ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ มีผมสยายยาวสวยงาม ดูท่าทางมีความสง่างาม ด้วยเรือนผมสีดำอมม่วงดูลึกลับ เขามีใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ดวงตาทั้งคู่นั้นกับดูมีเสน่ห์อย่างลึกล้ำ และมีลักษณะของรัศมีของคนที่ดูทรงอำนาจเป็อย่างยิ่ง เพียงแค่คนนี้ๆมองไปทางด้านไหนก็ทำให้เหล่า “ คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายที่อยู่ในครรลองของสายตาของเขาล้วนแต่มีอาการเงียบสงบไปตามๆกัน ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงขึ้นมาแม้แต่ซักนิดเลยทีเดียว แสดงให้เห็นถึงตบะบารมีที่เหนือชั้นยิ่งกว่ารูปร่างที่เห็นภายนอกมากมายยิ่งนัก ทั้งๆที่ชายหนุ่มคนนี้นั้นถ้ามองจากภายนอกแล้ว จะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เป็อย่างมาก ซึ่งถ้าให้กะประมาณอายุจากใบหน้าแล้ว อายุน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าปีเศษๆเท่านั้น ซึ่งทุกๆที่ๆชายหนุ่มผู้นี้ย่างกรายไปนั้น ก็จะมีไอของสิ่งที่คล้ายๆกับว่าจะเป็หมอกลอยเลื่อนครอบคลุมอยู่ตลอดเวลา จนยากที่จะบรรยายความรู้สึกที่ได้ััได้ถูก ส่วนชายหนุ่มอีกสองคนที่เดินตามมาข้างหลังนั้น ก็ดูเป็ชายหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และก็ไม่ได้มีลักษณะอะไรที่แตกต่างจากคนปกติมากนัก ยกเว้นการที่ส่วนหัวของผู้ชายทั้งสองคนนั้นมีส่วนที่คล้ายๆปีกของนกงอกออกมา แต่ก็ถูกเก็บพับเอาไว้ในลักษณะเรียบร้อยสุภาพอีกทั้งรัศมีแห่งบารมีภายในตัว ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปเป็อย่างมาก ทำให้เพียงแค่ได้มองไปก็ััได้เลยถึงความ “ไม่ธรรมดา“ ของทั้งสามคนนี้ สมกับที่แต่ละคนเป็ถึงระดับ “เทพเ้า“ ของ “พิภพยมโลก สาขาตะวันตก“ ซึ่งเมื่อ “สายชล“ ได้เห็นภาพของทั้งสามคนอย่างชัดเจนก็ได้แต่นึกขึ้นมาในใจอย่างชื่นชม
“อื้อหือ...ทั้งสามคนนี้ช่างสง่างามจริงๆ สมกับเป็ถึงระดับเทพเ้าของทางตะวันตกเขา ั้แ่เกิดมาเราก็ยังไม่เคยเห็นใครที่ได้มองเห็นแล้วรู้สึกทั้งความสง่างามและความน่าเกรงขามขนาดนี้เลยแฮะ“
ซึ่งในเื่นี้ก็เป็ความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่างจากทั้งสองสาวเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามทั้งสองสาวเองต่างก็รู้สึกถึงความน่าเกรงขาม จนคล้ายๆจะเป็ความ “น่าสะพรึงกลัว“ที่ซ่อนเอาไว้อยู่ มากกว่าจะรู้สึกถึงความเสน่ห์หาแบบรักใคร่หรืออะไรในลักษณะนั้น ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็เพราะว่า“อำนาจบารมี“ ที่เทพทั้งสามองค์นั้นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ชัดเจนนั่นเอง
“ทั้งหมด...ทำความเคารพ ท่าน “ฮาเดส“ , ท่าน “ฮิปนอส“ และ ท่าน “ทานาทอส“!!!“
สิ้นเสียงการร้องะโเพื่อให้มีการแสดงความเคารพจากตัวแทนยมฑูตผู้ควบคุมแถว เหล่า “คนบาป“ และ “ สัตว์นรก “ ทั้งหลายต่างก็ทำการยืนขึ้นและโค้งคำนับราวกับการทำความเคารพผู้นำประเทศซักประเทศหนึ่งเหมือนตอนมีชีวิตเป็มนุษย์กันอยู่เลยทีเดียว ซึ่งทางด้านเทพ “ ฮาเดส “เองก็ได้ทำการยกมือขึ้นเป็เชิงการทักทาย และก็ได้ทำสัญญาณให้เหล่าผู้ที่มาเฝ้าชมบารมีของตนทั้งหลายนั้น ได้นั่งลงให้เรียบร้อยตามปกติได้แล้ว จากนั้นท่าน “ยมบาล” จึงได้เดินออกมาทำการกล่าวต้อนรับ “อาคันตุกะ“ ทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่เป็กันเอง
“Oh….Nice to meet you….ว่าแต่ว่าวันนี้เราพูดภาษาไทยกันนะครับ พูดไทยได้ใช่ไหมครับ ?
ท่านพญายมฯฯแห่งพิภพยมโลกเขตเอเซีย กล่าวให้คำต้อนรับกับอาคันตุกะที่มาอย่างเป็กันเอง
“Oh...สบายมากครับ พวกเราทั้งสามเป็ถึงระดับเทพเ้า มีอายุขัยมาแล้วหลายพันปีเื่ภาษาเราสามารถพูด-ฟังได้หลายภาษาโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว จะภาษาไทย,จีน,ญี่ปุ่น พวกเราสื่อสารได้หมดแหล่ะครับ นักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเขายังรู้เลยเื่นี้ เจอกันทีไรในการ์ตูนก็คุยภาษาญี่ปุ่นกันในเล่มตลอด...”
“แล้วนี่นิยายไทย จะให้ตัวละครพูดภาษาอังกฤษกันยาวๆ ไอ้คนเขียนมันเขียนไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นให้ตัวละครในเื่พูดภาษาไทยน่ะถูกแล้ว...พวกคนอ่านก็อย่าสงสัยกันให้มากนักเลยเน่อ...อ้าว... พูดมานอกเื่เสียตั้งเยอะ ไม่เกี่ยวๆ...ส่วนประเทศไทย พวกกระผมก็มาเที่ยวออกบ่อยจะตายครับ ผู้คนทางยุโรปก็มาเที่ยวที่นี่กันเยอะมากมายยกเว้นอีตอนที่มีโรคระบาดกันทั่วโลกอ่ะนะ่นั้นก็จะไม่ค่อยมีคนมา แต่ถ้าปกติคนยุโรปก็มาเที่ยวกันเยอะอยู่ ยิ่ง่หน้าหนาวนี่ก็มีบินมาเที่ยวหนีความหนาวกันเป็เดือนๆ ซึ่งพวกเราพอมาทีไทยทีไร พวกเราก็ได้ทั้งงานกลับไปด้วยและก็ได้ท่องเที่ยวไปทั่วไทยอีก แค่ได้คิดว่าจะได้กินผัดกระเพราแบบไทยแท้ๆที่มีใบกระเพราผัด ไม่ใช่เอาหัวหอม เอาแครอทมาผัดแบบในยุโรปที่กุ๊กบางคนมันมั่วซั่ว ทำขึ้นมาได้ยังไงไม่รู้ ดูในโลกออนไลน์ยังปวดตับแทน มาได้กินผัดกระเพราอร่อยๆต้นตำรับจริงๆที่ประเทศนี้เพียงแค่นั้นก็ฟินสุดๆแล้วครับ แถมสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ก็สวยงามน่าท่องเที่ยวมาได้ไม่รู้เบื่อด้วยครับ“
เทพฮิปนอสกล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เทพอีกสององค์เพียงแค่มีรอยยิ้มเล็กน้อยขึ้นมาอยู่ที่มุมปากเท่านั้น และยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยังพอจะแสดงให้เห็นว่ามีความเป็มิตรอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จากนั้น ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งที่ยังไม่เคยได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมานั้น ก็ได้เดินขึ้นมาอยู่ที่ต่อหน้า ท่านพญายมฯฯ แล้วก็ได้พูดขึ้นมาอย่างสุภาพว่า
“ข้าฯ “ทานาทอส“ ขอเป็ตัวแทนกล่าวแสดงความขอบคุณ ในความร่วมมือกันของพิภพยมโลก ทั้งสองภูมิภาคแห่งนี้ ในการทำระบบ “คัดกรองและแยกแยะเหล่าคนบาป “ โดยเป็การส่งผ่านข้อมูลระหว่างสองเครือข่ายเน็ตเวิร์คขุมนรกขนาดใหญ่ระดับทวีปที่ในขณะนี้สามารถเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์คถึงกันได้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบไม่เกิดข้อผิดพลาดหรือทำงานล่าช้าเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา”
“ด้วยระบบเครือข่ายซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเชื่อมต่อกันเป็อย่างดี โดยบุคลากรของนรกภูมิทั้งสองนรกภูมิใหญ่ แถมระบบทั้งหมดยังรองรับด้วยระบบ Cloud ในการเก็บข้อมูลต่างๆเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์รวมอย่างมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งการพัฒนารูปแบบในการทำงานเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ Network ต่างๆให้มีความปลอดภัยด้วย Firewall ที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบแพ็คเกจต่างๆ และการเก็บข้อมูลต่างๆในระบบ Blockchain ที่ยอดเยี่ยมก็ดำเนินการไปได้ด้วยดีอย่างยิ่ง ต่อไปปัญหาการตามเหล่าิญญาร้ายที่หลบหนีการจับกุมของเหล่ายมทูตมาลงฑัณฑ์ หรือความผิดพลาดต่างๆ เช่น การไปเก็บิญญาที่ยังไม่ถึงที่ตายมาก่อนเวลาอันควรที่เกิดขึ้นในอดีต คงจะลดน้อยลงใกล้เคียงกับ การเป็ 0 เคสที่ผิดพลาด หรืออาจจะไม่เกิดเคสที่ผิดพลาดขึ้นอีกแล้วก็เป็ได้“
“สายชล“ ที่ได้ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ของแถวเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงหันมาอธิบายให้สองสาวที่เขาได้มองดูหน้าแล้ว ทั้งสองคนนั้นน่าจะงงจัดๆ เพราะต่างคนก็ต่างหันหน้ามามองกันเองแล้วทำตาปริบๆ โดยที่ ทั้ง “แสงเดือน“ และ “แววดาว“ ก่อนที่จะสิ้นอายุขัย ก็ทำหน้างานเป็แม่ค้าขายของเบ็ดเตล็ดทั่วไปกับแม่ครัวร้านอาหารไทย-อีสานแค่นั้นเอง เื่เกี่ยวกับอะไรจำพวกนี้ เมื่อพวกเธอได้ฟังเข้าไปนี่ ทำเอาหน้าของทั้งสองคนนี่กลายเป็เครื่องหมายคำถาม ยืนเกาหัวกันแกรกๆ จนหนังหัวแทบหลุดกันเลยทีเดียว คนที่พอเข้าใจก็มีแต่ชายหนุ่มนี่แหล่ะที่เคยทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีมาบ้าง ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นได้เคยทำเทคโนโลยีระดับสูงขนาดนี้ เพราะเป็แค่พนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไป แต่ก็ยังดีที่เขายังพอจะรู้ในเื่พวกนี้อยู่บ้าง เขาก็เลยอธิบายให้ทั้งสองสาวได้ฟังให้พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง โดยสรุปภาพรวมเอาแค่นิดเดียวก็พอ
โดยชายหนุ่มได้อธิบายไปประมาณว่า มันหมายถึงระบบการเก็บข้อมูลต่างๆที่ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบได้รับการสร้างขึ้นมาเรียบร้อยแล้วด้วยความร่วมมือของหลายๆฝ่ายทั้งทาง “พิภพนรก“ และ “พิภพ์“นั่นเอง ซึ่งก็คงไม่ใช่เื่ง่ายๆเลยทีเดียว
“ฮ่าๆๆ...ที่สิ่งพวกนี้สำเร็จได้นั้นก็เป็เพราะว่าพวกเราได้บุคลากรจากมนุษย์โลกที่เป็ผู้ชำนาญด้าน Network ในระดับสูงมากมายหลายคน ที่สิ้นอายุขัยเรียบร้อยแล้วตามธรรมชาติ ก็ได้เข้ามาร่วมงานด้วยกับพวกเราเป็จำนวนมาก ซึ่งบางคนก็อยู่ที่์ แต่บางคนก็มาลงมาใช้เวรใช้กรรมในนรก ซึ่งพวกนี้ก็มีประโยชน์ในการพัฒนาระบบของนรกภูมิของพวกเราเป็อย่างมาก จนทุกอย่างแล้วเสร็จเรียบร้อยกันเป็อย่างดีนั่นเอง...ฮ่าๆๆๆ“
ท่านพยายมฯ ได้พูดพลาง แหงนหน้าหัวเราะลงลูกคอไปด้วยอย่างคนอารมณ์ดี ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วทั้งท่านพญายมฯฯ และทางผู้มาเยือนจากฟากฝั่งนรกภูมิฝั่งตะวันตกจะมีศักดิ์ศรีและฐานะที่ใกล้เคียงกันแต่ก็เหมือนกับว่าลักษณะและบุคลิคท่าทางดูจะมีตวามแตกต่างกันเป็อย่างมากเลยทีเดียว
“มาๆ ท่าน “ฮาเดส“ และอีกทั้งสองท่าน ข้าขอเชิญพวกท่านมาแวะดื่มกาแฟอร่อยๆ ของทางเราก่อน ที่จะเริ่มมาทดลองใช้ระบบต่างๆของเรากันนะครับ เชิญๆโต๊ะรับรองอยู่ทางนี้ครับ เชิญๆเลยท่าน“
ว่าแล้วชายร่างั์ผู้สูงศักดิ์แห่งพิภพยมโลกสาขาเอเซีย ก็ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติจากอีกฟากฝั่งหนึ่งทั้งสามคน มานั่งจิบกาแฟ และกินของว่างกันอย่างสบายใจ เป็อาหารมื้อพิเศษ และ พวกเหล่า “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายก็ได้นั่งลงตามสบายกับพื้น และ มีเหล่ายมฑูตผู้หญิงมาเดินแจกอาหารว่าง และ เครื่องดื่มนิดๆหน่อยๆให้ได้ทานกันด้วย นับว่าเป็ภาพบรรยากาศที่หาดูได้ยากจริงๆ ในนรกภูมิ ที่ว่ากันว่ามีแต่ความรุนแรง โหดร้าย และทารุณ แต่นั่นเป็เื่ในอดีตที่ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ปัจจุบันในนรกภูมินั้นก็มีความผ่อนปรน และมีการลงโทษที่เบาลงกว่าแต่เดิมในสมัยก่อนพอสมควร ซึ่งทำให้ “นรกภูมิ“ ในปัจจุบันนั้นมีสภาพคล้ายๆกับคุกสำหรับลงโทษมนุษย์ในโลกบนพื้นพิภพมากขึ้นนั่นเอง
และหลังจากที่ทั้งสี่คนได้พักผ่อนซักครู่แล้ว การเทสต์ระบบการทำงานระบบใหม่ของนรกภูมิทั้งสองฟากก็เริ่มขึ้น โดยกลุ่มคนที่ถูกได้รับการคัดเลือกให้มาทดลองระบบใหม่ นี่ก็คือกลุ่มของ “คนบาป“ ที่กำลังจะหลุดพ้นโทษหนักแล้ว มีแค่กรรมอีกเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นที่พอได้ชดใช้หมดแล้ว ก็จะได้ไปเตรียมตัวไปเกิดใหม่ โดยทั้งสามคน ก็คือ สายชล , แววดาว และ แสงเดือน นั่นเอง และก็ยังมี “คนบาป“ อีกหลายคนเหมือนกันที่อยู่ในกระบวนการทดลองนี้ แล้วทั้งหมดก็ได้ถูกทางยมฑูตผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการทดลองทำการเชิญตัวขึ้นมายืนอยู่ต่อหน้า เทพเ้าทั้งสามคน และรวมถึงกลุ่มของพวกพญายมฯด้วย โดยที่ทางด้านของเทพ “ฮาเดส“ ได้ถือเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ดูมีลักษณะคล้ายกับเครื่องไอแพ็ดที่มีขนาดใหญ่พอสมควรซึ่งเครื่องมือนี้สามารถสร้างโมเดลสามมิติ และ มีข้อมูลต่างๆ ของเหล่า “ คนบาป “ ปรากฏขึ้นมาในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เลยทีเดียวและมีแผนภูมิข้อมูลต่างๆ ให้ทางด้านของเทพ “ ฮาเดส “ เลือกเปิดดูเพื่อค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวกสบาย โดยการค้นหาข้อมูลต่างๆสามารถทำได้โดยการออกท่าทางกดเมนูสามมิติที่แสดงขึ้นมา ซึ่งจัดได้ว่าเป็ระบบปฏิบัติการที่มีการแสดงขึ้นมานี่ทันสมัยเหมือนในหนังไซไฟฯของฮอลลีวู๊ดกันเลยทีเดียว
“อืมส์...สำหรับเ้าหนุ่มนี่ จะว่าไปแล้วเ้าเองก็ไม่ได้มีกรรมหนักอะไรมากมายนักนะเนี่ย เพียงแต่เผลอไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วโดยไม่รู้เื่เท่านั้นเอง ส่วนเื่เศษกรรมต่างๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากตอนนี้ลงไปใช้กรรมอีกนิดๆหน่อยๆ ก็น่าจะหลุดพ้นไปเกิดใหม่แล้ว โดยรวมๆแล้ว เ้าก็จัดเป็คนที่ดีทีเดียว แต่เมื่อเคยทำผิดทำพลาด ก็ต้องยอมรับผิดนะเ้าหนุ่มเอ๋ย...ซึ่งท่านยมฯเองก็ดูจะเห็นใจเ้าเหมือนกัน ที่รู้ไม่เท่าทันในเล่ห์เหลี่ยมของเื่พิศวาส ข้าฯเห็นมีการลงรายละเอียดกำกับว่าให้เ้าได้รับโทษแค่ 1 / 4 ของการรับโทษปกติเท่านั้นเอง ไม่งั้นเ้าจะติดอยู่ในนรกขุมที่ 3 นี่นานกว่านี้เยอะเลยทีเดียว ส่วนชีวิตใหม่ในภพหน้าของเ้าก็จะไม่ได้ลำบากอะไร แม้ว่าจะมีชีวิตที่ไม่ร่ำรวยแต่ก็จะไม่ได้ถึงขั้นขัดสนเงินทองจนชีวิตลำบากอะไรมากเกินไปนัก“
ทางเทพ “ฮาเดส“ ที่ขณะนี้ได้เดินมาอยู่ตรงหน้ามาพูดกับชายหนุ่มขึ้นมาอย่างผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความเป็กันเอง และมีความเมตตาไม่เหมือนภาพลักษณ์ที่เล่าขานกันต่อๆมาเหมือนกับว่าเป็ตัวร้ายที่ค่อนข้างหยาบกระด้างแบบที่ชายหนุ่มเคยได้ยินหรือได้ดูมาจากในหนังตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เลย หลังจากนั้นทาง “เทพสูงสุดแห่งยมโลก“ ก็ได้เปิดดูข้อมูลต่างๆของหญิงสาวทั้งสองคนต่อเช่นกัน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ เคสก็คล้ายๆกับเ้าหนุ่มนี้ทั้งคู่เลย เฮ้อ ปัจจุบันพวกมนุษย์นี่ก็หลอกกันเองเก่งดีนะเนี่ย แต่ทั้งสองคนนี้ก็มีความต่างกับเ้าหนุ่มนี่นิดหน่อย สำหรับเ้าคนที่ผมยาวนั้น ถึงใช้กรรมหนักในนรกขุมนี้ กับเศษกรรมนิดๆหน่อยๆหมดแล้ว แต่ด้วยที่ความที่บาง่ของชีวิตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเยอะเพื่อทำอาหารเลี้ยงชีพ ถึงแม้่เป็ผู้ใหญ่มาจนถึงบั้นปลายของชีวิตจะลดการฆ่าสัตว์ลงไปเยอะมากๆแล้วก็ตามเถอะนะ แต่เศษกรรมเหล่านี้จะทำให้เป็คนที่ป่วยกระเสาะกระแสะไปเกือบ 20 ปี แต่จะมีผลบุญที่ได้สะสมมาในบั้นปลายของชีวิตในชาติที่แล้วมาช่วยเช่นกัน จนหลังจากอายุ 18 ปีไปแล้ว จะมีลิขิตที่แปลกประหลาดทำให้อาการเจ็บป่วยที่เคยมีหายไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เื่นี้เป็ลิขิตของ์ ซึ่งข้าจะขอบอกเ้าได้เพียงแค่นี้ ส่วนเธอคนที่ผมสั้นนี่ก็เช่นกัน หมดจากการชดใช้กรรมในนรกขุมนี้ และ เศษกรรมอีกเล็กๆน้อยๆแล้ว เ้าก็จะได้ไปเกิดเป็มนุษย์เช่นกัน แต่ด้วยผลกรรมจากที่ในอดีตชาติที่ผ่านมาที่ ตอนเด็กๆเ้าชอบลักเงินผู้ใหญ่บ้าง ลักเงินเพื่อนๆวัยเดียวกันบ้าง และตอนวัยรุ่นก็แอบลักเงินของนายจ้าง ที่จ้างเ้าทำงานอยู่เป็พักๆ ซึ่งผลกรรมเหล่านี้นั้น ทำให้เ้าจะต้องประสบความยากจนในชาติที่จะมาถึงนี้ ชนิดครอบครัวแทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อในบางมื้อ และต้องทนลำบากในหลายๆเื่ไปร่วมสิบกว่าปีเช่นเดียวกัน ก่อนผลบุญจากการที่เ้ากลับตัวเป็คนดีในชาติที่ผ่านมา และได้มีการทำบุญและบริจาคทานเป็อันมากเพื่ออุปถัมภ์ค้ำชูบวรพระพุทธศาสนาที่เป็ศาสนาที่เ้านับถือในด้านต่างๆอย่างมากมายเหลือคณานับ...”
“นอกจากนี้เ้าเองก็ยังได้นั่งกรรมฐานและฝึกจิตอยู่เป็นิจ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของเ้ามาถึงสิ่งเหล่านี้จะทำให้เ้าได้รับผลบุญและกุศลเป็อย่างมาก ซึ่งในจุดนี้นั่นเองจะทำให้เ้าได้มีชีวิตที่ดี มีฐานะดีขึ้นเป็อย่างมากในภายหลังและพ้นจากความยากจนข้นแค้นแสนสาหัสมาเป็ผู้มั่งมีเงินทองเป็อย่างมากได้ในที่สุด...อืมส์...ถ้าไม่นับเื่ข้อผิดพลาดในเื่ชู้สาวใน่หนึ่งของพวกเ้าทั้งสามคนที่มี่ที่ทำผิดพลั้งไปโดยไม่ได้เจตนาอยากจะทำผิด ก็ถือว่าพวกเ้าทั้งสามคนก็สมควรได้กลับไปเกิดเป็มนุษย์กันเสียทีได้แล้ว...เอ๊ะ...“
ทางด้านของชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็เทพเ้าแห่งยมโลกของทางฝั่งตะวันตก อุทานขึ้นมาเบาๆ แบบคนที่สงสัยอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหันหน้าไปทางท่านยมบาลฯ ซึ่งท่านยมบาลฯ ก็ได้รีบเดินเข้ามาหาทันทีเช่นกัน
“ท่านฮาเดส เป็อะไรหรือท่าน ? มีอะไรที่ท่านสงสัยหรือเปล่าครับ ?“
ท่านยมบาลสอบถามไปยังบุรุษที่มีศํกดิ์เป็ถึงเทพเ้าอย่างกระตือลือร้น ซึ่ง บุรุษผู้นั้นก็ได้หันกลับมาตอบว่า
“เราได้พิจารณาดูค่าในส่วนของความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้แล้วมันสอดคล้องกันอย่างมาก และระบบมันแจ้งเตือนขึ้นมาว่าทั้งสามคนนี้สามารถเป็เนื้อคู่กันได้ นอกจากนี้ยังพบพลังจิติญญาซ่อนเร้นที่สูงมากทั้งสามคนเลย จัดว่าอยู่ในระดับ A กับ S เลยทีเดียว ซึ่งปกติแล้วเราไม่ค่อยเจอแบบนี้มากนัก นี่เราไม่ได้ดูค่าอะไรผิดไปใช่ไหม ? ถ้าไม่ได้มีอะไรผิดพลาดไป เราก็จะได้กดยอมรับไป
ทางเทพ “ฮาเดส“ ได้พูดสอบถามขึ้นมา และเมื่อทางท่านยมบาลฯ ได้เข้ามาเช็ครายละเอียดต่างๆแล้วก็ไม่ได้พบอะไรที่ผิดปกติ จากนั้นทางเทพ “ฮาเดส“ จึงได้ทำการกดปุ่มอะไรบางอย่าง จากนั้นก็มีรัศมีของแสงที่ออกเป็สีชมพูอ่อนๆมาอยู่ล้อมรอบร่างของทั้งสามคน โดยที่ทั้งสามคนก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองต่อไป
“นี่ถ้าทุกอย่างเลือกได้ถูกต้องแล้ว จากนั้นก็สามารถเลือกให้คนพวกนี้นั้นไปเกิดที่ไหนเลยก็ได้ซินะ...อื้อหือ ยอดเยี่ยมมาก เท่าที่ดูๆแล้ว เราสามารถเลือกให้ไปเกิดได้หลากหลายพื้นที่เลยทีเดียวทั้งในยุโรปและเอเซียเลย แสดงว่าหลังจากนี้ ถ้ามีพวก “ คนบาป “ สิ้นชีพลงที่ไหน ก็สามารถเก็บเอาิญญามาดูแลจัดการได้ในทั้งสองภูมิภาค และก็สามารถส่งลงไปเกิดได้อย่างสะดวก เช่นกันซินะ...ส่วนจะให้ไปเกิดเป็อะไรนั้น ก็สามารถเลือกได้หลากหลายเช่นกัน...จะให้ไปเกิดเป็นกอินทรีย์...หรือกระทั่งให้ไปเป็ปลาแซลมอนก็มีให้เลือกไปเกิด...จะว่าไปแล้วก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ... ใหนข้าลองเลือกเล่นๆดูหน่อยซิ เห็นมีบอกในคู่มีอว่าในตอนที่เลือกเสร็จแล้วจะมีกราฟฟิคปรากฏขึ้นมาแสดงด้วย งั้นขอข้าฯลองเลือกเล่นๆดูละกัน อยากเห็นว่า ถ้าไม่ได้เลือกให้เกิดเป็มนุษย์ แล้วมันจะแสดงกราฟฟิคยังไง...เ้าสามคนคงไม่ถือสาข้านะ ขอข้าฯลองเทสต์ๆ การใช้งานดูซักหน่อย...จะได้เห็นภาพซักนิดหนึ่ง เอาเป็ปลาแซลมอนก็แล้วกันนะ ดูซิว่าในส่วนกราฟฟิคจะแสดงภาพออกมาเป็อย่างไรบ้าง ?“
ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองคนก็ได้แต่ยิ้มให้และหัวเราะแฮ่ะๆ...เมื่อคนระดับเทพฯของพิภพยมโลกนั้นพูดขอมา ก็ทำให้ไม่สามารถที่จะปฏิเสธอะไรได้ จากนั้นก็เหมือนจะมีภาพกราฟฟิคเป็รูปปลาแซลมอนขึ้นมาอยู่บริเวณ้าหัวของพวกเขา พร้อมกับรัศมีของวงแหวนที่เหมือนกับการกำหนดเลือกเป้าหมายเป็การเฉพาะเจาะจงเอาไว้ครอบคลุมพวกเขาทั้งสามคนไปจนทั่ว โดยทางเทพ “ ฮาเดส “ ก็ได้ทดลองกดปุ่มและลองใช้งานระบบต่างๆอยู่อย่างตั้งใจเลยทีเดียว
ซึ่งในส่วนของกราฟิคก็สามารถทำออกมาได้เป็รูปปลาแซลมอนได้ครบทุกชนิดเลยทีเดียว เรียกได้ว่าข้อมูลในระบบนั้นทำออกมาได้ละเอียดเอามากๆ พูดได้เลยว่ารายละเอียดในระบบที่ทำขึ้นมานี้นั้น สามารถรองรับความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ต่างๆในโลกรวมทั้งเชื้อชาติของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่จะทำให้ในการนำพาเหล่า “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายไปกำเนิดใหม่นั้นทำได้อย่างสะดวกสบาย
และในขณะที่ทางเทพ “ฮาเดส“กำลังทดลองเทสต์ระบบเหล่านี้อย่างเพลิดเพลิน โดยมีการลองกำหนดนั่นกำหนดนี่ต่างๆนานา ให้กับเหล่า “คนบาป“ ไปมากมายหลายคนอย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่กับทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสามคนนี้เพียงเท่านั้น แต่แล้วก็มียมฑูตตนหนึ่งได้ขออนุญาตเข้ามาในลานที่กำลังมีการทดลองระบบอยู่นั้น ก่อนที่ยมฑูตตนนั้นจะกล่าวขออนุญาตขึ้นมาต่อเหล่าคนสำคัญของพิภพนรกที่อยู่ตรงนั้นว่า
“ท่านพญายมฯฯ , ท่านฮาเดส , ท่านฮิปนอส และ ท่านทานาทอส ข้าพเ้าฯ ขออนุญาตแจ้งข่าวว่า เมื่อซักครู่เ้าม้า “เปกาซัส“ เพิ่งนำเอกสารสำคัญอันหนึ่งจากทางท่าน “ซูส“ มาส่งให้ท่าน “ฮาเดส“ครับ !!!“
ฉับพลันนั้นท่าทีของ เทพ “ฮาเดส“ ซึ่งแต่ก่อนนี้อยู่ในสภาพของบุรุษที่ดูมีความเยือกเย็นอารมณ์ดี และมีความเป็สุภาพบุรุษอยู่ตลอดเวลานั้น ก็ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ พร้อมกับได้มีเสียงของชั้นบรรยากาศในบริเวณนั้นลั่นเปรี๊ยะขึ้นมาเป็เหมือนกับกระแสไฟฟ้าช็อตขึ้นมาในห้วงอากาศภายในนรกขุมที่ 3 เลยทีเดียว และใบหน้าของท่านเทพ “ฮาเดส“ ก็มีอาการขาวซีดลง จนแทบจะออกสีเขียว ในลักษณะสีหน้าของคนที่เรียกได้ว่า “โกรธจนหน้าเขียว “นั่นแหล่ะ แต่ในภาพรวมแล้วก็ยังพยายามกลั้นความรู้สึกโกรธเอาไว้เป็อย่างมากจนสังเกตเห็นได้เลยทีเดียว
““เปกาซัส“ !!! ซูส !!! ไอ้สองชื่อนี้ช่างสแลงหูข้ายิ่งนัก...!!!
“เทพสูงสุดแห่งยมโลก“ พูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จนเหมือนแทบจะคำรามเลยทีเดียว ส่วนเทพอีกสององค์ ผู้เป็เหมือนมือซ้าย - มือขวา ก็มีทีท่าไม่พอใจเช่นกัน ทำเอาท่านพญายมฯฯเองนั้นถึงกับออกอาการหน้าเสียไปเหมือนกันก่อนที่จะระล่ำระลักสอบถามกับเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งพิภพยมโลกฝั่งตะวันตกโดยทันทีว่า
“มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับท่าน “ฮาเดส“ ปกติแล้ว ก็ไม่เคยเห็นท่านโกรธเคืองอะไรกับท่าน “ซูส“ ขนาดนี้เลยนี่ครับ...ปกติเวลาพูดถึงชื่อท่าน “ซูส“ แล้ว ท่านก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาอะไรมากขนาดนี้เลย...เอ่อ...ขอโทษที่ข้าเสียมารยาท...แต่พี่น้องทะเลาะกันเื่อะไรหรือครับเนี่ย ?“
ท่านยมบาลได้เอ่ยสอบถามกับทางเทพ “ฮาเดส“ กันแบบตรงๆ ด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา ยังไงเื่พวกนี้ก็เป็เื่ในครอบครัวของคนอื่นเขา ซึ่งก็ทำให้ทาง “ฮาเดส“ และเทพอีกสองคน ซึ่งก็ได้ถือ “เครื่องกำหนดชะตาชีวิต“ เอาไว้ในมือของตัวเอง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขก ก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆแล้ว ก็ถือแก้วกาแฟค้างเอาไว้ แล้วก็หันหน้ามาเอ่ยกับทางท่านพญายมฯด้วยเสียงอันเคร่งเครียดว่า
“ก็เพราะไอ้เื่กาแฟนี่แหล่ะ...ที่ทำให้ข้านั้นโมโหถึงเพียงนี้ !!!“
จากคำตอบที่ออกมาจากปากของเทพเ้าแห่งยมโลกนั้น ทำเอา ท่านพญายมฯฯ เองถึงกับงงเป็ไก่ตาแตกเลยทีเดียว รวมทั้งบรรดา “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็หันมามองหน้ากันแบบงงๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งพวกของ “สายชล“ ก็ไม่ได้แตกต่าง และครั้งนี้ชายหนุ่มก็อธิบายเื่ราวให้สองสาวฟังไม่ได้ด้วยว่าเื่มันเป็มายังไง เพราะดูเหมือนว่าจะเป็เื่ส่วนตัวมากๆ ของเทพองค์นี้ ที่คนนอกคงยากที่จะเข้าไปล่วงรู้ได้จริงๆจากนั้นเทพสูงสุดแห่งยมโลกฝั่งตะวันตกแค่นเสียงพูดออกมาจนแทบเหมือนกับการคำรามลอดไรฟันออกมาเลยทีเดียว
“วันก่อน เ้า “ซูส“ มันเชิญข้าไปลองชิมกาแฟอันเลิศรสของมัน ที่มันบอกว่ามันได้ให้พวกชาว์นั้นสร้างสรรค์ทำกาแฟชั้นยอดขึ้นมาได้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทำกาแฟรูปแบบหนึ่งของทางพิภพมนุษย์ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ไอ้ข้ารึก็นึกว่ามันคงเป็กาแฟรสชาติใหม่ จากพวกต้นพันธุ์กาแฟใหม่ๆกระมัง ทีนี้เลยไปลองกินดู จริงๆมันก็รสชาติใช้ได้ แต่ที่มาของมันนั่นซิ ทำให้ข้านั้นกระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก !!!“
ท่านพญายมฯ จึงได้เข้าไปเอ่ยถามกับเทพสูงสุดแห่งยมโลกผู้นี้ในระยะใกล้ ด้วยเสียงกระซิบอย่างแ่เบาว่า...
“มันเป็กาแฟแบบไหนหรือท่าน ?...“
ทางเทพ “ฮาเดส“ จึงหันมาพูดกับพญายมฯ ด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังจนแทบเหมือนจะคำรามว่า “มันให้เ้าม้าเปกาซัสกับพวกม้าตัวอื่นที่เป็เพื่อนของไอ้เปกาซัส กินเมล็ดกาแฟไปเยอะๆ แล้วก็ให้ ไอ้ม้าบ้าพวกนั้นมันขี้ออกมาเป็เมล็ดกาแฟ จากนั้นก็ให้พวกชาว์เอาขี้ไปล้าง แล้วเอาเม็ดกาแฟมาคั่วให้ข้ากินนี่แหล่ะ...ดู๊ดู...มันทำกับข้าอย่างกับข้าเป็ตัวทดสอบเครื่องดื่มของพวกมันแน่ะ แล้วมันใช่เื่ของเทพผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าไหม !!! ที่ต้องมาลองกินกาแฟที่คั่วมาจากขี้ไอ้พวกสัตว์พวกนั้นอ่ะ !!! รู้ถึงไหน อายถึงนั่นกันหมดพอดี หนึ่งในเทพสูงสุดของโอลิมปัสอย่างข้าเนี่ยนะ ต้องมาเป็หนูทดลองกินกาแฟขี้ม้าเปกาซัส มันใช่เื่ไหม เนี่ย !!!“
สิ้นเสียงพูดประโยคชุดนี้เข้า พื้นที่รอบๆข้างของศาลากลางใหญ่แห่งนรกขุมที่ 3 ถึงกับมีสายลมกรรโชก และมีเสีองะเืเลื่อนลั่นไปทั่วจนผู้คนและสัตว์นรกทั้งหลายที่ไม่รู้เื่รู้ราวถึงกับใกันอลหม่านกันเลยทีเดียว ส่วน สายชล กับ อีกสองสาวที่ฟังอยู่ด้านหน้า ใกล้กับที่เทพทั้งสามองค์ และท่านพญายมฯอยู่ด้วยนั้น ได้ยินเื่ราวทั้งหมดอย่างชัดเจนเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อชายหนุ่มฟังแล้วก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเทพสูงสุดแห่งยมโลกท่านนี้อยู่เหมือนกัน
เพราะเื่ของรสนิยมในการกินนั้น เป็เื่ที่เราบังคับให้ชอบกันไม่ได้ อาหารบางอย่างจริงๆ ก็เอร็ดอร่อยแหล่ะ แต่หลายๆคนก็ไม่กล้ากิน อย่างเช่นพวกตัวหนอนทอดต่างๆ ตัวอ่อนแมลงต่อหรือ ด้วงสาคู ซึ่งก็เป็อาหารที่เลิศรสสำหรับหลายๆคน แบบเอาเนื้อเสต็กมาแลกก็ไม่ยอม แต่สำหรับชายหนุ่มที่เป็คนเกลียดหนอนแล้ว ถ้าเป็ตนเองใครมาบังคับให้กินก็ต้องมีต่อยกันไปข้างล่ะ เพราะสำหรับตัวเขานั้น เขากลัวหนอนชนิดต่างๆเป็ทีสุดเป็ต้น ดังนั้นจะไปกะเกณฑ์ให้ทุกๆคนนั้นชอบสิ่งที่คิดว่าจะเป็เื่ที่ดีนั้น บางทีก็ไม่ได้เสมอไป งานนี้ชายหนุ่มรู้สึกเห็นใจและคิดเข้าข้างทางของเทพ “ ฮาเดส “ อยู่เหมือนกัน ที่เขาว่ากันว่าด้านของทางมหาเทพ “ ซูส “ หรือ “ ซูส “ นี่แหล่ะที่เป็ “ ตัวตึงของ์ “ เป็เทพเ้าองค์หนึ่งที่ขยันสร้างเื่ สร้างราวจนชาวบ้านเขาปวดหัวมาั้แ่ในยุคสมัยที่เทพเ้ายังเรืองอำนาจนี่ ก็เป็คำกล่าวที่ไม่ได้เกินเลยความจริงไปเลยจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้