ตอนที่ 7 คำสาบานแห่งความภักดี
ซูเหม่ยหลินไม่ตอบ แต่เลื่อนแท็บเล็ตอีกเครื่องหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะให้เขาอย่างเชื่องช้า มันเคลื่อนที่บนผิวโต๊ะกระจกสีดำอย่างเงียบเชียบ ราวกับหมากที่ถูกวางลงบนกระดานเพื่อกำหนดชะตากรรม เขาหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย... ในใจคาดหวังว่าจะได้เห็นแผนธุรกิจ โครงสร้างบริษัท หรือตัวเลขทางการเงินที่ซับซ้อน...
แต่สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอก็ทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง...
มันไม่ใช่ข้อมูล แต่มันคือรูปถ่ายของคนสองคน
ชายหนุ่มหน้าตาดีมีเสน่ห์ที่เขาคุ้นหน้า เฉินอี้ฟาน ดาวรุ่งแห่งวงการสตาร์ทอัพ และหญิงสาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มหวานหยด ไป๋เสวี่ย
“นี่คือ...” เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน
เสียงของซูเหม่ยหลินดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ร่องรอยความชื่นชมจางๆ ได้หายไปจากน้ำเสียงของเธอโดยสิ้นเชิง... ถูกแทนที่ด้วยความเยียบเย็นราวกับน้ำแข็งจากขั้วโลกที่ลึกที่สุด...
“ฉันจะให้ตำแหน่ง CEO กับคุณ ในบริษัทที่ฉันกำลังจะก่อตั้ง”
หวังเทียนซานรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น... CEO! นี่มัน...
“เป้าหมายของเรา... ไม่ใช่แค่การสร้างกำไร”
เธอเอนตัวมาข้างหน้าอีกเล็กน้อย จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา บังคับให้เขาสบตากับเธอโดยตรง...
วินาทีนั้นเอง หวังเทียนซานก็ได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น มันไม่ใช่แค่ความนิ่งสงบ แต่มันคือความมืดมิด ความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุดซึ่งกำลังจ้องมองกลับมา ความมืดที่มีเจตจำนงและเป้าหมายอันแน่วแน่... ความมืดที่สามารถเผาผลาญโลกทั้งใบให้เป็เถ้าถ่านได้!
“...แต่คือการทำลายล้างอาณาจักรของคนสองคนนี้...”
เธอชี้นิ้วเรียวยาวที่ขาวซีดของเธอไปยังรูปบนแท็บเล็ต...
“...ให้สิ้นซาก”
ความเงียบที่โรยตัวลงในห้องนั้นหนักอึ้งยิ่งกว่าแท่งตะกั่ว หวังเทียนซานจ้องมองภาพของชายหญิงคู่หนึ่งบนหน้าจอแท็บเล็ต สลับกับมองใบหน้างดงามแต่เย็นเยียบของสตรีตรงหน้า คำประกาศกร้าวของเธอเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหัว... ‘เป้าหมายของเราไม่ใช่การสร้างกำไร... แต่คือการทำลายล้างอาณาจักรของคนสองคนนี้... ให้สิ้นซาก’
สมองที่เคยประมวลผลข้อมูลตลาดหุ้นอย่างรวดเร็ว บัดนี้กลับหมุนคว้างเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า นี่ไม่ใช่การเสนองาน แต่มันคือการเชื้อเชิญให้เข้าร่วมาส่วนตัวที่เดิมพันด้วยทุกสิ่ง
“นี่มัน...” เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“...ไม่ใช่เื่ธุรกิจ นี่มันคือความแค้นส่วนตัว”
ซูเหม่ยหลินเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายอารมณ์ ท่าทีของเธอสงบนิ่งราวกับกำลังสนทนาเื่ดินฟ้าอากาศ
“ทุกธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ล้วนเริ่มต้นจากความปรารถนาส่วนตัว คุณหวัง บ้างก็เพื่อสร้างสรรค์ บ้างก็เพื่อทำลายล้าง ความต่างของมันอยู่ที่มุมมอง”
“แต่นี่มัน... ผิดกฎหมาย” เขายังคงแย้ง แม้เสียงจะแ่ลงเล็กน้อย
“ผิดกฎหมาย?” เธอยิ้มหยัน เป็รอยยิ้มที่ไม่มีความอบอุ่นเจือปน
“การที่คนสองคนนี้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาไปสร้างอาณาจักรของตัวเอง การที่พวกมันใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกเหยียบย่ำคนอื่นขึ้นไปสู่จุดสูงสุด นั่นไม่เรียกว่าผิดกฎหมายหรอกหรือ? กฎหมายมีไว้สำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับคนอย่างพวกมัน กฎหมายเป็เพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้น”
เธอรู้ดีว่าหวังเทียนซานเป็คนมีหลักการ การจะซื้อใจเขาด้วยเงินเพียงอย่างเดียวเป็ไปไม่ได้ เธอต้องมอบสิ่งที่เขากระหายหามากกว่านั้น... นั่นคือความยุติธรรม
“ฉันจะไม่เล่าเื่ส่วนตัวให้คุณฟัง” เธอกล่าวต่อ
“แต่จะบอกข้อเท็จจริงให้ คนสองคนในรูปนี้กำลังจะสร้างบริษัทเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาบนโปรเจกต์ที่พวกเขาขโมยมา โปรเจกต์ที่ทำลายชีวิตของอัจฉริยะคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก บริษัทเปลือกหอยที่คุณบังเอิญเจอในการทดสอบเมื่อครู่ ก็เป็เพียงยอดของูเาน้ำแข็ง พวกเขาสร้างปราสาทขึ้นมาจากความเน่าเฟะ และฉัน้าให้คุณช่วยฉันรื้อถอนมันลงมาทีละก้อน”
คำพูดของเธอเสียดแทงเข้าไปในใจของหวังเทียนซาน เขานึกถึงหัวหน้าเก่า นึกถึงโลกธุรกิจที่เขาเพิ่งัั ที่ซึ่งความซื่อสัตย์เป็เพียงเื่ตลก และความจริงถูกบิดเบือนได้ด้วยเงิน เขาเกลียดชังมัน เกลียดชังจนเข้ากระดูกดำ
“ทำไมต้องเป็ผม?” เขาถามคำถามสุดท้าย
ซูเหม่ยหลินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา
“เพราะคุณเก่ง เก่งพอที่จะเป็ดาบของฉันได้ และที่สำคัญกว่านั้น เพราะคุณถูกโลกแบบเดียวกับที่ฉันเกลียดชังขับไล่ออกมา คุณมีทั้งความสามารถและความแค้นที่ยังคุกรุ่นอยู่ในใจ คุณไม่ได้้าแค่งานใหม่ คุณหวัง คุณ้าสนามรบที่จะได้ปลดปล่อยทุกอย่างที่คุณมี”
ทุกคำพูดของเธอราวกับค้อนที่ทุบลงบนกำแพงในใจของเขาจนพังทลายลงไม่มีชิ้นดี ผู้หญิงคนนี้... เธอมองทะลุปรุโปร่งไปถึงจิติญญาของเขา
“ฉันไม่ได้จ้างคุณมาเป็ลูกน้อง แต่ฉันเชิญคุณมาเป็ผู้ร่วมา” เธอยื่นข้อเสนอสุดท้ายที่หนักแน่นราวกับภูผา
“ตำแหน่ง CEO... เงินเดือนเจ็ดหลักต่อปี หุ้นของบริษัทอีกสิบเปอร์เซ็นต์ และอำนาจในการบริหารจัดการอย่างเต็มที่ภายใต้ทิศทางของฉัน แลกกับการเป็ดาบที่ซื่อสัตย์ที่สุดของฉัน”
หวังเทียนซานนิ่งเงียบไปนาน เขากำลังชั่งน้ำหนักระหว่างมโนธรรมในใจกับโอกาสที่อยู่ตรงหน้า ระหว่างชีวิตที่เรียบง่ายแต่ไร้ค่า กับเส้นทางที่อันตรายแต่เปี่ยมไปด้วยความหมาย แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมา แววตาของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความลังเลได้หายไป เหลือเพียงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่
“โลกนี้ไม่ได้ตอบแทนคนดี... แต่มันจะก้มหัวให้กับคนที่แข็งแกร่งพอที่จะทวงความยุติธรรมกลับมาเป็ของตัวเอง”
ซูเหม่ยหลินยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นประกายไฟในตาของเขา เธอรู้ว่าเธอเลือกคนไม่ผิด
“ผมตกลง” หวังเทียนซานกล่าวอย่างหนักแน่น
“ผมจะขอถวายความภักดี... ต่อคุณ... เอ่อ...”
“เรียกฉันว่าประธานก็พอ” เธอตัดบท
“ตัวตนของฉันต้องเป็ความลับขั้นสูงสุด”
“ครับ... ท่านประธาน”
ข้อตกลงได้ก่อกำเนิดขึ้นในห้องที่เงียบสงบแห่งนั้น แต่แล้ว ซูเหม่ยหลินก็เลื่อนเอกสารฉบับหนึ่งมาให้เขา มันคือสัญญาและข้อตกลงรักษาความลับ (NDA) ที่หนาหลายสิบหน้า
“อ่านและลงชื่อซะ”
หวังเทียนซานรับแฟ้มเอกสารที่หนักอึ้งนั้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังรับมอบชะตากรรมของตัวเอง เขานั่งลงและเริ่มเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ในฐานะนักวิเคราะห์การเงิน การอ่านเอกสารสัญญาที่ซับซ้อนคือทักษะพื้นฐานของเขา
สายตาของเขากวาดผ่านข้อตกลงแต่ละข้อย่างรวดเร็ว ข้อตกลงส่วนใหญ่เป็มาตรฐานที่รัดกุมอย่างยิ่งยวดห้ามเปิดเผยข้อมูล ห้ามติดต่อกับศัตรู, ข้อผูกมัดหลังลาออก ทุกอย่างถูกร่างขึ้นมาโดยทนายที่เก่งกาจที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่แล้ว สายตาของเขาก็ต้องหยุดกึก ที่ย่อหน้าสุดท้าย... ข้อย่อยข้อสุดท้ายที่ถูกพิมพ์ด้วยตัวหนา...
‘ข้อ 27.3: ผู้ลงนามในสัญญานี้ ยินยอมที่จะอุทิศ... ‘ชีวิต’ ... เพื่อปกป้องความลับของบริษัทและประธานกรรมการ หากมีการทรยศหักหลังเกิดขึ้น บทลงโทษจะไม่สิ้นสุดเพียงแค่ตามกระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น’
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของหวังเทียนซาน...
นี่มันไม่ใช่สัญญาจ้างงาน แต่มันคือสัญญาเืที่ผูกมัดด้วยชีวิต!
ความรู้สึกเย็นเยียบวาบไปทั้งสันหลัง แต่หลังจากความใครั้งแรกผ่านพ้นไป สมองนักวิเคราะห์ของเขาก็เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เขาไม่ได้มองมันด้วยความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่เริ่ม ประมวลผลความหมายที่ซ่อนอยู่เื้ัตัวอักษรที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้
‘ข้อแรก... นี่ไม่ใช่แค่คำขู่... แต่มันคือการทดสอบครั้งสุดท้าย’ เขาคิดในใจ ‘เป็การทดสอบความภักดีที่โเี้และเด็ดขาดที่สุด เธอไม่ได้้าลูกจ้าง... แต่้าคนที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายในาที่อาจจะไม่มีวันได้กลับมา’
‘ข้อสอง... ข้อสัญญานี้บ่งบอกถึง ขนาดของเดิมพัน’ สมองของเขาวิเคราะห์ต่อ ‘ความลับที่ต้องใช้ชีวิตเข้าแลก ย่อมหมายความว่าพลังและอิทธิพลที่เรากำลังจะสร้างขึ้นนั้น มันยิ่งใหญ่และอันตรายเกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้กำลังเล่นขายของ เธอกำลังจะสร้างอาณาจักร... หรือไม่ก็จุดชนวนาโลกครั้งใหม่ในโลกธุรกิจ’
‘และข้อสุดท้าย... มันคือตัวกรอง’ เขาสรุป ‘ข้อความนี้ถูกออกแบบมาเพื่อขับไล่คนที่ขี้ขลาด ลังเล หรือมีใจไม่ซื่อออกไป คนที่จะจรดปากกาลงนามในสัญญานี้ได้ จะต้องเป็คนที่ตัดขาดจากอดีตและพร้อมจะเดิมพันอนาคตทั้งหมดไว้กับเธอแต่เพียงผู้เดียว’
เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตากับซูเหม่ยหลินอีกครั้ง เธอไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของเธอบอกทุกอย่าง ‘ไม่มีที่ว่างสำหรับความลังเลอีกต่อไป... เลือกสิ... ระหว่างชีวิตที่ปลอดภัยแต่ไร้ค่า หรือชีวิตที่อันตรายแต่เปี่ยมด้วยความหมาย’
หวังเทียนซานหลับตาลงชั่วครู่ ภาพของหัวหน้าเก่าที่ไร้จรรยาบรรณ ภาพของเพื่อนร่วมงานที่เชื่องช้าและไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน... ภาพของตัวเองที่ต้องก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง มันฉายชัดขึ้นมาในหัว
แล้วเขาก็ลืมตาขึ้น ในแววตาของเขาไม่มีความลังเลอีกต่อไป มีเพียงประกายแห่งความตื่นเต้นและมุ่งมั่น!
เขากำลังจะทำในสิ่งที่บ้าคลั่งที่สุดในชีวิต แต่เขากลับรู้สึกมีสติและมีชีวิตชีวามากที่สุด! เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาได้ทำการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ด้วยสติปัญญาและความ้าของตัวเองอย่างแท้จริง!
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ... แล้วหยิบปากกาหมึกซึมราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา มันไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนปากกา แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจับดาบที่จะใช้ผนึกคำสาบาน
เขาจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ แล้วเซ็นชื่อของตัวเองด้วยลายเส้นที่หนักแน่นและมั่นคง ทุกเส้นสายสะท้อนถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาดและไม่หวนกลับ
หวัง เทียน ซาน
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาก็เห็น รอยยิ้มจางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของราชินีน้ำแข็งเป็ครั้งแรก เป็รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ... ที่ได้พบกับคนที่ เข้าใจกฎของเกมที่เธอสร้างขึ้น
วินาทีนั้น หวังเทียนซานได้ก้าวข้ามเส้นจากคนธรรมดา กลายเป็ขุนพลคนแรกแห่งอาณาจักรที่ยังไม่ถือกำเนิด และได้ผูกมัด จิติญญาของตัวเองเข้ากับจักรพรรดินีแห่งการล้างแค้นไปตลอดกาล!
****