อา! อีกแล้วหรือ?
เสิ่นม่านตื่นขึ้นด้วยความหงุดหงิด พอมองไปที่ระบบก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะตีสอง… ให้ตายสิ
หากเปลี่ยนเป็เวลายุคโบราณก็คือยามโฉ่ว ซึ่งเป็่เวลาที่คนนอนหลับสนิทที่สุด แต่กลับมีคนมาขโมยของ? โชคดีที่นางระแวดระวังและเปิดการแจ้งเตือนของระบบไว้
เสิ่นม่านสวมชุดและลุกขึ้นนั่ง จากนั้นมองผ่านหน้าต่างไปยังด้านนอก ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง นางมองเห็นเพียงเงาของชายคนหนึ่งที่กำลังย่องไปทางครัว
นางสายตาไม่เลว แวบแรกก็มองออกทันทีว่านั่นคือคังต้าจ้วงที่นางอัดไปหลายวันก่อน
ฮ่า! ไม่กลัวตายสินะ ยังกล้ามาอีก?
เดิมทีเสิ่นม่านอยากไปดูว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้เป็ต้นฤดูหนาว ด้านนอกน้ำค้างเย็นเฉียบ อากาศก็หนาวจนตัวสั่น นางหดเท้าและนั่งขัดสมาธิ พร้อมกับครุ่นคิด
ช่างเถิด จัดฉากละครให้เขาดูสักตอนดีกว่า สำหรับคนประเภทนี้เพียงขู่ให้กลัวก็พอ
เสิ่นม่านสั่งให้ระบบล็อกเป้าหมายไปที่คังต้าจ้วง จากนั้นกดเปิดโหมดบันเทิงและเลือกฉากหลอกตา จากนั้นก็ม้วนตัวกลับไปนอนใต้ผ้านวมอบอุ่นพร้อมถอนใจเบาๆ
“เฮ้อ ทุกวันนี้มัวแต่ยุ่งหาเงินจนไม่มีเวลาดูละคร วันนี้ยกผลประโยชน์ให้คนยุคโบราณผู้นี้ก็แล้วกัน ให้เขาได้ััเทคโนโลยีขั้นสูงเสียหน่อย”
หลังจากนั้นนางก็พลิกตัวและหลับสนิท
ภายในห้องครัว คังต้าจ้วงแอบผลักประตูออก จากนั้นแอบสำรวจภายในห้องอย่างละเอียด เขาระมัดระวังอย่างยิ่ง ทว่ากลับไม่สังเกตเห็นเงาดำตรงปีกตะวันออกที่ะโขึ้นบนหลังคา จากนั้นเดินตามเขามาที่ครัว
ครัวของเสิ่นม่านเคยได้รับการต่อเติมซ่อมแซมหลายวันก่อนหน้านี้ มีเตาทั้งหมดสามอัน แต่ละอันนั้นใหญ่กว่าเตาของคนธรรมดาทั่วไปนัก ้ามีเครื่องปรุงตั้งไว้ แต่ละมุมยังมีไหเรียงกันเป็แถบ
คังต้าจ้วงเดินจ้ำอ้าวไปหน้าโอ่งใบใหญ่ จากนั้นเปิดฝาออกดู ด้านในเต็มไปด้วยข้าวขาวเม็ดโตๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างและพึมพำเสียงเบา
“ชีวิตของเสิ่นม่านดีขึ้นทุกวัน ครอบครัวเรายังต้องกัดมันเทศกินกันอยู่เลย ไหนเลยจะเคยเห็นข้าวข้าวมากมายเพียงนี้!”
เขาเหลือบมองไปรอบๆ และหยิบกระสอบในตู้ไม้บนโต๊ะมาใส่ข้าวขาวในโอ่ง
ทว่าทันทีที่ข้าวขาวถูกตักใส่กระสอบ เมล็ดข้าวที่แต่เดิมสีขาว จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็สีดำและเน่าเฟะ คังต้าจ้วงไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้น ในโอ่งเก็บข้าวก็มีงูตัวใหญ่หนาโผล่ขึ้นมาและเลื้อยอยู่บนข้าวขาว พร้อมทั้งแลบลิ้นขู่ฟ่อใส่เขา
คังต้าจ้วงตื่นใจนถอยหลังไปหลายก้าวและร้องออกมาอย่างน่าสมเพช “อ๊าก!”
เสียงนี้ไม่ได้ทำให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้น แต่กลับทำให้หนิงโม่ที่อยู่บนหลังคาสะดุ้ง
เขามองผ่านรอยแตกของกระเบื้องมุงหลังคาลงมา ท่ามกลางความมืด เขาเห็นคังต้าจ้วงนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้นด้วยท่าทีตื่นใราวกับเจอผี ท่าทางเหมือนพยายามตะเกียกตะกายหลบไปอีกทาง ขณะที่มือก็เหวี่ยงเปะปะไปทั่วพร้อมทั้งกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“เ้าอย่ามา อย่าเข้ามานะ! อ๊าก! ข้าไม่กล้าอีกแล้ว! ข้าไม่กล้ามาขโมยของบ้านเ้าแล้ว ปล่อยข้าไปเถิด!”
หนิงโม่ “...”
เขาพูดไม่ออก อยู่ดีๆ แต่คนข้างล่างเป็อะไรไป?
เขารู้สึกว่านี่เป็เื่แปลกประหลาด เมื่อมองไปยังทิศทางสายตาของคังต้าจ้วง——
ก็พบเพียงโอ่งข้าวสารธรรมดาไม่ได้ผิดปกติตรงไหน ข้าวสารในโอ่งถูกเขาเทสาดกระจายเต็มพื้น และไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น
หนิงโม่งงงวย แต่ทันใดนั้นคังต้าจ้วงก็หัวเราะขึ้นมา ขณะที่หัวเราะก็ทำท่าเหมือนผลักอะไรบางอย่างและกลิ้งไปมาในห้อง
“ไม่... อย่าทำเช่นนี้ ข้ากลัวจั๊กจี้ ฮ่าๆๆๆ”
ความมืดบอดปรากฏตรงหน้าหนิงโม่อีกครั้ง คนผู้นี้สติฟุ้งซ่านไปแล้วหรือ?
เขาอดทนนั่งดูอยู่บนหลังคาราวสิบห้านาทีเต็มๆ มองคนด้านล่างกลิ้งกับพื้น เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะ ในที่สุดคังต้าจ้วงก็หยุดและลุกขึ้น จากนั้นหันหลังขวับและวิ่งหนีออกจากครัวราวกับเจอกับอะไรที่น่าพิศวง
กระทั่งลืมปิดประตู เขาะโข้ามกำแพงในคราวเดียว ซึ่งว่องไวกว่านักกีฬาเหรียญทองที่แข่งขันวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางเสียอีก
สิ่งนี้ทำให้หนิงโม่ที่คิดว่ามีขโมยเข้าบ้านและลุกขึ้นมาดูรู้สึกปวดขมับและพูดไม่ออก คืนนี้ราวกับมีศาสตร์มืดจู่โจมยิ่งนัก
ไม่เพียงหนิงโม่ กระทั่งคนทั้งหมู่บ้านยังได้ยินเสียงหวาดกลัวของชายหนุ่มดังลั่นในฝันเช่นกัน
“อ๊าก! มีงู! ช่วยด้วย ปีศาจงูกินคน!!!”
งู? หนิงโม่นั่งยองๆ บนหลังคาพร้อมก้มหน้าเพ่งมองเข้าไปในครัว
งูอะไรกัน? ไม่เห็นจะมีเสียหน่อย
ลมหนาวพัดผ่าน เขาจามและกลับไปที่ห้องของตนเอง ทว่าในใจรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
เกิดอะไรขึ้น?
คืนนั้นนางหยางนั่งรออยู่ในบ้านมานานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ในที่สุดคังต้าจ้วงก็กลับมา นางจึงรีบปรี่เข้าไปถามด้วยใบหน้าดีใจ
“เป็อย่างไร? เ้าได้สูตรมาหรือไม่?”
คังต้าจ้วงมีเม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้า ท่าทางราวกับสูญเสียิญญาไปอย่างไรอย่างนั้น เขามองนางหยางพลันรู้สึกโมโห จึงยกมือฟาดไปที่ใบหน้าของนาง
“สูตรอะไร? นางผู้หญิงล้างผลาญ ห่วงแต่สูตรเต้าฮวยใช่หรือไม่? คืนนี้ข้าเกือบเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้แล้ว!”
นางหยางถูกตบไปหนึ่งที ทั้งใทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็ไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง “เ้า... เกิดอะไรขึ้นกัน? ถูกเสิ่นม่านจับได้หรือ?”
“อย่าพูดถึงหญิงกาลกิณีคนนั้นกับข้า!”
พอนึกถึงงูใหญ่ตัวนั้นที่ขดรัดตนเองไว้กับพื้น ความรู้สึกขนลุกซู่แผ่กระจายไปทั่วร่างในทันใด
ช่างเป็สิ่งที่ชั่วร้ายนัก!
หากไม่ใช่เพราะเขาชาญฉลาด พอเห็นงูใหญ่หายไปก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ไม่อย่างนั้นคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่บ้านสกุลเสิ่นแน่!
คังต้าจ้วงทั้งโกรธทั้งกลัว เขาล้มตัวลงบนเตียงและเอาผ้าห่มคลุมศีรษะ จากนั้นนอนหลับไปทั้งที่ตัวยังสั่น ไม่ว่านางหยางจะเรียกอย่างไร เขาก็เมินเฉยไม่นำพา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เสิ่นม่านตื่นขึ้นด้วยความสดชื่น นางนำเนื้อที่ได้มาจากตระกูลจางไปมอบให้เพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน รวมถึงผู้ใหญ่บ้านด้วย นางตัดแบ่งไว้ให้ครอบครัวละหนึ่งส่วน
เนื้อหมูเช่นนี้ สำหรับหมู่บ้านเกษตรกรแล้ว โดยทั่วไปจะมีโอกาสได้กินใน่เทศกาลเล็กน้อย เนื้อที่เสิ่นม่านมอบให้นี้หนักสองถึงสามชั่ง ทำให้ผู้ที่ไม่ได้กินเนื้อมานานถึงกับน้ำลายสอ
แต่ แล้วมันสำคัญอย่างไร?
เสิ่นม่านรู้ดีแก่ใจ ผู้ใดที่ดีต่อครอบครัวของนาง ทั้งยังเป็คนซื่อตรงไม่เคยรังแกครอบครัวนาง นางย่อมมอบของขวัญให้เล็กน้อย ส่วนนอกเหนือจากนั้น… นางไม่ใช่คนใจบุญ ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องเลี้ยงหมาป่าตาขาวจำนวนมากให้สิ้นเปลือง
เสิ่นม่านเพิ่งกลับจากเอาเนื้อไปให้บ้านผู้ใหญ่บ้าน ก็เจอกับคังต้าจ้วงและภรรยา
คังต้าจ้วงเห็นนางก็ราวกับเห็นอะไรที่น่าหวาดกลัว จากนั้นหดตัวไปซ่อนอยู่ด้านหลังนางหยางและไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง
เสิ่นม่านเหลือบตาขึ้นและปรายตามองพวกเขาอย่างเกียจคร้าน เมื่อสังเกตเห็นขาที่สั่นเทาของคังต้าจ้วง นางก็ยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ตั้งใจ
เดาว่าเ้านี่คงไม่กล้ามาก่อกวนที่บ้านนางอีก
พอออกจากฉากภาพหลอกตาก็ใจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่เอาไหนจริงๆ!
หลังกลับจากส่งเนื้อ เสิ่นม่านก็เริ่มม้วนแขนเสื้อและแช่ถั่วเหลือง เพื่อเตรียมทำเต้าฮวยไปขายใน่กลางวัน
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา แผงเต้าฮวยทำเงินได้มากมาย แต่นางเองก็เหนื่อยมาก ทั้งปวดหลังปวดขา แม้ว่าจะมีเด็กๆ และหนิงโม่มาช่วยบ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีผู้ช่วยน้อยไปหน่อย
ตกกลางคืนยามนอนอยู่บนเตียง หากไม่ใช่เพราะอาศัยระบบคอยช่วย เดาว่าร่างกายนี้คงพังไปนานแล้ว
หากต้องขายเต้าฮวยด้วยตัวคนเดียวเช่นนี้ เดาว่าคงต้องขายไปอีกหลายร้อยปี กว่าจะได้เป็เศรษฐีรวยหมื่นล้านดั่งที่ฝันไว้
เสิ่นม่านไตร่ตรองขณะโม่ถั่วเหลือง ถึงเวลาขยายกิจการที่มีอยู่ให้ใหญ่ขึ้นโดยการทำเต้าหู้หรือยังนะ?
-----
