ร่างบางของโอเมก้าที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ในครัวเอ่ยทักพี่ชายของตนเองที่พึ่งเดินลงมาจาก้าในสภาพที่สวมใส่เพียงกางเกงขายาวผ้ายืดตัวเดียวอวดรอยรักกับรอยฟันที่กระจายอยู่ทั่วลำตัว้า และชะโงกหน้ามองเลยไปยังผู้ชายร่างสูงอีกคนที่แต่งตัวเหมือนกับพี่ชายของตัวเอง
“สวัสดีครับน้องเมีย” ร่างสูงโผล่หน้าไปทักทายคนที่อายุน้อยกว่าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ทีนโบกมือกลับให้พี่เขยหมาดๆแทนการทักทาย
“น้องเมียพ่อมึงสิ” แทนใช้มือผลักหัวของปลื้มอย่างแรงจนอีกฝ่ายหน้าเกือบทิ่ม
“ถ้าเป็น้องเมียพ่อกูคงต้องเรียกว่าน้าแล้วดิ” โดนไปขนาดนั้นก็ยังไม่วายจะกวนตีนต่อ
“เฮ้ยเฮีย ผมชอบพี่เขยคนนี้ว่ะ” ทีนใช้ตะหลิวในมือชี้ไปที่ร่างสูง
“มึงไปอาบน้ำไป ใส่เสื้อผ้ากูที่พอใส่ได้ไปก่อนเดี๋ยวชุดมึงกูซักแล้วเอาไปให้วันหลัง”
“ทีนเอาไปซักให้แล้ว เห็นวางกองเปียกอยู่หน้าบ้านเลยมีน้ำใจ” คนตัวเล็กที่หันไปสนใจการทำอาหารต่อเอ่ยบอก
“ขอบใจ”
“ขอบคุณนะค้าบน้องเมีย”
“เดี๋ยวมึงจะโดน”
“ไม่เป็ไรครับพี่เขย”
“มึงไปเลย” แทนเอ่ยไล่ปลื้มอีกรอบพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไล่ให้คนตัวสูงขึ้นไป้า
ปลื้มยิ้มพอใจที่สามารถกวนอารมณ์ของแทนได้เขาอาศัยจังหวะที่ร่างบางเผลอกดจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายไปหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไป้าเพื่อทำกิจวัตรประจำวันของตนเอง
“ปกติไม่เห็นพาใครเข้าบ้าน แล้วคนนี้พิเศษกว่าคนอื่นอย่างไงนะ” ทีนรู้จักพี่ชายของตัวเองดีแทนเป็คนที่ค่อนข้างหวงพื้นที่ส่วนตัวมากคนที่จะยอมให้มาบ้านก็ต้องเป็คนที่สนิทจริงๆหรือไม่ก็เป็คนในครอบครัว ขนาดเพื่อนของแทนกว่าจะได้มาที่บ้านยังรู้จักกันมาตั้งหลายปีเลยพี่เขาถึงจะพามา
“หยุดพูดแล้วทำกับข้าวต่อไปเลย”
“เป็อัลฟ่าซะด้วย” แต่คนอายุน้อยกว่าก็ยังไม่ยอมแพ้ตั้งหน้าตั้งตาแซวผู้เป็พี่ชายต่อไป
“...”
“เฮีย” เมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไม่เถียงอะไรกลับมาเขาถึงหยุดมือที่กำลังทำอาหารลงแล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแทน
“ไม่น่าเลยใช่ป่ะ” ร่างบางพึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่หงอยลง
“ไม่ใช่แบบนั้น” ทีนรีบปิดเตาแก๊สลงแล้วเดินเข้าไปหาพี่ชายทันที
“เฮียไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจตัวเองไปขนาดนี้เลย” แต่มันคงจะเป็เพราะความรู้สึกลึกๆที่ตกค้างอยู่ในใจของเขามานานถึงได้ทำให้เขาปล่อยตัวเองให้ถลำลึกลงไปมากขนาดนี้
“เฮียรักพี่เขาใช่หรือเปล่า”
“ไม่”
“แล้วทำไมถึง...” ยังไม่ทันที่ทีนจะพูดจบแทนก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ควรรัก”
แทนเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าปลื้มแต่งตัวใกล้จะเสร็จแล้ว มือเรียวจึงหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาพาดไว้บนบ่าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายบ้าง พออาบน้ำเสร็จออกมาก็พบว่าร่างสูงกำลังนอนเหยียดขายาวเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงของเขา
“แทน”
“...” ร่างบางเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่หูก็ยังฟังสิ่งที่อีกคนพูดอยู่
“เรียกได้ยินป่ะเนี่ย”
“จะพูดอะไรก็พูด”
“เราเคยเจอกันมาก่อนป่ะ” มือเรียวที่กำลังสวมเสื้ออยู่หยุดชะงักค้างกลางอากาศ “ตอนปีหนึ่งอะ มึงเคยไปเที่ยวที่เกาะพะงันใช่มั้ย”
ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะสวมใส่เสื้อให้เรียบร้อย แล้วหันหน้าไปมองคนบนเตียงที่ยังคงจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่
“กูก็ไปที่นั่นมาเหมือนกัน” ทีปกรยื่นรูปถ่ายของตัวเองกับเพื่อนใน Fullmoon Party ในปีนั้นที่เกาะพะงันให้อีกฝ่ายดู “กูเจอคนคนหนึ่งที่นั่นตอนแรกกูไม่รู้ว่าเขาคือใครแต่หลังจากเมื่อคืนกูว่ากูรู้แล้ว” ภาพของร่างบางปริศนาในคืนนั้นมันซ้อนทับกับร่างของแทนเข้าพอดี
เื่ที่เกิดขึ้นในปีนั้นปลื้มเองก็ใช่ว่าจะไม่ตามหาว่าคนที่ตัวเองมีอะไรคือใคร ในตอนเช้าที่ตื่นมาแล้วพบว่ามีแค่ตัวเองคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียงที่เละเทะเหมือนพึ่งผ่านสมรภูมิรบมาเขาก็พยายามนึกว่าอีกฝ่ายที่ร่วมกันทำให้ทุกอย่างเละเทะขนาดนี้คือใคร หน้าตาเป็อย่างไร แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าของอีกคนชัดๆได้เลย แต่ก็ยังพอจะจำกลิ่นได้อยู่บ้างมันกลิ่นฝนจางๆเลือนรางมากในความทรงจำของเขา
พอนึกไม่ออกเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอแม้แต่คิดที่จะตามหาเพราะไม่มีข้อมูลที่จะติดต่ออีกคนได้เลย แถมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบุคคลปริศนาในคืนนั้นสักอย่างจนกระทั่งเมื่อคืนนี้ตอนที่เขากับแทนกำลังมีอะไรกันอยู่ดีๆภาพของคนคนนั้นมันก็ซ้อนทับขึ้นมา ทำให้เขาคิดถึงใครคนนั้นอีกครั้ง
“คืนนั้นคนที่มีอะไรกับกูคือมึงใช่มั้ย”
อัลฟ่าหนุ่มจ้องคนตรงหน้าอย่าง้าคำตอบ
“อือ” แต่ไหนแต่ไรมาแทนก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปิดบังเื่นี้อยู่แล้ว อันที่จริงเขาคิดว่าปลื้มรู้อยู่แล้วด้วยซ้ำว่าเป็เขาเพราะขนาดเขายังจำได้เลย “กูคิดว่ามึงรู้อยู่แล้วซะอีก” แทนเอ่ยออกมาเสียงเรียบนิ่ง
“คือกู...”
“ช่างมันเถอะ มันคงไม่ได้มีค่าให้มึงจำ” ร่างบางเอ่ยบอกอย่างปัดๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเลือกกางเกงต่อ
“ไม่ใช่แบบนั้น” ปลื้มรู้สึกร้อนรนขึ้นมาเขารีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาอีกคนทันที “คือกูเมามาก...แล้วคืนนั้นมันก็มืด มึงเองก็มีสีเขียนอยู่บนหน้ากูเลย...จำหน้ามึงไม่ได้”
“เฮอะ” แทนแค่นเสียงหัวเราะออกมาทำเอาใจคนฟังกระตุกมากกว่าเดิม ปลื้มจึงยื่นมือไปจับมือของแทนเอาไว้
“กูขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก กูไม่ได้อะไรกับเื่คืนนั้นอยู่แล้ว”
“...”
“แค่สนุกเซ็กส์เฉยๆ” แทนจับมือของปลื้มให้ปล่อยออก “เมื่อคืนก็เหมือนกัน มึงก็ลืมมันไปเหมือนทุกครั้งเถอะ”
“ไม่เอาแบบนี้ดิ” มือหนาจับเข้าที่ไหล่บางก่อนจะออกแรงพลิกตัวของอีกคนให้หันหน้ามาคุยกันดีๆ
“เมื่อคืนคือกูแก้ตัวไง แก้ตัวให้กับสองคืนก่อนหน้านั้นที่กูโง่จำมึงไม่ได้”
“...”
“ตอนนี้กูไม่โง่แล้ว มึงอย่าโกรธกูได้มั้ย” ท่าทางหูลู่หางตกของร่างสูงยังคงทำให้ใจของร่างบางอ่อนลงได้อยู่ดี ความจริงแล้วแทนไม่ใช่คนโกรธง่ายหายเร็วเลยด้วยซ้ำแต่พอเป็ปลื้มแค่เป็ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนว่าเขาจะแพ้ทางไปเสียหมด
ยิ่งเห็นว่าอีกคนเอาแต่เงียบปลื้มก็ยิ่งกระวนกระวายใจ เขารีบดึงตัวของแทนเข้ามากอดไว้ทันที ใบหน้าหล่อซุกซบอยู่ที่ต้นคอขาว กอดรัดแน่นราวกับกลัวว่าอีกคนจะหายไป
“ปล่อย”
“ไม่”
แทนกลอกตามองบนก่อนจะพยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักร่างของอีกคนให้ออกห่าง
“กูหายใจไม่ออก”
“ไม่ปล่อย”
“กูไม่ได้โกรธอะไรมึงแล้วปล่อย”
“จริงนะ” ร่างสูงผละตัวออกไปแต่ยังคงใช้มือกุมไหล่ของคนตรงหน้าเอาไว้
“เออ เื่มันก็หลายปีแล้วไม่รู้จะรื้อฟื้นไปทำไมตอนนี้มึงจำได้แล้วก็จบ”
“แต่กูก็อยากจะขอโทษมึงจริงๆ กูควรจะจำมึงให้ได้แท้ๆ”
“ช่างมันเถอะ”
พอแต่งตัวเสร็จอัลฟ่าหนุ่มทั้งสองคนก็พากันลงมายังชั้นล่างที่ทีนได้จัดโต๊ะอาหารเช้าที่เกือบจะเลยไปเป็มื้อกลางวันไว้ให้ ทั้งสามคนนั่งทานเข้าด้วยกันและพูดคุยกันนิดหน่อยก่อนที่ปลื้มจะขอตัวกลับก่อนเพราะแม่ของเขาโทรมาตามให้กลับไปที่บ้าน เหมือนว่าพี่ชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาเองก็จะเข้าไปที่บ้านเหมือนกัน จึงเหลือเพียงแค่สองพี่น้องที่ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดทุกอย่าง
“น้าเล็กโทรมา บอกว่าวันมะรืนจะลงมาส่งส้มให้ลูกค้าเลยจะแวะมาหาที่บ้าน” น้าเล็กคือน้องชายฝ่ายแม่ของพวกเขาทั้งคู่และเป็คนที่แทนสนิทด้วยมากที่สุด “ทีนเล่าเื่พี่ปลื้มให้น้าเล็กฟังนิดหน่อย”
“...”
“เฮียก็ลองคุยกับน้าเขาดู”
“อือ”
“ไม่ว่าเฮียจะตัดสินใจยังไง หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทีนอยู่ข้างเฮียนะ” มือบางจับลงบนมือของพี่ชายที่กำลังเช็ดโต๊ะก่อนจะออกแรงบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ถ้าสุดท้ายพี่เลือกปลื้ม”
“ทีนก็จะอยู่ข้างเฮียอยู่ดี เพราะทีนอยากเห็นเฮียมีความสุข”
เขารู้ดีว่าพี่ชายของเขาเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองมานานเท่าไรแล้วเพียงแต่ก่อนหน้านี้มันเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้า แต่พอวันนี้ที่เขาได้เจอผู้ชายคนนั้นที่บ้านเขาจึงรู้ว่าความสุขของแทนมันขยับเข้ามาใกล้ตัวพี่เขามากขึ้นแล้ว เพียงแต่อุปสรรคชิ้นใหญ่มันก็คือครอบครัวของพวกเขานั่นเอง
“เฮียจะผ่านมันไปได้ ทีนเชื่อแบบนั้น”
บางครั้งการเกิดมาเป็อัลฟ่านั้นก็ไม่ได้โชคดีเสมอไป ดูอย่างพี่ชายของเขาในตอนนี้สิ ถูกคาดหวังให้มีคู่ครองเป็โอเมก้าที่เพียบพร้อมสักคนมาั้แ่เด็ก จะขัดก็ไม่ได้เพราะตัวอย่างของคนใกล้ตัวที่มีให้เห็นก็เป็ดั่งคำที่ผู้ใหญ่เขาว่าจริงๆ ความรักของอัลฟ่ากับอัลฟ่านั้นไม่ยั่งยืนหรอกวันหนึ่งที่อัลฟ่าได้พบกับคู่โชคชะตาของตนอัลฟ่าอีกคนก็ต้องถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอยู่ดี
“น้าเล็ก” เสียงใสของโอเมก้าตัวขาวดังขึ้นก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็หน้าที่ถือข้าวของมาเต็มไม้เต็มมือ แทนอมยิ้มนิดหน่อยส่ายหัวให้กับท่าทางที่ดูดีอกดีใจเกินเบอร์ของน้องชาย ก่อนจะเดินตามหลังทีนไปเงียบๆ
สองคนพี่น้องช่วยกันแย่งของที่น้าชายถือมาเอาไปถือกันเองเสียหมดจนผู้เป็น้าตัวโล่ง แล้วจึงพากันเดินเข้าไปในบ้านส้มหวานๆสองลังถูกวางลงบนโต๊ะทานข้าวตัวใหญ่ตามด้วยของกินเล็กๆน้อยๆที่น้าชายซื้อติดไม้ติดมือมาฝากหลานรักทั้งสองคน
“สอบเสร็จแทนว่าจะขึ้นไปหาน้ากับแม่อยู่พอดี” แก้วน้ำเย็นๆถูกวางลงบนโต๊ะด้านหน้าของแขกคนสำคัญ ก่อนแทนจะทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างกับคนที่อายุมากกว่า
“มีลูกค้าสั่งส้มใกล้ๆแถวนี้พอดี น้าคิดถึงเราสองคนมากก็เลยอาสามาส่งเอง”
“ตากับยายสบายดีมั้ยครับ”
“สบายดียังเดินเล่นในไร่ได้ป๋ออยู่เลย”
“ปกติเวลาโทรไปหาแม่ตากับยายก็จะเข้านอนไปแล้วเลยไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“ถามถึงแทนเช้าเย็นแม่เราก็ได้แต่บอกว่าสบายดีแต่ติดเรียนเลยไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน ผิดกับพ่อเราว่างเมื่อไรก็บินไปเชียงใหม่ตลอดไม่รู้หมดค่าเครื่องไปเท่าไร”
“ป๊าก็รักของเขา”
“แล้วเรากับแฟนเป็ไง” คนอายุมากที่สุดในวงสนทนาหันไปถามหลานชายคนเล็ก
“รักกันดี ตีกันบ้างพอเป็สีสัน” แฟนของทีนเป็อัลฟ่าอายุเท่ากันกับเขาแต่ว่าเรียนกันคนละคณะ
“แล้วเราล่ะ” เมื่อได้คำตอบจากหลานคนเล็กก็หันไปถามหลานคนโตต่อ “เป็อย่างไงบ้าง”
“ทีนไปนั่งกินส้มในห้องครัวก่อนนะ” คนที่เป็โอเมก้าคนเดียวในบรรดาเขาทั้งสามคนเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกเดินออกไปเพื่อให้เวลาพี่ชายได้คุยกับน้าอย่างสะดวก
“ก็เรื่อยๆนะครับ” เอ่ยตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มจางๆ
“เห็นทีนบอกว่าเขาคนนั้นเป็อัลฟ่าหรอ” เมื่อวานก่อนเขาโทรมาหาเ้าหลานคนเล็กบอกว่าจะแวะเข้ามาหาที่บ้านเลยอยากรู้ว่าเ้าตัวอยู่ที่บ้านกับพี่ชายหรือเปล่า เ้าตัวแสบก็เลยเล่าเื่ของคนพี่ให้เขาฟังนิดหน่อยเพราะว่าเป็ห่วงพี่ชายของตัวเองแต่ก็ไม่รู้จะคุยกับผู้เป็พี่ได้อย่างไรดี
“...” ใบหน้าสวยพยักลงช้าๆ
“หล่อมั้ย แต่ทีนโม้กับน้าไว้ว่าหล่อมากจนต้องยกนิ้วโป้งให้สองนิ้ว” คนอายุมากกว่าพูดไปยิ้มไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูตึงเครียด พร้อมกับทำท่ายกนิ้วโป้งขึ้นมาทั้งสองข้างจริงๆโดยมีทัพเสริมเป็ทีนที่ยกนิ้วตาม
“น้าเล็ก” ก่อนรอยยิ้มจะค่อยๆหุบลงเมื่อถูกเอ่ยเรียกชื่อออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังของหลานชายคนโต แทนไม่ได้พูดอะไรต่อเขาแค่มองหน้าของอีกคนนิ่งๆเท่านั้น
“กลัวตารับไม่ได้หรอ”
“...” ใช่ นี่คือสิ่งที่แทนหวาดกลัวมาตลอด กลัวว่าจะต้องถูกคนที่รักเกลียดเพราะความรักที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
“ตอนนั้นน้าก็กลัว แล้วก็รู้ว่าผลมันจะออกมาเป็อย่างไง แต่น้าก็เลือกที่จะเคารพความสุขของตัวเอง”
น้าเล็กเป็อัลฟ่าเป็ลูกคนเล็กของตาที่ท่านประคบประหงมด้วยความรักและเอ็นดูมากที่สุดจนคนในครอบครัวเองยังมองออกเพราะท่านมักจะลำเอียงให้ลูกชายสุดที่รักเสมอ ท่านคาดหวังให้น้าเล็กแต่งงานกับโอเมก้าคนหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งน้าเล็กก็เดินเข้ามาที่บ้านพร้อมกับอัลฟ่าร่างสูงทุกคนเข้าใจว่าทั้งสองคนเป็เพื่อนกัน แต่น้าเล็กบอกว่าไม่ใช่แล้วก็แนะนำว่าผู้ชายคนนั้นคือคนรักของน้า
ตาโกรธมากตบหน้าของน้าเล็กต่อหน้าทุกคน ด่าทอต่อว่า แทนยังจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้เป็อย่างดี คนที่เราเคยเห็นเขาใจดียิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาโกรธกลับน่ากลัวแบบที่เขาเองก็ยังจินตนาการไม่ถึง ราวกับว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่ตาที่เขาเคยรู้จัก ไม่ว่าใครจะห้ามอย่างไรตาก็ไม่ฟังชี้นิ้วด่าทอลูกชายคนโปรดทั้งน้ำตา ท่านบอกว่าอัลฟ่ากับอัลฟ่าคบกันไปสุดท้ายก็ต้องเลิกกันความรักแบบนี้มันไม่ยั่งยืนหรอก พอใครคนหนึ่งพบคู่โชคชะตาของตนสุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไปอยู่ดี สักวันน้าเล็กก็ต้องเสียใจเพราะอัลฟ่าน่ะถูกโชคชะตาลิขิตไว้แล้วว่าให้คู่กับโอเมก้า แต่น้าเล็กก็ไม่สนใจเลือกที่จะคบกับคนคนนั้นต่อไปเพื่อพิสูจน์ให้ตาเห็นว่าสิ่งที่ตาคิดมันไม่ได้ถูกต้องเสมอไป
แต่แล้วมันก็เป็เช่นนั้นเป็เหมือนดั่งที่ตาของเขาพูดไว้ไม่มีผิดผู้ชายคนนั้นได้พบกับคู่แห่งโชคชะตาของตน แล้วก็ทิ้งน้าของเขาไปแต่งงานสร้างครอบครัวกับโอเมก้าคนนั้น น้าเล็กเสียใจมากร้องไห้อยู่หลายวัน ร่างกายผอมซูบดูโทรมลงจนญาติพี่น้องต่างพากันเป็ห่วงกลัวว่าน้าเล็กจะคิดสั้น แต่น้าของเขาเข้มแข็งกว่านั้นน้าเล็กก็แค่้าเวลาพอเสียใจอย่างเต็มที่แล้วน้าของเขาก็ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตใหม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ติดมากับชีวิตใหม่ของน้าเขาด้วยนั่นก็คือคำนินทา คำกระแนะกระแหนทั้งจากคนอื่นและคนในครอบครัว
“จนถึงวันนี้น้าก็ยังไม่เสียใจที่เลือกแบบนั้น และถ้าย้อนเวลากลับไปได้น้าก็ยังเลือกที่จะรักเขาเหมือนเดิม”
“น้ายังรักเขาอยู่หรอ”
“ไม่แล้วแค่เคยรักก็เท่านั้น” คนอายุมากกว่าวางฝ่ามือลงบนเส้นผมนุ่มของหลานชาย “น้ารู้ว่าแทนกลัว กลัวว่าคนในครอบครัวจะมองแทนอย่างไงไหนจะคนอื่นอีก แต่กลัวที่สุดคงจะกลัวว่าตัวเองจะมีจุดจบของความรักแบบน้า”
“...”
“แต่คนเราไม่เหมือนกันอย่างไง ความรักของแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันแบบนั้นแหละ”
“...”
“บางครั้งความรักมันก็ไม่ได้ตอบแทนเราด้วยความสุขเสมอไป” เหมือนอย่างน้าเล็กที่ถูกความรักทำร้ายจนต้องเสียใจ ทุกอย่างพังลงอย่างไม่เป็ท่าเพราะโชคชะตาที่แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็คนขีดมันไว้ให้
“...”
“แทนเก็บความรักที่เ็ปของน้าไว้เป็บทเรียนได้ แต่อย่าเอามันมาตั้งเป็กำแพงจนทำให้แทนเองต้องวิ่งหนีความสุขของตัวเอง”
“แล้วตาล่ะครับ”
“ตาเขามีความคิดแบบนั้นฝังอยู่ในหัวมาตั้งกี่ปี เราจะให้เขาปรับตัวมายอมรับสิ่งที่เราเป็เพียงแค่เราเดินเข้าไปบอกภายในเวลาไม่กี่วินาทีไม่ได้หรอกนะ” แต่ตัวเขาเองก็คิดว่าพ่อของเขาเริ่มอ่อนเื่พวกนี้ลงบ้างแล้วั้แ่เจอเื่ของเขาไป “เรา้าเวลา ท่านเองก็้าเวลาเปิดใจยอมรับเช่นกัน”
“ครับ” แทนตอบรับก่อนจะใช้แขนยาวโอบกอดรอบเอวของผู้เป็น้าเอาไว้ ใบหน้าขาวเอียงซบลงบนแผ่นอกของคนโตกว่าเหมือน้าที่พักพิง “น้าเล็กคิดยังไงกับเื่ที่อัลฟ่าต้องคู่ควรกับโอเมก้าเท่านั้นหรอครับ”
“ไร้สาระ ใครจะรักกับใครก็ได้ทั้งนั้น ชายหญิง ชายชาย หญิงหญิง อัลฟ่าโอเมก้า อัลฟ่าอัลฟ่า อัลฟ่าเบต้า และอีกเยอะแยะมากมาย มันไม่สำคัญเลยว่าเรารักเพศไหนมันสำคัญที่เรารักเขาหรือเปล่าแล้วเขารักเรามั้ย ถ้าเรารักกันใครจะมาวิพากย์วิจารณ์อย่างไงก็ปล่อยเขาพูดไปเถอะ อย่าให้ค่ากับคำพูดของคนที่ไม่ได้หวังดีกับเราเลย”
“...”
“น้าน่ะอยากให้แทนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะ แล้วน้าก็เชื่อว่าแม่กับป๊าของแทนก็อยากเห็นแบบนั้นเหมือนกัน”
“...”
“เพราะฉะนั้นทำในสิ่งที่แทนทำแล้วจะไม่เสียดายทีหลังเถอะ อยากรักใครก็รักไปเลย”
“ถ้าสุดท้ายแล้วแทนเสียใจล่ะ”
“ก็ยอมรับมันแล้วเดินหน้าต่อไป บนโลกใบนี้มีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยผิดพลาดไม่เคยเสียใจ ไม่มีหรอก เราก็แค่ต้องจัดการกับความเสียใจนั้นให้ได้” ร่างบางของอัลฟ่ากลิ่นฝนถูกดันให้กลับไปนั่งหลังตรงอีกครั้ง “หลานน้าที่ดื้อๆหายไปแล้วทำไมโตเป็ผู้ใหญ่แล้วกลายเป็คนขี้กลัวไปได้”
“คงเพราะเคยเสียใจมาแล้วครั้งหนึ่งมั้งครับ คราวนี้ก็เลยไม่อยากเจ็บอีก”
“อ๋อ กับโอเมก้าคนนั้นน่ะหรอ” แทนพยักหน้ารับคำของผู้เป็น้าช้าๆ
“ที่เสียใจน่ะเพราะเขาไม่รักหรือเพราะหลอกตัวเองว่ารักเขาไม่สำเร็จ”
“ทำไมแทนต้องหลอกตัวเองด้วย” ร่างบางเถียงกลับทำเอาคนตรงหน้ายิ้มขำด้วยความเอ็นดู เขาน่ะเลี้ยงแทนมาั้แ่เด็กโตมาเ้าหลานชายคนนี้ก็สนิทกับเขามากกว่าแม่ของตัวเองเสียอีก ทำไมเื่แค่นี้เขาจะดูไม่ออกกัน
“ในนี้มันมีคนอื่นอยู่ไม่ใช่โอเมก้าคนนั้นมาั้แ่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง” ฟันขาวขบลงที่ริมฝีปากล่างทันทีเมื่อถูกคนอายุมากกว่ารู้ทัน “รักแรกคนนั้นน่ะ”
“พอเลยนะน้าเล็ก” แทนเริ่มส่ายหน้าไปมาเหมือนไม่อยากฟังในสิ่งที่อีกคนกำลังพูด ใบหน้าสวยยับยู่ด้วยความไม่พอใจที่ถูกพูดแทงใจเข้า
“ยิ่งเจอคนใหม่ที่ไม่ใช่ คนเก่าในใจจะยิ่งชัดเจนขึ้นมาอีกนะรู้มั้ย”
รู้สิ รู้ดีเลยแหละ ทุกวันนี้ก็ยังลบออกไปไม่ได้มีแต่จะยิ่งชัดขึ้นชัดขึ้นในทุกวัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็เพราะเื่ของน้าเล็กกับตาในอดีตจึงทำให้แทนพยายามปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกจริงๆที่ตัวเองรู้สึกมาตลอด เขาหวาดกลัวสายตาและคำด่าทอของผู้เป็ตาที่เคยพูดกับน้า และไม่ชอบสายตาผิดหวังที่น้าเขาได้รับ แต่ในวันนี้เขาอยากจะเรียนรู้ที่จะก้าวออกมาจากความกลัวนั้น อยากจะพยายามเพื่อที่จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีความสุขของตัวเอง
หวังว่านายจะมีความกล้ามากพอที่จะทำเพื่อความสุขของตัวนายเองได้นะ แทน ปรรณกร อิสระโสภณ
“อิทิมมี่วันนี้รัดสาดจะมานั่งกินข้าวกับพวกเรามั้ยคะ” ่นี้ทิมมี่เขาพัฒนาแล้วมีการไลน์คุยส่วนตัวกับโอเมก้าตัวเล็กด้วยเหมือนความสัมพันธ์จะไปได้สวยด้วยแบบโดนด่าเป็หลักแต่ก็ได้คำตอบรับทุกครั้งที่ถาม ตอบทุกครั้งที่ทักรับทุกครั้งที่โทร
“เห็นว่าจะมานะ แต่จบประโยคด้วยเบื่อหน้ามึงเลยไม่รู้ว่าจะมาจริงมั้ย”
“มึงกับจีนนี่ก็รักกับแบบแสบๆคันๆดีนะ”
“ถามจริงนะหน้าหล่อๆแบบกูใครจะเบื่อลงวะ” อัลฟ่าหนุ่มทำหน้าคิดหนักพลางยกมือขึ้นมาลูบที่คางของตัวเอง
“กูนี่แหละค่ะ ขอะโเข้าทีมน้องจีนแบบไม่ชายตามองทีมมึงเลยนะคะ” เจสซี่สวนขึ้นมาในทันทีแบบไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“เห็นแก่ที่เราเคยเป็ผัวเมียกันหน่อยไม่ได้หรอ”
“เมื่อก่อนเอาแต่บอกใครผัวมัน ตอนนี้มึงจะมาเรียกร้องอะไรวะ” ปกติสกาวฟ้าเห็นทิมมี่เอาแต่ปฏิเสธเวลามีคนแซวว่ามันเป็ผัวอิเจสซี่แต่ตอนนี้ล่ะอยากจะเป็ผัวเก่าคนนี้นั้นขึ้นมาเชียว
“แทน” ร่างบางหันไปมองบาสที่ใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่ท้องของเขาก่อนจะมองตามสายตาของเพื่อนสนิทไปแล้วก็พบว่าเป็เรนนั่นเองที่กำลังเดินมาทางพวกเขา
“ไม่ไปเกิดสักที” ขิมพึมพำออกมา
“จริง” และมีสาวห้าวแบบสกาวฟ้าเป็คนเสริม
“ทำไม่นี้เขาถึงกลับเข้ามาหามึงอีกแล้ววะ” บาสอดทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จึงหันไปถามกับแทนตรงๆ
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” แทนกระซิบกลับไป
“แล้วมึงจะกลับไปมั้ย”
“กลับไปก็เป็ควายแล้วนะ”
“ของตายต่างหาก”
“แทน” วงสนทนาแตกลงทันทีเมื่อเสียงเล็กๆของโอเมก้าดังขึ้น ทุกคนต่างก้มหน้าสนใจโทรศัพท์ในมือของตัวเองไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมาทักทายผู้มาใหม่สักคนยกเว้นคนที่ถูกเรียกชื่อโดยตรง
“เรนมีอะไรหรือเปล่า” อัลฟ่าหนุ่มรีบเอ่ยเข้าประเด็น
“เดี๋ยวนี้ถ้าไม่มีอะไรก็มาหาแทนไม่ได้แล้วหรอ”
“มันก็ควรจะเป็แบบนั้นนะ” เสียงของทิมมี่ที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากเรนให้หันไปมอง เมื่อประโยคที่อีกฝ่ายพูดโพล่งขึ้นมานั้นเหมือนจะเป็คำตอบสำหรับคำถามของเขา
“มึงก็พูดตรงไปทิมมี่ แต่กูก็เห็นด้วยนะ” เจสซี่ตีที่แขนของทิมมี่เบาๆเหมือนจะต่อว่าแต่สุดท้ายก็ร่วมทีมกับเพื่อนรักด้วย
“เมื่อวานเราไปเดินเล่นที่เยาวราชมาแล้วจำได้ว่าแทนชอบกินเกาลัดร้านนี้เราเลยซื้อมาฝาก” มือเรียวยื่นไปรับถุงเกาลัดมาวางไว้บนโต๊ะ
“ขอบคุณนะ ความจริงเรนไม่ต้องลำบากก็ได้”
“ไม่ลำบากเลย แต่ว่าเราขอคุยกับแทนหน่อยได้มั้ย” เมื่อถูกเอ่ยขอแบบนั้นโดยปกติแล้วร่างบางจะรีบตอบว่าได้ออกไปแบบไม่คิดมากอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้อัลฟ่าหนุ่มกลับเอาแต่เงียบ “นะแทน”
“ได้สิ เดี๋ยวกูมานะ” ในจังหวะที่แทนกำลังลุกขึ้นทิมมี่มีท่าทีเหมือน้าจะรั้งเพื่อนไม่ให้ไป แต่ก็ถูกเจสซี่ห้ามเอาไว้ หลังจากที่แทนกับเรนเดินออกไปได้ไม่ไกลบาสกับเจสซี่ก็สบตากันเหมือนรู้ใจด้วยสายตาเ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน ใบหน้าสวยของเจสพยักลงช้าๆคล้ายส่งสัญญาณบางอย่าง บาสจึงยกมือขึ้นมาทำท่าโอเคแล้วรีบลุกออกเดินตามสองคนนั้นไปทันที
“เรนมีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลยนะ”
“ทำไมเดี๋ยวนี้แทนถึงดูเ็ากับเราจังล่ะ ไม่เหมือนแทนคนเดิมที่เรารู้จักเลย” ร่างเล็กเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าแววตาที่ผิดหวังปนเศร้าใจ
“มันจะเหมือนเดิมได้อย่างไงล่ะเรน” ทำร้ายกันไปตั้งขนาดนั้นยังจะเอาอะไรมาเหมือนเดิมได้อีก
“เราขอโทษ แทนให้โอกาสเราอีกครั้งได้มั้ย”
“ให้แล้วมันจบลงแบบเดิมน่ะหรอ”
“ไม่สิ” ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธดวงตากลมทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมา
“ที่จริงจะพูดว่าจบก็ไม่ได้เพราะมันยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำใช่ป่ะ” อัลฟ่าหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาเมื่อเอ่ยจบ ที่เขาหัวเราะก็เพราะสมเพชตัวเอง
“เราขอโทษ” โอเมก้าตัวเล็กก้มหน้าลงมองปลายเท้าของตัวเองพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงบนพื้นหนึ่งหยด “แต่เราอยากเริ่มต้นใหม่กับแทนจริงๆนะ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครที่รักเราจริง”
“เรนจะบอกว่าปลื้มมันไม่รักเรนหรือไง” แต่จากที่เขาเคยได้ยินปลื้มพูดมาเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ
“ถ้าใช่เราจะพูดแบบนี้หรอ”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้น ร่างบางรู้สึกว่าในตอนนี้ไม่ปลื้มก็เรนใครสักคนกำลังโกหกเขาอยู่
“ถ้ามันไม่รักเรนวันนั้นมันจะเดินมาต่อยเราเพราะหึงเรนทำไม” ร่างบางถามขึ้นเพื่อยั่งเชิง
“ปลื้มก็แค่หวงก้างเท่านั้นเอง” ตลกดีนะในขณะที่ปลื้มพยายามปกป้องเรนพูดถึงคนตรงหน้าเขาในแง่ที่ดีแต่คนตัวเล็กคนนี้กลับพูดถึงอีกคนในเชิงที่เป็ลบเสียอย่างนั้น
“แต่เรนเคยบอกเราว่าปลื้มมันรักเรนมากไม่ใช่หรอ” แทนยังคงถามจี้ต่อไป
“มันก็แค่่แรกๆ หลังๆมาเราทะเลาะกับปลื้มบ่อยจะตาย เรากับปลื้มถึงได้เลิกกันไง” โอเมก้าค่อยๆเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองหน้าของคนที่ตัวสูงกว่า “ถ้าการคบกับปลื้มมันมีความสุขเราคงไม่เลิกกับเขาหรอก”
“...”
“มันไม่ใช่แค่เื่นี้นะมันยังมีเื่ที่บ้านปลื้มอีก” มือขาวยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้งอย่างลวกๆ “บ้านปลื้มมีหน้ามีตาในสังคมจะตาย ถึงแม่ปลื้มจะรักและเอ็นดูเราแต่คนรอบตัวเขาต่างก็คาดหวังให้เขาได้จับคู่กับโอเมก้าที่ฐานะเท่าเทียมกันสักคนอยู่ดี”
“...”
“อัลฟ่าที่สูงศักดิ์ก็ต้องคู่กับโอเมก้าที่สูงศักดิ์เช่นกัน ซึ่งเราเป็โอเมก้าแบบนั้นให้ปลื้มไม่ได้ ฮึก” เอ่ยจบคนตัวเล็กก็ร้องไห้ออกมาจนตัวโยน แทนจึงดึงร่างของคนตรงหน้าเข้ามากอดปลอบด้วยความสงสาร ฝ่ามือเรียวลูบลงบนแผ่นหลังแคบที่สั่นไหวเพื่อปลอบประโลม “เราขอโทษนะที่เราไม่เลือกแทนั้แ่ตอนนั้น”
“...”
“แทนให้โอกาสเราใหม่ได้มั้ย”
“...”
“เราอยากมีแทนจริงๆนะ”
แทนเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะเขาคิดว่าการเงียบก็คือคำตอบเช่นกัน