กว่าเยว่เฟิงเกอจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็สายมากแล้ว
นางไม่ลืมที่จะเปิดโทรศัพท์เพื่อตรวจดูมูลค่าการซื้อ เมื่อเห็นว่ามูลค่าการซื้อในเถาเป่าถูกเพิ่มขึ้นเป็หนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อ นางก็ดีใจจนแทบจะลอยขึ้นฟ้า
ในที่สุดก็สามารถซื้อบัตรโทรศัพท์โทรหาพี่ชายทั้งสองของนางได้แล้ว
เพียงแต่ในตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังจะกดซื้อบัตรโทรศัพท์นั้นกลับได้ยินเสียงประตูเรือนถูกเปิดออก
ชิงจื่อวิ่งมาหานางด้วยสีหน้าตื่นใ “พระชายา แย่แล้วเพคะ”
เยว่เฟิงเกอยังคงจมอยู่กับความตื่นเต้น นางไม่ได้รับรู้ถึงความร้อนใจของชิงจื่อแม้แต่น้อย
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจสาวใช้ข้างกายสักนิด ทำเอาชิงจื่อได้แต่กลืนน้ำลายลงไป กล่าวว่า “พระชายา เมื่อคืนทรงไปรักษาอาการาเ็ให้องครักษ์ถานมาหรือเพคะ? ”
“ใช่แล้ว ทำไมหรือ? ” ทันทีที่เยว่เฟิงเกอได้ยินคำว่ารักษาอาการาเ็ให้ถานอี้ นางถึงได้วางโทรศัพท์ลง หันไปมองชิงจื่อ
เมื่อชิงจื่อได้ยินเยว่เฟิงเกอยอมรับหน้าตาเฉยก็ยิ่งร้อนใจจนอยากกระทืบเท้า รีบกล่าวว่า “เฮ้อ พระชายาทรงออกไปดูก่อนเถิดเพคะ ยามนี้เื่ที่ทรงรักษาให้องครักษ์ถานลือไปทั่วทั้งจวนแล้ว ซ้ำยังลือไปถึงพระกรรณของท่านอ๋องแล้วด้วย ท่านอ๋องพิโรธหนักจึงสั่งลงโทษองครักษ์ถานให้เขายืนอยู่นอกเรือนอิ่งเซวียน ตอนนี้เขายืนมาทั้งเช้าแล้วเพคะ”
“เ้าว่าอะไรนะ เหตุใดท่านอ๋องจึงทำเช่นนี้” เยว่เฟิงเกอรีบยืนขึ้นทันที
ขาของถานอี้ยังไม่หายดี ม่อหลิงหานลงโทษให้เขายืนเช่นนี้ไม่ใช่เพราะมีใจคิดทำร้ายเขาหรอกหรือ
หากว่าขาของถานอี้เกิดอาการร้ายแรงอะไรตามมาในภายหลัง นั่นจะถือเป็โชคร้ายของเขาไปชั่วชีวิต
เยว่เฟิงเกอรีบะโลงจากเตียง หลังจากสวมอาภรณ์อย่างลวกๆ แล้ว ก็ไม่มีเวลามาซ่อนโทรศัพท์อีก นางถือโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอกด้วย
ชิงจื่อคิดจะช่วยรวบผมให้เยว่เฟิงเกอ แต่เห็นนางรีบร้อนมาก ชิงจื่อก็ทำได้แค่เดินตามไป
“พระชายา เดินช้าๆ เพคะ” ชิงจื่อเร่งตามหลังเยว่เฟิงเกอ ยามนี้นางเหนื่อยจนหายใจไม่ทัน
นางคิดไม่ถึงว่าพระชายาของตนจะเดินเร็วเพียงนี้ ท่าทางราวกับคนเป็วรยุทธ์ก็ไม่ปาน เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินออกไปไกลแล้ว
“ชายหน้าเหม็นน่าตายนี่ เขาไม่รู้จักถนอมลูกน้องของตนบ้างเลยหรือ” เยว่เฟิงเกอเดินไปเรือนอิ่งเซวียนพลางด่าว่าม่อหลิงหานไปด้วย
ชิงจื่อที่รีบเดินตามเยว่เฟิงเกออย่างไม่คิดชีวิตได้ฟังคำด่าว่าจากปากนาง ก็อดมองไปรอบๆ ด้านไม่ได้
โชคยังดีที่ที่นี่ไม่มีผู้อื่นสัญจรไปมา ไม่เช่นนั้นหากคำว่าชายหน้าเหม็นน่าตายของพระชายาลือไปถึงพระกรรณท่านอ๋องขึ้นมา เช่นนั้นคนที่ต้องรับกรรมก็คงต้องเป็พระชายาแล้ว
เยว่เฟิงเกอมาถึงเรือนอิ่งเซวียนอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้น ทั้งๆ ที่ตำแหน่งที่นางยืนอยู่นี้จะยังค่อนข้างไกล แต่นางกลับเห็นได้ชัดเจนว่าถานอี้กำลังยืนตัวตรงอยู่หน้าประตูเรือน
แสงแดดแรงกล้าตกกระทบร่างของถานอี้ ทำให้ใบหน้าขาวของเขายิ่งขาวซีดกว่าเคย
อาภรณ์บนร่างเขาถูกเหงื่อย้อมจนเปียกชื้น สภาพของเขาในตอนนี้ดูอ่อนแออย่างคนที่เพิ่งาเ็หนักมา
“ถานอี้ ขาเ้ายังไม่หายดี ไม่ต้องยืนแล้ว กลับไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้” เยว่เฟิงเกอรีบเดินไปตรงหน้าถานอี้ บอกให้เขาเลิกลงโทษตัวเองด้วยการยืนได้แล้ว
ถานอี้มิคาดว่าเยว่เฟิงเกอจะมา เพียงแต่เมื่อเหลือบเห็นชิงจื่อที่ตามติดมาก็พอจะคาดเดาได้ว่าต้องเป็นางที่นำเื่นี้ไปบอกพระชายา
ในขณะที่ในใจกำลังรู้สึกซาบซึ้ง ขณะเดียวกันถานอี้ก็ไม่กล้าขัดบัญชาของท่านอ๋อง
“พระชายาเสด็จกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ ขาของกระหม่อมไม่เป็อันใดมากหรอกพ่ะย่ะค่ะ” ถานอี้ไม่อยากให้เยว่เฟิงเกอต้องถูกท่านอ๋องลงโทษเพราะเขา
“ไม่ได้ เ้าต่างหากที่ต้องกลับไปพักผ่อนถึงจะถูก” เยว่เฟิงเกอเห็นว่าถานอี้ไม่มีท่าทีจะไปพักผ่อนง่ายๆ ก็รีบดึงแขนของเขาไว้ด้วยคิดจะลากเขาเข้าไปหลบในที่ร่ม
ในตอนที่คนทั้งสองกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น เสียงเ็าสายหนึ่งก็ดังขึ้น “พวกเ้ากำลังทำอะไร”
เมื่อถานอี้เห็นม่อหลิงหานปรากฏตัว เขาก็รีบดึงแขนตนเองออกมาจากมือของเยว่เฟิงเกอทันที
“ท่านอ๋อง” ถานอี้ก้มหน้าลงไป ไม่กล้ามองม่อหลิงหาน
ขณะที่เยว่เฟิงเกอหันศีรษะไปมองม่อหลิงหานอย่างโกรธๆ และเห็นว่าม่อหลิงหานกำลังมองถานอี้ด้วยสายตาดุร้าย ท่าทางเหมือนจะกินถานอี้เข้าไปก็ไม่ปาน
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าม่อหลิงหานกำลังโทษที่ถานอี้ไม่ยอมรับการลงโทษแต่โดยดี นางรีบไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าถานอี้ กล่าวด้วยท่าทางมีคุณธรรมยิ่ง “ม่อหลิงหาน ท่านจะลงโทษถานอี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ขาเขาาเ็หนักก็เพราะถูกท่านทำร้ายเมื่อวานนี้ ตอนนี้ยังไม่หายดี หากท่านยังลงโทษเขาต่อไป วันหน้าย่อมต้องมีผลข้างเคียงอื่นตามมาแน่ ถึงตอนนั้น เกรงว่าคงจะไม่มีใครกล้าถวายชีวิตให้ท่านอย่างยินยอมพร้อมใจอีกแล้ว”
ม่อหลิงหานเลื่อนสายตามามองเยว่เฟิงเกอ เขาคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าเยว่เฟิงเกอจะช่วยพูดให้ถานอี้
ในใจคล้ายกับมีไฟเผาไหม้ ทำให้ม่อหลิงหานยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม
“เปิ่นหวางกำลังสั่งสอนลูกน้องของตนอยู่ มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับพระชายาเลยสักนิด เ้าอย่าได้ยุ่งไม่เข้าเื่” น้ำเสียงของม่อหลิงหานเป็การข่มขู่ชัดเจน สายตาที่เขาใช้มองถานอี้ก็เ็ายิ่งกว่าเดิมอย่างชัดเจน
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอมีแต่ใจที่คิดอยากจะให้ถานอี้รีบกลับไปพักผ่อนเร็วๆ จึงไม่ได้รับรู้ถึงกระแสข่มขู่ในน้ำเสียงของม่อหลิงหาน
นางเชิดหน้าน้อยๆ ขึ้น กล่าวกับม่อหลิงหานด้วยความโมโห “อะไรที่เรียกว่าไม่เกี่ยวกับข้าแม้แต่น้อย ถานอี้เป็คนป่วยของข้า การรักษาอาการาเ็ของเขาให้หายคือหน้าที่ข้า หากว่าท่านอ๋องยังยืนยันจะลงโทษถานอี้เสียให้ได้ เช่นนั้นหวังว่าในอนาคตท่านอ๋องจะไม่เสียใจภายหลังกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำไปในวันนี้”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็ดึงตัวถานอี้ต่อด้วยคิดจะเดินจากไป
ถานอี้ราวกับท่อนไม้ก็ไม่ปาน เขาไม่ยอมขยับเคลื่อนไหวสักนิด ไม่ว่าเยว่เฟิงเกอจะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจลากถานอี้ไปได้
“เยว่เฟิงเกอ อย่าให้มันเกินไปนักนะ” ม่อหลิงหานขึ้นหน้ามาดึงมือของเยว่เฟิงเกอออกไป
สตรีน่าตายนางนี้ นางถึงกับกล้ายื้อยุดฉุดกระชากชายอื่น หรือว่านางจะหลงลืมสถานะของตนไปแล้ว?
เมื่อคืนวานนางยังแอบมาขโมยจุมพิตของเขาอยู่เลย แต่หลังจากนั้นกลับวิ่งโร่ไปรักษาขาให้ถานอี้
ได้ยินว่านางยังเลิกขากางเกงของถานอี้ขึ้น ซ้ำยังลูบขาของอีกฝ่ายอีก
ยามนี้เขาก็แค่ลงโทษถานอี้เบาๆ เท่านั้น สำหรับคนที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ การลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไม่นับเป็อะไรได้
ส่วนนางเล่า มาถึงที่นี่ทั้งทีแทนที่จะไปพบเขาก่อน แต่นางกลับมัวมาลากถานอี้ไปพักผ่อนอยู่ที่นี่
ม่อหลิงหานยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ตอนนี้เขาแทบจะโดนความโกรธครอบงำจนเป็บ้าแล้ว
เยว่เฟิงเกอเห็นว่ามือของตนถูกม่อหลิงหานจับไว้แน่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยง่ายๆ เมื่อนางลองดึงกลับ อีกฝ่ายก็ยิ่งจับไว้แน่นกว่าเดิม
ตอนนี้สายตาที่ม่อหลิงหานใช้มองนางคล้ายว่าแทบอยากจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัวแล้ว
“ม่อหลิงหาน ท่านเป็บ้าไปแล้วหรือ ท่านมองข้าเช่นนี้ทำอันใด? ” เยว่เฟิงเกอจ้องกลับไปอย่างไม่ยอม นางไม่เรียกม่อหลิงหานว่าท่าน แต่เอ่ยนามเขาตรงๆ
ม่อหลิงหานทำสีหน้าเ็า เขาไม่พูดไม่จาก็ลากเยว่เฟิงเกอเข้าไปในเรือนอิ่งเซวียน
แน่นอนว่าเยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานลากตัวไปย่อมต้องโกรธ นางออกแรงดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนี้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นจากการเกาะกุมของม่อหลิงหานได้
ถานอี้และชิงจื่อเห็นพระชายาถูกท่านอ๋องบังคับลากเข้าไปในเรือนอิ่งเซวียน เมื่อคนทั้งสองเข้าไปแล้ว ประตูเรือนยังถูกปิดลงดังปังอีกด้วย
สาวใช้และองครักษ์ต่างทำได้เพียงเช็ดเหงื่อแทนเยว่เฟิงเกอ
……...........................................................................................
“ท่านรีบปล่อยข้านะ จับแขนข้าเช่นนี้ ท่านกำลังทำให้ข้าเจ็บ” แขนของเยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานบีบจนเจ็บ นางยกขาขึ้นมาคิดจะเตะเขา
ม่อหลิงหานคิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอจะเตะเขา หลังจากหลบลูกเตะของนางได้ เขาถึงได้ยอมปล่อยมือ
เยว่เฟิงเกอกุมมือตนที่ถูกบีบจนเจ็บ สายตาจดจ้องม่อหลิงหานด้วยความโกรธเคือง
ชายคนนี้เป็อะไรกันแน่ ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หากไม่บีบคอนาง ก็จับข้อมือนางไว้ไม่ปล่อย ทำให้นางต้องาเ็ทุกครั้งไป
“นี่ ท่านเป็อะไรของท่านกันแน่? แท้จริงแล้วข้าช่วยรักษาอาการาเ็ให้องครักษ์ของท่าน ท่านควรต้องขอบคุณข้าถึงจะถูก ดีนัก สุดท้ายท่านไม่เพียงดึงหน้าขึงขังใส่ข้า ซ้ำยังบีบแขนข้าจนเจ็บ ระหว่างข้ากับท่านมีความแค้นกันมาแปดภพแปดชาติหรือไร ท่านถึงได้แค้นข้าถึงเพียงนี้” เยว่เฟิงเกอระบายความอัดอั้นในใจออกมาจนหมดเพราะความโกรธ
ม่อหลิงหานฟังคำพูดต่างๆ นานาของเยว่เฟิงเกอ แต่เขากลับไร้เรี่ยวแรงตอบโต้
เยว่เฟิงเกอพูดถูก เป็เขาเองที่ทำร้ายถานอี้จนาเ็ ส่วนนางนั้นมีน้ำใจช่วยรักษาถานอี้ เดิมทีเื่นี้ควรเป็เื่ที่ควรค่าแก่การชมเชยด้วยซ้ำ
ทว่า ยามที่เขาต้องเห็นท่าทางสนิทชิดเชื้อระหว่างถานอี้และเยว่เฟิงเกอ รวมถึงการต้องเห็นนางเข้าไปฉุดกระชากลากแขนอีกฝ่ายอีก เขาก็โกรธจนทนไม่ไหว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้