อะไรที่เรียกว่าเสี่ยงตาย?
ด่านทดสอบด่านสุดท้ายนี้อธิบายคำพูดนี้ได้ดีที่สุด อสูรศักดิ์สิทธิ์คุณภาพขั้นสูง ระดับนั้นเกือบจะเทียบได้กับเทพแล้วด้วยซ้ำ ต่อให้เป็ผู้ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มาเองก็คงไม่รอด เห็นได้ชัดว่าตาแก่ระยำหุนตี้เห็นชีวิตคนเป็ของเล่นชัดๆ โอกาสรอดหนึ่งในสิบจะมีใครที่โชคดีขนาดที่ว่าเลือกเพียงครั้งเดียวก็เลือกถูกถนนสายที่ปลอดภัย และที่สำคัญเกมนี้เลือกเล่นได้แค่เพียงครั้งเดียวอีกด้วย...
“เฮ้อ...เย่ชิงหาน หยุดด่าได้แล้ว แม้ว่าบางครั้งนายท่านจะดูโรคจิตไปบ้างก็จริง และบางครั้งข้าก็รู้สึกโกรธแค้นเขาเช่นเดียวกัน แต่เ้าด่าทอเขาต่อหน้าข้าเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากตบหน้าข้า!” สำหรับความเดือดดาลที่เย่ชิงหานแสดงออกมาลู่ซีไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครก็ตามกว่าที่จะทะลวงฝ่าด่านต่างๆ เสี่ยงเป็เสี่ยงตายจนมาถึงด่านสุดท้ายแล้วต้องมาพบเจอกับการเสี่ยงตายที่มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งในสิบส่วนเข้าจริงๆ อีก ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ก็คงต้องแค้นเคืองขึ้นอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อเห็นเย่ชิงหานด่าทอนายท่านผู้สร้างออกมาเช่นนี้ แม้เขาจะแอบหัวเราะอยู่ภายในใจแต่ภายนอกก็ต้องพูดห้ามปรามขึ้นตามสมควร เมื่อเห็นว่าเย่ชิงหานระบายอารมณ์เสร็จสิ้นแล้ว อารมณ์เริ่มเย็นลง ลู่ซีจึงพูดขึ้นต่อ
“แน่นอน...นายท่านผู้สร้างกำหนดกฎกติกาของด่านทดสอบนี้บ้าบอจนเกินไปจริงๆ แต่ท่านก็ยังมีทางเลือกอีกทางหนึ่งให้ผู้เข้าทดสอบเลือกอยู่!”
“หืม? ยังมีทางเลือกอื่นอีกรึ?” ดวงตาของเย่ชิงหานทอประกายแสงขึ้น เขาอยากจะเอ่ยปากด่าทอออกมาอีกครั้งจริงๆ เ้าแก่ประหลาดหน้าแพะผู้นี้ทำไมไม่พูดออกมาให้หมดั้แ่ทีแรก พูดอะไรพูดแค่ครึ่งเดียวทำไม ชัดเจนว่าเลียนแบบนิสัยเ้านายเขาที่ชอบเล่นตลกกับอารมณ์ของคนอื่น แต่แน่นอนว่าเย่ชิงหานไม่กล้าพูดออกมาเช่นนี้ ทำเพียงรอฟังคำของลู่ซีอยู่เงียบๆ
“อีกทางเลือกที่นายท่านผู้สร้างกำหนดไว้คือ ถ้าหากผู้เข้าด่านทดสอบทะลวงผ่านจนมาถึงด่านสุดท้ายนี้สามารถไม่ขอรับการทดสอบในด่านสุดท้ายได้ และสามารถขอให้ข้าส่งออกไปจากูเาสุสานทวยเทพได้ แต่แน่นอนว่าค่าตอบแทนที่จะต้องจ่ายคือ...ทำลายวรยุทธ์ของเ้า ต่อไปก็ใช้ชีวิตแบบปุถุชนรนธรรมดาไปจนตาย แต่เพื่อเป็การปลอบใจ...ข้าจะมอบสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ให้เ้าหนึ่งชิ้นและทรัพย์สมบัติที่เ้าใช้อีกกี่ชาติก็ไม่มีวันหมด” ลู่ซีพยักหน้า ดวงตาปรากฏแสงแห่งความเ้าเล่ห์วาบผ่าน แต่ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาเป็เคร่งขรึมจริงจังพร้อมกับพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
“บ้าไปแล้ว ทำลายวรยุทธ์อีกแล้วรึ! ไม่มีพลังฝีมือเอาสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ไปทำสากกระเบืออะไร? ทรัพย์สมบัติ? ไม่มีพลังฝีมือทรัพย์สมบัติเหล่านี้จะรักษาไว้ได้อย่างนั้นรึ?” เย่ชิงหานเริ่มด่าทอถึงโคตรเหง้าบรรพบุรุษเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้อยู่ภายในใจ ด่านทดสอบสุดท้ายนี้อำมหิตเสียจริงๆ...
ทางเลือกแรกตายเก้าส่วนรอดหนึ่งส่วน เสี่ยงดูอาจจะได้ตายจริงหรืออาจจะได้รับสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดของเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพที่เล่าลือกัน แม้ไม่รู้ว่าสมบัติระดับสูงสุดที่ว่านั้นสุดยอดมากมายเพียงใด มีประโยชน์กับตนเองมากแค่ไหน แต่คิดว่าของที่ได้จากมือของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ทางเลือกที่สองเป็ทางเลือกที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน มีชีวิตรอดออกไปอย่างปลอดภัยแต่ร่างกายสูญสิ้นวรยุทธ์พร้อมกับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งและทรัพย์สมบัติที่ใช้กี่ชาติก็ไม่มีวันหมด ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนแก่ตายภายในตระกูลเย่
จะเลือกทางใด?
เป็ทางเลือกที่ค่อนข้างยากพอสมควร!
เพราะว่าทั้งสองทางเลือกล้วนเป็ทางตาย คนปกติไม่มีใครเลือกอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่มีทางเลือกที่สามให้เลือกแล้ว...
เย่ชิงหานหลับตาลงอย่างช้าๆ เริ่มครุ่นคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนขึ้น
ขีวิตของคนเราล้วนต้องประสบกับสิ่งที่จำเป็จะต้องเลือกมากมาย ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จึงจำเป็จะต้องทำจิตใจให้สงบลงเพื่อคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า...
เขาเริ่มคิดถึงชีวิตชาติที่แล้วและชาตินี้ คิดถึงชีวิตหนุ่มโสดในชาติที่แล้ว คิดถึงชีวิตสิบห้าปีที่กดดันภายในตระกูลเย่ คิดถึงสัตย์สาบานที่ให้ไว้หน้าหลุมฝังศพมารดา คิดถึงสภาพที่เดินวนเวียนอยู่บนขอบปากเหวมัจจุราชหลายต่อหลายครั้งเมื่อตอนที่อยู่เทือกเขารกร้าง คิดถึงอารมณ์บุญคุณความแค้นภายในสวนเมามาย คิดถึงผืนน้ำของทะเลสาบบนเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ คิดถึงเหตุการณ์ตีนเขายอดเขาขาดตนเองควงมีดไม่กี่คราพลันปรากฏซากศพนอนเกลื่อนกลาด คิดถึงนครแห่งเทพ...
คิดถึงเย่ชิงอวี่เงาร่างที่ดูอ่อนแอและบอบบางนั้น คิดถึงดอกท้อที่ดูพื้นๆ ธรรมดาของเยว่ชิงเฉิง คิดถึงหน้าอกูเาไฟอวบอิ่มน่าภาคภูมิใจของเย่ชิงอู่ คิดถึงเตียงนอนหลังใหญ่สีชมพูของเถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่...
เขาคิดถึงสิ่งต่างๆ มากมาย เขาถามใจของตนเองว่า้าสิ่งใด? เขาจะทำอะไร? เขาจะเลือกอย่างไร?
ในบางครั้งที่คนเราไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไรดี จำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องสงบจิตใจลงแล้วถามตนเองอย่างจริงจังว่าแท้จริงแล้วตนเอง้าสิ่งใด? ถึงตอนนั้นเราจะรู้คำตอบที่แท้จริงของคำถาม แม้ว่าในบางครั้งผลลัพธ์ของคำตอบที่ได้จะไม่เป็ที่น่าพอใจนัก แต่อย่างน้อยเราก็จะไม่นึกเสียใจภายหลัง เพราะว่าเราได้เลือกออกมาจากคำตอบภายในใจอย่างแท้จริง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเย่ชิงหานเปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาปราศจากความลังเล ปราศจากความโกรธแค้น ปราศจากความไม่พอใจ มีเพียงความสงบราบเรียบและความเด็ดเดี่ยวที่พร้อมบุกทะลวงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดถอยหลังกลับเพียงเท่านั้น
เขาเริ่มออกเดินไปทางประตูใหญ่ทางด้านซ้าย แน่นอนว่าเขาแค่ทำการสุ่มเลือกเอาบานใดบานหนึ่งเพียงเท่านั้น เขารู้ดีว่าโชคชะตาเป็สิ่งที่ไม่สามารถจะฝืนบังคับได้ หากดวงไม่ดีต่อให้หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น
สุดท้ายเขาหยุดยืนอยู่ด้านนอกประตูใหญ่สีทองที่ส่องประกายแสงระยิบระยับนั้น จากนั้นหันหน้ากลับมายิ้มให้ลู่ซีพร้อมกับทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปภายในประตูบานใหญ่อย่างเด็ดเดี่ยวห้าวหาญ
“ท่านผู้าุโ ข้าเคยพูดคำพูดประโยคหนึ่งว่า หากคิดที่จะเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง จำเป็จะต้องมีหัวใจของยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง และข้าในตอนนี้มีหัวใจของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งดวงนั้นแล้ว! ชีวิตข้าไม่ธรรมดามานานแล้ว เมื่อเป็เช่นนั้นข้าก็จะขอเดินในเส้นทางที่ไม่ธรรมดานี้ต่อไปจนลมหายใจสุดท้าย ถึงแม้จะต้องตายข้าก็จะไม่นึกเสียใจภายหลัง...”
จากนั้นเงาร่างของเย่ชิงหานเลือนหายไปจากภายในห้องโถงใหญ่ ประตูบานใหญ่ค่อยๆ ปิดลง ภายในห้องโถงใหญ่เหลือเพียงใบหน้าแพะพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า รวมไปถึงเสียง แกร้งๆ ที่ฟังดูมีพลังที่ดังขึ้นมา
.................................
เย่ชิงหานเดินเข้าประตูใหญ่มาอยู่บนถนนทางเดินสีทองที่ไม่รู้จัก เขาไม่รู้เลยว่าในขณะที่เขาเดินผ่านประตูใหญ่สีทองเข้ามานั้น ประตูใหญ่สีทองทั้งสิบบานที่เริ่มปิดลงในขณะเดียวกันภายนอกูเาสุสานทวยเทพทั้งลูกก็เริ่มสั่นไหวขึ้น
เสียงสั่นะเืเลื่อนลั่นราวกับแผ่นดินไหวดังสนั่นขึ้น ผู้คนที่อยู่ตีนเขาูเาสุสานทวยเทพต่างสะดุ้งใกันขึ้น
ต่อมา แสงรุ้งเจ็ดสีสายหนึ่งปรากฏออกมาจากยอดเขาของูเาสุสานทวยเทพแล้วเริ่มสาดส่องไปทั่วทั้งรัศมีร้อยกิโลเมตร สาดส่องดวงตาที่พร่ามัวของผู้คนจนสดใสขึ้น สาดส่องความตื่นตระหนกใภายในดวงตาของผู้คนจนเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
ยอดฝีมือของทั้งหนึ่งนคร หนึ่งเกาะ สามเขตปกครองทั้งหมดต่างเดินออกมาจากกระโจมที่พัก ต่างมองดูปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับูเาสุสานทวยเทพ และต่างหันจ้องมองตากันเพื่อจะหาคำตอบจากภายในดวงตาของอีกฝ่าย เพียงแต่ทุกคนล้วนมึนงงมืดแปดด้าน ูเาสุสานทวยเทพนับั้แ่หล่นลงมายังทวีปัเพลิงยังไม่เคยเกิดปรากฏเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?
ครืน!
แสงรุ้งเจ็ดสีเริ่มค่อยๆ ครอบูเาสุสานทวยเทพไว้ทั้งลูก ส่วนเสียงที่ดังขึ้นนั้นยิ่งนานยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ หมอกสีขาวที่ปกลุมอยู่โดยรอบูเาสุสานทวยเทพก็ยิ่งหนาแน่นมากยิ่งขึ้นทุกที
ในเวลานี้เอง หมอกสีขาวตำแหน่งใจกลางบริเวณส่วนด้านหน้าของูเาสุสานทวยเทพพลันถูกแสงสีทองปรากฏออกมาแทนที่ แสงสีทองค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็บานประตูสีทองเหลืองอร่ามขนาดใหญ่ที่มีความสูงสิบกว่าเมตรกว้างหลายสิบเมตร บานประตูแยกหมอกสีขาวออกไปอยู่สองข้าง ภายในบานประตูมีรูปากทางเข้าสีดำขลับที่ดูราวกับปากของอสูรั์ดึกดำบรรพ์ที่อ้ารอกลืนกินผู้คนฉันนั้น
“โอ้์! เส้นทาง์เปิดออกก่อนกำหนด! มันเกิดเื่อะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่ายังเหลือเวลาอีกสิบวันหรอกรึ?”
“เส้นทาง์เปิดขึ้นแล้วจริงๆ? แสงรุ้งเจ็ดสี? นิมิตบอกให้รู้ว่าสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดจะปรากฏออกมาแล้ว?”
“แปลกประหลาดจนเกินไปแล้ว...”
เมื่อประตูใหญ่สีทองปรากฏเป็รูปเป็ร่างขึ้น ยอดฝีมือจำนวนมากที่มาเข้าร่วมในครั้งนี้ต่างก็รู้กันดีว่าเกิดเื่อะไร ถึงแม้พวกเยว่ชิงเฉิง เฟิงจื่อ ที่ไม่ได้เข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพก็ยังสามารถมองเห็นรูปากทางเข้าสีดำขลับนั้นเช่นกัน ถนนเส้นใหญ่สีทองสายหนึ่งค่อยๆ ทอดตัวยาวยื่นออกมาจากภายใน สิ่งที่ได้เห็นจึงทำให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันที
ถนนเส้นใหญ่สีทองที่ค่อยๆ ทอดตัวยาวออกมาจากภายในนั้นก็คือเส้นทาง์ของูเาสุสานทวยเทพที่กำลังก่อตัวขึ้น ูเาสุสานทวยเทพ...เปิดขึ้นก่อนกำหนด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้