เฉินเฟิงเดาได้ว่า ผู้เฒ่าหวังและผู้เฒ่าถางคงเข้าใจว่าความทรงจำจากอนาคตของเขาเป็ความสามารถที่ได้มาจากการดูฮวงจุ้ย
ดังนั้นเขาจึงเล่นไปตามน้ำ ประกาศว่าตนเองเป็ซินแสผู้ทำนายดวงชะตาของผู้เฒ่าถางจากโหงวเฮ้ง และทำนายว่าเขาจะอยู่ได้ไม่เกินปี 2004
เมื่อผู้เฒ่าทั้งสองได้ยินจึงพยักหน้ารับ ราวกับเื่ทุกอย่างเป็เช่นนั้นจริงๆ
ดูเหมือนทั้งสองคนนี้จะเชื่ออยู่ในใจลึกๆ ว่าเฉินเฟิงเป็ปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ย
ไม่เช่นนั้นใครจะกล้าชี้หน้าเ้าสัวนายทุนระดับหลายพันล้านว่าจะมีชีวิตอยู่อีกแค่เก้าปี โดยเฉพาะเมื่อเ้าสัวคนที่ว่านั้นยังมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ดี?
แถมยังทำนายเกี่ยวกับผู้เฒ่าหวังซึ่งปัจจุบันติดหนี้ธนาคารอยู่หลายร้อยล้านว่าจะกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอนาคต
ไม่มีทางที่พวกเขาจะคิดไปถึงเื่การเดินทางข้ามเวลาหรือการกลับชาติมาเกิด หรือถึงจะคิดจริง ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเชื่อจริง
ดังนั้นข้อสรุปเดียวที่พวกเขาหาได้จากประสบการณ์ที่ต้องรับมือกับพวกซินแสพวกนี้ในวงการอสังหาริมทรัพย์คือ เฉินเฟิงเป็สุดยอดปรมาจารย์ซินแส
"อาจารย์เฉิน ั้แ่นี้ไปพวกเราเป็พ่อลูกบุญธรรมกันแล้ว นายต้องช่วยเฉียนต๋ากรุ๊ปของเรา ในเมื่อนายจะได้รับหุ้นของเฉียนต๋ากรุ๊ปถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในอนาคตแล้วด้วย" ผู้เฒ่าหวังส่งเสียงหัวเราะตามเฉินเฟิง ซึ่งต่างคนต่างก็หัวเราะ
"ไม่ต้องกังวลไป การทำให้คุณกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดไม่ใช่เื่ยาก ผมแค่อยากทำให้คุณรวยเร็วกว่าเวลากำหนดเพื่อให้ได้รับหุ้นมากขึ้น" เฉินเฟิงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
ไม่ว่ายังไง ตราบเท่าที่ประวัติศาสตร์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและดำเนินไปตามครรลองของมัน ผู้เฒ่าหวังจะกลายเป็ชายที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงภายในปี 2016 แน่
เขาอาจร่ำรวยยิ่งกว่าชายที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง และอาจกลายเป็ชาวเหยียนหวงที่รวยที่สุดด้วยซ้ำ
การกลับชาติมาเกิดของเฉินเฟิงมีแต่จะส่งผลด้านดีให้เฉียนต๋า ไม่มีผลกระทบด้านลบแม้แต่น้อย
"ฮ่าๆ งั้นฉันขอตัวไปงานเลี้ยงก่อนแล้วกัน เชิญพ่อลูกคุยกันต่อตามสบาย..." ผู้เฒ่าถางหัวเราะพร้อมพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกจากงานประมูลซึ่งตอนนี้เงียบลงแล้ว
"ฉันก็จะไปแล้วเหมือนกัน เ้าสัวคนอื่นกับเ้าหน้าที่จากฝ่ายบริหารเมืองน่าจะถึงสถานที่จัดงานใหม่กันแล้ว" ผู้เฒ่าหวังกล่าวคำอำลาให้เฉินเฟิงโดยไม่เชิญชวนเขาแต่อย่างใด
ยังไงก็เป็ตัวเฉินเฟิงเองที่ออกปากว่าไม่้าเข้าร่วมงานเลี้ยง รวมถึงไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเ้าหน้าที่จากฝ่ายบริหารเมือง หรือเ้าสัวคนอื่นๆ ด้วย
เพราะเฉินเฟิงได้สัญญาซื้อขายแกนหลักของตี้หวางมาโดยยังไม่ต้องจ่ายเงินในทันที
ด้วยเงินเก้าแสนหนึ่งหมื่นที่ยังอยู่กับตัว เขายังมองหาโอกาสทำเงินต่อไปได้อีก
การประมูลที่ดินมีขึ้นอยู่ทั่วเมืองโม๋ตู ไม่ได้มีแค่ในเจียงตงเท่านั้น!
เฉิงเฟิงวางแผนจะใช้เงินเกือบล้านในมือเพื่อหาโอกาสอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง
จะเป็การดีที่สุดหากเขาเริ่มต้นโดยไม่มีอะไรเลย และจบโดยได้อะไรสักอย่างติดมือกลับมา
ถึงแม้ว่าในตอนสุดท้ายเขาจะต้องจ่ายเก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวนให้เ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารเมืองก็ตาม
ถ้าสมมุติว่าเขาสามารถเลื่อนการชำระเงินออกไปได้สักสองสามวัน บางทีเขาอาจจะหาเงินเพิ่มได้อีกสักสี่สิบล้าน หรืออาจได้หุ้นมากขึ้น
ดังนั้นหลังจากผู้เฒ่าถางและผู้เฒ่าหวังจากไปทีละคน เฉินเฟิงจึงขึ้นมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งของเขา แล้วขับออกไปอย่างไร้จุดหมายบนถนนโม๋ตู
การจะหางานประมูลที่ดินไม่ใช่เื่ง่าย
เฉินเฟิงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง ถึงจะหางานประมูลสำหรับอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จพบ
หลังจากจอดมอเตอร์ไซค์ของเขา เฉินเฟิงตรวจสอบอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จภายใต้ไฟส่องสว่างสำหรับการก่อสร้าง
เขาพบว่ามีอาคารสองหลังที่มีกรอบล้อมไว้
แต่ตัวอาคารยังไม่ก่ออิฐหรือทำการต่อยอดอะไร แถมดูจะถูกทิ้งล้างไว้นานหลายปี
เมื่อค้นหาข้อมูล เขาจึงพบว่าอาคารแห่งนี้เป็ทรัพย์สินภายใต้ชื่อของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป
ทางด้านปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปไม่ได้มีสภาพที่ดีเท่าไหร่ อีกทั้งตัวอาคารสองหลังนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูง
เนื่องจากปัญหาเื่การเงินซึ่งกระทบต่อกันเป็ทอดๆ จึงทำให้อาคารทั้งสองหลังนี้สร้างไม่เสร็จ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาล่วงเลยถึงสามปี
’สรุปก็คือมันสร้างไม่เสร็จสักทีมาสามปีแล้ว ไม่แปลกใจเลยทำไมใช้ไซต์ก่อสร้างเป็ที่จัดประมูล แถมยังจัดงานตอนกลางคืนอีก’
เฉินเฟิงคิดกับตัวเองหลังจากรู้ความเป็มาเกี่ยวกับตัวอาคารทั้งสอง
จากนั้นเฉินเฟิงจึงเดินเข้าร่วมงานประมูล ซึ่งดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากในบริเวณนั้น
ตัวอาคารถูกใช้เป็สถานที่จัดการประมูลเป็การชั่วคราว
ที่นี่จึงมีผู้เข้าร่วมประมูลไม่มาก ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่มีเงินมากมายในวงการอสังหาริมทรัพย์
คนส่วนมากเป็เพียงปลาตัวเล็กตัวน้อยที่้าสร้างเส้นสายกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปเท่านั้น
ถึงกระนั้น หากนำพวกเขามาเทียบกับเฉินเฟิงแล้ว คนอื่นๆ ก็นับได้ว่าเป็ผู้มีประสบการณ์
การที่จู่ๆ มีเด็กหนุ่มที่น่าจะยังเรียนไม่จบปริญญาเดินเข้ามาแบบนี้ พวกเขาต่างคิดว่าเป็เด็กหลง!
ทันใดนั้น เ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จงจ้าวก็เข้ามาทักทายเฉินเฟิงด้วยความใจดี
"เ้าหนุ่ม พ่อแม่อยู่ไหน? ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ให้เด็กมาเดินเล่นนะ"
เขาไม่คาดคิดว่าเฉินเฟิงจะตอบกลับด้วยท่าทางสงบนิ่ง
"ผมก็มาเข้าร่วมประมูลอาคารทั้งสองหลังนี้เหมือนกันครับ"
ได้ยินเช่นนี้ เ้าของบริษัทจงจ้าวก็รีบใช้นิ้วป้องปากส่งเสียงชู่
"เบาเสียงหน่อย อ่อนประสบการณ์จริงๆ พวกเราพูดถึงอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จตรงนี้ไม่ได้"
เฉินเฟิงรู้สึกว่าทุกอย่างสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที เขาจึงกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเฉินเฟิงจึงนั่งลงบนเก้าอี้ถัดจากเ้าของบริษัทจงจ้าว
เ้าหน้าที่ผู้จัดงานประมูลจากปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปไม่ได้ปฏิบัติต่อเฉินเฟิงแตกต่างเพียงเพราะอายุของเขา
ในชั่วครู่ต่อมา ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าสีแดงนำป้ายประมูลมามอบให้เฉินเฟิงด้วยความเคารพ
ยังไงก็ตาม เฉินเฟิงไม่คิดว่าปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปจะไม่มีอคติกับคนอายุน้อย เพียงแต่รู้สึกว่าอาคารที่สร้างไม่เสร็จแห่งนี้ขายออกยากเกินไป
ด้วยความที่ไม่มีั์ใหญ่อยู่ที่นี่เลย คนส่วนมากจึงเป็คนจำพวกที่มาเพื่อสร้างตัวเลขให้ดูเยอะ เผื่อเอาใจปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป
ยิ่งกว่านั้นคือในพื้นที่แถบนี้ไม่มีแผนการพัฒนาใหม่ใดๆ ใน่หนึ่งหรือสองปีที่ผ่านมา
ลองคิดดีๆ ขนาดบริษัทั์ใหญ่อย่างปี้หลงเยี่ยนยังจำใจต้องปล่อยอาคารสองหลังนี้ให้ค้างเติ่งนานถึงสามปี
แล้วกลุ่มบริษัทเล็กๆ พวกนี้จะสามารถพัฒนาอะไรได้?
ไม่นานหลังจากนั้น พิธีกรเริ่มทำการแนะนำสถานที่
"สวัสดีทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่การประมูลทรัพย์สินภายใต้นามของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปของเรา ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่าของพวกท่านมาเข้าร่วมประมูล หลังจากเหล่าผู้บริหารทำการปรึกษาหารือกัน เราก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะตัดสินใจนำสิทธิ์ในการพัฒนากว่าห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ของสองตึกนี้ เข้าร่วมประมูลด้วยกัน เริ่มต้นการประมูลที่แปดแสน ขอให้ทุกท่านประมูลอย่างเต็มที่ การประมูลเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้"
เมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศเกี่ยวกับการประมูลเสร็จสิ้น เหล่าผู้คนที่สนใจในตัวตึกจริงๆ ต่างพากันส่ายหน้า
พวกเขาทุกคนได้รับข่าววันนี้ว่าปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปจะนำทรัพย์สินสองรายการที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จมาประมูล ณ ไซต์ก่อสร้างคืนนี้
แต่โฆษณาที่พวกเขาได้รับเบื้องต้นคือตัวอาคารที่ยังไม่เสร็จทั้งสองหลังนี้จะประมูลแยกกัน ทั้งที่ดินและโครงตึก
