ท่ามกลางฟ้าดินที่โกลาหลวุ่นวายอันกว้างใหญ่แต่รกร้างผืนหนึ่ง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงอสุนีบาตฟาดผ่า เปลวเพลิงพวยพุ่งจากผืนปฐี พลังงานมหาศาลจนฟ้าถล่มดินทลายอัดแน่นไปทั้งชั้นบรรยากาศ
โลกเทพยุทธ์ ในสมัยโบราณกาลนั้น ไฟาลุกลามไปทุกแห่งหน
หลงอวี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกโบราณอันกว้างใหญ่แห่งนี้
“โลกเทพยุทธ์ หรือว่า โลกที่ข้าอยู่ตอนนี้จะเคยถูกเรียกว่าโลกเทพยุทธ์ในสมัยโบราณ...”
หลงอวี้เบิกตาโต แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถทำให้ภาพตรงหน้าชัดขึ้นได้เขารู้ว่านี่เป็แค่ความทรงจำ่หนึ่งเท่านั้น
ความทรงจำ่หนึ่งของัปรภพที่ไหลเข้ามาในหัว
ในโลกใบนี้ กว้างใหญ่เกินไป ตรงจุดที่หลงอวี้อยู่นั้น เขามองเห็นเพียงพลังงานที่มีอำนาจทำลายล้างสูงกำลังพลุ่งพล่าน ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นใดแม้แต่ตัวเดียว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน บนท้องฟ้าอันกว้างเกิดระลอกคลื่นสีดำสายหนึ่งแผ่ขยายออกมา เพียงครู่เดียวมันก็ขยายใหญ่ขึ้น และมีสิ่งมีชีวิตมหึมาสีดำตนหนึ่งบินมาจากขอบฟ้า
แม้จะเห็นรูปร่างชัดเจนนัก แต่หลงอวี้กลับรู้ดีว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร
“ั ัปรภพ!”
หลงอวี้มองไปทางนั้นด้วยสายตาตึงเครียด เห็นเพียงเงาของัปรภพปกคลุมไปทั่วฟ้า ทุกที่ที่มันเคลื่อนตัวผ่าน ระลอกคลื่นสีดำที่แผ่ขยายจะทำลายพื้นที่บริเวณนั้นจนพังพินาศ ระดับชั้นของพลังทำลายล้าง ทรงพลังเหนือกว่าพลังงานอื่นๆ ในพื้นที่ว่างผืนนี้ไม่กี่ร้อยเท่า
เขาคือผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียวของโลกใบนี้!
ราวกับจอมจักรพรรดิที่อยู่เหนือใต้หล้า จุดที่ัปรภพเคลื่อนผ่านไป ทุกหย่อมหญ้าถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผา ก่อตัวกลายเป็ดอกบัวสีดำ ลุกไหม้อย่างไม่มีวันมอดดับ
ัปรภพที่บินทะยานบนฟ้าสูง ทำให้โลกทั้งใบราวกับถูกเมฆทะมึนบดบัง แต่ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ ก็มีประกายแสงเทวะสายหนึ่งพุ่งลงมาจากสรวง์ อาบย้อมร่างัปรภพกะทันหัน!
ลำแสงเทวะสายนั้น ราวกับทำให้ทั้งเวลาและช่องว่างหยุดนิ่ง แม้แต่ัเก้าปรภพที่แข็งแกร่งก็ไม่อาจต้านทานได้!
ในที่สุด ัปรภพที่เป็เสมือนจอมจักรพรรดิของโลกนี้ก็ถูกลำแสงเทวะทรทัณฑ์ จมหายเข้าไปในส่วนลึกของโลกเทพยุทธ์ ถูกปิดผนึกลงอย่างไม่อาจขัดขืน...
......
ไม่รู้เวลาผ่านไปเนิ่นนานขนาดไหน โลกเทพยุทธ์ได้มีสิ่งมีชีวิตใหม่ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง
หลงอวี้ยังคงล่องลอยอยู่ตรงจุดที่ัปรภพสิ้นท่า ซึ่งตำแหน่งนี้ หลังจากวันเวลาอันยาวนานผ่านไปก็ได้กลายเป็หุบเขาสูงทะลุเมฆลูกหนึ่ง ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยเศษซากพลังงานของัปรภพกระจัดกระจาย ทำให้บนหน้าผาของหุบเขาทั้งลูกปรากฏลายเส้นสีดำพิสดารประทับอยู่เต็มไปหมด
ภายในหุบเขานั้น เริ่มมีมนุษย์มาอาศัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนรวมกันเป็ชนเผ่าหนึ่ง
คนของชนเผ่านี้ เรียกขานตัวเองว่า ‘ผู้สืบทอดของั’!
เพราะลวดลายสีดำลายัเทวะบนหน้าผาทำให้คนของชนเผ่านี้มีพลังแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ขอเพียงสลักสัญลักษณ์ัปรภพลงบนอกก็จะสามารถดึงพลังของัแห่งปรภพจากยุคดึกดำบรรพ์มาใช้ได้
ผู้คนของชนเผ่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมตัวเองสามารถใช้พลังของัปรภพได้ แต่ในโลกที่วรยุทธ์คือทุกสิ่ง การมีพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะยืนหยัดในใต้หล้าได้
ดังนั้นคนของชนเผ่านี้จึงไม่มีใครสืบหาสาเหตุ และการสลักสัญลักษณ์ัปรภพบนอกก็ได้กลายเป็ธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ
สัญลักษณ์ัปรภพนั้น ตอนที่เพิ่งสลักลงไปจะยังไม่ใช่ัปรภพ เป็เพียงสัญลักษณ์ัทั่วไปเท่านั้น
สัญลักษณ์รูปันี้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเก้าขั้น ในแต่ละขั้นจะยกระดับพลังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
การเปลี่ยนแปลงขั้นแรกจะทำให้สัญลักษณ์รูปัตื่นขึ้นเป็สัญลักษณ์ัปรภพ!
“เช่นนี้เอง เมื่อวิถียุทธ์ขึ้นไปถึงขั้นสี่ จะทำให้สัญลักษณ์ัเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นแรก หลังจากที่มันตื่นขึ้น จะเพิ่มพละกำลังให้ตัวเองได้ถึงหมื่นชั่ง... และขั้นต่อไป จะเกิดขึ้นตอนที่ยกระดับวิถียุทธ์ถึงขั้นแปด เมื่อกระตุ้นพลังออกมาใช้จะเพิ่มพละกำลังให้ตัวเองได้ถึงหนึ่งแสนชั่ง ขณะเดียวกันก็จะสามารถใช้วิทยายุทธ์เฉพาะตัวของสัญลักษณ์ัปรภพได้ มันน่ากลัวถึงเพียงนี้เลยหรือ!”
หลงวี้สังเกตวิถีชีวิตของคนในชนเผ่านั้นอย่างละเอียด ไม่นานก็ทำความเข้าใจความสามารถของสัญลักษณ์ได้มากกว่าเดิมเล็กน้อย
เพียงแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถียุทธ์ขั้นที่แปดขึ้นไปในความทรงจำนี้ ในสายตาของหลงอวี้กลับเลือนราง เห็นได้ชัดว่าระดับของเขาตอนนี้ยังไม่สามารถฉายความทรงจำที่อยู่ในระดับสูงมากเกินไปได้
หลังจากได้ดูความทรงจำเหล่านี้ หลงอวี้ก็ตระหนักได้ว่าที่ตัวเองเลือกฝึกวิทยายุทธ์ประเภทฝึกกายนั้นเป็ทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว
เพราะคนของชนเผ่าเองก็ล้วนฝึกวิชาประเภทนี้ั้แ่เด็ก เพื่อให้ร่างกายสามารถทนต่อพลังของสัญลักษณ์ัปรภพได้ เนื้อ หนัง กระดูก เอ็นแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า!
ความทรงจำแสดงภาพมาถึงตรงนี้ก็เริ่มเลือนราง
หลงอวี้ได้ล่วงรู้ความลับบางอย่าง แต่กระนั้นก็ได้ทำให้เกิดคำถามใหม่ขึ้นในใจเขา
คนของชนเผ่านั้นที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้สืบทอดของั’ เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาในชาติก่อน?
หลังจากที่ตาย ทำไมเขาถึงถูกส่งมายังโลกนี้พร้อมกับสัญลักษณ์ัที่อก?
คำถามเหล่านี้ ยังอีกยาวไกลยิ่งนักที่จะได้คำตอบ!
ความทรงจำค่อยๆ เลือนรางจนแทบจางหาย และ่จังหวะสุดท้าย หลงอวี้คล้ายว่ามองเห็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง ผิวขาวหมดจด ดูสูงส่งแต่ก็ดูเลือนรางราวกับภาพมายา
หญิงงามผู้นั้นมองมาทางเขาจากสถานที่อันไกลโพ้น รูปร่างของนางไม่ชัด มีเพียงดวงตาคู่งามเท่านั้นที่ใสราวกับกระจก แขนเรียวบางของนางก็ราวกับเพิ่งผละออกจากอกของหลงอวี้ไป...
“อวี้เฟย อวี้เฟย...”
ชื่อนี้พลันปรากฏขึ้นในหัวของหลงอวี้ เหมือนเป็ชื่อของัปรภพ แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่
“สัญลักษณ์ับนตัวข้า สตรีนามว่าอวี้เฟยผู้นี้เป็คนสลักให้ข้าอย่างนั้นหรือ แต่ว่านางเป็ใคร ทำไมต้องสลักสัญลักษณ์นี้ให้ข้าด้วย...”
ภาพของหลงอวี้ยิ่งเลือนรางลงเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวก็เหลือแต่ความมืดมิด
ไม่ว่าจะเป็ัปรภพ ชนเผ่าผู้สืบทอดของั หรือจะเป็หญิงงามเ้าของนามอวี้เฟยผู้นั้น ทั้งหมดล้วนหายไปจากเบื้องหน้าอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
และในจังหวะนั้นเอง หลงอวี้ก็ลืมตาขึ้น
“อ๊ะ! เ้าตื่นแล้วหรือ”
น้ำเสียงสดใสของหญิงสาวพลันดังขึ้น ราวกับถูกหลงอวี้ทำให้ใก็ไม่ปาน
พอหลงอวี้ได้ยินก็จำได้ว่านี่เป็เสียงของสาวน้อยน่ารักนามเลี่ยวเล่อเล่อ แต่เมื่อสังเกตดูรอบๆ กลับพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่หลังหนึ่ง เลี่ยวเล่อเล่อถือผ้าขนหนูผืนหนึ่งไว้ ดูเหมือนกำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่
“นั่นเ้าทำอะไร?”
หลงอวี้มองเลี่ยวเล่อเล่อด้วยสายตาหวาดระแวง
“เ้าว่าข้าทำอะไรอยู่ล่ะ?”
เลี่ยวเล่อเล่อเห็นสายตาระแวงของหลงอวี้แล้ว ก็เหลือกตาจ้องเขม็งใส่อย่างอดไม่ได้
“ขาของเ้าถูกเฟิงอวิ๋นเจาะเป็รูในกระบวนท่าเดียว ถ้าไม่ได้ยาวิเศษของผู้เฒ่าขาวและการดูแลตลอดทั้งวันทั้งคืนของข้าช่วยไว้ละก็ ป่านนี้เ้าคงพิการไปแล้ว!”
หลงอวี้เพิ่งสังเกตเห็นว่านางกำลังเช็ดทำความสะอาดาแบริเวณเข่าให้เขา าแตรงนั้นฟื้นฟูจนเกือบจะหายดีแล้ว
เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ พบว่าที่นี่เป็กระท่อมไม้ไผ่หลังหนึ่ง ทิวทัศน์สวยงามและเงียบสงบ แต่ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
“นี่คือที่ไหนหรือ”
หลงอวี้ถามออกไป
“เป็ที่พักอาศัยของผู้เฒ่าขาวและผู้เฒ่าดำ บนยอดเขาสยบฟ้า”
เลี่ยวเล่อเล่อตอบ
“ผู้เฒ่าขาวกับผู้เฒ่าดำ?”
หลงอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนจะหมดสติ เขาจำได้รางๆ ว่าเฟิงอวิ๋นเรียกชื่อของผู้าุโประจำหอวิทยายุทธ์ว่า ‘ผู้าุโอวี้’ แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงได้มีผู้เฒ่าขาวกับผู้เฒ่าดำโผล่มาแทนเล่า?
“ผู้าุโพิทักษ์ลัทธิแห่งลัทธิสยบฟ้า เป็สหายสนิทผู้าุโอวี้แห่งหอวิทยายุทธ์”
เลี่ยวเล่อเล่ออธิบายให้เขาฟัง
หลงอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงถามไปว่า “ข้าสลบไปนานแค่ไหน?”
“ครึ่งเดือนแล้ว ข้านึกว่าเ้าจะนอนเป็ผักไปแล้วเสียอีก”
เลี่ยวเล่อเล่อกระแทกเสียงน้อยๆ
แม้น้ำเสียงของนางจะไม่ค่อยดี แต่หลงอวี้กลับััได้ถึงความห่วงใยที่แฝงอยู่ จึงอดรู้สึกอบอุ่นใจไม่ได้ เขายิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมาก
เขาลุกขึ้นนั่ง พบว่าร่างกายไม่ได้ผิดปกติ กลับกลายเป็ว่าการนอนพักครึ่งเดือนนี้ได้ทำให้เขามีสภาพสมบูรณ์พร้อมยิ่งกว่าเดิม
ส่วนาแตรงขาขวาที่ถูกเฟิงอวิ๋นเจาะเป็รูนั้น ก็สมานตัวจนเกือบหายดีแล้ว ไม่เป็อุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวอีก
“ถ้าเ้าตื่นแล้ว เช่นนั้นข้าไปเรียกผู้เฒ่าทั้งสองเข้ามาก่อนก็แล้วกัน”
พอเลี่ยวเล่อเล่อเห็นหลงอวี้ลุกขึ้นนั่ง ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกจากกระท่อมไม้ไผ่ไป
หลงอวี้ลองขยับตัว คิดจะบิดี้เีสักหน่อย แต่ก็ต้องพบว่าเสื้อผ้าบนตัวเขาถูกเปลี่ยนใหม่หมด จึงนิ่งอึ้งไปทันที
“ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า? ผู้เฒ่าขาวกับผู้เฒ่าดำเหรอ? ทั้งสองเป็ถึงผู้าุโพิทักษ์ลัทธิ ไม่น่าจะใช่ หรือจะเป็...”
เลี่ยวเล่อเล่อ?
ไม่ได้การ... เื่นี้ต้องถามให้ชัดเจน!
แต่ไม่ว่าใครจะเป็คนเปลี่ยนให้เขา ต้องได้เห็นสัญลักษณ์ัปรภพแล้วเป็แน่?
ในตอนที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูกระท่อมก็ถูกเปิดออก ตาเฒ่าชุดสีขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา โดยมีเลี่ยวเล่อเล่อเดินตามหลัง แต่ไม่ได้เข้ามาด้วย เพียงหันมาทำหน้าทะเล้นใส่หลงอวี้ก่อนจะหันหลังกลับแล้วปิดประตูลง
ภายในกระท่อมก็เหลือแค่หลงอวี้และตาเฒ่าในชุดขาวผู้นั้น
“หลงอวี้ ในที่สุดเ้าก็ตื่นเสียที”
ตาเฒ่าชุดขาวก้าวเท้าเข้ามาโดยไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยน มองหลงอวี้ราวกับกำลังมองสหายสนิทของตัวเองก็ไม่ปาน ไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย
“เ้าเรียกข้าว่าเฒ่าขาวก็ได้”
พอตาเฒ่าชุดขาวพูดจบ ก็มายืนอยู่ข้างหลงอวี้ และมองมาที่อกของเขา
หลงอวี้ใขึ้นมาทันที สัญลักษณ์ัปรภพถูกคนเห็นแล้วจริงๆ
แต่ตาเฒ่าชุดขาวก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อรักษาขาเ้า ข้าได้ใช้โอสถคืนชีพไปหนึ่งเม็ด นั่นเป็โอสถชั้นยอดเลยนะ นอกจากข้าแล้ว ในลัทธินี้เกรงว่าคงไม่มีใครหามาได้แน่”
“ขอบพระคุณผู้าุโ”
หลงอวี้รู้สึกซาบซึ้งพร้อมกับสงสัยเล็กน้อย ทำไมผู้เฒ่าขาวถึงยอมใช้โอสถชั้นยอดหนึ่งเม็ดเพื่อรักษาขาของเขา หรืออีกฝ่ายจะรู้ถึงพร์ของเขา จึงรู้สึกเอ็นดูและคิดจะรับเขาเป็ศิษย์?
ในตอนที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ผู้เฒ่าขาวก็แย้มยิ้มเล็กน้อย
“ไอ้หนุ่ม อย่าเข้าใจผิดล่ะ ที่ข้าช่วยเ้าไว้ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเ้าหรอกนะ แต่เป็เพราะบิดาของเ้าต่างหาก”
“บิดาข้า?”
หลงอวี้ได้ยินแล้วชะงักงัน บิดาของเขา หรือจะเป็คนรู้จักของผู้เฒ่าขาว?
ไม่ ไม่ใช่แค่รู้จัก คงต้องเกี่ยวข้องกันมากกว่านั้นแน่! ไม่อย่างนั้น ผู้เฒ่าขาวคงไม่มีทางใช้โอสถชั้นยอดหนึ่งเม็ดเพื่อสหายทั่วไปคนหนึ่งแน่
โอสถชั้นยอด เมื่อเทียบกับระดับสูงแล้วมันเหนือกว่าถึงสองระดับ เื่ความล้ำค่าคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก!
หลงอวี้พลันนึกได้ เฟิงฉางเกอเคยบอกไว้ก่อนมาลัทธิสยบฟ้าว่า ที่ลัทธิสยบฟ้ามีสหายเก่าของบิดาเขาอยู่ หรือจะหมายถึงผู้เฒ่าขาวตรงหน้า?
“แต่เื่เกี่ยวกับบิดาเ้าข้าขอไม่พูดถึงก็แล้วกัน”
ผู้เฒ่าไป๋มองที่อกของหลงอวี้อีกครั้ง
“สัญลักษณ์ับนอกนั่น น่าจะเป็สิ่งที่บิดาเ้าทิ้งไว้สินะ? แม้ตาแก่อย่างข้าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในอนาคตเ้าจะต้องประสบความสำเร็จไม่น้อย รอเ้ามีพลังมากพอ เ้าจะได้รู้เื่ราวเกี่ยวกับบิดาเอง”
หลงอวี้พยักหน้าตามน้ำ คิดในใจว่า แม้เขาจะไม่รู้ว่าในชาตินี้บิดาของตัวเองเป็ใคร แต่เขากลับมั่นใจว่า สัญลักษณ์ัไม่ใช่สิ่งที่บิดาเขาทิ้งไว้ให้แน่นอน
เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนว่า ก่อนจะข้ามมายังโลกนี้ ยังไม่มีสัญลักษณ์ัเขียวอยู่ มันต้องเกิดขึ้นหลังจากที่เขาข้ามมาแล้วแน่ๆ
อีกทั้งในความทรงจำอันเลือนรางก่อนหน้านี้ ผู้ที่สลักสัญลักษณ์ัให้เขาเป็สตรีที่งดงามผู้หนึ่ง เหมือนจะมีชื่อว่า ‘อวี้เฟย’ ไม่รู้ว่าทำไม หลงอวี้ถึงมีความรู้สึกว่า อวี้เฟยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาในชาตินี้เลย
แต่การที่ผู้เฒ่าขาวคิดไปเองว่าสัญลักษณ์นี้เกี่ยวข้องกับบิดาของเขาก็เป็เื่ดีเหมือนกัน ดีกว่าถูกล้วงความลับที่สำคัญกว่านั้น
ส่วนเื่ของอวี้เฟย ชนเผ่าผู้สืบทอดของั และัปรภพ หลงอวี้มั่นใจว่า ด้วยระดับของผู้เฒ่าไป๋ไม่มีทางรู้เื่อย่างแน่นอน
“แต่เ้าเองก็นับว่าดวงแข็งพอตัวเหมือนกันนะ”
ผู้เฒ่าขาวเปลี่ยนเื่คุย พลันกล่าวกลั้วหัวเราะ
“เ้ารู้ไหมว่าเฟิงอวิ๋นตอนนี้มีสภาพเป็อย่างไรแล้ว?”
“เฟิงอวิ๋น? มันเป็อะไร?”
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไป เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฟิงอวิ๋น เขาถูกเฟิงอวิ๋นเล่นงานจนหมดสติไปถึงครึ่งเดือน ตอนนี้เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้เฟิงอวิ๋นจอมป่าเถื่อนนั่นหลังจากถูกเขาผลักจนกระเด็น ได้มีอาการตกค้างอะไรเหลือหรือเปล่า!