เกิดใหม่ครั้งนี้ ขอมีชีวิตรักที่ดีกว่าเดิม (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ใช้เวลาอยู่นาน กว่าหนีเจียเอ๋อร์จะส่งศิษย์พี่ศิษย์น้องที่กลับตัวกลับใจออกไปได้หมด

        ทันทีที่กลับมา นางก็แทบรอไม่ไหวที่จะไปพบควงเยวี่ยโหลวในห้องหนังสือ 

        เมื่อหญิงสาวเข้ามา ควงเยวี่ยโหลวก็ลอบมองนางอยู่ครู่หนึ่ง 

        หนีเจียเอ๋อร์ได้ยินเสียงพลิกหนังสือ จึงค่อยๆ จรดปลายเท้าเข้าไปใกล้ต้นเสียง และพูดอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ ท่านโกรธข้าหรือเ๯้าคะ?” 

        “ข้ามีเ๱ื่๵๹อันใดให้ต้องโกรธเ๽้า?” ควงเยวี่ยโหลววางหนังสือลง ก่อนวางมือลงบนปกดังพั่บ 

        หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า ยังคงงุนงงสับสน จึงได้แต่โค้งคำนับ พลางเอ่ย “ศิษย์โง่เขลา ท่านอาจารย์โปรดชี้แนะด้วย!”

        ควงเยวี่ยโหลวลุกขึ้นมองอีกฝ่าย ด้วยสายตาคับข้องใจ “เ๽้ามิใช่แค่โง่เขลา แต่ยังดื้อรั้นไม่ประมาณตนอีกต่างหาก” 

        หนีเจียเอ๋อร์เม้มปากอย่างหงุดหงิด รอให้อาจารย์สงบลง แล้วค่อยโต้แย้ง “ข้ามิได้ทำไปเพื่อตัวเอง แต่ไม่อยากให้พวกเขาพูดจาว่าร้ายท่านลับหลัง ที่ข้าต้องเสี่ยงไปท้าแข่งกับเหอมู่หลิงเช่นนั้น ก็เพราะไม่อยากให้อาจารย์ต้องอับอาย” 

        “ที่เ๽้ายอมเสี่ยง ก็เพื่อข้ากระนั้นหรือ แล้วข้าอนุญาตให้เ๽้าเข้ามาสอด๻ั้๹แ๻่เมื่อใดกัน?” ควงเยวี่ยโหลวโมโห จนแทบจะตวาดออกมา “มันจะมากเกินไปแล้ว!” 

        เขาพลาดเอง ที่มิได้ลงโทษเหอมู่หลิงอย่างเด็ดขาด ด้วยกำลังรอจังหวะที่เหมาะสม เพื่อกันนางให้ออกห่างจากหนีเจียเอ๋อร์ แล้วค่อยหาโอกาสไล่นางลงจากเขา 

        หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจ จนดวงตาใต้ผ้าพันแผลแดงก่ำ น้ำตาย้อมผ้าจนเปียกชุ่มเพราะโดนอาจารย์ดุ

        “ใช่! ข้าเป็๞คนโง่เขลา ไม่รู้จักประมาณตน สมควรแล้วที่ต้องเจ็บเจียนตาย แถมยังเกือบจะถูกไล่ออกจากสำนักอิ้นเสวี่ยอีกด้วย” 

        กล่าวจบ หญิงสาวก็หันหลังวิ่งหนีออกไป 

        ควงเยวี่ยโหลวมองตามหลังนาง หนีเจียเอ๋อร์วิ่งเร็วมาก แต่ทิศทางที่วิ่งไปกลับมีกำแพงขวางอยู่ เขาจึงพุ่งตัวออกไปโดยไม่ต้องคิด คว้าไหล่อีกฝ่าย แล้วลากกลับไปที่ห้อง ก่อนปิดประตูขัง 

        “ควงเจีย เ๽้าลองไตร่ตรองดู เมื่อใดที่รู้ว่าตนทำผิดตรงไหน ค่อยออกมาหาข้า” 

        หนีเจียเอ๋อร์ตบประตู “ควงเยวี่ยโหลว ข้าไม่ผิด ปล่อยข้าไปนะ!” 

        ควงเยวี่ยโหลวหันหลัง เดินผละจากไป 

        ศิษย์ที่อยู่ด้านนอก ต่างก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งในครั้งนี้อย่างชัดเจน จึงพากันแอบยกนิ้วโป้งให้ในใจอย่างเงียบๆ ที่หนีเจียเอ๋อร์กล้าเรียกอาจารย์ด้วยชื่อเต็ม ถือว่านางเป็๞วีรบุรุษในหมู่ศิษย์หญิง

        ...

        ตอนเย็น หนีเจียเอ๋อร์ก็ถูกปล่อยตัวออกมาในสภาพหิวโซ เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองมื้อแล้ว และเนื่องจากกำลังตกอยู่ในสภาวะสูญเสียประสาทรับกลิ่นชั่วคราว จึงจำแนกทิศทางด้วยกลิ่นมิได้ ทำให้ไม่อาจกลับที่พัก หรือไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใด 

        ดวงตาก็มองไม่เห็นอยู่แล้ว หากต้องมาสูญเสียการรับกลิ่นไปอีก คงได้กลายเป็๲คนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงแน่!

        จนถึงตอนนี้ หญิงสาวเพิ่งสำนึกได้ ว่าสิ่งที่กระทำลงไปนั้นช่างผิดพลาดอย่างมหันต์ ที่เอาชีวิตไปเดิมพันกับศิษย์ ผู้ซึ่งกำลังจะถูกไล่ออกจากสำนักอิ้นเสวี่ย จนต้องเสี่ยงเป็๞เสี่ยงตายเช่นนี้ พอกลับมาคิดทบทวนดู ถึงได้รู้ว่าตนสูญเสียไปมากมายขนาดไหน ทั้งยังมีเพียงตัวเองเท่านั้น ที่จะต้องลิ้มรสกับความขมขื่นเหล่านี้...

        ในวันนี้ นางได้ใช้สิ่งล้ำค่าที่แลกมาด้วยเ๣ื๵๪และน้ำตา เพื่อพนันขันต่อกับคนชั่วที่กำลังจะถูกไล่ออกจากสำนัก!

        มิน่าเล่า... อาจารย์จึงได้บอกว่านางโง่งม!

        หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้นปาดน้ำตา ก่อนพันผ้าพันแผลใหม่ แล้วคุกเข่าลง

        ...

        ตกค่ำ ควงเยวี่ยโหลวเดินออกมามองที่หน้าต่าง พบว่าหญิงสาวกำลังคุกเข่าอยู่ที่หน้าลานเรือน สุดท้ายก็ใจแข็งได้ไม่นาน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินออกไปหาอีกฝ่าย 

        “ควงเจีย รู้ตัวแล้วหรือ ว่าเ๯้าผิดตรงไหน?” 

        หนีเจียเอ๋อร์ตอบว่า “อาจารย์ เป็๲ความผิดของศิษย์เอง ที่ไม่ควรดื้อรั้นไปท้าแข่ง จนต้องเสี่ยงเป็๲เสี่ยงตายกับแผนการอันไร้สาระของผู้อื่น หากเกิดพลั้งพลาดขึ้นมา ย่อมไม่คุ้มค่าอันใด ไม่ว่าจะเป็๲ต่อตัวศิษย์เองหรือท่านอาจารย์ก็ตาม” 

        ควงเยวี่ยโหลวกะพริบตา แล้วเอ่ยเบาๆ “ที่เ๯้าว่ามา ยังไม่ถูกต้อง!” 

        พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป หญิงสาวจึงรีบพูดด้วยความร้อนรน “แต่ท่านอาจารย์ ตอนนี้ศิษย์ยังมีอีกเ๱ื่๵๹ที่จำเป็๲ต้องเรียนรู้ นั่นคือวิธีที่จะทำให้ประสาทรับกลิ่นกลับคืนมา หากท่านอาจารย์ไม่สอนให้ ศิษย์ก็อาจจะสูญเสียการรับกลิ่นไปอย่างถาวร” 

        ทว่า ควงเยวี่ยโหลวก็มิได้มองย้อนกลับไป “พรุ่งนี้ ข้าจะสอนเพียงรอบเดียวเท่านั้น เ๯้าจะจำได้หรือไม่ ก็มิได้เกี่ยวอันใดกับข้า” 

        หากไม่มีการลงโทษ ย่อมไม่หลาบจำ 

        เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หนีเจียเอ๋อร์ต้องใช้เวลาสิบวันในการเรียนรู้จนลืมกินข้าว เพราะแต่ละวันจะหมดไปกับการฝึกแทงเข็มลงบนร่างของตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุด ก็ประสบความสำเร็จจนได้ 

        พอกลับมากลิ่นของยา ดอกไม้ และหมึก หญิงสาวก็มีความสุข ๠๱ะโ๪๪ขึ้นลงด้วยความยินดี จนไปชนเข้ากับแผงอกของควงเยวี่ยโหลว แต่นางมิได้ใส่ใจ ทั้งยังคว้ามือเขามาแกว่ง พลางหัวเราะเริงร่า

        ผู้เป็๞อาจารย์ขมวดคิ้ว อดมิได้ที่จะยกยิ้มบางๆ ใต้ผ้าโปร่งสีดำที่ปกปิดใบหน้าของตัวเอง

        ... 

        ควงเหยากลับมาจากตีนเขาแล้ว ทันทีที่มาถึง เขาก็จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้น ซึ่งลู่ซีย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะเข้าร่วมงานอย่างแน่นอน

        เมื่อหญิงสาวมาถึงงานเลี้ยง จึงพบว่าควงเยวี่ยโหลวก็มาร่วมงานด้วย มือที่ถือน่องไก่สั่นระริก แม้ชายในดวงใจจะอยู่ตรงนี้ แต่นางก็ยังนึกอยากจะหลบหนี 

        หนีเจียเอ๋อร์ดึงอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “ลู่ซี ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเ๯้าไม่นั่งลงละก็ ข้าจะบอกผู้อื่น ว่าเ๯้ามีความลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่” 

        ลู่ซีตื่นตระหนก เม้มปากแน่น ก่อนบิดตัวไปมา 

        มุมปากของหนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้ม พลางกล่าว “สาม!” 

        ลู่ซีรีบโพล่งออกมาทันที “ก็ได้ๆ” 

        ว่าแล้ว นางก็ช่วยประคองให้หนีเจียเอ๋อร์หันกลับมา ท่ามกลางสายตากังขาของควงเยวี่ยโหลว ใบหน้าของลู่ซียิ่งแดงก่ำ ขณะนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ 

        แต่ผู้เป็๲อาจารย์ ทำทีเป็๲มองไม่เห็น 

        “น้องลู่ซีไม่ชอบกินผัก จนต้องแทะโต๊ะเลยหรืออย่างไร?”

        ควงเหยายิ้มอย่างใจดี มิได้มีเจตนาจะเยาะเย้ยแต่อย่างใด จากนั้น ก็หยิบหมูตุ๋นชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของหนีเจียเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิง นี่คือหมูสามชั้นที่เ๽้าขอให้ข้าซื้อกลับมา เห็นเ๽้าบอกว่าโปรดปรานมาก ลองชิมดูสิ ว่ารสชาติดีหรือไม่?”

        หนีเจียเอ๋อร์คีบหมู่ตุ๋นเข้าปาก และพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนกล่าวชม ทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่หมด “อร่อยสิ! อร่อยมาก ข้าอยากกินหมูตุ๋นรสชาตินี้มานานแล้ว” นางว่า พลางกลืนเนื้อหมูลงท้อง

        “ศิษย์พี่ใหญ่ ลู่ซีก็ชอบกินหมูตุ๋นเหมือนกัน แต่นางอายท่าน เลยคีบไปแค่ผักในชาม หากไม่ว่าอะไร ท่านช่วยคีบให้นางสักชิ้นได้หรือไม่?” 

        “ไม่มีปัญหา!” ควงเหยาเปลี่ยนไปใช้ตะเกียบกลาง คีบหมูตุ๋นให้ลู่ซีจนพูนถ้วย เรียกรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้เป็๞อย่างดี “อย่าเกรงใจ กินเข้าไป เร็ว!” 

        ลู่ซีเหลือบมองควงเหยา ใบหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงอย่างไร จนนางแทบจะละลายลงไปกองกับพื้น ขณะส่งเสียง “อืม…” เบาๆ ราวกับยุงบิน แล้วหยิบถ้วยมาคีบอาหาร 

        หนีเจียเอ๋อร์คีบหมูตุ๋นชิ้นหนึ่ง ยื่นไปให้ควงเยวี่ยโหลว “อาจารย์ ท่านลองชิมดูหน่อย”

        ควงเหยากำลังจะพูดว่า ‘อาจารย์ไม่กินเนื้อ’ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก มือของควงเยวี่ยโหลวพลันขยับตะเกียบอย่างลื่นไหล และชิมเนื้อหมูชิ้นนั้นด้วยท่วงท่าสง่างามเหมือนเคย 

        ควงเหยาตื่นตะลึง นิ่งอึ้งจนได้รับสายตาพิฆาตจากอาจารย์ “กินข้าวสิ!” 

        “ขอรับ ท่านอาจารย์!” ควงเหยาหุบปากอย่างเชื่อฟัง แต่สายตากลับลอบมองไปยังใบหน้าของหนีเจียเอ๋อร์ แล้วบ่นอุบอิบในใจ

        อาจารย์ ท่านตามใจศิษย์น้องหญิงยิ่งนัก แม้แต่ของที่ตัวเองไม่กิน ก็ยังชิมได้โดยไม่ลังเล...

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้