เหลียงหานปฏิเสธการนั่งใกล้กับคนอื่น ยังคงนั่งคนเดียวเหมือนเคย แถวหลังสุด
คนที่ตั้งใจเรียนมาตลอดเช่นเขา เพราะเื่น้อยใจตอนเช้าเลยทำให้เหม่อลอย
เขาล้วงกิ๊บติดผมสีชมพูออกมาจากกระเป๋า ััเบาๆ ใจของเหลียงหานค่อยๆ สงบลง
เขารู้ตัวว่าตัวเองเริ่มใส่ใจครูอวี๋มากเกินขอบเขต
ล้ำเส้นของความเป็ครูกับนักเรียน
เขาแทบอยากจะครูไว้เป็ของตัวเอง ั้แ่ร่างกายจนถึงหัวใจ
แต่ครูไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา เขารู้ดีอย่างยิ่ง
แม้ว่าตัวเองจะหน้าตาสะสวยคล้ายผู้หญิง แต่เขาก็ไม่ใช่ ยิ่งไม่สามารถเป็ภรรยาของครูและอยู่กับครูตราบชั่วชีวิตได้
เขาอิจฉาครูเถียนฟางที่สามารถเอ่ยช่วนครูอวี๋ไปดูหนังได้อย่างเปิดเผย อิจฉาบรรดานักเรียนหญิงที่ส่งจดหมายรักให้ครู ริษยาผู้หญิงทุกคนที่สามารถชอบครูอวี๋ได้
จริยธรรมเป็ช่องว่างระหว่างเขากับครูที่ไม่อาจก้าวข้ามผ่านมันไปได้ เขาไม่สนใจ แต่ก็หาได้แปลว่าครูไม่สนใจด้วย
เพียงแต่ว่า ตอนนี้สิ่งที่น่าสลดที่สุดคือ เขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะบอกว่าชอบครูด้วยซ้ำ
เพราะกลัวว่าครูจะรู้สึกว่าเขาสกปรก น่าขยะแขยง
เพียงคิดว่าครูจะใช้สายตาที่มองสิ่งสกปรกมองมาที่เขา เขารู้สึกว่าโลกแทบพังทลายลงมาก็ไม่ปาน กลัวจนเนื้อตัวเย็นวาบ
มือกำกิ๊ฟสีชมพูแน่นโดยไม่รู้ตัวจนแทบจิ้มเข้าเนื้อ เหลียงหานกัดปากล่างเพื่อสะกดอารมณ์ตัวเอง กัดจนเป็แผลถึงได้สติขึ้นมาบ้าง
*
ตอนเย็นเลิกเรียน อวี๋มู่มาหาเหลียงหาน เห็นเด็กหนุ่มนั่งรอเขาเงียบๆ บนเก้าอี้รถเข็น เมื่อเห็นเขามา ยังหันมายิ้มไม่มีท่าทีงอนเหมือนตอนเช้าแม้แต่นิด
อวี๋มู่รู้สึกปลื้มปริ่มอย่างมาก ยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้ระบบคิดมากเกินไป ถึงยังไงเหลียงหานก็เป็คนที่เข้าใจอะไรดี ไม่มีทางโมโหอะไรนานๆ แน่นอน
ระบบไม่ได้สนใจเขา
่ที่ผ่านมานี้เหลียงหานพักอยู่ที่บ้านอวี๋มู่ตลอด เดิมทีอวี๋มู่ขดตัวนอนที่โซฟา ให้เหลียงหานนอนเตียงใหญ่ ต่อมาเหลียงหานลุกเข้าห้องน้ำกลางดึกแล้วหกล้ม ปวดอยู่ทั้งคืน ลุกไม่ได้โดยที่เขาไม่รู้เลย จากนั้นเขาจึงย้ายเข้ามานอนในห้องด้วย
สองคนหนึ่งเตียง คนหนึ่งนอนขดตัว คนหนึ่งนอนเหยียดตรง
คนที่นอนเหยียดตรงดูจะอึดอัดกว่าอีกคน
เื่ที่เหลียงหานชอบเขา และคิดว่าเขายังไม่รู้ อวี๋มู่ยังต้องทำหน้านิ่งเเกล้งไม่รู้เื่ จึงค่อนข้างอึดอัดถึงขีดสุด
สิ่งที่ระบบเคยบอกเขายังคงก้องอยู่ในหู
เด็กนี่มีความ้าด้านร่างกายในเื่อย่างว่ากับชายแท้อกสามศอกอย่างเขา อวี๋มู่จะไม่กระสับกระส่ายสิแปลก
เขาถึงขั้นคิดว่าหรือต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูแย่กว่านี้ อย่างเช่นไม่ซักถุงเท้าสักสิบกว่าวัน ไม่ซักกางเกงในอะไรประมาณนั้น ต่อมาพอคิดๆ ดูแล้วก็ขยะแขยงตัวเอง เลยช่างเถอะ
ทว่าสิ่งใดๆ ล้วนยาก่เริ่มต้น เมื่อได้เริ่มทุกสิ่งก็จะง่ายทันที
ทั้งสองพักอยู่ด้วยกันเช่นนี้เกือบเดือน เริ่มแรกอวี๋มู่ยังไม่ค่อยชิน แต่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยนอนไม่หลับกลางดึกแล้ว วันนี้ก็ใช่ ยังไม่ถึงห้าทุ่ม ก็ปิดไฟแล้วแกล้งหลับตากล่าวราตรีสวัสดิ์กับเหลียงหาน ห้านาทีผ่านไปเสียงกรนก็ดังขึ้น
เสียงกรนที่เบามาก หากไม่ใช่่กลางดึกที่เงียบสงัดจริงๆ ก็แทบไม่ได้ยิน
เขานอนหลับไปก่อนคนแรก เหลียงหานลืมตา จากนั้นลุกขึ้นนั่ง
ใบหน้ายิ้มแย้มของเถียนฟางในตอนเช้าแวบเข้ามาในสมอง
เสียงของผู้หญิงแหลมเล็กไพเราะ รอยยิ้มอ่อนหวาน อยู่ข้างกายครูอวี๋ ดูท่าทางสวีท
ทั้งอิจฉา ริษยาจนแทบบ้า
“ครูฮะ ครูชอบเธอหรือเปล่า?” แสงจันทร์จากด้านนอกส่องเข้ามากระทบใบหน้าด้านข้างของเหลียงหาน ให้เห็นเพียงด้านเดียวเป็แสงและเงา ยิ่งให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน
เหลียงหานยันตัวด้วยศอกข้างหนึ่งนอนข้างอวี๋มู่ ริมฝีปากเขาแทบจะแนบเข้ากับใบหูของอวี๋มู่
“ครูครับ ครูจะชอบเธอไม่ได้ ครูควรชอบผม ชอบเหลียงหาน”
“ครูครับ เหลียงหานชอบครูนะ…….” มืออีกข้างของเขาััใบหน้าด้านข้างของอวี๋มู่ขึ้นลงๆ จากนั้นกดอยู่ที่ริมฝีปากบางเบา ดวงตาเขาเป็ประกายเหมือนคนบ้า
อยากเปลี่ยนปากนี้ให้กลายเป็สีแดง กัด กัดเข้าไปแรงๆ สักคำ
จู่ๆ ในหัวก็มีความคิดนี้แล่นเข้ามา เหลียงหานรู้สึกตัวทันใดนั้น รีบชักมือกลับมาแล้วกดหัวตัวเองไว้ ใบหน้าแสดงท่าทีหัวเสีย
ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ที่เขาอยากทำแบบนี้
เขารู้สึกว่ามีอีกตัวตนหนึ่งซ่อนอยู่ในตัวเขา ตัวตนที่้าอวี๋มู่ถึงขีดสุด
แต่สติสัมปชัญญะกำลังบอกเขาว่า ทำแบบนั้นไม่ได้
หากเื่ราวถูกเปิดเผย ทุกอย่างจะย้อนกลับไปไม่ได้อีกตลอดไป
อดทนไว้ เขาต้องอดทน ทนจนกว่าวันนึงที่เขาแข็งแกร่งมากพอ แข็งแกร่งขนาดที่ว่าสามารถมีครูอวี๋ไว้ในได้
หลังชนกับอวี๋มู่ เหลียงหานค่อยๆ คุมจังหวะหายใจตัวเองให้สงบ จวบจนความวู่วามนั้นหายไป เขาถึงหันกลับมาซุกเข้าแผ่นหลังกว้างที่อบอุ่น ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาแล้วหลับตาลง
ครูอวี๋ ครูต้องรอผมนะ รอผมเติบโตกว่านี้
*
หลังจากที่เหลียงหานถอดเฝือกก็ไม่ได้อยู่กับอวี๋มู่ต่อ กลับไปพักอยู่ที่บ้านตัวเอง แต่จะมาทำกับข้าวสามมื้อให้อวี๋มู่ทุกวัน
เดิมอวี๋มู่ไม่อยากให้เขาเหนื่อย เพราะอย่างไรก็เพิ่งถอดเฝือกมา หากทำอะไรเกินตัว เกรงว่าจะหลงเหลืออาการทิ้งไว้ในภายหน้า แต่เหลียงหานไม่สน ดื้อดึงจะทำให้ได้ อวี๋มู่ทำอะไรไม่ได้ จึงตามใจเขา
เพราะมีเป้าหมายในใจ ตลอดภาคการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ห้า เหลียงหานไม่เคยหลุดจากอันดับหนึ่งแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ภายใต้การวางแผนของอวี๋มู่ เขาได้เข้าแข่งขันการสอบประจำเมืองอีกสองรายการ ไม่ได้ที่หนึ่งก็ได้ที่สอง จึงได้เงินรางวัลมาพอสมควร
ไม่มีใครไม่นับถือคนที่มีความสามารถ ทั้งครูที่โรงเรียน นักเรียนจำนวนมากก็เริ่มมองเหลียงหานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพียงแต่อีกฝ่ายนั้นยังคงเ็าเหมือนเคย มีเพียงเวลาที่อวี๋มู่ปรากฏตัวเขาถึงเปลี่ยนไปเป็คนละคนแล้วตามติดตัวอวี๋มู่
อากาศนับวันยิ่งหนาว ปิดเทอมเล็กผ่านไปแล้วครึ่งนึง ตรุษจีนใกล้เข้ามา ชุมชนเริ่มครึกครื้น
สามีของจางเหมย หวางปิง ยืนแขวน[1]ชุนเหลียน จางเหมยกับลูกสาวยืนอยู่ข้างๆ ช่วยดูว่าตรงหรือยัง เด็กสาวบอกเอียงซ้าย แม่บอกเอียงขวา ท้ายที่สุดก็ติดเบี้ยวจนได้ ทั้งครอบครัวหัวเราะกันสนุกสนาน
อวี๋มู่นับเงินเก็บของตัวเอง ตั้งใจจะชวนเหลียงหานไปซื้อของจัดเตรียมตรุษจีนซักหน่อย
เขายืนอยู่หน้าบ้านเหลียง กำลังจะเคาะประตู ประตูก็ถูกผลักออกมาพอดี ทั้งสองชะงักพลัน เหลียงหานยิ้มออกมาก่อน “ผมกำลังจะไปหาครูอวี๋พอดีเลย ครูก็มาพอดีซะงั้น”
เด็กหนุ่มสวมเสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายสีดำแบบสั้น ในมือถือขวดโหลพลาสติกอันใหญ่กุมไว้ตรงท้อง ด้านในใส่พุทราสีแดงไว้
“ก็ใช่น่ะสิ บังเอิญจริง ฉันกำลังจะมาชวนเธอไปเดินเล่นจับจ่ายซื้อของในเมืองซักหน่อย”
อวี๋มู่ชี้ไปที่ขวดโหลพลาสติก “นี่อย่าบอกนะว่าคือ……?”
เหลียงหานดึงเขาเข้ามา วางขวดโหลพุทราวางไว้ในถาดน้ำชา เปิดฝาออก หยิบมาออกหนึ่งผลยื่นให้อวี๋มู่ “ใช่ฮะ นี่คือเหล้าพุทราที่ผมหมักไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้กินได้แล้ว ครูลองชิมดูสิ”
เมื่อเปิดฝาออก กลิ่นหอมหวานของเหล้าหมักโชยเข้าจมูก มีความหอมหวาน กลิ่นหอมมาก
อวี๋มู่จึงกินพุทราจากมือของเหลียงหาน เคี้ยวง่ำๆ ดวงตาเป็ประกาย
“รสชาตินี้เลย! อร่อยมาก!” อวี๋มู่ชอบรสชาติแบบนี้ ในยุคปัจจุบันเมื่อถึงฤดูหนาวก็มักจะอยากกินพุทราหมักเหล้า คิดไม่ถึงว่าตอนที่เก็บลูกพุทรา่ฤดูใบไม้ผลิ เขาเอ่ยกับเหลียงหานไป แต่เด็กนี่กลับหมักเหล้าพุทราออกมาให้เขาจริงๆ
เหลียงหานแอบคิดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แกล้งหยิบโดยใช้นิ้วจับตรงกลางพุทรา ตอนที่อวี๋มู่กิน ริมฝึปากจึงัักับนิ้วของเขา
ใจเต้นตุบๆ เหลียงหานค่อยๆ เก็บสองนิ้วกลับมา รอยยิ้มนั้นหวานขึ้นอีกหลายระดับ
ท่าทางว่าง่าย แล้วเอ่ย “ครูชอบก็ดีแล้วครับ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1]ชุนเหลียน 春联 หมายถึง กลอนคู่มงคลที่เขียนใส่กระดาษสีแดงติดไว้หน้าประตูในเทศกาลตรุษจีน