แน่นอนว่ามีคนรักย่อมมีคนชัง นางมักถูกหญิงงามของท่านจอมมารรังแกอยู่บ่อยๆ แต่นางไม่เคยโต้ตอบเพราะเห็นว่าตนเองเป็เพียงหญิงรับใช้ฐานะต่ำต้อยกว่าหญิงเ่าั้ โดยเฉพาะหญิงงามคนนั้นที่เป็ที่โปรดปรานในเวลานี้
ไม่คิดว่าวันนั้น นางกำลังก้มๆ เงยๆ ที่สวนดอกไม้เพื่อเก็บดอกวานโต่วฮวา (อัญชัน) ไปคั้นน้ำเอาสีน้ำเงินเข้มนั้นไปผสมกับก้อนแป้งให้ได้สีม่วงอ่อนจาง จู่ๆ นางถูกสาดน้ำเข้าใส่อ่างใหญ่ เล่นเอาเสื้อผ้าสีเขียวชุดหญิงรับใช้ของนางเปียกชุ่ม พอนางหันกลับไปมองเห็นหญิงรับใช้ของแม่นางคนงามถืออ่างในมือพร้อมสีหน้าสะใจ
ซินหรานได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร นางถูกหญิงรับใช้ข้างกายหญิงสาวผู้นั้นฟาดฝ่ามือใส่ที่แก้มซ้ายจนใบหน้าสะบัดตามแรงมือ ความเจ็บทำให้นางได้สติยกมือขึ้นกุมแก้มด้านที่เจ็บ ยังไม่ทันก้าวเท้าหนี ร่างในชุดดำของอู่เฉียงมาปรากฏขวางไว้ได้ทันเวลา เขาไปมาไร้ร่องรอยราวภูติผีิญญาร้าย
“หลีกไป! ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านจอมมาร!”
“หากซินหรานทำผิด สมควรส่งนางให้พ่อบ้านจูโหย่งเจาลงโทษ แม่นางไม่ควรลงมือตบตีนางเช่นนี้” อู่เฉียงที่ปกติแทบไม่ค่อยปริปากพูดจา นับว่าครั้งนี้พูดได้ยาวมาก
“ความผิดของนางคือขวางหูขวางตาข้า เช่นนี้แล้วพ่อบ้านจูโหย่งเจาจะจัดการเช่นไร” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างถือตัวว่าตนเองถูกเรียกใช้ไปปรนนิบัติบ่อยครั้งกว่าผู้อื่น
อู่เฉียงเพียงแค่ปรายตามองน้องสาวบุญธรรมของตน หญิงสาวผู้นั้นไม่เอ่ยอะไรอีก เหมือนสาสะใจในการกระทำครั้งนี้แล้วหมุนตัวเดินจากไป เขาจึงลอบถอนหายใจแล้วก้าวไปดูใบหน้าของซินหราน
“รีบใส่ยาเสีย ประเดี๋ยวจะบวมแล้วจะยิ่งระบม ถึงคราวนั้นเ้าจะเจ็บยิ่งกว่ายามนี้”
ซินหรานพยักหน้ารับ แขนข้างหนึ่งคล้องตะกร้าใส่ดอกไม้ มือข้างหนึ่งกุมแก้มซ้ายเพราะไม่้าให้ผู้ใดมองเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้า แต่เพราะนางผิวบาง โดนอะไรนิดหน่อยก็เห็นเป็รอยชัดเจน รอยฝ่ามือบนแก้มซ้ายทำให้พ่อครัวเจี่ยนเดือดดาล ถือตะหลิวไปโวยวายกับพ่อบ้านจูโหย่งเจา พ่อบ้านจูโหย่งเจาได้แต่บอกให้นางระวังตัว นางไม่ได้พูดเื่นี้กับใคร และเชื่อว่าพี่อู่เฉียงก็คงไม่ทำด้วย แต่ไม่รู้เหตุใด วันถัดมาแม่หญิงคนงามถูกส่งตัวออกไปจากที่เกาะแห่งนี้
กลายเป็ที่รู้กันว่านางไม่ใช่หญิงรับใช้ที่ใครจะแตะต้องได้ แม้นางอยู่ในฐานะหญิงรับใช้แต่คนเดียวที่นางรับใช้คือจอมมาร เหิงหยางเซิง
หญิงสาวหมุนตัวกลับมาเห็นร่างสูงสง่าลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ว เขาสวมอาภรณ์สีดำขลิบแดง ผ้าคาดเอวสีเงิน เช่นเดียวกับเกี้ยวรัดผมรูปพยัคฆ์คำราม ดวงตาดำขลับมองมาหญิงสาว คล้ายจ้องและไม่จ้องมอง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วพาดเฉียงดุจกระบี่ ท่วงท่าองอาจสง่างาม เขาหล่อเหลางดงามดุจเทพเซียน ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นี้คนที่โเี้อำมหิตที่สุดบนพิภพนี้แล้ว
ไร้ถ้อยคำใด ร่างสูงก้าวเดินนำไปก่อน หญิงรับใช้อย่างซินหรานรีบเดินตามไปทันที นางไม่มีหน้าทีเอ่ยถามมีหน้าทีเพียงทำตาม เขาพานางเดินมาห้องคลังเก็บสมบัติ นางเข้ามาบ่อยครั้ง ก้อนทองหรือเพชรนิลจินดาเ่าั้ไม่ได้ทำให้นางตาโตอีกแล้ว ห้องนี้นอกจากพ่อบ้านจูโหย่งเจาและท่านจอมมารแล้ว เห็นทีจะมีแค่นางที่ได้เข้ามา
เขาเพียงปรายตามองไปยัง ‘กอง’ สิ่งของเบื้องหน้า หญิงสาวก็เข้าใจความหมายได้อย่างดี
“ของบรรณาการจากพรรควิหคราตรี” นางเอ่ยเสียงเบา แต่กระนั้นก็ยังก้องในห้องที่อัดแน่นด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาลนี้ นางไม่เห็นเขาพูดสิ่งใดต่อ นางจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นาย เขาเดินไปเปิดหีบใบหนึ่งแล้วหยิบสิ่งที่อยู่ด้านในส่งให้นาง
มือเรียวรับไว้แล้วขมวดคิ้ว “หน้ากาก?”
“เก็บไว้”
“หมายความว่าอย่างไรเ้าคะ”
ให้เก็บเข้าคลังนะหรือ? พ่อบ้านจูโหย่งเจาต้องทำรายการพวกนี้ก่อนนะซิ ไม่เช่นนั้นนางช่วยแยกเก็บให้แล้ว ไม่ใช่เพียงเงินทองเพชรพลอยไข่มุกเท่านั้น ของมีค่าในนี้ยังรวมถึงโสมหายาก ยาวิเศษหลายขนาด และยาพิษที่แสนอันตราย อาวุธแปลกพิสดาร สิ่งของแปลกประหลาดอีกมาก
“ให้เ้าเก็บไว้” เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ไยเื่แค่นี้นางไม่เข้าใจ
“ให้บ่าวหรือเ้าคะ” นางถามย้ำอีกครั้ง หน้ากากครึ่งหน้า นางไม่รู้ว่าหน้ากากนี้ทำจากสิ่งใด แต่น้ำหนักเบา ลวดลายบนหน้ากากงดงามมากกว่าดูน่ากลัวผิดกับหน้ากากอันอื่นที่เคยเห็น เพียงแค่หน้ากากอันนี้ดูจะเล็กไปสักหน่อย น่าจะเหมาะกับสตรี
“ข้าไม่ชอบ เ้าเก็บไว้ก็แล้วกัน”
“เ้าค่ะ” นางรับมันมาไว้ในมือ นึกขึ้นได้จึงรีบเอ่ยออกไป “ขอบคุณนายท่าน”
เหิงหยางเซิงทำเสียงเหอะในลำคอครั้งหนึ่ง ไม่เห็นสีหน้ายินดีของนางเลยสักนิด ทำให้เขาพลันหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล คราวนั้นเขาไม่ได้คิดจะช่วยนางเลยสักนิด หากแต่ถ้ากระบี่ในมือไม่ได้ดื่มโลหิตคงทำให้เขาคลุ้มคลั่ง มีคนกล้าลองดีใช้ชื่อเสียงของพรรคเพลิงอัคนีปล้นฆ่าผู้อื่น เขาไม่ใคร่ใส่ใจนักหรอกหากผู้อื่นจะคิดเช่นไหร่ แต่การกล้าแอบอ้างว่าเป็คนของพรรคเพลิงอัคนีแล้วไปทำร้ายผู้อื่นที่ไม่ใช่ศัตรูของเขา หมู่บ้านเล็กๆ นั้นไม่รู้ตัวว่านั่งทับนอนทับสินแร่ทองคำอยู่ เดิมทีแค่ไปร่วมงานประลองยุทธ แต่กลับได้ยินกลุ่มคนที่กล้าเอาชื่อเสียงของพรรคเพลิงอัคนีไปใช้ ไม่ใช่เพื่อป้ายความผิดให้เขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเอาผลประโยชน์ไปเป็ของตนเองอีกด้วย
กว่าจะมาถึงหมู่บ้านเชิงเขานี้ก็ลุกเป็ไฟแล้ว ขึ้นชื่อว่าพรรคเพลิงอัคนีแล้ว การใช้ไฟเป็จุดเด่นที่สุด คนที่ไม่ใช่คนของพรรคจึงถูกสังหารทิ้งระบายโทสะเสียเกือบหมด ดีที่องครักษ์ของเขาใจเย็นพอลากตัวคนที่เหลือรอดมาสอบปากคำ แต่ไม่คิดว่าองครักษ์คนสนิทกล้าอุ้มเด็กหญิงที่เขาบังเอิญช่วยไว้กลับมา
“หากท่านจอมมารจะตบรางวัลให้ข้าน้อย ขอให้ข้าน้อยได้เลี้ยงเด็กคนนี้ด้วยเถิดขอรับ”
“เ้า้า?” เขาเพียงแค่หันมามองวูบหนึ่ง แม้มืดสนิทมีเพียงแสงจากเพลิงไหม้ที่คนกลุ่มนั้นวางเพลิงเผาหมู่บ้าน ทว่าเขายังคงเห็นว่าเป็แค่เด็กหญิงผอมกะหร่องคนหนึ่งเท่านั้น อู่เฉียงทำราวกับว่ากำลังขออนุญาตเลี้ยงสัตว์สักตัวเป็รางวัล