“สัจธรรมเพลิงไร้เทียมทาน หลอมสัจธรรมเพลิงในเทวะ เวลาใช้งานให้ดึงพลังงานจากเทวะมาเป็กำลัง สร้างร่างกายอันร้อนแรงและแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ฟันแทงไม่เข้า ลมฝนฟ้าทำอะไรไม่ได้ สร้างร่างกายอันทนทาน ต้านทานการสังหารได้ทุกอย่าง!”
จากนั้นอักษรอีกชุดก็หลั่งไหลออกมา ิอวี่ใช้พลังจิตไปมาก น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์จึงระเหยไปมากกว่าครึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาแค่ไหนเขาถึงจะสามารถฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานได้สำเร็จ
ิอวี่ลืมตาขึ้นมาแล้วถอนหายใจ เหงื่อของเขาไหลออกมาจากหน้าผากเป็เม็ดใหญ่ แสดงให้เห็นว่า การทำความเข้าใจสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานเมื่อครู่มันไม่ใช่เื่ง่ายเลย
ถึงแม้จะรู้วิธีการฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานแล้ว แต่มุมปากของิอวี่ก็ยังยิ้มอย่างฝืนๆ
เพราะจากวิธีการฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทาน จะต้องทำการถ่ายพลังงานความร้อนที่มากกว่าเดิมไปที่เทวะ เพื่อฝึกและสร้างสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทาน ถึงจะสามารถะเิความแข็งแกร่งภายในออกมาได้!
หลังจากจนใจไปได้ระยะหนึ่ง ิอวี่ก็สงบใจลง
ซึ่งแน่นอนว่า สัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานนั้นแข็งแกร่งมาก มันไม่ใช่แค่การฝึกกระดูกง่ายๆ แค่นั้น แต่เป็การฝึกให้อวัยวะภายในมีการป้องกันที่น่าทึ่ง ทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งทรหดอย่างสมบูรณ์แบบ!
ในเมื่อเป็วิชาที่แข็งแกร่ง ก็จำเป็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สอดคล้องกันด้วย ิอวี่คิดอยากจะไปถึงขั้นนั้น อยากสร้างสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานออกมาในทันทีทันใดมันก็เป็ไปไม่ได้
แต่ิอวี่ก็ไม่ได้ท้อใจเพราะเขาอยู่ในสำนักเทพอัคคี ทั้งเก้าสายล้วนแต่มีพลังงานเปลวเพลิงที่ร้อนแรงมาก หลังจากพรุ่งนี้ที่เขาได้กลายเป็ศิษย์ของซ่งหยวนหยวนจริงๆ แล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเข้าใกล้สัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานมากกว่าเดิมก็ได้!
พอคิดได้แบบนี้อารมณ์ของิอวี่ก็เริ่มตื่นเต้นมากกว่าเดิม สัจธรรมเพลิงไร้เทียมทาน มันจะเป็วิชาแบบไหนกันนะ?
หลังจากตื่นเต้นอยู่ระยะหนึ่งิอวี่ก็สงบลง เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องฝึก ััได้ว่ามีแดดกำลังส่องเข้ามา
ในเวลานี้มันควรจะเป็ตอนดึกไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้มีแสงอาทิตย์ล่ะ?
ระหว่างที่กำลังสงสัย ิอวี่ก็รีบเดินไปที่หน้าต่าง เขาพบว่าแดดนั้นร้อนแรงมาก แสงสาดส่องไปทั่วบริเวณูเาอันงดงาม ความมีชีวิตชีวาของโลกสีขาวถูกแสงฉาบจนเป็สีทอง
รังอสูรสัตว์ปีกขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังหอจิ้งโม่มีนกตัวใหญ่กำลังขดตัวนอนอยู่ ดวงตาของมันหรี่เล็กและส่งเสียงออกมาจากลำคอ ขนนกสีเข้มที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสั่นไหวเบาๆ มันดูเพลิดเพลินกับแสงแดดอันอบอุ่นนี้เป็อย่างมาก
เ้านกั์นี้ ก็คือวิหคัปีกมืดนั่นเอง
เมื่อคืนวาน มันหาตำแหน่งของิอวี่ผ่านใจสื่อถึงกัน จากนั้นก็ตามกลิ่นหอมๆ มาที่รังอสูรสัตว์ปีกแล้วหลับสบายลงตลอดทั้งคืน
“แดดแรงขนาดนี้น่าจะกลางวันแล้ว”
ิอวี่เก็บสายตากลับมาจากเ้าวิหคัปีกมืดแล้วส่ายหน้าด้วยความจนใจ ั้แ่ทำความเข้าใจสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานจนถึงตอนนี้ เขาใช้เวลาไปหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวันเช้าเลยหรือนี่?
เวลาผ่านไปเร็วมาก แต่เขาไม่รู้สึกตัวเลย
แต่ทันใดนั้นเองเขาก็เหมือนรู้สึกว่าลืมเื่อะไรไป?
ลืมเื่อะไรไปนะ?
“ ... บ้าชะมัด!”
ิอวี่นึกขึ้นมาได้ว่า เที่ยงวันนี้ต้องไปทำพิธีไหว้ครู!
ก่อนหน้านี้มัวแต่นึกถึงเื่สัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนลืมเื่สำคัญในวันนี้ไปเลย หากพลาดเวลาไหว้ครูไปแล้วซ่งหยวนหยวนเกิดโกรธขึ้นมาจนไม่รับเขาเป็ศิษย์ เขาคงมีจุดจบที่น่าอนาถมากแน่?
เขาแทบไม่อยากจะลงทางบันไดแล้ว ิอวี่ะโลงมาจากชั้นสองก่อนจะผิวปากเรียกเ้าวิหคัปีกมืด เ้าอสูรสัตว์ปีกตื่นขึ้น เมื่อััได้ถึงความ้าของิอวี่มันก็ส่งเสียงร้องแล้วบินออกมา
ิอวี่ะโขึ้นไปขี่บนหลังวิหคัปีกมืดแล้วก็สั่งให้มันบินตรงไปด้านหน้าทันที
วิหคัปีกมืดสยายปีกอย่างสบายอารมณ์ มันพุ่งทะลุเมฆราวกับลูกธนูที่พุ่งออกมาจากคันธนู ิอวี่โน้มตัวลงไปเกาะบนตัวของเ้าวิหคัปีกมืด เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ตกลงไป
ใน่เวลานี้ ความเร็วของวิหคัปีกมืดก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ิอวี่แอบรู้สึกว่าพลังฝีมือของเ้าวิหคัปีกมืดมันเพิ่มขึ้น ไม่แน่ว่าในเวลาใกล้ๆ นี้ มันอาจจะโตไปจนถึงอสูรระดับสิบแล้วก็ได้!
เมื่อมาอยู่ในสถานที่ที่มีจิติญญาแห่งฟ้าดินแบบนี้ ิอวี่มีการพัฒนา อสูรสัตว์ปีกของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเ้าของเลย
เ้าวิหคัปีกมืดมันบินเร็วมาก ผ่านไปไม่ถึงสองนาทีิอวี่ก็เห็นตำหนักสีแดงเพลิงขนาดใหญ่
ตำหนักหลังนั้นก็คือตำหนักเมฆาเพลิง!
ิอวี่ใช้พลังจิตสั่งการ เ้าวิหคัปีกมืดก็บินลงไปตามที่สั่ง เพียงไม่กี่อึดใจก็ลงมาถึงพื้นแล้วิอวี่ก็ลงมาจากหลังของมัน
ถึงสักที!
ิอวี่เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าแดดส่องกลางหัวพอดี เวลาเที่ยงตรงเป๊ะ
เขาเดินเข้าไปในตำหนักเมฆาเพลิงในทันทีอย่างไม่ลังเล
ตำหนักเมฆาเพลิงสูงห้าสิบเมตร กว้างร้อยเมตร มีระดับความสูงเกินกว่าสองร้อยเมตร กระเบื้องปูพื้นทั้งหมดทำมาจากกระเบื้องแก้วสีเพลิงทั้งหมด เมื่อแสงแดดส่องลงมา กระเบื้องทุกแผ่นก็จะมีเปลวเพลิงผุดขึ้น
ตำหนักแห่งนี้เหมือนช่อเมฆเปลวเพลิงขนาดใหญ่ มันลุกเป็ไฟ ตั้งตระหง่านเหนือแผ่นดินนี้อย่างสง่างามและมีอำนาจ
เมื่อิอวี่เดินเข้าไปในตำหนักเมฆาเพลิง บรรยากาศภายในก็เป็อีกรูปแบบหนึ่ง ผนังกำแพงโดยรอบเน้นไปที่สีขาว มีกรงเล็บสัตว์อสูรหลากหลายชนิดที่เป็ธาตุไฟสลักเอาไว้ ตรงกลางโถงนั้นมีรูปวงกลมที่มีลวดลายสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ที่งดงาม บนเพดานเป็รูปสี่เหลี่ยมจัสตุรัสที่มีพื้นเป็สีขาวหยก ซึ่งเป็เหมือนตัวแทนความเข้มงวดของสำนักเทพอัคคี
หนึ่งวงกลมและหนึ่งสี่เหลี่ยมเป็เหมือนแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่มีขั้วเดียวกัน ซึ่งมีแรงผลักอันแข็งแกร่ง มันทำให้ตำหนักเมฆาเพลิงมั่นคงแข็งแกร่งราวกับทองคำ
วินาทีที่ิอวี่เดินเข้ามาในตำหนักเมฆาเพลิงก็เห็นว่าซ่งหยวนหยวนนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งสีแดงเพลิงอันงดงามที่อยู่้าแล้ว และกำลังจ้องมองมาที่เขา
นอกจากนี้ยังมีสายตาของคนอีกจำนวนหนึ่งมองมาที่เขาด้วย
ิอวี่มองตามสายตาเ่าั้ไปแล้วก็พบว่าด้านซ้ายมือของโถงใหญ่มีคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งคือเิหยูเยียน ส่วนอีกคนคือถังเฉิน
ส่วนทางด้านซ้ายมือมีคนยืนอยู่สี่คน ชายสามหญิงหนึ่ง ิอวี่ััได้ว่าสี่คนนี้ล้วนแต่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม มีลมปราณที่หนาแน่นมาก
พวกเขาทั้งสี่คนก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปกปิดลมปราณของตนเองเลย พวกเขาปล่อยลมปราณออกมาอย่างเต็มที่ ลมปราณจำนวนมากกดดันลงมาบนหัวของิอวี่
ิอวี่ขมวดคิ้วหนักมาก ต้องรับมือกับการกดดันของผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สามทั้งสี่คนพร้อมกันเขาจึงกินแรงพอตัว แต่ว่า หากแยกขอบเขตอมฤตขั้นที่สามของแต่ละคน ก็ดูเหมือนยังไม่มีใครสู้ซุนอี้ที่เขาเจอเมื่อวานได้เลย
“เ้าชื่อิอวี่ใช่ไหม?”
ชายหนุ่มผมเกรียนคนหนึ่งทางด้านขวามือ โครงหน้าดูเล็ก มีเคราแพะ รูปร่างค่อนข้างผอม แต่ดูแข็งแกร่ง เดินมาด้านหน้าด้วยความหนักแน่นดั่งัพยัคฆ์ เขาใช้สายตามองมาที่ิอวี่ด้วยความไม่พอใจและพูดว่า “พิธีไหว้ครูเ้ายังกล้ามาสายอีก ให้เรายืนรอกันอยู่ตั้งนาน เ้ามาจากไหน มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
“ให้ศิษย์พี่ทั้งหลายต้องรอเป็ความผิดของข้าเอง”
ิอวี่ยกมือคำนับเพื่อขอขมาเป็รายคนเลย จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “แต่ว่าศิษย์พี่ท่านนี้น่าจะมีอะไรเข้าใจผิด ข้าดูเวลาแล้ว ตอนนี้เหมือนจะเป็เที่ยงตรงพอดี ข้าไม่ได้มาสายนะ”
ชายหนุ่มคนนั้นขมวดคิ้ว “ศิษย์พี่พูดอยู่เ้าพูดแทรกได้หรือ? ไม่รู้จักมารยาทเลย เ้ายังคิดจะมาไหว้ครูอีก คำเดิม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย อาจารย์ของเราไม่้าศิษย์ที่ไม่รู้จักมารยาทอย่างเ้า”
พูดจบ ชายหนุ่มคนนั้นก็โบกมือไล่ิอวี่อย่างหงุดหงิดเพื่อให้เขารีบกลับไป
ิอวี่ลำบากใจ หากเป็แบบนี้ต่อไป หากเขาพูดอะไรต่ออีก ก็ยังจะต้องถูกหาว่าไร้มารยาทแน่ แต่หากเขาไม่เถียง จากที่ชายคนนี้พูด เขาก็จำใจต้องไป
แต่ว่า การที่เข้ามาในสายเลี่ยนเหยียนนั้นิอวี่้าเป็ศิษย์ชั้นยอด แล้วเขาจะพลาดโอกาสแบบนี้ไปได้อย่างไร?
เขาให้คนอื่นรอนาน มันเป็ความผิดของเขา แต่ว่าเขาไม่ได้มาสายจริงๆ นี่นะ ในเมื่อกฎก็คือกฎ แล้วเขาไม่ได้ทำผิดกฎ เขาก็ควรได้อยู่ทำพิธีไหว้ครู
ทำอย่างไรดี?
เขาพูดไม่ได้ก็ต้องหาคนช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ในเมื่อเิหยูเยียนกับถังเฉินเป็ศิษย์ชั้นยอดรุ่นเดียวกับเขาก็น่าจะช่วยเขาได้
พอคิดได้แบบนี้ิอวี่ก็มองไปทางฝั่งซ้ายของห้องโถง เขาเห็นเิหยูเยียนกับถังเฉินเองก็มองมาที่เขาเหมือนกัน เขาพยายามส่งสัญญาณแต่พวกเขาสองคนกลับเงียบ ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย
ศิษย์สำนักเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเหมือนไม่เห็น?
นั่นทำให้ิอวี่ใมาก ความโดดเดี่ยวที่แท้จริงมันไม่ใช่คนอื่นเป็ศัตรูกับเขา แต่เป็คนที่อยู่ในแวดล้อมเดียวกัน แต่กลับทำเหมือนคนไม่รู้จักกันนี่แหละ
ิอวี่เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อวานตอนที่ถูกซุนอี้โจมตี เิหยูเยียนอยู่ในหอพักแท้ๆ แต่ก็ไม่ได้ออกมาช่วยเลย หากเมื่อวานไม่ได้ผู้ดูแลมาช่วย เขาก็คงมาที่นี่แบบมือเดียวแล้ว!
พอนึกได้ว่าวันนี้เิหยูเยียนก็ทำตัวเหมือนเื่นี้ไม่เกี่ยวกับนาง ท่าทางยังสูงส่งเหมือนเดิม ิอวี่ถึงได้เข้าใจ ที่แท้คำพูดที่ดูมีมารยาทและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีก่อนหน้านี้ มันก็แค่ทำแบบให้ผ่านไปเท่านั้น
ในความเป็จริงแล้ว เขาจะเป็อย่างไร จะเป็หรือตาย จะได้กลายเป็ศิษย์ชั้นยอดหรือว่าถูกไล่ออกจากสำนัก นางก็ไม่ได้สนใจ
ส่วนถังเฉิน ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าเขาไม่ได้อยากช่วย
“ยังยืนอยู่อีกทำไม ยังไม่ไสหัวไปอีก”
ชายหนุ่มคนนั้นเห็นิอวี่ยังยืนอยู่ที่เดิมก็ตำหนิ เสียงก้องไปทั่งห้องโถง น้ำเสียงเ็าไร้อารมณ์อย่างมาก
ิอวี่ค่อยๆ ก้มหน้าลงแล้วกำหมัดแน่น ขมวดคิ้วแน่นมาก
หรือว่าวันนี้เขาจะต้องกลับไปจริงๆ !
“ช้าก่อน”
ในเวลานี้เอง เสียงใสๆ ของหญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “หลิวฉี่หลิง ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย เ้าพูดให้มันน้อยๆ หน่อย”
“ข้า ... ”
หลิวฉี่หลิงได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาก็หันหน้าไปมอง ซ่งหยวนหยวนกำลังขมวดคิ้วจ้องมาที่เขา เขาอึ้งไปแล้วพูดว่า “อา ... อาจารย์ เ้าเด็กนี่มันให้ท่านรอตั้งสิบนาทีเลยนะ เขา ... ”
“หุบปาก” ซ่งหยวนหยวนพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
เมื่อได้ยินดังนั้นหลิวฉี่หลิงก็ทำได้แค่เงียบไปแล้วถอยกลับไปยืนที่เดิม เดิมเขาคิดว่าเขาออกหน้าพูดแทนซ่งหยวนหยวนแล้วนางจะชื่นชมเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งหยวนหยวนกลับต่อว่าเขา แล้วปกป้องสวะที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งคนหนึ่ง
ต้องรู้ก่อนว่า เขาติดตามซ่งหยวนหยวนมานานกว่าห้าปีแล้ว!
ไม่ใช่แค่หลิวฉี่หลิง คนอื่นๆ เองตะลึงไปเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งหยวนหยวนจะออกหน้าแทนิอวี่
“เ้ามาที่นี่ครั้งแรก ข้าจะไม่ถือสา ในเมื่อมาถึงเที่ยงตรงพอดีก็ไม่ถือว่าเ้าทำผิดกฎของข้า พิธีไหว้ครูก็เริ่มตามปกติ”
ซ่งหยวนหยวนยื่นมือขวาที่มีถ้วยสุราขนาดเล็กสีขาวออกมา แล้วใช้มือซ้ายกวักเรียกิอวี่เข้ามา จากนั้นก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า “ดื่มเหล้าแก้วนี้ลงไป เ้าก็จะกลายเป็คนของข้า”
ิอวี่มองลงไป เขาพบว่าในแก้วสุราสีขาวเงินเล็กๆ ใบนี้ มันมีเปลวเพลิงสีม่วงแดงลุกโชนอยู่!
