เพื่อคลายความกระอักกระอ่วน นางกระแอมกระไอด้วยเจตนาเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “ก็แค่ให้เย่เอ๋อร์ออกจากวังสักหน เหตุใดไม่อนุญาตเล่า”
เซวียนหยวนเช่อพูดเรียบๆ “ชุมนุมเดินหมากคนเยอะเกินไป เ้าคิดว่าให้เย่เอ๋อร์ไปที่นั่นจะเป็การปลอดภัยหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนย้อนกลับ “ท่านสามารถให้คนอารักขาเขาได้นี่นา!”
เซวียนหยวนเช่อแค่นฮึเสียงเย็น “เ้า้าให้ทุกคนรู้ว่าฮองเฮาของเจิ้นเดินหมากที่ชุมนุมเดินหมากหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนทำหน้าเคร่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าท่านน่าจะหวังให้ข้าไปจากวังหลวงเร็วขึ้น! หากข้าแพ้การเดินหมากข้าย่อมหาแมวเทพไม่พบ และไปจากวังหลวงเอง! เช่นนี้แล้วมิใช่ทำให้ท่านสมหวังหรือ”
เซวียนหยวนเช่อมองนางนิ่งๆ ั์ตาดำขลับของเขาเปลี่ยนไป
“ฝีมือการเดินหมากของตนเองไม่เก่งกาจ ยังกล่าวโทษผู้อื่นหรือ เ้าคิดว่าเย่เอ๋อร์ไปแล้ว เ้าก็จะชนะแน่นอนหรือ”
“นั่นก็ไม่แน่!” เฟิ่งเฉี่ยนเชิดคางขึ้น
เซวียนหยวนเช่อหลุบตาลงมองนางครู่หนึ่ง เมื่อช้อนตาขึ้นอีกครั้งดวงตาของเขานิ่งลึกราวกับมหาสมุทร “ได้ หากเ้าแพ้เจิ้นจะลงโทษเ้า นับแต่นี้ต่อไปห้ามพบเย่เอ๋อร์อีก เ้ากล้าเดิมพันหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน “อาศัยอะไรกัน”
เซวียนหยวนเช่อตอบกลับเสียงเย็น “คิดจะได้อภิสิทธิ์ ก็ต้องแลกมา!”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วตกอยู่ในความคิดของตน
การเดิมพันนี้เหตุใดฟังแล้วจึงไร้เหตุผล แต่เมื่อใคร่ครวญถี่ถ้วนแล้ว ที่จริงเป็ความหวาดระแวงที่ไม่จำเป็
หากนางแพ้การเดินหมากย่อมไม่ได้ตัวแมวเทพ ต่อมาต้องไปจากวังหลวง ถึงเวลานั้นนางย่อมไม่ได้พบเย่เอ๋อร์เหมือนกัน
ดังนั้น นางจะเข้าใจอย่างนี้ได้หรือไม่ เซวียนหยวนเช่อกำลังรับปากคำร้องขอของนางด้วยวิธีการอื่น
“ไม่ถูกต้อง ท่านมิใช่ควรหวังให้ข้าแพ้หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนเต็มไปด้วยความสงสัย
เซวียนหยวนเช่อตวัดสายตามองนางปราดหนึ่ง คิ้วคมนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อยc]tพูดอย่างเผด็จการ “ผู้หญิงของเจิ้น จะแพ้ได้อย่างไร”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน เขาพูดอะไรนะ
ผู้หญิงของเจิ้นหรือ
น่าแปลกเหลือเกิน เพียงเพราะอักษรสี่ตัวนี้ ก้นบึ้งหัวใจของนางพลันเกิดความหวานล้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาแล้วกระจายไปทั่ว แก้มทั้งสองข้างของนางร้อนจี๋จนเกินควบคุม!
คิ้วงามของนางเลิกขึ้นด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าดึงดูดสายตาผู้คน “ท่านวางใจ ข้าไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!”
เซวียนหยวนเช่อมองแก้มแดงเปล่งปลั่งของนางด้วยดวงตาคมที่มีรอยยิ้มแฝงอยู่อย่างหาได้ยากนัก
เฟิ่งเฉี่ยนเข้าไปปรุงหมูสามชั้นในน้ำซอสสิบจานั้แ่เช้าตรู่ นางเก็บไว้ให้เซวียนหยวนเช่อสองพ่อลูกคนละสองจาน ที่เหลือตนเองกินหมด!
กินหมูสามชั้นในน้ำซอสไปทั้งหมดหกจานเต็มๆ นางรู้สึกจุกและอยากอาเจียนอยู่บ้าง ต่อให้เป็ของอร่อยยิ่งกว่านี้ แต่ถ้ากินแบบนางมีหวังต้องอาเจียน แต่นางยังคงต้องอดทนอดกลั้นให้ได้!
วันนี้เป็นัดตัดสินระหว่างนางและหานไท่ฟู่ ต้องเป็การเดินหมากที่ดุเดือดเืพล่าน นางจำเป็ต้องมีเรี่ยวแรงและพละกำลังเพื่อจะยันให้อยู่!
ตรองดูก็รู้ว่าหานไท่ฟู่จะต้องไปขอทัพหนุนมาช่วยเสริมกำลัง แต่นางไม่เกรงกลัว เห็นทัพหนุนเป็เพียงอุปสรรคที่นางต้องแก้ไขไปตามสถานการณ์เท่านั้น
แน่นอนว่าหากสามารถเติมแต่งสิ่งที่ดีขึ้นลงไปด้วยก็ยิ่งเป็การดี
“ระบบหนอระบบ ในเวลาวิกฤติเช่นนี้จะทอดทิ้งข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ ชนะหรือแพ้อยู่ที่กระดานนี้แล้ว!”
นางกดปุ่ดจับรางวัล ครั้งนี้นางลืมดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปที่จานทรงกลมหลากสี ในใจภาวนาเงียบๆ “ตำราทักษะการเดินหมากล้อม ตำราทักษะการเดินหมากล้อม จะต้องเป็ตำราทักษะการเดินหมากล้อมนะ!”
ติ๊ง--ได้รับ 《ตำราทักษะการเดินหมากล้อม เวอร์ชั่น 3.0》
“ฮ่าๆ โชคดีมาแล้ว ขวางยังไงก็ขวางไม่อยู่!” เฟิ่งเฉี่ยนถูมือทั้งสองข้างไปมา
ด้านนอกประตูวัง มีรถม้าธรรมดาสามัญคันหนึ่งหยุดอยู่ ผ้าม่านรถม้าถูกเลิกขึ้นปรากฏให้เห็นศีรษะเล็กๆ มองมาทางประตูวัง ั์ตาดำและขาวตัดกันชัดเจนนั้นกลอกไปมาอย่างว่องไว พลันแววตาของเขาทอประกายวาบ เขายื่นมือเล็กๆ ข้างหนึ่งออกมาโบกไปมา “องค์ไท่จื่อ ทางนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
หน้าประตูวัง เฟิ่งเฉี่ยนจูงมือไท่จื่อน้อยเดินออกมา ได้ยินเสียงร้องะโ ไท่จื่อน้อยหัวเราะออกมาทันที เขาสลัดมือของเฟิ่งเฉี่ยนออกแล้ววิ่งไปทางรถม้า “ลั่วเฟิง เ้าก็มาด้วยหรือ!”
สหายตัวน้อยสองคนพบหน้ากัน แต่ละคนมีสีหน้าเบิกบานใจ สนทนากันไม่หยุด
เฟิ่งเฉี่ยนถูกลืมจึงรู้สึกกินน้ำส้มอยู่บ้าง “มิใช่ได้พบหน้ากันอยู่แทบทุกวันหรือ ต้องดีใจถึงเพียงนี้ด้วย”
ทว่าบุตรชายไม่ได้รับนิสัยเ็าเงียบขรึมมาจากบิดา ปฏิบัติต่อคนรอบข้างด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส นี่เป็เื่ที่ทำให้นางดีใจมาก
ลั่วหยิ่งเดินมาหยุดข้างกาย “ทูลเหนียงเหนียง ฝ่าาเกรงว่าไท่จื่อจะเหงาจึงมีพระบัญชามาเป็การเฉพาะว่าให้พาเฟิงเอ๋อร์ไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เขาเป็น้องชายแท้ๆ ของเ้าหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนถาม
ลั่วหยิ่งพยักหน้า “เหนียงเหนียงทรงมีสายตาแหลมคมพ่ะย่ะค่ะ! สกุลลั่วของกระหม่อมล้วนเป็ทหารโดยกำเนิด ปกป้องแผ่นดิน บิดามารดาของกระหม่อมให้กำเนิดบุตรทั้งหมดห้าคน พี่ชายคนโต คนรองและพี่สามล้วนพลีชีพในสนามรบ ฝ่าาทรงเห็นอกเห็นใจสกุลลั่วของกระหม่อม เพื่อให้สกุลลั่วมีผู้สืบทอดทายาทจึงให้กระหม่อมเป็ขุนนางรับใช้ใกล้ชิดพระองค์ และเป็องครักษ์คนสนิทของฝ่าา อีกทั้งยังให้เฟิงเอ๋อร์เข้าวังเป็สหายร่วมเรียนของไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนกระจ่างแจ้งแก่ใจ “ที่แท้เป็เช่นนี้! สกุลลั่วของพวกเ้าจงรักภักดี เสียสละเพื่อแผ่นดินเป่ยเยียนมากมาย มิน่าเล่าเขาจึงได้ให้ความสำคัญกับเ้าถึงเพียงนี้”
ลั่วหยิ่งครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วหยั่งเชิงท่าที “ที่จริงแล้วฝ่าาเป็คนจิตใจละเอียดมากๆ คนหนึ่ง หากเขาใส่ใจคนๆ หนึ่งก็จะใส่ใจอย่างละเอียดรอบคอบ ทว่าเขาเป็คนไม่พูดมาแต่ไหนแต่ไร...”
เขาพูดไปพร้อมกับสังเกตสีหน้าท่าทาง “เหนียงเหนียง ที่จริงแล้วฝ่าาใส่พระทัยพระองค์มาก เขาไม่้าให้พระองค์ไปจากวังหลวงแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกแน่นหน้าอกอยู่บ้าง ที่จริงนางเองก็รู้สึกและพอจะััได้แล้วเพียงแต่นางยังไม่ค่อยมั่นใจ ในเมื่อแต่ไรมาเขาไม่เคยแสดงออก และไม่เคยพูดเื่ของแมวเทพเลย!
“ช่างเถิด เขาแทบจะทนรอไม่ไหวให้ข้าไปจากที่นี่มากกว่า! เขาจะได้แต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่ จะได้ไม่มีใครคอยขัดขวาง”
ลั่วหยิ่งรีบอธิบาย “เหนียงเหนียง พระองค์เข้าพระทัยฝ่าาผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! หากฝ่าา้าให้พระองค์ไปจากที่นี่จริงๆ เหตุใดจึงต้องให้กระหม่อมสะกดรอยตามและตรวจสอบพฤติกรรมของหานไท่ฟู่เล่า”
เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจ “เขาให้เ้าสะกดรอยตามเพื่อตรวจสอบหานไท่ฟู่หรือ”
ลั่วหยิ่งพยักหน้า “เมื่อคืนนี้หานไท่ฟู่ไปซานชุนจวี เชิญนักเดินหมากระดับเก้าจำนวนหกท่านลงจากูเา เหนียงเหนียง มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าวันนี้คู่ต่อสู้ของท่านจะเป็หนึ่งในพวกเขา และเป็ไปได้ว่า...จะเป็พวกเขาทั้งหกคน!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะขัน “ตาเฒ่าหานคนนี้ ไม่ยอมปล่อยข้าจริงๆ!”
“นี่เป็ข้อมูลที่กระหม่อมรวบรวมมาตลอดทั้งคืน สำหรับรายละเอียดของนักเดินหมากระดับเก้าทั้งหกคน ด้วยความที่เวลากระชั้นชิดข้อมูลเหล่านี้จึงไม่ได้สมบูรณ์นัก หวังว่าจะเป็ประโยชน์ต่อเหนียงเหนียงบ้าง” ลั่วหยิ่งยื่นสมุดบัญชีมาเล่มหนึ่ง เฟิ่งเฉี่ยนรับมาเปิดออก
ท่านแรก จ้าวฉี นักเดินหมากล้อมระดับเก้า อายุ 31 ปี วิธีการเดินหมากสุขุมมั่นคง เชี่ยวชาญการต่อสู้ต่อเนื่อง ค่ายกลสร้างชื่อ “ค่ายกลเก้าสกุลจ้าว”...
ท่านที่สอง ติงไห่เจี้ยน นักเดินหมากล้อมระดับเก้า อายุ 35 ปี ลักษณะการเดินหมาก หลากหลายวิธีการ ตอบโต้รวดเร็ว เป็นักเดินหมากที่คว้าชัยชนะอย่างเหนือคาดเสมอ...
...
ท่านสุดท้าย ฟางเสีย นักเดินหมากล้อมระดับเก้า อายุ 28 ปี ลักษณะการเดินหมาก ใจกว้าง รอบรู้ มักจะชนะท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวาย ผลงานสร้างชื่อ “ค่ายกลจอมยุทธ์” เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของชุมนุมเดินหมากแห่งแคว้นเป่ยเยียน และเป็นักเดินหมากเพียงคนเดียวของแคว้นเป่ยเยียนที่สามารถใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและค่ายกลเจดีย์คู่...
ทั้งหมดเป็รายละเอียดของนักเดินหมากทั้งหมดหกท่าน ภูมิหลังครอบครัวของพวกเขา อายุ ลักษณะการเดินหมาก ลักษณะโดดเด่นของการเดินหมาก ล้วนมีการแนะนำอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสุดท้าย ฟางเสีย ข้อมูลของเขาละเอียดที่สุด!
เมื่อเห็นข้อมูลที่ได้ระบุเป็พิเศษแล้ว ฟางเสีย คือนักเดินหมากเพียงคนเดียวของแคว้นเป่ยเยียนที่สามารถใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและค่ายกลเจดีย์คู่แล้ว เฟิ่งเฉี่ยนระมัดระวังขึ้นมาทันที คู่ต่อสู้ของนางในวันนี้มีความเป็ไปได้ว่าจะเป็เขาถึงแปดเก้าในสิบส่วน!