ถ้ำคุนเผิงก็คือเผือกร้อนลวกอย่างแน่นอน สายตาทุกคนล้วนจ้องเขม็งไปที่รังนั่น จ้านอู๋มิ่งไม่คิดว่าถ้ำของคุนเผิงสามารถเข้าไปได้ง่ายๆ เช่นนั้น ถ้าเขาถึงถ้ำก่อนเป็คนแรก จะต้องตกเป็เป้าของฝูงชนอย่างแน่นอน ถึงแม้เขามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่ง หยิ่งผยองอย่างหนัก แต่กลับมิได้โง่เขลา
เห็นสายน้ำที่ปลาวาฬั์ตัวนั้นว่ายผ่านในมหาสมุทร ลำตัวที่ยาวนับพันวานั้น เกรงว่าเพียงแค่หางเดียวก็สามารถฟาดจนตนเองเป็ขนมแบนเช่นเดียวกับบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยแล้ว ในสถานที่เช่นนี้ ถึงแม้เขาจะเข้ามาก่อน แต่ก็ต้องปิดบังประกายลงบ้าง ให้พวกเขาไปแย่งกันก่อน ตนเองไปหาสิ่งของที่สามารถถึงมือให้ได้ก่อน
เสวียนเสวียนจื่อเห็นจ้านอู๋มิ่งมิได้มุ่งหน้าไปที่ถ้ำคุนเผิง กลับไม่ได้ไล่ติดตามไป เขามิ้าสิ้นเปลืองเวลาอยู่กับจ้านอู๋มิ่ง ด้านหลังเขามิเพียงมีเหยียนเต้าจื่อเท่านั้น ยังมีชนเผ่าสมุทร บรรดาตัวประหลาดเฒ่าแห่งเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูร ขอเพียงเสียเวลาไปเล็กน้อย ก็จะต้องพลาดโอกาสไปอย่างแน่นอน
“ไอ้หนู สายตาไม่เลว กลับรู้จักมุ่งหน้ามาทางนี้!” จ้านอู๋มิ่งเพิ่งจะวิ่งถึงด้านข้างแม่น้ำจิติญญา เสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังมาหลังจากด้านหลัง เงาร่างเหมือนสายลมสีเขียวสายหนึ่งกระโจนผ่านมา
“วิหคกระจอกเกล็ดเขียว!” จ้านอู๋มิ่งโกรธจัดขึ้นมาทันใด นกหน้าเหม็นขนแบนตัวนี้เป็สัตว์ปีกจิติญญาคุณสมบัติธาตุวายุ ปฏิกิริยาตอบสนองต่อธาตุลมมิได้ด้อยไปกว่าตน เห็นได้ชัดว่ามันััได้ถึงวัตถุผิดปกติในแม่น้ำนี้แล้ว ดังนั้นจึงได้ละทิ้งถ้ำคุนเผิง แล้วคิดจะพุ่งลงไปในแม่น้ำจิติญญาก่อน
“อย่าได้คิดแย่งชิงของวิเศษกับนายน้อยเช่นข้า!” จ้านอู๋มิ่งไหนเลยจะยอมให้วิหคกระจอกเกล็ดเขียวแย่งของไปก่อน กระโจนร่างขึ้นไปทันใด ขณะวิหคกระจอกเกล็ดเขียวกำลังจะพุ่งลงไปในแม่น้ำจิติญญานั่นเอง กลับคว้าจับอุ้งเท้ากรงเล็บมันไว้หน้าตาเฉย
“ไสหัวไป!” จ้านอู๋มิ่งตวาดเสียงลั่นคราหนึ่ง ตวัดสองแขนครั้งหนึ่งก็เหวี่ยงวิหคกระจอกเกล็ดเขียวที่ลำตัวครึ่งหนึ่งอยู่ในน้ำแล้วกระเด็นลอยออกไปทันใด
จ้านอู๋มิ่งเหวี่ยงสุดแรงเกิด ความแข็งแกร่งของพลัง ภายใต้ความเร่งรีบ วิหคกระจอกเกล็ดเขียวมิอาจต้านทานแม้แต่น้อย กระแทกลงบนหินที่แข็งกว่าอาวุธจิติญญาตรงริมฝั่งแม่น้ำจนมึนงง ดาวสีทองระยิบระยับเต็มไปหมด วิงเวียนจนหน้ามืดตาลาย
“ไอ้หนู เ้ารนหาที่ตาย!” วิหคกระจอกเกล็ดเขียวโกรธจัด ั้แ่ถือกำเนิดมา มันยังมิเคยพลาดท่าเสียทีอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ด้วยน้ำมืุ์มาก่อน
วิหคกระจอกเกล็ดเขียวกระพือปีกคู่คราหนึ่ง กรงเล็บทั้งสองตะปบลงบนศีรษะจ้านอู๋มิ่งทันที
“พี่ชายมิมีเวลาเล่นเป็เพื่อนเ้า อีกสักครู่ค่อยจัดการกับเ้านกต่ำต้อยอย่างเ้า” จ้านอู๋มิ่งพูดพลาง ก่อนที่กรงเล็บวิหคกระจอกเกล็ดเขียวจะตะปบถูกตน ชูนิ้วกลางขึ้นอย่างผยองคราหนึ่ง ะโลงในแม่น้ำจิติญญาไป
ถึงแม้แม่น้ำจิติญญาจะเป็ของเหลว แต่ทั้งหมดเป็พลังจิติญญาที่ผสมผสานหลอมรวมระหว่างธาตุวายุและธาตุวารีสองชนิด นำไปใส่ไว้ในสำนักนิกายใด พลังจิติญญาที่แข็งแกร่งเข้มข้นเช่นนี้ สามารถทำให้สำนักนิกายฝึกปรือบ่มเพาะศิษย์อัจฉริยะจำนวนนับมิถ้วนออกมาอย่างแน่นอน
วิหคกระจอกเกล็ดเขียวโกรธจนแทบคลุ้มคลั่ง ไอ้หนูคนนี้น่ารำคาญเกินไปแล้ว กลับด่าตนเป็นกต่ำต้อยเสียได้ ในใจรู้สึกเกลียดชังยิ่งนัก
“เป็ดาวมฤตยูผู้นั้น…” มีคนจำจ้านอู๋มิ่งได้ อดอุทานเสียงต่ำมิได้
“ว้าว นั่นคือวิหคกระจอกเกล็ดเขียวของเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูร ตำนานเล่าขานมีสายเืของวิหคชิงหลวนแข็งแกร่งยิ่ง ดาวมฤตยูผู้นั้นคราวนี้ตกที่นั่งลำบากแล้ว”
“พลังเหนือธรรมชาติของแม่น้ำนั่นเข้มข้นอย่างยิ่ง ดาวมฤตยูผู้นั้นและวิหคกระจอกเกล็ดเขียวแย่งชิงกันขึ้นมาแล้ว หรือว่าในแม่น้ำมีสมบัติวิเศษมหัศจรรย์ชิ้นใด?”
และแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็มุ่งหน้าวิ่งไปทางแม่น้ำจิติญญา นอกถ้ำคุนเผิงเกิดเสียงตวาดคำราม เสียงการเข่นฆ่าสังหารสนั่นสะท้านฟ้าดังขึ้นแล้ว เสวียนเสวียนจื่อลงมืออย่างโเี้อำมหิต ผู้ใดแย่งชิงกับเขา จู่โจมครั้งเดียวปลิดชีพทันที ต่อให้เป็ชนเผ่าสมุทร ในเวลาอันสั้นก็มิอาจต่อกรกับตัวประหลาดเฒ่าอย่างเสวียนเสวียนจื่อ
สิ่งที่พวกเขาแย่งชิงมิใช่เข้าไปภายในถ้ำ แต่เป็แผ่นป้ายแท่นศิลาด้านนอกถ้ำ
บนแผ่นป้ายแท่นศิลามีลวดลายยันต์ลึกลับ เสวียนเสวียนจื่อพอเห็นแผ่นป้ายแท่นศิลาเท่านั้น อดมิได้ที่จะถูกลวดลายยันต์ดึงดูดสายตาไว้ เพราะนี่คือลายยันต์เทวะของคุนเผิง!
ตำนานเล่าขาน หากสามารถแกะจารึกลวดลายยันต์เทวะของคุนเผิงออกมาได้ ก็สามารถที่จะพลังวิเศษเหนือธรรมชาติอันเป็พร์ที่โดดเด่นของคุนเผิง นี่ย่อมเป็สมบัติวิเศษลับประจำสำนักอย่างแน่นอน ตลอดจนอาจเป็สมบัติวิเศษลับเหนือล้ำกว่าขอบเขตระดับฟ้าก็เป็ได้
เสวียนเสวียนจื่อเป็ผู้ที่รู้จักคุณค่าสิ่งของ ชนเผ่าสมุทรรู้จักคุนเผิงในฐานะของเทพเ้าแห่งมหาสมุทรแห่งยุค ย่อมทราบเื่ราวมรดกตกทอดของคุนเผิงกระจ่างมากยิ่งกว่า ดังนั้นชนเผ่าสมุทรกับเสวียนเสวียนจื่อจึงเกิดการต่อสู้แย่งชิงอันดุเดือดขึ้นมาแล้ว
ถ้ำของคุนเผิงดูเหมือนจะถูกผนึกโดยพลังอันลึกลับชนิดหนึ่ง นี่คือศูนย์กลางเจตจำนงของคุนเผิง ผู้คนที่อยู่ภายนอกถ้ำทั้งหมดล้วนมิสามารถเข้าไป และแล้วคนที่ยิ่งมายิ่งมากก็เริ่มต่อสู้แย่งชิงแผ่นป้ายแท่นศิลากัน แผ่นป้ายแท่นศิลาที่มีลวดลายยันต์เทวะมิได้มีเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น กลับมีมากถึงสิบแปดแผ่น ผู้ใดก็มิ้ารั้งท้าย แต่ละกลุ่มอำนาจหลักจึงเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดขึ้นมา
สำหรับทางถ้ำคุนเผิงด้านโน้น จ้านอู๋มิ่งไม่สนใจ สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดตอนนี้คือั์ตาคุณสมบัติธาตุวายุดวงนั้น ถ้าเขาได้ั์ตาดวงนั้นมา ก็จะสามารถเปิดถ้ำนภาเพิ่มขึ้นอีกแห่งภายในจิติญญาชีวิต ความแข็งแกร่งของตนก็จะเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง
เขาจะทำให้ผู้คนในโลกหล้าได้เห็นว่า ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงไม่จำเป็ต้องมีข้อได้เปรียบของขอบเขตฐานบ่มเพาะเสมอไป เพราะระดับชั้นของใต้หล้านี้ต่ำเกินไป ต่อให้มีระดับขอบเขตฐานบ่มเพาะที่สูงกว่า สุดท้ายก็เป็การทดสอบแข็งแกร่งระหว่างสำลีห้องหนึ่งกับท่อนเหล็กแท่งหนึ่ง ปริมาณสำลีมากมายเพียงไรก็มิสามารถแสดงพลังของท่อนเหล็กออกมาได้
แต่ว่า วิหคกระจอกเกล็ดเขียวตัวนั้นกลับตามจิกมิยอมละเว้นเขา การติดตามไล่ล่าช่างรวดเร็วยิ่งนัก เดิมความเร็วก็เป็จุดแข็งของวิหคกระจอกเกล็ดเขียวอยู่แล้ว ถึงแม้อยู่ใต้น้ำมิอาจเร็วเท่าจ้านอู๋มิ่ง แต่จ้านอู๋มิ่งก็มิมีปัญญาสลัดมันพ้นได้เช่นกัน
ภายใต้ความขุ่นเคืองของจ้านอู๋มิ่ง ในใจรู้สึกโกรธยิ่งนัก ลอบปล่อยชิงย่วนและหมูล่าขุมทรัพย์ออกมา ให้หมูล่าขุมทรัพย์พาชิงย่วนลงใต้น้ำเพื่อค้นหาั์ตาคุณสมบัติธาตุวายุดวงนั้น เอาของมาเก็บไว้ก่อนค่อยว่ากัน ตนเองหันไปเผชิญหน้ากับวิหคกระจอกเกล็ดเขียว
“เ้านกหน้าเหม็นนี่ ไม่ลองไปสอบถามข่าวคราวดูบ้าง บังอาจมาแย่งของวิเศษกับพี่ชาย พี่ชายจะถอนขนบนร่างเ้าให้หมดเกลี้ยง!” จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงดังลั่นคราหนึ่ง กลับไม่สนใจกระบวนท่าใดๆ ทั้งสิ้น พุ่งกระโจนเข้าหาวิหคกระจอกเกล็ดเขียว
วิหคกระจอกเกล็ดเขียวคิดไม่ถึงว่าจ้านอู๋มิ่งจะย้อนกลับมากะทันหัน ด้วยความเร็วของจ้านอู๋มิ่ง อยู่ใต้น้ำ คิดจะไล่ติดตามเขาให้ทันมิใช่เื่ง่ายเลย แต่ว่าจ้านอู๋มิ่งกลับละทิ้งการค้นหาสมบัติของวิเศษ แล้วลงมือโจมตีใส่มัน
“อั๊ก…” วิหคกระจอกเกล็ดเขียวร้องเสียงต่ำคราหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งแทบจะทำให้ปีกของมันหักไป
“เ้านกหน้าเหม็น บังอาจแย่งสมบัติวิเศษกับพี่ชาย ข้าจะดึง...จะดึง…” จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง ไม่ได้ทำให้ปีกวิหคกระจอกเกล็ดเขียวหักไป อาละวาดอย่างดุร้ายขึ้นมา ดึงทึ้งขนบนปีกทิ้งอย่างบ้าคลั่ง
วิหคกระจอกเกล็ดเขียวถูกกดขี่ ในใจคับแค้นไม่มีที่ระบาย ใต้น้ำความคล่องแคล่วว่องไวของร่างกายลดลงมากเกินไป ยังถูกจ้านอู๋มิ่งะโขึ้นไปบนหลังแล้วอย่างคาดไม่ถึงอีก การลงมือของไอ้หนูนี่มิอาจใช้เหตุผลทั่วไปมาคำนวณ พลังวิเศษเหนือธรรมชาติอันเป็พร์และท่าร่างคล่องแคล่วว่องไวของมันมิสามารถใช้ได้เลย
“ซ่าา…” วิหคกระจอกเกล็ดเขียวทะยานร่างขึ้นมาจากน้ำ ขืนอยู่ในน้ำต่อไป เกรงแต่ว่าจะถูกจ้านอู๋มิ่งทรมานอย่างทารุณจนเสียชีวิต
“รีบดู วิหคกระจอกเกล็ดเขียวพุ่งออกมาอีกแล้ว ราชันปีศาจป่วนโลกผู้นั้นอยู่บนหลังวิหคกระจอกเกล็ดเขียว…”
“ว้าว ขนนกของวิหคกระจอกเกล็ดเขียว สามารถนำไปสร้างเป็อาวุธจิติญญา…”
“ราชันปีศาจป่วนโลกผู้นั้นกำลังถอนขนนกของวิหคกระจอกเกล็ดเขียวอยู่ โหดร้ายเกินไปแล้ว เป็ผู้ล้ำเลิศจริงๆ!”
ผู้คนที่ทยอยกันมาเห็นฉากนี้ ล้วนตะลึงพรึงเพริด จ้านอู๋มิ่งนั่งอยู่บนหลังของวิหคกระจอกเกล็ดเขียว วิหคกระจอกเกล็ดเขียวคอยพลิกลำตัวไปเรื่อยๆ ตลอดจนใช้แผ่นหลังถูกับพื้น ใช้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ตอบโต้กลับ แต่ถึงอย่างไรก็สลัดจ้านอู๋มิ่งออกไปไม่ได้ มือเท้าจ้านอู๋มิ่งไม่หยุดนิ่ง ถอนขนของมันไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ขนของวิหคกระจอกเกล็ดเขียวปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า วิหคกระจอกเกล็ดเขียวใกล้จะพังทลายลงแล้ว ผ่านไปอีกสักครู่ จ้านอู๋มิ่งถอนขนมันจนเกลี้ยง มันจะต้องร่วงหล่นจากบนฟ้า ตกลงไปในน้ำอย่างแน่นอน นั่นนับว่าเป็เื่ตลกยิ่งใหญ่ในใต้หล้าแล้ว
“เ้านกหน้าเหม็น จงใจหาเื่กับพี่ชาย เ้าจะยอมศิโรราบหรือไม่?” จ้านอู๋มิ่งด่าอย่างหยิ่งผยองไปพลาง ถอนขนไปพลาง
วิหคกระจอกเกล็ดเขียวถึงแม้จะดุร้าย แต่ไม่ว่าจะเป็จะงอยปากหรือกรงเล็บ ล้วนโจมตีไม่ถึงแผ่นหลัง มันยังขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น ก็ใกล้จะแปลงร่างได้แล้ว แต่ว่าเวลานี้ยังแปลงร่างเป็มนุษย์ไม่ได้ วิหคกระจอกเกล็ดเขียวมีพลังแต่ไม่สามารถใช้ได้ มีกระบวนท่าโจมตีรุนแรงก็จู่โจมไม่โดนจ้านอู๋มิ่ง มันแทบจะร่ำไห้แล้ว ไม่เคยทุลักทุเลขนาดนี้มาก่อน
“แน่จริงเ้าลงมา…” วิหคกระจอกเกล็ดเขียวโวยวายอย่างขุ่นข้อง จ้านอู๋มิ่งเหมือนติดอยู่บนหลังของมันมิมีผิด ทำเช่นไรก็มิยอมลงมา แล้วก็ต่อยอย่างรุนแรงหนักหน่วงเป็ระยะ หมัดของจ้านอู๋มิ่งราวกับค้อนหนักก็ปาน แม้ว่าร่างกายของวิหคกระจอกเกล็ดเขียวจะแข็งแกร่งมากก็ตาม ทว่าถูกทุบตีจนเ็ปเข้าไปถึงหัวใจเช่นกัน
“เ้าเห็นพี่ชายเป็คนปัญญาอ่อนหรือ พี่ชายจะอยู่บนหลังเ้านี่แหละ ถอนขนของเ้าจนหมดเกลี้ยง ดูสิว่าเ้าจะยังดุร้ายโเี้อีกไหม” จ้านอู๋มิ่งต่อสู้กับนกตัวนี้อย่างติดพันแล้ว
“เ้ายังไม่ลงไปอีก ของวิเศษในแม่น้ำจะถูกผู้อื่นแย่งไปแล้ว!” วิหคกระจอกเกล็ดเขียวเกิดไหวพริบขึ้นมายามฉุกเฉิน ร้องโวยวายแล้ว
จ้านอู๋มิ่งมองดู จริงเสียด้วย พวกมาทีหลังพากันทยอยะโลงไปในแม่น้ำจิติญญาไม่ขาดสาย พวกเขาเห็นจ้านอู๋มิ่งแย่งชิงกับวิหคกระจอกเกล็ดเขียว ย่อมสงสัยว่าในแม่น้ำจิติญญามีสมบัติล้ำค่า ไม่มีผู้ใดอยากพลาดโอกาส
“พวกมดปลวกฝูงหนึ่ง…” เสียงก้องกังวานราวกับระฆังดังะเิขึ้นเหนือท้องฟ้า ค้อนั์ด้ามหนึ่งก็กระหน่ำลงมาจากอากาศในทันใด เพียงหัวค้อนอย่างเดียวก็มีขนาดใหญ่เท่าเรือนที่พำนัก ทุบเข้าไปในแม่น้ำจิติญญาอย่างรุนแรงหนักหน่วง
“ตูมมม…” อุทกจิติญญาสาดกระเซ็นไปรอบทิศทาง พลันฝูงชนที่ะโลงแม่น้ำก็ลอยกระเด็นขึ้นไปบนฝั่งเหมือนปลาตาย ผู้คนสิบกว่าคนถูกค้อนนี้ทุบกระหน่ำจนเป็ก้อนเนื้อแหลกเละ
“บัดซบ เป็ยอดฝีมือของชนเผ่าฉลามเสือ ไอ้หนู มิสู้พวกเราสองคนร่วมมือกันจัดการเก็บมันก่อน มิฉะนั้นมิรู้พวกเราจะต้องเสียเวลาถึงเมื่อไหร่?”
จ้านอู๋มิ่งเองก็ถูกค้อนขนาดใหญ่มหึมานั้น ทำให้ใแล้วเช่นกัน ถ้าค้อนนี่ทุบลงอีกสองสามครั้ง เกิดทำร้ายถูกชิงย่วนละก็ นั่นก็เท่ากับสูญเสียภรรยาจนพ่ายแพ้ศึกถอยทัพแล้ว เ้าของค้อนใหญ่มหึมาเหมือนเช่นมนุษย์ั์ตนหนึ่ง บนยอดเป็ปากใหญ่ปานอ่างเืปากหนึ่ง ปรากฏว่ามันคือร่างมนุษย์ั์มีศีรษะเป็ฉลามผู้หนึ่ง
“ข้าจะให้อภัยเ้าในครั้งนี้ กำจัดเ้าตัวใหญ่คนนี้ไปก่อน…” จ้านอู๋มิ่งผงกศีรษะตกลง
“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วโจมตีพร้อมกัน หากเ้ากล้าเล่นลูกไม้ใด อีกสักครู่ข้าจะถอนขนเ้าจนเกลี้ยง ทำให้เ้าเป็ไก่งวงที่ขนร่วงตัวหนึ่ง” จ้านอู๋มิ่งพูดเสริมขึ้นอีก
“เ้านั่นแหละจึงเป็ไก่งวง ข้าเกลียดชังชนเผ่าสมุทรที่สุด เ้าปลาวาฬหน้าเหม็นที่ควรตายกลับบังอาจฉกหญ้าจิติญญาข้าไป ยอดฝีมือของชนเผ่าฉลามเสือผู้นี้ก็คือผู้ติดตามของจ้าวแห่งปลาวาฬนั่นเอง มาเก็บดอกเบี้ยสักเล็กน้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“หนึ่ง สอง สาม!” จ้านอู๋มิ่งนับเสร็จ พร้อมกับการพุ่งดำลงน้ำของวิหคกระจอกเกล็ดเขียว เขาทะยานร่างพุ่งเข้าชนมนุษย์ฉลามเสือั์เช่นอุกกาบาตลูกหนึ่งก็มิปาน วิหคกระจอกเกล็ดเขียวก็รักษาคำพูดเช่นกัน ่เวลาที่ดำลงน้ำ มันพ่นใบมีดลมหมุนออกมาใบหนึ่ง เพื่อดึงดูดความสนใจของมนุษย์ฉลามเสือั์
มนุษย์ฉลามเสือั์รูปร่างใหญ่โตเกินไป ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกถูกคุกคาม ไม่เพียงแต่จ้านอู๋มิ่งและวิหคกระจอกเกล็ดเขียวเท่านั้น ผู้ที่กล้ามายังน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ ไหนเลยจะมีคนที่อ่อนด้อยสักคน ต่างมองแผนการของจ้านอู๋มิ่งและวิหคกระจอกเกล็ดเขียวออก หลายคนก็อาศัยความโกลาหลลงมือด้วยเช่นกัน กล่าวถึงที่สุดแล้วหนึ่งค้อนเมื่อครู่นี้ ไม่เพียงแต่สังหารคนไปส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ล่วงเกินคนส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน อีกทั้งยิ่งคุกคามถึงคนส่วนหนึ่งแล้ว
“ติง ติง ติง…” มนุษย์ฉลามเสือั์ยกสองค้อนเข้าด้วยกัน ใบมีดลมทั้งหมดล้วนถูกสกัดกั้น ค้อนคู่นั้นใหญ่โตมากเกินไปแล้ว หัวค้อนอันหนึ่งก็มีขนาดใหญ่เท่าเรือนที่พำนัก หัวค้อนสองอันก็คือเรือนสองหลัง ขวางไว้ตรงหน้าก็เหมือนกับเนินดินขนาดใหญ่มิมีผิด
“นกกระจอกน้อยก็หาญกล้าลงมือกับข้าด้วย!” มนุษย์ฉลามเสือั์คำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง ทำให้วิหคกระจอกเกล็ดเขียวโมโหจนแทบร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ฝีปากของจ้านอู๋มิ่ง เขาคือไก่งวง ในสายตาของมนุษย์ฉลามเสือั์ยิ่งอนาถกว่า กลายเป็นกกระจอกไปแล้ว
“นกกระจอกปู่เ้าสิ…” วิหคกระจอกเกล็ดเขียวโกรธจัด เงาร่างนั้นหมุนดุจสายฟ้าพุ่งเข้าใส่มนุษย์ฉลามเสือั์
“อ๊าก…” พลันมนุษย์ฉลามเสือั์ส่งเสียงร้องอนาถออกมาคำหนึ่ง ขณะที่มันสกัดกั้นใบมีดลมของวิหคกระจอกเกล็ดเขียว จ้านอู๋มิ่งถือไม้กระบองเทิดฟ้าแทงใส่ลำคอมันเหมือนกับตอกตะปูก็ปาน
ลำคอของมนุษย์ฉลามเสือั์แทบมิอาจนับเป็ลำคอ เนื่องจากมันเชื่อมกับร่างกายเป็หนึ่งเดียว ที่เรียกว่าลำคอนั้นขนาดใหญ่พอๆ กับลำตัวของแรดนอเดียวสองตัวแล้ว กระบองเทิดฟ้ายาวขนาดเก้าฟุตหกนิ้วเสียบเข้าไป เหมือนกับตะเกียบเรียวยาวอันหนึ่ง มิสามารถแทงลำคอมันจนทะลุได้
“ตูมมม…” หลังจากที่กระบองเทิดฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ขยายใหญ่โตอย่างกะทันหัน แปรเปลี่ยนเป็ทั้งยาวและใหญ่ในทันใด
จ้านอู๋มิ่งยังมิทันมีเวลาไปสู่ขั้นตอนต่อไป ค้อนขนาดใหญ่มหึมาก็ทุบมาทางเขาจากด้านข้าง
“์ ทั้งดุร้าย ทั้งโง่เขลา!” จ้านอู๋มิ่งก่นด่าไปคำหนึ่ง ทำให้กระบองเทิดฟ้ายาวขึ้นและหนาขึ้นอีกอย่างง่ายดาย ร่างลื่นไถลไปอยู่บนด้านหลังมนุษย์ฉลามเสือั์
“เปรี้ยง…อ๊าก…” ค้อนั์ของมนุษย์ฉลามเสือั์เหมือนเช่นตอกตะปูก็มิปาน กระหน่ำกระบองเทิดฟ้าพุ่งเข้าไปในร่างโดยตรง พลังมหาศาลนั้นทุบกระบองเทิดฟ้ากระหน่ำจนทะลุผ่านคอของมัน แล้วเหินกระเด็นออกไปโดยตรง
ลำคอของมนุษย์ฉลามเสือั์ปรากฏรูขนาดใหญ่ขึ้นรูหนึ่ง แต่ว่ารูนั้นเทียบกับร่างกายใหญ่โตมโหฬารของมันแล้วไม่นับเป็อะไรได้ แต่ทว่า ในมือจ้านอู๋มิ่งยังมีสิ่งของที่ดียิ่งกว่ามอบให้มนุษย์ฉลามเสือั์ ซึ่งก็คือไข่ของพิษมีชีวิตนั่นเอง
ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว จ้านอู๋มิ่งเก็บกระบองเทิดฟ้ากลับคืน ะโเข้าไปในแม่น้ำจิติญญาเหมือนกบตัวหนึ่งก็มิปาน
