ยามเช้าของวันต่อมามู่หลานเฟินก็ได้สติฟื้นกลับมา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่อยู่ดูแลนางไม่ห่าง
เมื่อมองไปโดยรอบก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น เซวียนเจ๋อบอกกับนางว่าเมื่อคืนนี้เซวียนซานหลางเป็คนอุ้มนางมารักษาที่นี่ มู่หลานเฟินเพียงพยักหน้ารู้ไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีก
เมื่อคืนนี้นางคิดว่าตนเองจะไม่รอดเสียแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาคอยย้ำเตือนนางว่าทุกคราที่นางทะลุมิติไปอยู่ในอีกร่างหนึ่งมักจะมีอายุไม่ยืนยาว ไม่โดนฆ่าตายก็เกิดเื่จนตาย ไม่คิดว่าครั้งนี้ยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะยังมีชีวิตอยู่
เซวียนเจ๋อให้ลั่วเหมยนำโจ๊กมาป้อนให้นางกิน มู่หลานเฟินกินไปไม่กี่คำก็รู้สึกอิ่มเสียแล้ว นางจึงกินยาต่อ โชคดีที่มารักษาได้ทันท่วงที ท่านหมอบอกว่าพิษนี้หากทิ้งเอาไว้นาน สุดท้ายนางจะไม่อาจรอดชีวิตได้อีก
เมื่อนึกถึงเซวียนซานหลางขึ้นมา มู่หลานเฟินก็พลันคิดถึงเื่เมื่อคืนขึ้นมาได้ เขาดูเหมือนจะใไม่น้อยเลยตอนที่เห็นสภาพของนาง
แต่นางไม่อยากจะคิดอะไรให้มากความ ที่เขาร้อนใจปานนั้นก็คงเป็เพราะกลัวว่านางจะทำแผนการของเขาพังไม่เป็ท่าเสียมากกว่า
ท่านหมอมาตรวจอาการนางอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและขจัดพิษออกหมดแล้วจึงให้กลับมาพักที่บ้านได้ ระหว่างที่จัดเทียบยาอยู่นั้น ท่านหมอก็หันมาเอ่ยกับมู่หลานเฟิน
"แม่นาง สาวใช้ของท่านคนที่รูปร่างสูงใหญ่่ต่างจากสตรีทั่วไป อีกทั้งการแต่งหน้าก็จัดจ้านงดงามยิ่งนัก นางมีสามีหรือยัง หากไม่มีข้าอยากจะแต่งนางเป็ภรรยา ถึงข้าจะแก่แล้ว แต่ก็สามารถดูแลนางได้"
มู่หลานเฟินแทบจะพ่นยาร้อนออกมาจากปาก ท่านหมอผู้นี้ถูกตาต้องใจเซวียนเจ๋อที่แต่งกายเป็สาวใช้เข้าให้แล้ว นางยิ้มแห้ง ก่อนจะเอ่ย
"ท่านหมอ สาวใช้ของข้าผู้นี้ทำงานดีมาก ข้าตัดใจทิ้งนางเอาไว้ที่นี่ไม่ลงหรอก"
"เฮ้อ น่าเสียดายนัก"
เอ่ยจบก็หันไปส่งยิ้มหวานให้เซวียนเจ๋อที่ยืนอยู่ไม่ไกล เซวียนเจ๋อที่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกว่าสายตาที่ท่านหมอผู้นั้นใช้มองเขาออกจะประหลาดเกินไปสักหน่อย
เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วคนทั้งหมดจึงกลับมาที่บ้านลั่วเหมย เมื่อได้เอนหลังลงพักแล้ว มู่หลานเฟินจึงบอกเล่าเื่ที่ท่านหมอเอ่ยกับนางก่อนจะกลับมาที่บ้าน เซวียนเจ๋อเมื่อได้ฟังก็ลมออกหูถึงขนาดจะไปพังร้านหมอให้พินาศย่อยยับ โชคดีที่มู่หลานเฟินห้ามปรามได้ทันเสียก่อน และเอ่ยถามเื่อื่นกับเขาเพื่อเปลี่ยนบทสนทนาเป็หัวข้ออื่นไปเสีย
"สถานการณ์ด้านนอกเป็เช่นไรบ้าง เซวียนซานหลางเอาตัวคนไปแล้วหรือ"
เซวียนเจ๋อเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้รายละเอียดของเื่นี้มากเท่าใดนัก อีกทั้งยังไม่กล้าเอ่ยถามพี่ชายของตนส่งเดช มู่หลานเฟินที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดต่อ นางเอนกายนอนหลับจนถึง่บ่าย ก่อนจะได้ยินเส่ียงฝีเท้าตึงตังดังมาจากด้านล่าง เสียงนั้นดังมากจนนางสะดุ้งตื่น เมื่อลุกขึ้นมาดูก็พบว่าคนที่วิ่งเข้ามาคือเซวียนเจ๋อนั่นเอง
"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงรีบร้อนปานนี้"
เซวียนเจ๋อมีท่าทางตื่นตะหนกก่อนจะเอ่ย
"แย่แล้ว ที่ศาลาว่าการตอนนี้เกิดเื่กับพี่ใหญ่และใต้เท้าเสิ่นแล้ว"
มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินก็รีบเอ่ยถามความเป็ไปในทันที
"เกิดเื่ใดขึ้น"
"ท่านเ้าเมืองถงหวางคิดจะชิงตัวบุตรสาว ถึงขนาดพากำลังทหารมาทำร้ายคนของเรา"
มู่หลานเฟินขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกว่าเื่นี้ดูเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ เสียแล้ว นางรีบลุกจากเตียงนอน ก่อนจะสั่งให้เซวียนเจ๋อพานางไปที่ศาลาว่าการ หญิงสาวไม่ลืมที่จะนำมีดสั้นติดมือไปด้วย ตอนนี้ร่างกายของนางดีขึ้นมากแล้ว หากถึงยามคับขันจะได้ช่วยเหลือพวกเขาได้
เื่ที่อาหลินทำลงไปนั้นเซวียนเจ๋อและลั่วเหมยเล่าให้นางฟังหมดแล้ว มู่หลานเฟินไม่คิดเลยว่าสตรีที่อ่อนหวานน่ารักอย่างอาหลินจะกระทำการอำมหิตเช่นนี้ได้แบบตาไม่กะพริบ
เมื่อมาถึงศาลาว่าการก็พบว่ามีทหารล้อมศาลาว่าการเอาไว้เป็จำนวนมาก เ้าเมืองถงหวางคิดจะชิงตัวบุตรสาว อีกทั้งยังคิดจะสังหารเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันอีกด้วย
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าชาวบ้านต่างวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น เซวียนซานหลางใช้ดาบของเขารับมือกับทหารของเ้าเมืองถงหวาง
ด้านเสิ่นเหวยอันก็ใช้แส้ในมือตวัดฟาดใส่ทหารของเ้าเมืองเมืองถงหวางอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับใช้แส้ตวัดแย่งตัวอาหลินกลับไปได้ นั่นยิ่งทำให้เ้าเมืองถงหลางบ้าระห่ำมากกว่าเดิม
องครักษ์ลับของพวกเขาปะทะกับทหารของเ้าเมืองถงหวางจนเกิดการสูญเสียไปไม่น้อย เซวียนซานหลางเห็นว่าหากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่แล้ว อย่างไรนี่ก็คือทหารของแคว้นต้าหลาง จะมาฆ่าแกงกันเช่นนี้คงไม่ดีเท่าใดนัก
เ้าเมืองถงหวางเสียสติไปแล้ว เขาถึงกับะโออกมาว่าการตายของสตรีเ่าั้เป็เขาที่ช่วยบุตรสาวปิดบังเอาไว้ อีกทั้งบางศพเขายังช่วยนางถอดเล็บเองกับมือ!
รวมไปถึงเื่การวางยาเขาก็เป็คนทำ!
มู่หลานเฟินถึงกับกำมือแน่น ก่อนหน้านี้เซวียนซานหลางเคยเล่าให้นางฟังว่า คดีนี้แม้แต่ท่านเ้าเมืองยังสืบหาตัวคนร้ายไม่พบ
แท้จริงแล้วมันไม่ใช่สืบหาไม่พบหรอก แต่คนร้ายตัวจริงคือสองพ่อลูกนี่เองต่างหาก
ในเมื่อคนร้ายคือบุตรสาวของตน เ้าเมืองถงหวางจะยินยอมให้นางถูกจับไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างนั้นหรือ
ย่อมไม่มีทาง!
"ซื่อจื่อ เราต้องหาทางจับตัวเ้าเมืองถงหวางมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดการต่อสู้ไม่จบไม่สิ้น ข้าจะเอาตัวอาหลินไป ส่วนเ้าเมืองถงหวางมอบให้ท่านแล้ว"
เสิ่นเหวยอันเอ่ยพร้อมกับหันไปมองเซวียนซานหลาง เซวียนซานหลางพยักหน้า ก่อนจะฝ่าวงล้อมเข้าไปต่อสู้กับเ้าเมืองถงหวาง ด้านเสิ่นเหวยอันก็พาตัวอาหลินไปคุมขังเอาไว้
ทหารของเมืองถงหวางฝีมือไม่ด้อยเลย กำลังทหารของเซวียนซานหลางตอนนี้มีไม่มากนัก องครักษ์ลับก็พยายามต้านรับเอาไว้อย่างสุดกำลัง
ไม่นานนักเ้าเมืองถงหวางก็สั่งให้ทหารล้อมเซวียนซานหลางเอาไว้ตรงกลาง พร้อมกับยิงธนูใส่ เซวียนซานหลาง แต่ชายหนุ่มอาศัยความว่องไวปราดเปรียวของตนสามารถเบี่ยงกายหลบธนูได้
มู่หลานเฟินเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแน่แล้ว นางมองเห็นดาบเล่มหนึ่งตกอยู่ที่พื้นจึงก้มหยิบมันขึ้นมา หมายจะวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยเซวียนซานหลาง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ลงมือก็รู้สึกเหมือนว่ามีสายลมวูบหนึ่งพัดผ่านข้างกายของนางไปอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่ามีพัดสีทองเล่มหนึ่งที่ลอยละล่องไปเบื้องหน้าราวกับวิหคถลาลม ก่อนที่พัดเล่มนั้นจะตวัดพาดผ่านลำคอของเ้าเมืองถงหวางอย่างรวดเร็ว
เ้าเมืองถงหวางสิ้นใจตายในทันที เหล่าทหารต่างหยุดชะงักไม่กล้าสู้ต่อ
"ใครกล้าลงมืออีก ข้าจะกราบทูลฝ่าาให้ปะาพวกเ้าทั้งตระกูลเสีย!"
เซวียนซานหลางหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็ซูอวี้เฉิงนั่นเอง เขารีบจัดการทหารเ่าั้จนพวกมันไม่กล้าก่อเื่อีก ก่อนจะก้มลงมองดูแขนซ้ายของตนที่เป็แผลฉกรรจ์อย่างไม่ใส่ใจ
มู่หลานเฟินหันไปมอง ก่อนจะพบกับบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังะโลงมาจากหลังม้าพร้อมกับนำทหารอีกร่วมหลายร้อยนาย ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาทอประกายคล้ายกับดวงดารา ท่วงท่าองอาจน่ามอง ในมือถือพัดสีทองเล่มนั้นเอาไว้ เขาปรายตามองผู้คนโดยรอบก่อนจะเดินเข้ามาท่ามกลางฝูงคน
"ให้ตายเถอะ นี่ก็คือใต้เท้าซู หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรไม่ใช่หรือ ได้เห็นฝีมือของเขาแล้วช่างน่านับถือยิ่งนัก"
เซวียนเจ๋อเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินจึงเอ่ยถามญาติผู้พี่ เซวียนเจ๋อจึงเล่าเื่ของซูอวี้เฉิงให้นางฟัง
ที่แท้เขาก็คือหนึ่งในยอดบุรุษของแคว้นต้าหลางที่เหล่าสตรีน้อยเอ่ยถึงกันปากต่อปากนี่เอง ฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันเลยแม้แต่น้อย
ซูอวี้เฉิงเดินเข้าไปหาเซวียนซานหลาง ก่อนจะเอ่ย
"อาซาน ขออภัยที่ข้ามาช้า"
"ไม่เป็อันใด รีบจัดการคนพวกนี้เถอะ"
ซูอวี้เฉิงพยักหน้าก่อนจะมองไปโดยรอบ
"เหวยอันเล่า"
"พาตัวคนไปแล้ว"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูอวี้เฉิงก็ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีกเื่ที่เมืองถงหวางเขาพอจะรู้มาบ้าง ชายหนุ่มสั่งให้คนของตนจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เซวียนซานหลางหันไปมองมู่หลานเฟินที่กำลังหันหลังเดินจากไป เมื่อครู่นี้เขาเห็นว่านางกำลังจับดาบในมือหมายจะสังหารเ้าเมืองถงหวาง
แววตาของชายหนุ่มวูบไหว จิตใจของเขาเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างที่แปลกไป มันเป็ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
