิดปาก ก่อนจะกัดลงไปบนศีรษะของอสูรร้ายอย่างรวดเร็ว!
ไม่นานนัก อสูรร้ายก็เหลือเพียงกระดูก ฉินอวี่ได้กัดกินส่วนที่เหลือไปจนเกือบหมดแล้ว
ฉินอวี่ไม่สนใจเื่อื่นใดทั้งสิ้น เขาเอาแต่ฝืนทนกับความเ็ปจากการปรับแต่งพลังที่ปะปนอยู่ในเนื้อของอสูรร้าย
ในตอนนี้เขากำลังเผชิญอยู่กับความเสี่ยงของร่างที่อาจแตกออก มีเพียงการสร้างไข่มุกโลหิตออกมาเท่านั้นจึงจะคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตินี้
เมื่อเขาทำการปรับแต่งพลังในเืเนื้ออสูรร้ายจนสมบูรณ์แล้ว ฉินอวี่ก็ะโขึ้นมาในใจ “จงหลอมรวม!”
“ตูม!”
ร่างกายของฉินอวี่ส่งเสียงอย่างสั่นสะท้าน ในตอนนี้กระดูกหลายชิ้นของเขาเริ่มถูกทำลายด้วยพลังของปราณในโลหิตของอสูรร้าย
แต่ใน่เวลาวิกฤติเช่นนี้ มีเืหยดลักษณะดั่งไข่มุกสีขาวครามขนาดเท่าเม็ดทรายที่แทบจะไม่อาจสังเกตเห็น ลอยอยู่ในเส้นลมปราณของฉินอวี่ ทันทีที่ไข่มุกสีขาวครามปรากฏขึ้น ฉินอวี่ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ พลังปราณที่รุนแรงในร่างกายต่างพุ่งกลับไปมาอยู่ในเส้นลมปราณ คัดแยกหลอมเอากากสกปรกที่ปะปนอยู่ออกมาทันที
เมื่อเืในเส้นลมปราณทั้งหมดถูกพลังจากปราณโลหิตของอสูรร้ายทำลายล้าง ไข่มุกโลหิตสีม่วงอ่อนขนาดไม่ถึงครึ่งนิ้วก้อยก็ปรากฏขึ้นเม็ดหนึ่ง
ฉินอวี่ที่รวมพลังจนถึงจุดขอบเขตของการะเิ ได้รวมไข่มุกสีขาวครามที่อยู่ในสายเืหยาจื้อเข้ากับไข่มุกโลหิตในร่างของตนเอง!
“ไข่มุกโลหิต! ขึ้นเป็รูปร่าง!” ฉินอวี่ส่งเสียงคำราม พลังในปราณโลหิตของอสูรร้ายได้ะเิขึ้นอย่างรุนแรง จนไข่มุกิญญาขนาดเท่าครึ่งเล็บนิ้วก้อยถูกบีบอัดจนเหลือขนาดเท่าเม็ดทราย จนตอนนี้เส้นลมปราณของฉินอวี่ก็ได้ดูเหมือนว่างเปล่าไปในทันที
แก่นแท้ของเืทั้งหมดได้หลอมรวมอยู่ในไข่มุกโลหิตนี้แล้ว
“เวิง!”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงบางอย่างขึ้น ไข่มุกโลหิตขนาดเท่าเม็ดทรายเกิดแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งขึ้นมาทันที ทำการดูดซับพลังปราณในร่างกายของฉินอวี่อย่างบ้าคลั่ง!
ฉินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่มีเวลาจะตรวจสอบความสำเร็จ และรีบนำไข่มุกโลหิตเข้าไปในจุดตันเถียน จากนั้นจึบหยิบโอสถใส่ไว้ในปาก ก่อนจะเรียกใช้วิชาเซียนมรรคา์
ฉินอวี่ยังไม่รู้ว่าในขณะที่เขากำลังทำการหลอมสายเืของหยาจื้อนั้น เพลิงแอ่งธรณีในจุดตันเถียนก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างเงียบๆ เช่นกัน
จากสีเข้มอันมืดมิดได้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีเทาเล็กน้อย ขนาดเท่ากำปั้นของมันลดลงเหลือขนาดเท่าหัวแม่โป้ง แต่กลับมีพลังประหลาดถูกปลดปล่อยออกมา!
ครึ่งเดือนต่อมา
ฉือเซียวที่ยังคงเปลือยท่อนบนได้มาถึงยังสถานที่ซึ่งฉินอวี่กำลังทำสมาธิอยู่ เมื่อมองไปทางฉินอวี่ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในชุดคลุมสีดำที่เริ่มเป็สีดำปนแดง เขาก็ขมวดคิ้วแน่น สายตามองตรงไปยังกองกระดูกของอสูรร้าย หลังจากรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ฉือเซียวก็มองไปทางน้ำเต้าสีครามและน้ำเต้าสีเขียวหยกที่อยู่ด้านข้างฉินอวี่
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉือเซียวก็เดินมาข้างกายของฉินอวี่ ก่อนจะหยิบน้ำเต้าสีเขียวหยกขึ้นมา และใช้มโนจิตส่องเข้าไปภายใน พลางขมวดคิ้ว จากนั้นจึงหยิบน้ำเต้าสีครามขึ้นมา เมื่อใช้มโนจิตส่องเข้าไปดู ดวงตาของฉือเซียวก็เบิกโพลงและถอนหายใจออกมา
“เป็ไปได้อย่างไรกัน? เขาดื่มมันจนหมดเชียวหรือ?” ฉือเซียวรู้สึกใราวกับถูกคลื่นซัดสาด
ในน้ำเต้าสีครามมีเือสูรร้ายที่เกี่ยวกับอัคคีอยู่กว่าร้อยชนิด เดิมทีฉือเซียวคิดไว้ว่าฉินอวี่คงจะดื่มไปได้สักหนึ่งในสิบส่วน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะดื่มเืนี้ไปจนหมด
“นี่มันเือสูรกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบตัวเชียวนะ ด้วยพลังของปราณโลหิตที่บรรจุอยู่ในนั้น แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่สามารถจะดื่มจนหมดได้ในคราวเดียว แล้วเขาทำได้อย่างไร?” ในใจของฉือเซียวไม่อาจสงบลงได้เลย
เือสูรร้ายกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบตัว ไม่ต้องพูดเลยว่าพลังอัคคีที่บรรจุอยู่ภายในนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นเทียนชุ่ยก็ยากที่ทนต่อพลังปราณโลหิตนั้นได้ แม้ว่าฉือเซียวอาจจะกลืนมันจนหมดได้ และพลังปราณโลหิตนี้จะไม่มีผลถึงตาย แต่อย่างไรก็ต้องได้รับาเ็สาหัส
“ช่างบ้าอะไรเช่นนี้!” ฉือเซียวค่อยๆ นั่งลง และเก็บความใเอาไว้ในใจ ก่อนจะหันไปมองกองกระดูกของอสูรร้าย จากนั้นจึงมองไปยังพื้นที่เปื้อนเื ฉือเซียวก็ถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
“หรือจะมีอสูรร้ายจู่โจมเข้ามา เขาจึงฆ่าอสูรร้าย จากนั้นก็กินเืเนื้อของมันไปจนหมด?”
“หรือ... เืที่อยู่ในน้ำเต้าพวกนั้นยังไม่พอ เขาจึงต้องกลืนกินเืเนื้อของอสูรร้ายเพิ่มอีกตัวหนึ่งเพื่อกระตุ้นพลังอัคคี?”
“มีร่างอสุนีลึกลับ และยังมีเพลิงแอ่งธรณีด้วย ไม่รู้อาจารย์ไปตามหาคนประหลาดเช่นนี้มาจากไหนกัน!”
ก่อนที่ฉือเซียวจะรู้สึกตัว ฉินอวี่ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่กำลังทำการฟื้นฟูอาการาเ็ของตนเอง
ขณะที่ฉือเซียวกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ฉินอวี่ก็ฟื้นอาการาเ็ของตนเองไปพอสมควรแล้ว และตอนนี้เขากลับไม่ได้สนใจอะไรในร่างกายของตนเอง แต่กลับสาดส่องมโนจิตลึกเข้าไปในจุดตันเถียน
เมื่อเขาได้เห็นสถานการณ์ในจุดตันเถียน ฉินอวี่ก็รู้สึกดีใจแต่ก็ยังผิดหวังอยู่เล็กน้อย
เพลิงแอ่งธรณีก็มีความเปลี่ยนแปลง สีของมันไม่ดูมืดมนอีกต่อไป แต่ยังแฝงไปด้วยแสงสีเทา เดิมมีขนาดเท่ากำปั้น แต่ตอนนี้เมื่อได้รับการดูดซับพลังอัคคีของอสูรร้ายจำนวนกว่าร้อยตัว มันก็เปลี่ยนขนาดไปเหลือเท่าหัวแม่มือ เพียงแต่ เมื่อพิจารณาจากพลังปราณภายในของมัน กลับมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม และยังมีพลังงานลึกลับที่อธิบายไม่ได้อยู่ภายใน จนทำให้ฉินอวี่ต้องใ
และไข่มุกโลหิตขนาดเท่าเม็ดทรายที่ลอยอยู่ในจุดตันเถียนได้เริ่มหมุนขึ้นช้าๆ แม้ว่าจะมีความละเอียดเท่าเม็ดทราย แต่ไข่มุกิญญานี้กลับมีประโยชน์อย่างมาก
เดิมแล้วไข่มุกิญญานี้ถูกขัดเกลาด้วยปราณโลหิตของอสูรร้าย และยังได้รับการกำจัดสิ่งแปลกปลอมด้วยเืในเส้นลมปราณของฉินอวี่ เหลือทิ้งไว้เพียงแก่นของโลหิต และในตอนนี้ ไข่มุกโลหิตได้กลายเป็แหล่งกำเนิดของเืทั่วทั้งร่างกาย
เืไหลซึมออกจากไข่มุกโลหิต ไหลผ่านไปตามเส้นลมปราณ และเืที่อยู่ตามเส้นลมปราณซึ่งไหลไปทั่วร่างกายก็ไหลรวมเข้าสู่ไข่มุกโลหิตเช่นกัน นี่คือสัญลักษณ์ของขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง จากนี้เป็ต้นไป เืของฉินอวี่จะไม่ได้เป็เพียงเือย่างทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีพลังของอสุนีลึกลับ ซึ่งนี่ถือเป็การเปิดร่างอสุนีลึกลับของเขาอย่างแท้จริง
พลังของอสุนีลึกลับนี้แข็งแกร่งขึ้นตามระดับการฝึกฝน เมื่อถึงจุดสูงสุด เืหนึ่งหยดก็จะะเิฟ้าดินได้ เช่นเดียวกับที่เพลิงอสุนีบาตดีระงับเืปีศาจ!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่รู้สึกผิดหวังคือไข่มุกโลหิตมีเพียงสีม่วงอ่อน และพลังสายฟ้าบางๆ เท่านั้นที่มองเห็นเด่นชัด นอกจากนี้แล้ว มันไม่มีอะไรที่ดูพิเศษเลย
“ล้มเหลวแล้วหรือ?” ฉินอวี่ไม่ค่อยพอใจ เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่อันตรายและคับขันเมื่อครั้งก่อน ในใจของเขาก็ยังหวาดหวั่น จากการคำนวณของเขา ทำเช่นนี้อาจจะช่วยให้สายเืของหยาจื้อเกิดการปรับแต่งขึ้นมาได้ และอาจช่วยให้หลอมสายเืของหยาจื้อให้เพิ่มมากขึ้นได้
แม้ว่าจะน้อยนิด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ควรทำให้ไข่มุกโลหิตมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้างจึงจะถูกต้องมิใช่หรือ?
“หรืออาจเป็เพราะอสูรร้ายตัวนั้นได้ตายไปแล้ว สายเืหยาจื้อที่เหลืออยู่จึงเหลือน้อยเต็มที จนยากที่จะทำได้สำเร็จ?” ฉินอวี่ครุ่นคิด
บางทีอาจเป็เพราะตนเองคิดง่ายเกินไป สายเืของหยาจื้อจะขัดหลอมออกมาอย่างง่ายดายได้หรือ? อย่างไรก็ตาม หากสามารถจับตัวอสูรร้ายสายเืหยาจื้อมาได้จำนวนมากขึ้น บางทีก็อาจจะได้สายเืหยาจื้อที่แท้จริง
เมื่อฉินอวี่ระงับความคิดไว้ในใจแล้ว เขาก็มองไปทางไข่มุกโลหิต และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับไข่มุกโลหิตไปทางเมล็ดพันธุ์คืนชีพที่อยู่ใจกลางจุดตันเถียน
หากไข่มุกโลหิตสามารถดูดซับพลังสายฟ้าจากเมล็ดพันธุ์คืนชีพได้ ก็จะต้องทำให้พละกำลังของตนเองแข็งแกร่งมากขึ้นได้แน่นอน
“ต่อไปจะต้องทำให้ไข่มุกโลหิตกลายเป็โอสถโลหิต เช่นนี้ ก็จะทำให้มันกลายเป็แหล่งจ่ายพลังงานได้ เอ๊ะ... หากสามารถสายเืหยาจื้อได้ มันจะไม่ยิ่งดีไปอีกหรือ? น่าเสียดาย...”
แม้ว่าจะไม่เป็อย่างที่คิดไว้ แต่ฉินอวี่ก็ไม่ได้ผิดหวังมากนัก อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะทำการทดลองเขาก็ได้เผื่อใจไว้สำหรับความล้มเหลวแล้ว
“เดี๋ยวสิ ในเมื่อเขตต้องห้ามมีอสูรร้ายที่มีสายเืหยาจื้ออยู่ตัวหนึ่ง มันก็อาจจะมีอสูรร้ายตัวอื่นที่เป็เช่นนี้หรือไม่?”
“หากเป็เช่นนี้...”
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขตต้องห้ามจะมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในอสูรร้ายที่ดุร้ายที่สุดอย่างหยาจื้อ? หรือว่า... ในส่วนลึกของเขตต้องห้ามจะมีพลังปราณของหยาจื้อ ััอารมณ์แห่งเต๋าของหยาจื้อ? บางทีอาจจะเป็ร่างของหยาจื้อ? ไม่เช่นนั้น คงเป็ไปไม่ได้ที่อสูรร้ายทั่วไปจะมีสายเืของหยาจื้อ”
“หรือว่า ฉู่สยงจะรู้ความลับของเขตต้องห้าม?”
