“อเล็กซานเดอร์....”
น้ำตาไหลอาบแก้มนวล ร่างบางวิ่งมาถึงบนกำแพงได้เห็นฉากที่อเล็กซานเดอร์ะโลงไปแต่ไกลๆ
สายตาสุดท้ายที่อเล็กซานเดอร์มองมาที่ตน ดวงตาที่เป็ประกายสุกสกาวเหมือนดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ก่อนที่เขาจะสวมหมวกเกราะเหล็กนั่น มันได้ประทับในหัวใจของนางอย่างลึกล้ำทันที ภาพแผ่นหลังที่หันหลังจากไปคงทำให้นางยากที่จะลืมเลือนมันไปได้ในชั่วชีวิตของนาง
“อเล็กซานเดอร์...ท่านต้องกลับมานะ...ท่านได้กลายเป็าาผู้กล้าหาญ เป็ความภาคภูมิใจของเมืองแซมบอร์ด กลายเป็...ตำนานของแผ่นดินอาเซรอท...ข้าจะรอท่าน!”
แองเจล่าเกาะผนังกำแพงป้อมอย่างขวัญเสีย
นางมองตามแผ่นร่างของเขาที่โรยตัวลงจากกำแพงอย่างไม่ละสายตา อเล็กซานเดอร์เดินเข้าไปรวมกับเหล่านักรบที่รออยู่ก่อน ตัดสินใจจัดกระบวนทัพอย่างแน่วแน่เพื่อที่จะเข้าโจมตีข้าศึกที่ปักหลักอยู่บนสะพานเหมือนงูดำ
“ท่านต้องมีชีวิตกลับมานะเ้าคะ!”
……
……
ชายฝั่งตอนใต้ของเมืองแซมบอร์ด
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้สีเหลืองให้ม้วนขึ้นในกลางอากาศ ปลิวไสวอย่างเอื่อยเฉื่อย กระรอกน้อยยืดตัวตรงหันมองรอบๆ อย่างระมัดระวัง หลังจากที่วางใจแล้ว อุ้งเท้าหน้าก็หยิบลูกวอลนัทมาแทะอย่างมีความสุข ในท้องฟ้าอันไกลโพ้นมีนกที่กำลังบินไปมากลางอากาศอย่างเป็อิสระ
นี่เป็ภาพธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วงที่แสนสวยงามและเงียบสงบ ใครได้มองคงรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศสุขสงบนี้
แต่ทันใดนั้น
กุบกับ กุบกับ กุบกับ!
ทันใดนั้น เสียงกีบม้าที่ห่อตะบึงดังขึ้นมา แผ่นดินสั่นะเืทั้งรังสีฆ่าฟังที่แผ่กระจาย ใบไม้ที่ลอยกลางอากาศอย่างเอื่อยๆ ก็พลันยุ่งเหยิงลอยสะเปะสะปะ กระรอกน้อยก็ใกลัวโยนลูกวอลนัทที่แทะอยู่ทิ้งไป แล้วรีบปีนขึ้นไปบนยอด นกก็รีบบินหนีอย่างตื่นตูม
เสียงร้องม้าศึกดังขึ้นขึ้นมาอย่างแสบแก้วหู
เสียงม้าค่อยๆ เงียบลง ชายหน้ากากเงินที่นำทหารอัศวินเกราะดำที่เป็เหมือนองค์รักษ์ของตนมาพักอยู่ที่ริมแม่น้ำจูลี่
ชายหน้ากากเงินเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะหยิบกล้องส่องทางไกลดวงตาอินทรีออกมาจากตัว ส่องดูสถานการณ์ของข้าศึกบนกำแพงเมืองแซมบอร์ด กล้องส่องทางไกลนี้เป็อุปกรณ์เวทมนตร์ที่ทำออกมาอย่างประณีตมาก บนเลนส์คริสตัลบางๆ ทั้งสองข้างมีนักเวทลงคาถาดวงตาอินทรีไว้ สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนในระยะพันเมตร เห็นแม้กระทั่งหนวดของมด
เมื่อส่องผ่านกล้องส่องทางไกลดวงตาอินทรีก็เห็นภาพของสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวและเหนื่อยล้าของเหล่าทหารบนกำแพง สภาพการป้องกันหย่อนยาน ทหารบางส่วนถอดเกราะออกพักผ่อนด้วยท่าทางหละหลวม การป้องกันที่ไร้ระเบียบแบบนี้...อยู่ในการคาดการณ์ของเขาทั้งหมด ครึ่งหน้าใต้หน้ากากเงินเผยรอยยิ้ม
“ส่งคำสั่งการของข้าลงไป ให้ทหารทั้งหมดเตรียมเข้า...”
พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าชายหน้ากากเงินก็พลันเปลี่ยนไป คำว่า ‘โจมตี’ สองคำที่เหลือยังไม่ทันพูดออกมาก็หยุดลงกะทันหัน ภาพในกล้องส่องทางไกลดวงตาอินทรีเผยให้เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดเกราะทั้งร่างนับยี่สิบกว่าคนกำลังไต่เชือกลงจากกำแพง
“นี่...” ชายหน้ากากเงินชะงัก
แต่ภาพที่เห็นต่อมาคือภาพที่เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นที่สวมชุดเกราะป้องกันอย่างหนาแน่น เมื่อลงจากกำแพงมาก็รีบมารวมตัวเพื่อจัดกระบวนทัพพร้อมจู่โจมตามแบบมาตรฐาน ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแผนการของอีกฝ่ายทันที หลังจากที่ตะลึงงันเพียงสั้นๆ ก็เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูกและขำขัน มุมปากของเขาฉีกยิ้มกว้างทันที ชายหน้ากากเงินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างสมเพช “ฮ่าๆๆ าาเมืองแซมบอร์ด ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเ้าสูงไป ความจริงแล้วเ้ามันโง่ของแท้เลย แม้ว่าความคิดนี้จะไม่เลวเท่าไรแต่เ้าคิดว่าคนแค่ยี่สิบกว่าคนจะสู้กองทัพข้าได้จริงๆ หรือ?”
“ฮึๆๆ ในเมื่อเป็แบบนี้ ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มต้นด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนแล้วค่อยโจมตีเมืองอย่างเป็ทางการอีกทีแล้วกัน” น้ำเสียงเ็าของชายหน้ากากเงิน เขาเอาแส้มาโบกไปมาแล้วพูดว่า “รับคำสั่ง ‘หมายเลขสอง’ ‘หมายเลขสาม’ เปลี่ยนขบวนพลโล่เป็แนวป้องกัน ปล่อยให้พวกหมูโง่ที่ไม่รู้จักที่ตายพวกนั้นเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ตัดหัวพวกมันมาให้ข้าในสิบลมหายใจ”
มอ!
ทันใดนั้นแตรทหารก็ดังก้องกังวานขึ้นมา บรรยากาศตึงเครียดพลันปกคลุมทั่วพื้นดิน ในที่สุดก็เริ่มการโจมตีแล้ว
เสียงแตรคำสั่งดังขึ้น กองทัพเกราะดำราวกับเครื่องจักรทื่มีความแม่นยำ พวกมันเริ่มเปลี่ยนรูปขบวนทันที
ตึง ตึง ตึง ตึง!
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างเป็ระเบียบจนน่าทึ่ง ขบวนทัพก็เปลี่ยนรูปแบบทันที ระยะห่างระหว่างพลโล่และเมืองแซมบอร์ดใกล้กันมาก พวกเขาเริ่มเคลื่อนที่ช้าๆ เว้นตรงกลางเล็กน้อยและเลื่อนไปข้างหน้าทั้งสองด้านกลายเป็กระบวนทัพรูปตัวอักษร เว้า (凹)
ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!
เสียงโลหะกระทบกันในขบวนทัพดังขึ้น โล่สีดำสูงประมาณสามเมตร มีหอกัที่ยาวประมาณห้าเมตรยืดออกมา ตัวหอกทำจากเหล็กบริสุทธิ์ แสงอาทิตย์กระทบกับตัวหอกจนเกิดแสงสะท้อน ดงหอกันี้เหมือนกับรอยยิ้มของมัจจุราช ปลายหอกชี้ไปด้านหน้า พลโล่เกราะดำทุกคนต่างรู้หน้าที่ พวกเขาเดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ชั่วพริบตากองทัพทั้งหมดก็เหมือนกับเม่นเหล็กขนาดใหญ่ไร้ช่องว่าง แม้แต่คนั์ก็อาจจะถูกเสียบเป็เนื้อเคบับ
ตรงกันข้ามกับเหล่านักรบชุดเกราะทั้งยี่สิบกว่าคนต่างพุ่งเข้ามาอย่างห้าวหาญไม่กลัวตาย
นี่เป็การรบที่ไม่สมกันเลยแม้แต่น้อย
มองลงมาจากท้องฟ้า มันเหมือนกับมดไม่กี่สิบตัวที่กำลังยั่วยุช้างอย่างไม่เจียมตัว เพียงช้างยกเท้าเหยียบก็สามารถจะเหยียบฝูงมดให้เละเป็โจ๊กได้สบายๆ
แสงสะท้อนหอกัเป็ประกายทำให้ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าดูเย็นเหยียบขึ้นมา
ไม่มีใครสงสัยเลยว่าด้วยปลายหอกแหลมคมเหล่านี้มันสามารถแทงทะลุชุดเกราะใดๆ ก็ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหล็กที่หนาถึงสามสี่นิ้วของปลายหอกที่แหลมคมของหอกัเหล่านี้ หากเผชิญหน้ากับหอกพวกนี้คงถูกแทงทะลุอย่างง่ายดายราวกับฉีกกระดาษบางๆ
แต่ ‘เหล่ามด’ ที่พุ่งเข้ามาด้วยกระบวนทัพในรูปกรวยแบบตัวอักษร V อย่างรวดเร็ว พวกเขาก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ และเริ่มเพิ่มความเร็วในการพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับจะใช้เืเนื้อของตัวเองทำลายดงหอกัพวกนั้น
ในสนามรบไม่มีใครส่งเสียงใดๆ ออกมา
อากาศก็พลันหยุดนิ่ง
ราวกับว่าทุกคนสามารถได้ยินเสียงจังหวะเต้นของหัวใจตัวเองได้
บนกำแพงเมือง เหล่าทหารทุกคนอดไม่ได้ที่จะแนบร่างชิดกับกำแพงป้อม พยายามที่จะเอนร่างออกไปนอกกำแพงเพื่อให้ตัวเองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้านล่างนั่นอย่างชัดเจน ในดวงตากลมโตของแองเจล่าเต็มไปด้วยความกังวล ส่วนสาวน้อยผมทองเจ็มม่าก็กอดอกตัวเองและกลั้นลมหายใจไปด้วย
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจูลี่ ชายหน้ากากเงินหยิบกล้องส่องทางไกลดวงตาอินทรีออกมา มุมปากแสยะยิ้มยามที่จ้องมองพวกหมูโง่กลุ่มนั้นที่ไม่เจียมตัวเอง
เป็แค่สุนัขยังกล้ามาท้าทายัหรือ?
ด้านหลังของชายหน้ากากเงิน ใบหน้าของเหล่าอัศวินเกราะดำทั้งสิบต่างเผยสีหน้าโหดร้ายและตื่นเต้น ราวกับฝูงหมาป่าได้เห็นเหยื่อในตอนกลางคืน พวกเขาเลียริมฝีปากและพากันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม
สะพานหิน
ระยะห่างระหว่าง ‘มด’ และ ‘เม่นเหล็ก’ เริ่มลดลงเรื่อยๆ
ยี่สิบเมตร…
สิบหกเมตร….
สิบสามเมตร...
สิบเมตร...
ชายหน้ากากเงินยกตัวขึ้นสูงจากที่นั่งม้าเล็กน้อย มุมปากเขายิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น เหมือนได้เห็นเสียงกรีดร้องและเืของอีกฝ่ายกำลังสาดกระเซ็น
ในสายตาของเขา ตอนจบมันก็ต้องเป็แบบนี้ แค่พลโล่ที่อยู่ในรูปขบวนทัพตัว เว้า (凹) โอบล้อมปิดทางพวกมันเหมือนห่อเกี้ยวที่นำศัตรูไว้ตรงกลางแป้ง จากนั้นหอกัก็จะแทงพวกมันไม่กี่ครั้ง ก็สามารถเสียบหมูโง่ให้กลายเป็เนื้อเคบับบนหอกของตัวเอง
เขาไม่กังวลเลยสักนิดว่ามดพวกนั้นจะสามารถทำขบวนโล่ให้เกิดความวุ่นวายได้
ด้านในและนอกของโล่ขนาดใหญ่กว่าสามเมตร หุ้มด้วยเหล็กสีดำถึงสามชั้น และน้ำหนักของทุกโล่ก็มากกว่าร้อยจินขึ้นไป ด้านหลังของโล่ก็มีทหารชั้นยอดและยังเสริมด้วยหอก ขบวนทัพป้องกันแบบนี้ แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทหารม้าเกราะหนักก็ยังสามารถต้านทานได้มากกว่าสิบนาที
อารมณ์ขบขำในดวงตาของชายหน้ากากเงินเผยออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แต่วินาทีต่อมา ชายหน้ากากเงินก็ต้องตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมาจากฟากฟ้า ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
เสียงสูดลมหายใจของอัศวินเกราะดำดังขึ้นอยู่ด้านหลังเขา
ม้าศึกของพวกเขาแม้ว่าจะได้รับาเ็ในสนามรบก็ยังคงก้าวย่างได้อย่างเป็ระเบียบ จู่ๆ ก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา พวกมันร้องเสียงต่ำๆ ไม่หยุดและพากันถอยหลัง...
เพียงเพราะเมื่อสองสามวินาทีก่อน มีเสียงะโดังขึ้นประหนึ่งเสียงฟ้าผ่า ลอยมาจากไกลๆ ตรงปลายสะพาน
“โอ้พระเ้า!”
จากนั้น ก็เห็นเหล่าชายฉกรรจ์ที่จัดขบวนรบเป็รูปกรวยที่พวกเขามองเหมือนเป็‘มด’ ก็พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ในตำแหน่ง ‘ปลายกรวย’ ที่วิ่งอยู่หน้าสุด เมื่อะโออกมาแล้วก็โยนขวานั์ในมือออกไปทันที
หวือ หวือ หวือ!
ขวานั์ก็กลายเป็เงาสีดำหมุนควง เสียงร้องโหยหวยแหลมๆ ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ แม้กระทั่งทำลายช่องว่างจนผืนฟ้าและผืนดินต้องสั่นะเื
ตูม!
เสียงร้องโหยดังขึ้น ฝนเืสาดกระเซ็น
ขวานั์เหมือนสายฟ้าสีดำฟาดลงบนโล่เหล็กที่สูงสามเมตร
ประหนึ่งมีดแหลมคมกำลังหั่นสเต๊กเป็ชิ้นบางๆ อย่างง่ายดาย ทั้งเหมือนแขนเทพปีศาจที่ยื่นลงมาจากฟ้าเพื่อฉีกกระดาษบางๆ เป็ชิ้นๆ โล่ที่สามารถต้านทานการโจมตีของอัศวินเกราะหนักได้อย่างสบายๆ ถูกขวานฟาดเสียงดังสนั่นเหล็กก็พลันบิดเบี้ยวไปทันที หลังจากนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง พลังที่น่าหวาดกลัวก็โจมตีอีกครั้งอย่างรุนแรง โล่เหล็กที่สูงกว่าสามเมตรนับสิบอันก็ปลิวออกไปเหมือนใบไม้แล้วร่วงหล่นลงมา...
ไม่สามารถต้านทานได้!
อย่างไรก็ต้านทานไม่ได้!
ความรู้สึกที่ขวานั์มอบให้เหมือนมันไม่ใช่ขวาน แต่เป็การลงทัณฑ์ด้วยความโกรธเกรี้ยวของพระเ้า การเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าและพลังที่น่ากลัว ไม่แน่ว่าพลังนั่นอาจจะเคลื่อนย้ายูเาถังกูล่าที่ใหญ่ที่สุดของแผ่นดินอาเซรอทได้ หรือไม่ก็อาจจะทำลายูเานั่นได้ด้วยซ้ำ
หลังเสียงตูมผ่านไป พลโล่ที่เหมือนกำแพงเหล็กกล้าก็ถูกขวานั์ฟาดจนเปิดช่องว่างมากกว่าหนึ่งเมตร รอยเืที่น่าใและแขนขาที่ปลิวว่อนอยู่บนท้องฟ้าเพราะถูกพลังมหาศาลทำให้ปลิวขึ้นไป ภาพทั้งหมดทำให้ขบวนทัพที่เป็ระเบียบวุ่นวายขึ้นมา
ทหารเกราะดำที่อยู่ด้านหลังโล่ต่างไม่เคยคิดฝันว่าบนโลกนี้จะมีคนที่สามารถทำลายรูปแบบการป้องกันที่เหมือนกำแพงเหล็กของพวกเขาได้ ความเป็จริงที่โหดร้ายทำให้พวกเขาขลาดเขลา แม้กระทั่งลืมระเบียบวินัยทหารและสัญชาตญาณตอบโต้ที่ทหารคนหนึ่งควรจะมี ปล่อยให้ศัตรูเดินผ่านช่องว่างที่เต็มไปด้วยเืเข้ามา
วินาทีก่อนหน้านี้ ในใจของพวกเขายังดูถูกและหัวเราะเยาะหมูโง่ไม่รู้จักที่ตายทั้งยี่สิบคนที่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา แต่มาตอนนี้ เพียงพริบตาเดียว หมูโง่ทั้งยี่สิบกว่าตัวก็แสยะยิ้มเหี้ยมทำลายหน้ากากที่อ่อนแอทิ้งกลายเป็ปีศาจที่กำลังย่างเข้ามาในกองทัพ อาวุธในมือของพวกเขาเหมือนเคียวมัจจุราชที่ส่องประกายเย็นะเืออกมา พวกเขาดูเหมือนเป็ตัวแทนมัจจุราชบนโลกมนุษย์ ทุกที่ที่ก้าวผ่านเต็มไปด้วยเืและเสียงคร่ำครวญ ทหารเกราะดำแถวหน้าได้สูญเสียการคุ้มครองจากโล่เหล็กไปก็เหมือนฟางข้าวที่ล้มลงกองกับพื้นเพราะเคียวของชาวนา ไม่มีใครสามารถต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียว
การต่อสู้ระหว่างมดกับช้าง กลายเป็มดกำลังสังหารหมู่เหล่าช้างอยู่ฝ่ายเดียว
บทบาททั้งสองฝ่าย วินาทีนี้จู่ๆ ก็พลันสลับกันอย่างไม่น่าเชื่อ
-------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้