“พี่ เวยเวยมาหาพี่แล้วนะ” มู่หรงเวยเวยมองมู่หรงหลงที่นอนอยู่บนเตียงทั้งตัวเต็มไปด้วยท่อ น้ำตาก็อดไหลออกมาไม่ได้
“ขอฉันดูเขาหน่อย” กัวไฮว่เดินก้าวไปข้างหน้ายื่นมือไปทาบบนข้อมือของเขา
“เสี่ยวหลงเป็ยังไงบ้าง เธอพอมีวิธีไหม” มู่หรงกูเห็นกัวไฮว่เก็บมือกลับมาก็ถามขึ้นเบาๆ
“เวยเวย เธอเอายานี่ให้พี่เขาอมไว้ในปาก ฉันขอคุยกับเขาหน่อย” กัวไฮว่ส่งยาลูกกลอนให้มู่หรงเวยเวยเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่มู่หรงกูแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“คุณหนู คุณหมอชิวบอกแล้วว่าจะให้เสี่ยวหลงกินยามั่วซั่วไม่ได้” มู่หรงเหยียนพูดเตือน
“ฉันเชื่อพี่ไฮว่” พูดเสร็จมู่หรงเวยเวยก็เอายาลูกกลอนเข้าไปในปากของมู่หรงหลงอย่างระมัดระวัง
“มีเื่อะไรหรือเปล่า พูดมาตรงๆ เถอะ” มู่หรงกูตามกัวไฮว่ออกมาแล้วถามขึ้น
“เื่ที่ผมจะบอกอย่าไปบอกใครนะ ช่วยตามหมอส่วนตัวของมู่หรงหลงมาตอนนี้เลยให้คนที่คุณเชื่อใจที่สุดไปตามเขามา ตอนแรกก็นึกว่าเป็โรคร้ายแรงอะไรคุณเป็พ่อแต่ไม่ได้เื่เลย ลูกชายถูกวางยายังไม่รู้อีก” กัวไฮว่มองมู่หรงกูแล้วพูดขึ้น
“ฉันจะให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” มู่หรงกูพูดเบาๆ “ยังดี ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะ” มู่หรงกูเข้าใจที่กัวไฮว่บอกให้ตนออกมาแล้วว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงเวยเวยรู้เื่ถ้ามู่หรงเวยเวยรู้ว่าพี่ชายของตนเองถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวยเวยก็คงจะยิ่งตึงขึ้นไปอีก
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมจะรักษามู่หรงหลงให้หายดีแต่ผมไม่อยากให้ใครรู้เื่นี้มาก ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะมีบุญคุณหรือความแค้นกับใครแต่ผมไม่อยากให้เื่นี้พัวพันไปถึงเวยเวย”
“พี่ไฮว่ ยาที่พี่ให้เมื่อกี้เอาให้พี่หลงกินไปแล้วแล้วนี่จะช่วยชีวิตพี่ชายได้ไหม” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“รอฉันอยู่ข้างนอก ให้เสี่ยวเฟยเข้ามาแล้วบอกกับพ่อเธอนะว่าเดี๋ยวพอหมอมาถึงก็ห้ามพูดอะไร คุมเขาให้ได้ก่อนก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันจะรักษาพี่เขยฉันให้ดีเองหลังจากรักษาหายจะให้รางวัลอะไรเธอก็คิดดีๆ แล้วกัน ฮ่าๆ”
“พี่ไฮว่ มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม” เมื่อมู่หรงเฟยได้ยินกัวไฮว่พูดชื่อตัวเองก็ค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วถามขึ้นเบาๆ
“ไม่มีอะไร แค่ตามให้นายมาอยู่คุยด้วยกันหน่อย ฉันว่างน่ะ อึดอัดไปหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อกี้ให้นายกินยาลูกกลอนไปเดี๋ยวฉันจะบอกกระบวนการฝึกจิตสักชุดหนึ่ง นายฝึกอยู่ในนี้แล้วกัน”
“พี่ไฮว่ พี่แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปีเมื่อกี้ผมคิดอยู่ตลอดเลยนะว่าพี่ฝึกมายังไงกัน ผมเริ่มฝึกการต่อสู้กับอาจารย์มาั้แ่ห้าขวบตามหลักแล้วไม่น่าจะต่างกับพี่มากขนาดนี้นะ” มู่หรงเฟยมองกัวไฮว่แล้วพูดเบาๆ
“เพราะฉันเป็เทพไงล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ตั้งใจฟังกระบวนการฝึกไว้ แล้วตั้งใจฝึก ฉันไปรักษาให้มู่หรงหลงก่อนล่ะฮ่าๆ”
มู่หรงเฟยยิ้มพลางผงกศีรษะ เป็เทพเหรอ คุณพี่เห็นผมเป็เด็กหรือไง ผมจะบอกอะไรให้ ผมเคยเรียนประถมมาแล้วนะมาหลอกผมได้อย่างไรกัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน นายก็อย่าหลุดสมาธิ ถ้านายทำได้นายก็จะรู้ข้อดีของมันเอง” กัวไฮว่บอกวิธีฝึกจิตกับมู่หหรงเฟยไป
“ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็จะไม่สน” เมื่อมู่หรงเฟยพูดจบเขาก็ไปทำสมาธิ
“ฮ่าๆ เด็กบ้า ไม่เลวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขาลุกขึ้นมามองไปยังมู่หรงหลงที่มีท่อพันเต็มตัว แล้วใช้สองมือดึงท่อพวกนั้นออก
“พี่เขย ผมรู้ว่าสติของพี่ยังอยู่ครบ เดี๋ยวผมจะถอนพิษในร่างพี่ให้ แล้วพี่จะรู้ความลับของผมผมเชื่อนะว่าพี่จะรักษาความลับของผมเอาไว้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆกับมู่หรงหลง
“แรงเหมือนกันนะ พิษเข้าไขกระดูกไปแล้ว แถมยังแพร่ไปเรื่อยๆ อีก” กัวไฮว่เอาเข็มเงินออกมา แล้วฝังไปบนร่างของมู่หรงหลงแปดสิบเล่มถ้าหมอทั่วไปเห็นเข้าต้องใเป็แน่ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีฝังไปแล้วกว่าแปดสิบเอ็ดเข็ม
“พลังในร่างกายยังแกร่งเช่นนี้ สลบไปนานแล้วยังจะบำเพ็ญตนอีก ฮ่าๆน่าสนใจดี ในเมื่อพี่เองยังไม่ล้มเลิก ผมก็จะเก็บความสามารถของพี่เอาไว้ใครใช้ให้ผมเป็แฟนน้องสาวพี่ล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นกัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าหมอที่รักษามู่หรงหลงน่าจะถูกนำตัวมาแล้ว “ฉันไปถามหน่อยว่าพิษเก้าแมลงเก้าหญ้านี่ใช้ของอะไรกันแน่ความปลอดภัยต้องมาเป็อันดับแรก”
“เหล่าชิว เชิญนั่ง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆกับชายชราที่ใส่ชุดฉางเผา อายุราวหกสิบปี ท่าทางดูกระฉับเฉงผู้หนึ่ง
“อากู แกให้คนรีบตามฉันมาขนาดนี้มีเื่อะไรเหรออาการป่วยของเสี่ยวหลงแย่ลงเหรอ” ชายชรามองมู่หรงกูแล้วถามขึ้นเบาๆ “เด็กนี่น่าสงสารมากเลยที่ต้องมาเป็โรคแบบนี้”
“น่าสงสารจริงๆ เดิมยังพอมีหวังว่าจะฟื้นขึ้นมาได้แต่กลับถูกหมอของตัวเองวางยา” กัวไฮว่เดินออกมาจากในห้องก็เห็นชิวอี้เจินหมอส่วนตัวของมู่หรงหลงผอ.โรงพยาบาลมหาลัยอู่เฉิงผู้มีชื่อเสียงทั้งยังเป็รองหัวหน้าสมาคมการแพทย์จีน
“อากู พ่อหนุ่มนี่ไม่คุ้นหน้าเลย แขกของแกเหรอ” ชิวอี้เจินมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้นยิ้มๆ
“เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังจะทำเป็นิ่งอีก” กัวไฮว่เองก็ไม่เท่าไหร่นั่งเผชิญหน้ากับชิวอี้เจิน “คุณเป็หมอชาวเหมียว[1]ใช่ไหม”
“ฉันเป็ชาวเหมียว ฉันอยากรู้ว่าที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร” ชิวอี้เจินเงยศีรษะมองกัวไฮว่พลางถามขึ้น
“ถ้าคุณเป็ชาวเหมียว งั้นผมก็มั่นใจแล้วว่าเป็พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าคุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ บอกมาเถอะ เก้าแมลงมีอะไรบ้าง ไม่ต้องมาพยายามหลอกผมนะ” กัวไฮว่เอาปืนพกมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็การประกัน
“อากู แกเชื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ แต่ไม่เชื่อฉันเหรอ” ชิวอี้เจินถามอย่างไม่ตระหนกเลยแม้แต่นิด
“เขาเป็คนที่เวยเวยพามารักษาเสี่ยวหลง” มู่หรงกูพูดเบาๆ
เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ลูกะุยิงทะลุน่องของชิวอี้เจิน “เหนี่ยวไกไปแล้วครั้งนี้แค่น่อง ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีขนาดนี้อีก” มู่หรงกูเบิกตาโพล่งเมื่อสักครู่เขาไม่ทันดูว่ากัวไฮว่หยิบปืนขึ้นมายิงได้อย่างไร
“แกแน่ใจเหรอว่าฉันเป็คนวางยา” ชิวอี้เจินกัดฟันพลางเบิกตาโพล่งแล้วถามขึ้น
“อย่ามาถามผม ผมไม่แน่ใจว่าเป็คุณไหม คุณก็ไม่ต้องมายื้อเวลามู่หรงหลงไม่ตายหรอก” กัวไฮว่หรี่ตาพูดพลางยื่นมือมาปิดรูะุบนน่องเืที่ไหลบนน่องจึงหยุดไหล
“แกเป็ใคร!” ชิวอี้เจินมองไปยังน่องตนเองแล้วพูดขึ้นเบาๆเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยแต่ความสามารถในการใช้หนึ่งมือห้ามเืนั้น อยู่เหนือกว่าตนเองนัก
“ไปตามพ่อครัวบ้านนี้มา” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของชิวอี้เจินเขาพูดยิ้มๆ กับมู่หรงกู
“คุณยังมีโอกาสสุดท้ายอยู่นะ ถ้าคุณไม่พูดแต่เขาพูดคุณได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ” กัวไฮว่มองชิวอี้เจินพลางพูดขึ้น
“บอกฉันมาว่าแกเป็ใคร แล้วฉันจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าให้” ชิวอี้เจินกัดฟันพูดเบาๆ
“ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ตายซะเถอะ ปัง!” ปืนถูกยิงเข้าที่ศีรษะชิวอี้เจินไม่เข้าใจว่าตนกำลังจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าแล้ว ทำไมเขายังฆ่าตัวเองอีกแถมยังยิงเข้าที่หัว ที่ที่ยังคงเต็มไปด้วยความคิดสงสัยอีกด้วย
[1] ชนเผ่าเหมียวหรือชนเผ่าแม้ว เป็ชนกลุ่มน้อยในจีน มีถิ่นฐานในหลายบริเวณเช่น กุ้ยโจว ยูนนาน หูหนาน เป็ต้น